webnovel arc6

บทที่ 6 ตอนที่ 17 "ห้าอุปสรรค"

สุบารุตื่นขึ้นมาในห้องสมุด เขาหมดสติไปราว 1 ชั่วโมง คนที่อยู่กับเขามีแค่เบียทริซ เมลี่และเอคิดน่า ตอนนี้มีฝูงสัตว์ปีศาจบุกโจมตีหอคอยจนชอล่ากับยุลิอุสต้องออกไปรับมือ ส่วนแรมกับเอมิเลียก็ออกไปรับตัวเรมกับพาทรัชเพื่อความปลอดภัย

ฝูงสัตว์ปีศาจพวกพี่น้องตะกละเป็นคนเรียกมาแน่ๆ ส่วนวิธีการเดินทางของพวกมันนั้นเอคิดน่าตั้งทฤษฎีว่าน่าจะเป็นการใช้มังกรบินของวอลลาเคียถึงได้มาถึงในเวลาแค่ครึ่งวัน แถมอีกฝ่ายมีความทรงจำของสุบารุเลยรู้กระบวนทัพของทางนี้ดีด้วย

ด้วยความทรงจำจากลูปก่อนสุบารุรู้ดีว่าหอคอยนี้จะถูกโจมตีด้วย 5 อุปสรรค

  1. ฝูงสัตว์ปีศาจ

  2. สองบิชอปมหาบาปตะกละ “ไร บาเทนไคทอส” และ “รอย อัลฟาร์ด”

  3. แมงป่องยักษ์ปริศนา

  4. เรด แอสเทรียที่ได้รับอิสรภาพจากบทบาทผู้คุมสอบ

  5. เงาดำของแม่มดแห่งความริษยาที่จะกลืนกินทุกอย่าง

ยุลิอุสพาพวกสุบารุไปดูชอล่าที่กำลังสร้างวงเวทรอบหอคอยและรัวกระสุนลำแสงเข้าใส่ฝูงสัตว์ปีศาจจากบนระเบียง เธอเรียกมันว่าท่า “อินฟินิตีด์ เฮลส์ สไนป์” สุบารุฝากเมลี่ให้อยู่ช่วยชอล่ารับมือฝูงสัตว์ปีศาจ เธอจึงเรียกหนอนทรายยักษ์ที่เตรียมไว้ออกมา

(เป็นการคอนเฟิร์มว่าหนอนทรายที่สุบารุเจอในลูปก่อนคือตัวที่เมลี่เตรียมไว้ใช้)

ต่างจากลูปก่อนๆ การมีเมลี่มาเสริมทัพช่วยตัดปัญหาเรื่องสัตว์ปีศาจได้มาก (หนอนทรายยักษ์ถล่มทางใต้ดินปิดทางเข้าอีกทางทิ้งไปแล้ว) แต่ตอนที่สุบารุกำลังเบาใจจัดกำลังทัพอยู่นั่นเอง แรม พาทรัชและเรม(ที่ยังหลับอยู่)ก็โผล่มา

แรม: บารุสุ! ที่อีกฝั่งของทางเดินแรมไปเจอเข้ากับบิชอปมหาบาปตะกละ… แล้วก็มี “ผู้หญิงผมเงินที่มาจากไหนก็ไม่รู้” กำลังสู้กับมันอยู่ เธอบอกให้แรมกับคนอื่นหนีไปก่อน

เอมิเลียถูกบิชอปบาปตะกละกินชื่อเข้าไปเสียแล้ว

ทุกคนลืมตัวตนของเอมิเลียเหมือนกับที่ลืมยุลิอุสไป พอแรมพยายามนึกก็ยิ่งปวดหัว เอคิดน่าอาสาพาแรมกับเรมไปหาที่ปลอดภัยก่อนและคนที่เหลือก็รุดหน้าไปหาเอมิเลียที่กำลังต่อสู้กับไร บาเทนไคทอสอยู่

ยุลิอุสเข้าไปช่วยเอมิเลียรุมบิชอปไร เอมิเลียได้กำลังใจเพิ่มเต็มที่พอรู้ว่าสุบารุจำเธอได้ แต่เพราะยุลิอุสลืมเอมิเลียไปสไตล์การต่อสู้ของทั้งสองคนเลยประสานไม่ค่อยดี แถมบิชอปไรเองก็สามารถใช้ท่า “ไอซ์ แบรนด์ อาร์ตส์” ที่ขโมยมาจากเอมิเลียได้ด้วย

