re zero EX5 แปลไทย

นิยายสปินออฟ EX5 บท "แสงสายัณห์สีชาด" พาร์ท 11: เส้นทางที่แตกแขนง

. “พริสก้าไม่มีทางเอาชนะเราผู้นี้ได้ นางมีจุดอ่อนมากกว่าเราผู้นี้ เพราะงั้น หากเราต้องสู้ตัดสินกัน พริสก้าจะฝ่ายที่ตาย ――นั่นคือชะตาที่มิอาจหลีกเลี่ยง”

“ทว่า เราผู้นี้ก็มิอยากฆ่าน้องสาวคนที่เรารักที่สุด และหลังได้เห็นการกระทำแสนน่าประทับใจของเจ้าในวันนี้ เราผู้นี้จึงมอบโอกาสให้แก่เจ้า ――โอกาสในการช่วยชีวิตพริสก้า”

ระหว่างที่หมดสติไป ข้อเสนอที่วินเซนต์ อาเบลุกซ์มอบให้แก่อาราเคียในวันนั้นได้ดังกังวาลอยู่ในหัวของเธอ

??: ตื่นแล้วสินะ?

อาราเคีย: นายขาวทั้งตัว…

จิชา: ฉันชื่อ “จิชา โกลด์” อย่างหน่อยช่วยจำชื่อไว้หน่อยก็ดี แค่ความเห็นส่วนตัวแหละนะ

อาราเคียลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเพดานที่ไม่คุ้นเคย เธอนอนอยู่บนเตียงโดยมีจิชาที่บ่นโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนเฝ้าดูอาการอยู่

ทว่า หลังอาการสมองเบลอหายไป อาราเคียก็พบว่าตัวเธอสูญเสียการมองเห็นจากดวงตาข้างซ้ายไปเสียแล้ว

จิชา: คิดเสียว่าเป็นราคาของการตกอยู่ในสภาพปางตาย แบบเดียวกับที่ฉันกลายเป็นสีขาวดุจหิมะ สิ่งสำคัญคือเราทั้งคู่รอดตายมาได้

อาราเคียไม่ตกใจต่อความสูญเสียนัก แต่การที่เธอยังมีชีวิตอยู่ นั่นแปลว่าแผนการของวินเซนต์ประสบความสำเร็จ

อาราเคีย: องค์หญิง… อยู่ไหน?

จิชา: ท่านหญิงพริสก้าเหรอ? เกรงว่านางจะตายไปแล้ว

พอได้ยินคำตอบแบบไร้อารมณ์ของจิชา อาราเคียก็เดือดดาลขึ้นมาและกระโจนใส่จิชาเพื่อหวังบีบคอเขา

??: โอ๊ะโอ อย่าพึ่งสิ ――เธอยังพักฟื้นอยู่เลยนะ ใจเย็นก่อน น้องหมา

อาราเคีย: อ๊า!

แต่แล้วอาราเคียก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกศีรษะจนล้มลงก่อน พอเธอพยายามกวาดสายตาดู อาราเคียก็เหลือบไปเห็นเจ้าเด็กหนุ่มผมน้ำเงินที่ยืนยิ้มอยู่

อาราเคีย: เจ้าตัวตลกยิ้ม…

เซซิลุส: ฮ่าฮ่าฮ่า! ถึงจะดีใจที่ได้เจอผม ก็ไม่เห็นต้องเรียกตัวเองแบบนั้นเลยนะ ไม่ว่าใครพอเห็นหน้าผมก็ต้องยิ้มออกมาทั้งนั้นแหละครับ!

อาราเคียใช้ดวงตาข้างที่เหลือจดจ้องหนุ่มน้อยจอมกวนบาทาด้วยรังสีอาฆาต จิชาเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้า

จิชา: ต้องขอโทษแทนคำพูดไร้สาระของเจ้านั่นด้วย แล้วก็ขอโทษที่ให้คำตอบกำกวม ฉันขอย้ำว่าท่านหญิงพริสก้าตายไปแล้ว ทว่า “องค์หญิง” ของเธอยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้

อาราเคีย: แต่ว่า…นั่น…

จิชา: ฝ่าบาทรักษาคำพูดเสมอ เธอกลายเป็นพิษที่ทำให้ท่านหญิงพริสก้าพ่ายแพ้ตามสัญญา เขาไม่กลับคำแน่นอน แต่ว่า…

อาราเคีย: ฉัน…ไปเจอองค์หญิง…ไม่ได้อีกแล้ว…

จิชา: ――ถูกต้องแล้ว

. หากวินเซนต์เป็นคนรักษาสัญญาอย่างที่จิชาอ้าง นั่นแปลว่าพริสก้ารอดชีวิต พิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิได้จบลงด้วยการทรยศของอาราเคีย

อาราเคีย: องค์หญิง…

อาราเคียนึกถึงใบหน้าของนายหญิง เธอจะโดนนายหญิงเกลียดหรือเปล่า?

เธอจะโดนเกลียดเพราะไม่เชื่อมั่นในชัยชนะของพริสก้าและเลือกช่วยรักษาชีวิตของพริสก้าไว้ตามอำเภอใจแทนหรือไม่?

