ช่วงที่เหม่อๆ จากอาการบาดเจ็บสุบารุได้ยินเสียงชายหญิงคุยกันเหมือนปลุกใจพร้อมรบ
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นอีกทีมาเพราะมีคนเอาผ้าชุบน้ำมาโปะหน้า
อูตาคาตะ (เรียกน้องอูละกัน) เป็นคนที่รักษาพยาบาลให้สุบารุอยู่ น้องเขาเรียกสุบารุว่า “ซู”
สิ่งแรกที่ทำให้สุบารุสะดุ้งก็คือแขนขวาของเขา (ข้างที่ใช้ดูดเลือดมังกรดำของคาเปลล่าออกจากครูช) ตั้งแต่ปลายนิ้วถึงข้อศอกกลายเป็นสีดำสนิทเหมือนใส่ถุงมืออยู่
สัมผัสที่มือขวามันแปลกๆไป ขยับได้ช้า รู้สึกเหมือนสวมถุงมือยางอยู่ สุบารุเลยใช้เล็บมือซ้ายแคะจนฉีกผิวหนังสีดำออก
แล้วพอลอกทั้งหมดทิ้งไป ข้างใต้ผิวหนังสีดำก็มีมือขวาสภาพสมบูรณ์ของเขาอยู่
สุบารุตกใจประมาณ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับแขนตูฟะเนี่ย” แล้วก็ได้ยินเสียงผู้ชายทักขึ้นมา เขารู้ทันทีว่าเป็นอาเบล
อาเบลกับน้องอูยืนยันว่ามือขวาของสุบารุควรจะไม่เหลือซากตั้งแต่ไประเบิดเขางูระยะเผาขนแล้ว สุบารุแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ก็มือเขามันสภาพดีเหมือนใหม่เลยตอนนี้
ทีแรกอาเบลนึกว่าสุบารุจะตายแล้ว แต่อยู่ดีๆก็มีโคลนดำผุดออกมาแล้วกลายเป็นมือขวาของสุบารุ
สุบารุสงสัยว่าทำไมมันพึ่งมาฮีลเอาป่านนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงสามเดือนตั้งแต่ที่เขารับเลือดมังกรดำเข้าร่างมา ศึกที่หอคอยเพลอาเดสมันก็ไม่ได้ช่วยไว้เลย
สุบารุสำรวจทั่วร่าง บาดแผลที่อื่นทั้งนิ้วมือข้างซ้ายที่โดนเรมหัก แผลที่หลังที่โดนท็อดด์ปามีดปัก และแผลไฟไหม้ แผลฟกช้ำรอบตัวอื่นๆไม่ได้ถูกฮีลเลย
แถมตอนนี้รอยดำที่แขนขวาหายไปหมดแล้ว สุบารุก็ไม่กล้าลองระเบิดแขนตัวเองดูอีกรอบว่ามันจะฮีลให้อยู่ไหม
สุบารุกับอาเบลเหน็บกันเรื่องต่างฝ่ายต่างมีความลับ แต่แล้วสุบารุก็นึกขึ้นมาได้ว่าแล้วเรมล่ะ? ต้องรีบไปช่วยเรม
สุบารุรีบลุกจากแคร่ท่อนไม้โดยไม่สนคำเตือนของน้องอู แล้วร่วงลงกับพื้นเพราะร่างกายยังบาดเจ็บหนักเกิน
อาเบลบอกให้ตามมาแล้วก็เดินนำออกไป สุบารุพยายามพยุงตัวขึ้นมายืนเอง เดินตามอาเบลไป เขาก้มมองลงดูจากบนผา แล้วเห็นค่ายทหารของจักรวรรดิลุกเป็นไฟ
การโจมตีทีเผลอทำให้พวกทหารเสียกระบวน สุบารุมองดูทหารถูกเผ่าชูดราคสังหารคนแล้วคนเล่า
อาเบลบอกว่าสุบารุควรดีใจสิที่สหายร่วมรบมีชัยเพราะข้อมูลจากเขา นี่ควรจะเป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
