webnovel arc7 chapter18

บทที่ 7 ตอนที่ 18 "ศึกประจัญบานนครล้อมกำแพงกัวลาล"

สุบารุกลับจุดเซฟมาเห็นหน้าฟล็อปที่พึ่งโดนสับสมองกระจายไปไม่กี่วินาทีก่อนเขาจึงทรุดลงกลั้นอ้วกไว้ แต่สุบารุก็รู้ตัวคนร้ายแล้ว “ท็อดด์” นั่นเอง

เมืองกัวราลเป็นเมืองที่ใกล้ป่าแบดไฮม์ที่สุด จึงไม่แปลกที่ทหารจักรวรรดิที่หนีรอดการล้างบางของเผ่าชูดราคมาได้จะมารวมตัวกันที่นี่ สุบารุประมาทเอง

ท็อดด์คือ “ศัตรู” ที่สุบารุสร้างขึ้นมาด้วยมือตัวเอง เขาจึงไม่อยากให้ฟล็อปมาเกี่ยวข้องด้วยและหลอกให้ฟล็อปกลับไปที่โรงแรมก่อน อ้างให้ช่วยไปหยิบยาประจำตัวของเขาจากเรม

สุบารุกะไปจ้างโรแวนอีกรอบ เขาเชื่อว่าโรแวนแข็งแกร่งกว่าแต่แค่โดนเล่นทีเผลอในลูปก่อนด้วยแผนการอันแยบยลของท็อดด์

แต่แล้วสุบารุก็ได้ยินเสียงฟล็อปร้องจนต้องวิ่งกลับไปดู ฟล็อปถูกมีดแทงน่องนอนล้มอยู่ สุบารุคาดไม่ถึงว่าศัตรูจะโจมตีเร็วขนาดนี้แถมยังเลือกโจมตีฟล็อปแทนสุบารุอีก แต่มันก็น่าแปลกที่เลือกโจมตีไกลจุดตายแบบนี้

สุบารุ: ชิบหาย…

แล้วสุบารุก็นึกขึ้นได้ว่านี่อาจจะเป็นเทคนิกเหยื่อล่อแบบที่สไนเปอร์ใช้กัน ยิงให้คนหนึ่งบาดเจ็บแล้วรอเก็บพร้อมเพื่อนที่ตามมาช่วยในทีเดียว เขายกแขนกันหัวด้วยสัญชาตญาณแล้วถูกซัดกระเด็นไป

พอรู้ตัวอีกทีแขนขวาของสุบารุก็ถูกฟันกุดตั้งแต่ข้อศอกขึ้นไป ส่วนมือซ้ายก็ถูกผ่าแหกครึ่งจนใช้งานไม่ได้ ท็อดด์โผล่มาให้เห็นพร้อมขวานคู่ใจโดยไม่ปิดซ่อนใบหน้าในลูปนี้

ฟล็อปโดดเกาะหลังท็อดด์แล้วสั่งให้สุบารุหนีไป แต่ก็ถูกท็อดด์เหวี่ยงทิ้งแล้วใช้ขวานจามหัวแยกอย่างง่ายดาย

สุบารุที่แค้นเคืองบอกท็อดด์ว่าถ้าโกรธแค้นเขาก็มาลงที่เขาคนเดียวสิ แต่ที่จริงแล้วท็อดด์ไม่ได้แค้นสุบารุเลย เขาก็แค่มองว่าสุบารุเป็น “ตัวอันตราย” เป็นเหมือนงูพิษที่เห็นแล้วต้องรีบฆ่าเท่านั้นเอง

ท็อดด์เตะสุบารุให้หงายหลังแล้วตวัดขวานฆ่าเขาทันทีโดยไม่คิดจะคุยนาน นี่เป็นครั้งแรกที่สุบารุต้องมาเจอกับนักฆ่าที่ไร้ปรานีแบบนี้

Death Counts: 7

.

วนลูปมาใหม่ คราวนี้สุบารุมั่นใจแล้วว่าท็อดด์กำลังจับตาดูเขาอยู่ตั้งแต่ที่จุดเซฟนี้แล้ว สุบารุเริ่มคิดหาทางเลือก เขาจะทิ้งฟล็อปให้ตายไม่ได้ กลับไปหาเรมก็ไม่ได้ ไปที่ถนนใหญ่ก็ไม่ได้ ไปในตรอกก็เสี่ยง

จะทำอะไรก็โดนท็อดด์ที่พร้อมจะปรับแผนการดักทางได้หมด นี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวกว่าบิชอปที่เอาแต่พึ่งพาอำนาจอย่างเดียวเสียอีก

แต่แล้วสุบารุก็คิดวิธีแก้ทางขึ้นมาได้ ถ้าหากท็อดด์เชื่อว่าสุบารุเป็นตัวอันตรายและจะลงมือเมื่อมั่นใจว่าได้เปรียบเท่านั้นแล้ว…

“ท็อดด์ ชั้นรู้นะว่าแกอยู่ตรงนั้น! ไอ้สารเลวเอ๊ย แกรอดมาได้เหรอวะ คราวนี้ชั้นจะไม่เอาแกไว้แน่! ฮ่าฮ่าฮ่า เตรียมตัวหนีอย่างหมาเหมือนคราวก่อนได้เลย!”