ไรทำได้กระทั่งใช้เวทของเอมิเลียเสกดาบ “เอกซ์คาลิเบอร์” เวอร์ชั่นน้ำแข็งขึ้นมาโดยอ้างอิงมาจากความทรงจำของสุบารุ (โชคดีที่มันยิงโฮกุไม่ได้) ไรถีบเอมิเลียกับยุลิอุสกระเด็นทั้งคู่และกำลังได้ใจใหญ่ แต่ตอนนั้นเองเรดก็โผล่มาเตะเขาอัดกำแพง ลากครูดกำแพงซ้ำ ปิดฉากด้วยการเตะให้กระเด็นเหมือนลูกบอล

ยุลิอุสกับเอมิเลียเข้าไปดวลกับเรดต่อ กลายเป็นเหมือนการดวลระหว่างสายน้ำและธารน้ำแข็งปะทะเปลวเพลิง แต่สักพักไรก็ฟื้นขึ้นมาใหม่แล้วเข้ามาป่วนการดวลของทั้งสาม

ตอนนั้นเองอำนาจ “คอร์ ลีโอนิส” ของสุบารุก็ทำงาน มันบอกตำแหน่งของพวกพ้องทุกคนในหอคอยแห่งนี้ให้เขารู้เหมือนมีเรดาร์ สุบารุรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังมาหาจากด้านบน ซึ่งก็คือแมงป่องยักษ์ที่ถล่มเพดานลงมาหาพวกเขา

ขาของสุบารุได้รับบาดเจ็บจากก้ามแมงป่องจนขยับไม่ได้ แต่ยังไม่ทันไรอุปสรรคอันสุดท้ายก็เข้ามาแจมอีก เงาดำของแม่มดริษยาที่เป็นราวกับไทม์ลิมิตเข้ามาถล่มหอคอยและกลืนกินทุกคนเข้าไป

Death Counts: 8

จุดเซฟถูกเลื่อนมาตอนที่สุบารุฟื้นขึ้นมาในห้องสมุดหลังอ่านหนังสือของเรด ลูปนี้สุบารุรีบแบ่งงานจากข้อมูลที่มี เขาส่งเมลี่ไปช่วยชอล่าเหมือนเคย ส่งยุลิอุสไปดักรอเรดก่อนที่เขาจะลงจากชั้น 2 และคนที่เหลือรีบรุดหน้าไปหาเอมิเลีย

รอบนี้พวกเขาไปถึงที่เกิดเหตุก่อนที่เอมิเลียจะถูกกินชื่อ เอคิดน่าพาเรมกับพาทรัชไปซ่อนตัวที่ห้องสมุด สุบารุเอาตัวแรมมาช่วยเอมิเลียสู้ในคราวนี้ บิชอปไรพยายามปั่นหัวสุบารุด้วยการเลียนแบบสปีช “เริ่มใหม่จากศูนย์” ของเรม แต่ก็เพราะมัวแต่พล่าม เบียทริซเลยใช้เวทมูรัคเสริมให้เอมิเลียแอบย่องไปหวดเขาจนปลิวด้วยค้อนน้ำแข็งได้

พวกเอมิเลียจับไรล่ามโซ่ไว้ แต่เขาใช้วิชาโดดข้ามมิติของดอร์เคลหนีออกมาได้ ไรประสานวิชาจากเหยื่อหลายๆคนเข้าด้วยกันทั้งฝ่ามือพลังทำลายสูงของเนจ ร็อคฮาร์ตและผิวหนังทนทานของเบลี่ ไฮเนอร์ก้าเพื่อต่อกรกับคู่หูแรมและเอมิเลียที่สู้เข้าขากันได้อย่างดี

ที่จริงแรมสู้เก่งมากตอนเปิดโหมดโอนิแต่มีจุดอ่อนด้านพลังกาย พอต้องการจะช่วยเธออำนาจ “คอร์ ลีโอนิส” ของสุบารุก็ตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์ เขาเชื่อมต่อกับเพื่อนทุกคนในหอคอยและช่วยถ่ายโอนความเหนื่อยล้ากับความเจ็บปวดของเพื่อนๆมาให้ตัวเขาแบกรับแทน

แต่อยู่ๆเรดาร์คอร์ ลีโอนิสของสุบารุก็รับรู้ได้ว่ามีเพื่อนคนหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไรเปลี่ยนเป้าหมายมาเล็งสุบารุ ตอนนั้นเองกระสุนลำแสงจากหางแมงป่องก็เจาะทะลุบิชอปไรจนตายคาที่

สุบารุเช็คทันทีว่ามีใครจำเรมได้ไหม แต่ปรากฏว่าถึงจะฆ่าบิชอปที่กินชื่อเรมไปก็ไม่ได้ตัวตนของเธอคืนมาอยู่ดี มิหนำซ้ำตอนนี้สุบารุรู้ตัวแล้วว่าแมงป่องยักษ์นั้นที่จริงคือใคร คนที่เขาอยากนับเป็นพวกพ้องสุดท้ายก็กลายเป็นหนึ่งในอุปสรรค

สุบารุ: ---นั่นเธอเองเหรอ ชอล่า!!

