
นิยายสปินออฟ EX5 บท "แสงสายัณห์สีชาด" พาร์ท 10: ทางเลือกของทั้งสอง
. 2 เดือนผ่านไปหลังเหตุการณ์ที่ปราสาทตระกูลอาเบลุกซ์ถูกลาเมีย ก็อดวินนำกองทัพมาห้อมล้อม
พาลาดิโอ้: แกนะแก พริสก้า!
พริสก้า: หุบปากไป เจ้าสถุล เสวนากับเจ้าไปก็มิได้ประโยชน์อะไร
ชายผมยาวผู้เดือดดาลตวัดดาบแสงตะวันในมือ ทว่า วิถีดาบของเขาถูกสกัดไว้ครึ่งทางด้วยวิชาดาบที่งดงามและเหี้ยมโหดยิ่งกว่า
เขาถูกปลดอาวุธจากมือ จากก็ถูกคมดาบแสงตะวันกุดศีรษะให้ขาดสะบั้นจากร่างกายและถูกเผาเป็นเถ้าธุลีในท้ายสุด
นั่นคือจุดจบของ “พาลาดิโอ้ มาเนสค์” หนึ่งในผู้ท้าบัลลังก์จักรพรรดิรุ่นที่ 77 แห่งวอลลาเคีย
. พริสก้าตามมาบั่นคอพาลาดิโอ้ถึงที่ปราสาทของเจ้าตัวตามสัญญาที่เคยให้ไว้ ในขณะเดียวกันอาราเคียก็ไปไล่เก็บกวาดบริวารของพาลาดิโอ้เสร็จเรียบร้อย
สุดท้ายพาลาดิโอ้ก็ขาดแคลนทั้งสติปัญญาและกำลังสนับสนุนที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถจากเนตรมารของเขา
พริสก้า: อย่างน้อยลาเมียก็ยังมอบความบันเทิงให้กว่านี้ ไม่นึกเลยว่าข้าพเจ้าจะคิดถึงนังตัวร้ายนั่น
อาราเคีย: …
พริสก้า: เป็นอะไรไปหรือ อาราเคีย? ดูท่าทางเคร่งเครียดไม่สมกับเป็นเจ้าเลย
พริสก้าเอ่ยถามระหว่างที่ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ประจำปราสาทของพาลาดิโอ้ที่พึ่งตายไป
อาราเคีย: อา… อีกไม่นานคงต้องสู้กันใช่ไหม? กับท่านวินเซนต์?
พริสก้า: ท่านพี่งั้นหรือ? อา… ก็ถูกแหละนะ อีกนานแค่ไหนข้าพเจ้าคงบอกไม่ได้ แต่สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ต้องสู้ตัดสินกัน
หลังจากที่วินเซนต์ อาเบลุกซ์รอดตัวจากการห้อมล้อมของลาเมียไปได้ กองทัพของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
พวกพี่น้องคนอื่นเลิกเป็นพันธมิตรกันหลังลาเมียตาย ทั้งที่ตามจริงแล้วพวกเขาควรจะผนึกกำลังกันต่อและรีบกำจัดวินเซนต์ตอนที่เขากำลังตั้งตัวใหม่
แต่ในเมื่อพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว ตอนนี้วินเซนต์จึงกลายเป็นฝ่ายที่ไล่เก็บกวาดพี่น้องผู้ท้าชิงบัลลังก์คนที่เหลือทีละคนเอง
. การสนทนาของนายบ่าวถูกขัดไว้โดยบุคคลที่ 3 ที่ปรากฎตัวออกมาทักทายพร้อมโค้งคำนับให้แก่พริสก้าอย่างสุภาพ
เขาเป็นชายผมขาวแปลกหน้าที่พริสก้าจำหน้าไม่ได้โดยทันที เพราะตอนครั้งล่าสุดที่เจอกัน เขายังมีผมสีดำอยู่เลย
??: แปลกใจหรือเปล่าขอรับ ท่านหญิง? ต้องขออภัยด้วย ดูเหมือนว่าประสบการณ์เฉียดตายครั้งก่อนจะพรากสีสันไปจากตัวกระผม
พริสก้า: เข้าใจล่ะ เรื่องประหลาดแบบนี้ก็มีด้วย ข้าพเจ้าขอไม่ถามไถ่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่ชวนให้สับสนไปครู่หนึ่งนั่นก็แล้วกัน เจ้าคือ “จิชา โกลด์” ใช่ไหม?