สุบารุสวมบทตัวร้าย เขาพูดจาเหมือนพวกชั่วและข่มขู่ท็อดด์ที่ไม่รู้ว่าแอบมองอยู่ตรงไหน เขาหัวเราะลั่นเหมือนตัวโกงและปิดท้ายด้วยการชูนิ้วกลางแล้วพาฟล็อปที่กำลังงงเดินหน้าต่อ

นี่เป็นการเดิมพันของสุบารุ อาศัยความฉลาดและความขี้ระแวงของท็อดด์ทำให้เขาคิดว่าการลอบโจมตีล้มเหลว หวังให้ท็อดด์หลบไปคิดแผนการใหม่สักพัก

ทั้งหมดนี้คือการซื้อเวลา สุบารุตัดสินใจหลบหนีออกเมืองกัวราลก่อนที่ท็อดด์จะรู้ตัวว่านี่คือการบลัฟ

สุบารุและฟล็อปกลับไปที่โรงแรมเพื่อพาตัวมีเดียม เรมและรุยไปด้วยกัน เรมกับรุยแพ็คกระเป๋าพร้อมแล้วเหมือนไม่ได้แกะแต่แรก (เหมือนเรมคิดจะพารุยหนีและทิ้งสุบารุไว้) แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลาคุยเรื่องนั้น

พวกเขารุดหน้าไปที่รถลากฟาโร (ชื่อโบเตคลิฟ) แต่วัวลากรถดันวิ่งช้าอย่างกับเดิน จนมีเดียมต้องชักดาบมาขู่ว่าถ้าไม่วิ่งกลายเป็นอาหารเย็นแน่มันถึงติดสปีด

สุบารุเกือบหลุดรถเหมือนใน Arc 3 และได้เรมช่วยคว้ามือไว้เหมือนเคย รถลากของพวกเขามุ่งหน้าไปที่ประตูใหญ่ แต่ระหว่างทางมีกองทหารจักรวรรดิที่นำโดย “จามาล” ขวางทางอยู่

มีเดียมเป็นคนโดดลงรถไปแล้วใช้ดาบคู่หวดพวกทหารตัวประกอบจนกระเด็นได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ใช่กับจามาลที่ดูท่าจะเก่งยิ่งกว่าเธอเสียอีก ขนาดว่ามีเดียมได้บัฟเสียงเชียร์จากพี่ชายก็ยังสู้ไม่ได้

เรมเลยช่วยด้วยการเขวี้ยงกล่องเครื่องเทศใส่จามาลทำให้เขาแสบตา จากนั้นสุบารุก็โยนเชือกไปให้มีเดียมคว้าพากันหลบหนีออกจากประตูเมืองได้สำเร็จ

จามาลยังดื้อด้านตามมาต่อจนเรมต้องเสียสละเก้าอี้พับ เอามันโยนกระแทกหน้าเขาไป

หลังรถลากฟาโรผ่านประตูหลัก ตอนที่ทุกคนกำลังโล่งใจท็อดด์ก็กระโดดลงมาจากกำแพงเมืองเพื่อเอาขวานจามหัวสุบารุ แต่หลังตายเพราะเขามา 5 ครั้งสุบารุก็เดาทางออกแล้วยกดาบของมีเดียมขึ้นมาป้องกัน

แต่สุบารุก็สู้แรงท็อดด์ไม่ได้อยู่ดี รุยที่เข้ามาช่วยเกาะแกะก็โดนท็อดด์ตีศอกใส่หน้า

ตอนนั้นเองสุบารุก็ตะโกนเรียกโฮลี่กับคูนา จากนั้นลูกธนูก็พุ่งมาชนท็อดด์จากด้านข้างจนเขากระเด็นตกรถไป เรมได้แต่มึนงงว่าสุบารุรู้ได้ไงว่าสองสาวยังรออยู่แถวเมือง

สุบารุ: ไอ้จักรพรรดินิสัยเฮ็งซวยนั่น… กลับไปถึงเมื่อไหร่ขอต่อยหน้าเอ็งก่อนเลยละกัน

สุบารุที่หมดแรงนั่งลงบนรถลากพลางนึกถึงใบหน้าของจอมเจ้าเล่ห์ “วินเซนต์” ผู้ที่น่าจะเดาทางออกแต่แรกว่าเหตุการณ์มันจะลงเอยแบบนี้

จบตอน