มันไม่ใช่เพราะสติปัญญาหรือความแข็งแกร่งที่อาราเคียกลัวว่าพริสก้าไม่สามารถเทียบเคียงวินเซนต์ได้ แต่เพราะนายหญิงของเธอมีความอ่อนโยนแอบแฝงอยู่

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้อาราเคียกลัวว่าพริสก้าจะไม่มีวันเอาชนะวินเซนต์ผู้เยือกเย็นและเหี้ยมโหดได้

อาราเคีย: ฮือ…ฮือ…

เซซิลุส: อ้าว เธอร้องไห้ซะแล้ว จิชา เอาไงกับน้องหมาดี? ฝ่าบาทบอกว่าเธอเป็นหมาไร้เจ้าของไปแล้ว

จิชา: ฝ่าบาทบอกให้นางใช้ดุลยพินิจตัวเองตัดสินใจเลย ว่าแต่ แล้วนายล่ะ? ชื่อเสียงจากการกวาดล้างหน่วยตัดกิ่งของนายเริ่มดังไปทั่วแล้วนะ

อาราเคียเอามือปิดใบหน้า ไม่สนใจสองหนุ่มที่คุยกันอยู่ข้างหลังอีกต่อไป

เธอร่ำไห้ หลั่งน้ำตาไม่หยุดระหว่างที่สวดภาวนาอ้อนวอนสรวงสวรรค์ให้วลีที่นายหญิงของเธอพูดอยู่เสมอเป็นความจริง

โลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่อ――

. เด็กสาว: ――อำนวยความสะดวกแก่ข้าพเจ้า

เด็กสาวผมสีส้มที่ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าพึมพำออกมาเช่นนั้น ระหว่างที่จดจ้องหลุมฝังศพที่สลักนาม “พริสก้า เบเนดิกต์”

หญิงชรา: องค์หญิง มายืนตากลมแบบนี้มันไม่ดีนะเพคะ

หญิงชราในชุดขุนนางพร้อมคนรับใช้อีกจำนวนหนึ่งมายืนเรียกเด็กสาวจากข้างหลัง ชัดเจนว่าตัวเด็กสาวมิใช่สามัญชนทั่วไป

เด็กสาว: เลิกเรียกว่า “องค์หญิง” เสียที อย่าทำตัวโง่เขลา พริสก้า เบเนดิกต์นอนเป็นศพอยู่ในหลุมแล้ว ไม่ควรเรียกข้าพเจ้าว่าองค์หญิงอีกต่อไป ตอนนี้ข้าพเจ้าควรจะหลานสาวที่รักของเจ้าสิ

ปกติจะไม่มีการทำอนุสรณ์ใดๆ ให้แก่เชื้อพระวงศ์ที่เสียชีวิตในพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครเห็นค่าผู้พ่ายแพ้

แถมเชื้อพระวงศ์ที่ตายก็มักกลายเป็นเถ้าธุลี ไม่เหลืออะไรไว้ให้ฝัง แต่ที่ป้ายหลุมศพของพริสก้า เบเนดิกต์นี้มีร่างของเด็กสาวฝังอยู่จริงๆ

เด็กสาว: นางหน้าตาเหมือนข้าพเจ้ามาก… ไม่นึกเลยว่านางจะได้รับใช้ข้าพเจ้าถึงสองครั้ง

ศพที่ฝังอยู่ก็คือเด็กสาวตัวตายตัวแทนของพริสก้า เบเนดิคต์ที่ถูกลอบสังหารไปก่อนที่พิธีกรรมจะเริ่มขึ้นนั่นเอง

ร่างของเธอถูกส่งให้ครอบครัวอย่างดีพร้อมค่าทำขวัญตอบแทน ทว่า แม้จะจากโลกนี้ไปแล้ว เด็กสาวก็ยังคงต้องสวมบทบาทเป็นพริสก้า เบเนดิกต์ต่อไป

เด็กสาว: ช่างล้ำค่าเหลือเกิน

เด็กสาวกางพัดสีแดงที่เธอได้มาจากพี่สาวน่ารังเกียจคนหนึ่ง แล้วหันกลับไปหาหญิงชรากับคนรับใช้

หญิงชรา: องค์หญิง…

เด็กสาว: ต้องย้ำอีกกี่ครั้งถึงจะเลิก? องค์หญิงคนนั้นตายอย่างน่าสมเพชไปแล้ว จะว่าอนาถาก็ได้ แต่ก็สมควรแล้ว เพราะนางไม่สามารถคลายความกังวลใจให้แก่ข้ารับใช้ได้ ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเจ้าตอนนี้คือ… หึ่ม ชื่ออะไรนะ?

หญิงชรา: “พริสซิลล่า” เพคะ

พริสซิลล่า: ใช่เลย

เด็กสาวพยักหน้ารับชื่อใหม่และพับเก็บพัดส่งเสียงดัง พี่สาวคู่อาฆาตของเธอมักซ่อนพัดไว้ในร่องอก เธอจึงเฝ้ารอเผื่อว่าวันหนึ่งอาจจะทำเช่นนั้นได้บ้าง

พริสซิลล่า: ไม่ว่าจะมีอะไรรออยู่ ข้าพเจ้าก็จะไม่หยุดอยู่กับที่ เพราะยังไงเสีย――

เด็กสาวภายใต้นามใหม่ “พริสซิลล่า” เงยหน้าสู่ฟากฟ้าและเอื้อมมือไขว่คว้าดวงตะวัน เธอยังคงสัมผัสถึงความอบอุ่นของ “ดาบแสงตะวัน” ได้จากที่ฝ่ามือ

พริสซิลล่า: ――โลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ข้าพเจ้า

จบบท “แสงสายัณห์สีชาด”

. (อ่านต่อได้ในบท “หมาป่าดาบสีเพลิง”)