ชื่อ “ชอล่า” เดิมทีก็แปลว่า “เหล็กในของแมงป่อง” และยังเป็นหนึ่งในชื่อดาวจากกลุ่มดาวแมงป่องอีกด้วย พอรวมกับความจริงที่ว่าแมงป่องตัวนี้ปรากฏในเรดาร์ของสุบารุที่จะมีเฉพาะคนที่นับเป็นพวกพ้องแล้วก็ยิ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือชอล่า

กับชอล่าในร่างนี้คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง พวกสุบารุเลยตัดสินใจถอยทัพก่อน เอมิเลียสร้างกำแพงน้ำแข็งถ่วงเวลาไว้และวิ่งมาอุ้มสุบารุพาดไหล่ เนื่องจากเขารับความเสียหายแทนแรมมากเกินไปจนขยับไม่ได้

ระหว่างที่สุบารุกำลังสงสัยว่าทำไมชอล่าไม่ได้ทำอะไรเมลี่ พวกเขาก็วิ่งมาเจอยุลิอุสที่กำลังสู้กับเรดอยู่ ยุลิอุสบอกว่าสุบารุไม่ต้องกังวลที่หาตัวรอยไม่เจอแล้ว

แต่ข่าวร้ายก็คือเรด แอสเทรียที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจริงๆแล้วคือบิชอปรอย อัลฟาร์ด

กลายเป็นว่าเรดยอมให้รอยกินตัวเองเข้าไปในฐานะ “ความทรงจำ” จากนั้นตัวตนของเรดที่แข็งแกร่งเกินรอยจะรับได้ก็ทำการแย่งร่างกายมาใช้เสียเอง เรียกได้ว่าเป็นการคืนชีพของเรด แอสเทรียด้วยร่างกายของรอย อัลฟาร์ด เขาถึงได้เป็นอิสระจากบทบาทผู้คุมสอบ

เอมิเลียกับแรมเข้าไปบวกกับเรดที่ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป เรดยอมแทงค์หมัดรัวของแรมเพื่อใช้จังหวะนั้น “ฟันอำนาจคอร์ ลีโอนิสทิ้ง” พอการเชื่อมต่อของแรมกับสุบารุขาดลง แรมก็ตกอยู่ในสภาพปางตายทันที

แถมเรดยังลุกขึ้นมาแบบ No Damage เพราะใช้วิชากำลังภายในปลดปล่อยความเสียหายจากหมัดรัวของแรมออกสู่พื้นทางฝ่าเท้าแทน

เรด: ---ชิ มีตัวปัญหาโผล่มาละสิ

และตอนนั้นเองชอล่าร่างแมงป่องยักษ์กับแม่มดแห่งความริษยาก็เข้ามาแจมตามลำดับ หอคอยถูกเงาดำถล่มจนเอียงลง สถานการณ์ตกอยู่ในความโกลาหล เอมิเลียเข้าไปรับมือชอล่า ยุลิอุสรับมือเรดและเบียทริซก็ร่ายเวทมูรัคช่วยให้สุบารุที่อุ้มแรมอยู่ลอยตัวขึ้น

พริบตาจากนั้นเบียทริซ เอมิเลีย ยุลิอุสและชอล่าก็ถูกเงาดำของแม่มดกลืนหายไปต่อหน้าต่อตาเขา นอกจากสุบารุกับแรมแล้วก็เหลือเพียงเรดที่หยิบดาบอัศวินของยุลิอุสขึ้นมาฟาดฟันเงาดำของซาเทล่าทิ้งและเตะเสยทั้งคู่กระเด็นไปกลางอากาศ

ในโลกแห่งเงานี้เหลือเพียงซาเทล่ากับเรดประชันหน้ากัน เป็นศึกรีแมตช์ของแม่มดริษยาและดาบศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก แต่สุบารุไม่ทันได้อยู่ดูผลลัพธ์เพราะประกายแสงจากวิชาดาบของเรดพุ่งเข้ามากลืนตัวเขากับแรมจนสลายไม่เหลือซาก

Death Counts: 9