จิชา: ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านจดจำกระผมได้ขอรับ
จิชา โกลด์ ที่บาดเจ็บปางตายจากการดวลกับอาราเคีย รอดชีวิตกลับมาได้ด้วยเส้นผมที่ขาวโพลนไปทั้งหัว เมื่อรวมกับผิวที่ซีดอยู่แล้ว เขาจึงซีดเผือกทั้งร่าง
. จิชา: กระผมนำของกำนัลจากฝ่าบาทมามอบให้เพื่อฉลองแก่โอกาสนี้ อาจจะดูเร่งรีบไปบ้าง หวังว่าท่านจะน้อมรับมันไว้
พริสก้า: ข้าพเจ้าพึ่งกุดศีรษะศัตรูไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่ท่านพี่ส่งผู้ส่งสารมาถึงที่เรียบร้อยแล้วงั้นหรือ? ก็สมกับเป็นท่านพี่ดี แล้วของกำนัลที่ว่าคือสิ่งใดกัน?
จิชา: สุราอย่างดีขอรับ
จิชาชูขวดสุราคุณภาพดีขึ้นมา แม้จะอายุแค่ 12 ปี แต่พริสก้านั้นคุ้นเคยกับรสชาติสุราเป็นอย่างดี เธอจึงรู้ว่านั่นเป็นสุราหายากราคาสูง ทว่า…
พริสก้า: อาราเคีย ทำลายมันทิ้งซะ
สิ้นเสียงคำสั่งนั้น ขวดสุราในมือจิชาก็แตกออกทันที ของเหลวภายในไหลรินลงบนพรมปูพื้น การกระทำนั้นทำให้จิชาเผยรอยยิ้มเหมือนสัตว์เลื้อยคลานออกมา
จิชา: ขุนนางบางคนยอมขายได้กระทั่งบ้านตัวเองเพื่อให้ได้ลิ้มลองสุรานี้ขวดหนึ่งเลยนะขอรับ
พริสก้า: รู้อยู่แล้วหรอกน่า หากนี่ไม่ใช่ระหว่างพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิ ข้าพเจ้าอาจจะน้อมรับมันไว้ ท่านพี่ควรจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าข้าพเจ้าจะทำลายของกำนัลทุกอย่างที่ส่งมาให้ในเพลานี้
จิชา: ถูกต้องเลยขอรับ
จิชาพยักหน้าอย่างสงบเยือกเย็น บ่งชี้ว่าการกระทำของพริสก้าไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของตัวเขาและวินเซนต์
ดูเหมือนว่า “อารมณ์” จะจางหายไปจากชายหนุ่มเช่นเดียวกับสีผมของเขา
. พริสก้า: กลับไปบอกท่านพี่เสียว่าอุปสรรคที่ขวางกั้นถูกกำจัดไปเกือบหมดแล้ว อีกไม่นานจะถึงคราวที่ข้าพเจ้ากับเขาต้องดวลตัดสินกัน เรามิสามารถปฏิสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องแบบแต่ก่อนได้อีกต่อไป แม้ว่าจะอยากก็ตาม
จิชา: ขออนุญาตถามหน่อยนะขอรับ ท่านหญิงพริสก้า ท่านเชื่อมั่นจริงหรือว่าสามารถเอาชนะนายท่านของข้าได้?
พริสก้า: แน่นอนสิ โลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ข้าพเจ้า
จิชาโค้งคำนับหลังพริสก้าเอ่ยประโยคประจำตัวออกมา พอเห็นว่าหมดเรื่องคุยแล้ว พริสก้าจึงหน้าไปจากชายหนุ่มเพื่อเตรียมการสำหรับศึกตัดสินต่อ ทว่า…
จิชา: หากโลกอำนวยความสะดวกต่อท่าน แล้วท่านได้มองเห็นอนาคตแบบนี้ไว้หรือเปล่าขอรับ?