สุบารุไม่พอใจที่มันลงเอยอย่างนี้ อาเบลเลยสั่งสอนว่ายังไงผู้คนก็ต้องตาย สุบารุไม่ใช่วีรบุรุษหรือนักปราชญ์ที่จะจบศึกโดยไม่ต้องหลั่งเลือดคนอื่นนอกจากตัวเองได้
สุบารุเข่าทรุด สุดท้ายแล้วถึงจะร่วมฝ่าฟันพิธีกรรมมาด้วยกัน แต่เขาก็แทบไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอาเบลเลย
อาเบลเลยถอดผ้าคลุมปิดหน้าออก เฉลยชื่อจริงว่าเขาคือ “วินเซนต์ อาเบลลุกซ์” อย่างน้อยก็เป็นชื่อนี้ไปจนกว่าเขาจะได้บัลลังก์คืนมา
พวกมิเซลด้ากลับมาเจอสุบารุ สาวเผ่าชูดราคที่ชื่อฮอลลี่กำลังอุ้มเรมอยู่
สุบารุเดินกะเผลกไปหาเรม แต่เรมกลับตบหน้าเขาฉาดใหญ่ หาว่าสุบารุเป็นต้นเหตุของการฆ่าล้างค่ายทหาร ด่าสุบารุว่าเลวที่สุด
พวกชูดราคงงกันหมด แต่สุบารุก็ไม่ว่าอะไร เขากอดเรม ดีใจที่เธอปลอดภัยดี
เรมกำลังจะกำหมัดต่อยสุบารุ แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นสภาพยับเยินของเขา พร้อมกันกับที่สุบารุทรุดลง
เรมถามว่าทำไมต้องทำขนาดนี้เพื่อช่วยเธอ สุบารุตอบว่าเพราะเขาอยากให้เธอมีความสุขและอยากเห็นเธอยิ้ม
สุบารุหมดสติไป มิเซลด้าบอกว่าบาดแผลสุบารุหนักเกินจะรักษาด้วยยา แล้วพวกชูดราคก็เริ่มร้องเพลงสวดศพ
เรมพยามตะโกนว่าสุบารุห้ามตายนะ รุยเอามือวางบนไหล่ของเรม แล้วจู่ๆเรมก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากรุย เรมส่งต่อสิ่งนั้นไปให้สุบารุ
พอวินเซนต์เห็นก็กล่าวขึ้นมาว่านั่นคือเวทรักษา
วินเซนต์สั่งให้เรมเงียบๆไว้ เธอกำลังใช้เวทรักษาโดยสัญชาตญาณ ห้ามสมาธิหลุดเด็ดขาด
เรมเลยตั้งมั่นรักษาต่อไป กระซิบว่าห้ามสุบารุตายไม่งั้นจะอดเห็นเธอยิ้ม
ตัดมามุมมองของวินเซนต์ที่มองดูการรักษาของสุบารุ
เขาครุ่นคิดว่าหรือนี่จะเป็นผลลัพธ์ที่สุบารุคำนวณไว้ในการวานให้เขาไปช่วยเรมออกมา
ถึงนั่นจะไม่จริง แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่เขาพอใจ สุบารุรอดตาย เขาได้ทำสัญญาเลือดกับเผ่าชูดราค
วินเซนต์เฉลยว่ามีรัฐประหารเกิดขึ้นในวอลลาเคีย พวกเก้าแม่ทัพเทวะกับเสนาบดีเบอร์สเต็ทซ์หักหลังเขา พวกทหารชั้นล่างส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องแค่ทำตามคำสั่ง
วินเซนต์มองไปยังทิศทางของเมืองหลวงรุปกาน่า ที่ๆบัลลังก์ของเขาตั้งอยู่ และกล่าวว่าพวกกบฏเตรียมสั่นกลัวการกลับไปของเขาได้เลย
“ในเมื่ออุตส่าห์รอดชีวิตมาได้ ก็ต้องขอพาตัวเจ้าไปด้วยกันล่ะนะ นัตสึกิ สุบารุ ---เพื่อที่จะกอบกู้จักรวรรดิวอลลาเคียให้กลับมาอยู่ในมือของข้า”
จบตอน