พริสก้า: ว่าไงนะ?
พริสก้าที่หันกลับมาเพราะคำถามชวนฉงนของจิชาได้เห็นภาพที่ทำให้เธอสับสนจนดวงตาเบิกกว้าง
――อาราเคียคุกเข่าลงกับพื้นและก้มศีรษะลงไปเลียกินสุราที่หกอยู่ด้วยลิ้นที่สั่นเทา
พริสก้า: อาราเคีย นั่นเจ้าทำอะไรอยู่? บริวารของข้ามิควรลดตัวลงไป――
อาราเคีย: องค์หญิง ขอโทษ…ด้วย…
นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พริสก้าได้เห็นบุคคลที่เติบโตมาด้วยกันเหมือนน้องสาวแสดงสีหน้าเศร้าโศกเช่นนั้น
แล้วชั่วอึดใจต่อมา อาราเคียก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงและล้มลงกับพื้น เธอพูดจาไม่เป็นคำอีกต่อไป แขนขาชักกระตุก ความตายคืบคลานเข้ามาใกล้เด็กสาว
คนทั่วไปคงตัดสินใจในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ทัน ทว่า พริสก้านั้นต่างออกไป และวินเซนต์ก็อ่านเกมขาดว่าน้องสาวจะตัดสินใจเช่นไร
พริสก้า: เจ้าคนเขลาเอ๊ย
พริสก้าพึมพำพลางพยุงร่างของอาราเคียขึ้นมาในอ้อมแขน จากนั้นก็ประกบริมฝีปากเข้าหากันเพื่อทำการดูดสุราใส่พิษออกมา
. พิษที่วินเซนต์เลือกใช้มันรุนแรงขนาดส่งผลต่ออาราเคียที่ร่างกายแกร่งเหนือมนุษย์ได้ นั่นแปลว่าคนทั่วไปแค่สัมผัสนิดเดียวก็รอดยากแล้ว
พริสก้า: อึก…
พิษเริ่มออกฤทธิ์ต่อพริสก้า กระนั้นเธอก็ยังดูดพิษจากปากอาราเคียมาคายทิ้งไม่หยุด
จิชา: ช่างเป็นคู่ที่น่าหวาดหวั่น
จิชาเอ่ยปากชมทั้งพริสก้าที่ลงทุนดูดพิษเพื่อช่วยบริวารคนสนิท แถมยังทนต่อพิษได้ขนาดนี้และวินเซนต์ที่อ่านเกมขาดว่านี่คือวิธีเดียวที่จะวางยาพิษน้องสาวเขาได้
อาราเคียหมดสติไปแล้ว แต่ก็พ้นขีดอันตรายจนร่างกายหยุดชักกระตุก พริสก้าเช็ดริมฝีปากและหันมาถามจิชาด้วยเสียงสั่นเทา
พริสก้า: ท่านพี่โน้มน้าวอาราเคียให้ช่วยเขาได้อย่างไรกัน?
จิชา: ท่านไม่รู้งั้นหรือขอรับ? เรื่องนั้นเกรงว่าท่านหญิงพริสก้าน่าจะเข้าใจความคิดความอ่านของฝ่าบาทได้ดีกว่ากระผมนะขอรับ
พริสก้า: หึ… แต่ท่านพี่อุตส่าห์มอบบทบาทเด่นแก่เจ้าในการแสดงนี้เชียวนะ
จิชา: กระผมเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่สามารถตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณนั้นได้
พริสก้าค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ฝืนร่างกายต้านพิษร้ายและก้าวเดินอย่างมั่นคงกลับไปประทับที่บัลลังก์ของปราสาท
แม้ว่านี่อาจจะวาระสุดท้ายของชีวิต เด็กสาวก็เลือกที่จะแสดงความเย่อหยิ่งสมกับเป็นตัวเธอออกมายันวินาทีสุดท้าย
กระทั่งจิชายังประทับใจจนอดไม่ได้ที่จะกล่าวเรื่องเกินจำเป็นออกมา
จิชา: ท่านพริสก้า หากกระผมมิได้รับใช้ฝ่าบาทวินเซนต์อยู่แล้ว กระผมก็คงเลือกถวายตัวรับใช้ท่านหญิงนี่แหละขอรับ น่าเสียดายที่คงไม่มีโอกาส
พริสก้า: เหอะ ――ข้าพเจ้ามิต้องการตัวตลกไร้เสน่ห์อย่างเจ้าหรอก หากมุ่งหมายจะรับใช้ข้าพเจ้าก็หัดแสดงตัวให้มันดูดีหน่อย เจ้าสามัญชน
นั่นคือคำพูดสุดท้ายและจุดจบของ “พริสก้า เบเนดิกต์”
. พริสซิลล่า: และแล้วเจ้าหญิงผู้น่าสงสารก็ติดกับของศัตรูและต้องจบชีวิตลง พี่ชายของเจ้าหญิงได้ชัยชนะไปครองและกลายเป็นจักรพรรดิของประเทศ ว่ากันว่าเขายังคงปกครองอย่างรุ่งโรจน์มาจนถึงทุกวันนี้
ชูลท์: ตะ…ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลยขอรับ! แล้วเป็นยังไงต่อขอรับ?
พริสซิลล่า: ไม่มีต่อแล้ว ข้าพเจ้าบอกไปแล้วนี่ว่าเจ้าหญิงที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องตายตอนจบ เรื่องนี้ไม่มีต่อแล้ว
ชูลท์: เอ๋!? มะ…ไม่น่าจะเป็นอย่างงั้นนี่ขอรับ!
ชูลท์ประท้วงเรื่องราวที่จบลงเหมือนโศกนาฎกรรมเกินไป เขาเศร้าใจแทนตัวเอกของเรื่องที่ถูกพี่ชายและสุนัขรับใช้หลอกลวงจนต้องตาย
พริสซิลล่าอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเพราะประทับใจต่อรีแอคชั่นของชูลท์ เธอปรับแต่งเนื้อหาบางส่วนก็จริง แต่ส่วนใหญ่ก็เล่าตามความจริงหมด
แต่ดูเหมือนชูลท์จะไม่ได้รู้ตัวเลยว่า “เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร” ในเรื่องจะเป็นคนใกล้ตัวเขาแค่ไหน
. ชูลท์: โธ่… เรื่องมันเศร้าจังเลยขอรับ เจ็บปวดเหลือเกินขอรับ
พริสซิลล่า: แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไรกันเล่า? เสียเวลาบ่นและทุกข์ใจงั้นหรือ?
คำตอบของชูลท์ต่อคำถามนั้นอาจทำให้พริสซิลล่าประเมินค่าตัวเขาต่ำลงได้เลยหากเลือกตอบไม่ดี แต่หนุ่มน้อยหาได้รู้ตัวไม่ เขาจึงตอบไปตามใจนึก
ชูลท์: ถ้างั้น… ถ้างั้นผมจะแต่งเรื่องส่วนที่เหลือต่อเองขอรับ!
พริสซิลล่า: ว่าไงนะ…?
ชูลท์: ท่านพริสซิลล่าบอกว่าเรื่องจบไปแล้ว แต่ผมจะคิดต่อให้เอง เจ้าหญิงจะได้ไม่ต้องมีจุดจบเศร้าแบบนั้นขอรับ!
พริสซิลล่าอึ้งจนเงียบไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจและอนุญาตให้ชูลท์ลองแต่งเรื่องต่อจากนั้น
ชูลท์: เอ่อ… คือว่า ก่อนอื่นเจ้าหญิงดื่มยาพิษเข้าไปก็จริง แต่เธอไม่ตายขอรับ! เธอหลับลึกไปนานมากๆ แต่สุดท้ายก็ตื่นอีกครั้งขอรับ!
พริสซิลล่า: โฮ่ ตื่นอีกครั้งงั้นหรือ? เหตุใดกันล่ะ? พิษมันแรงมากเลยนะ ฆ่าคนที่กลืนเข้าไปได้ง่ายๆ เลยล่ะ
ชูลท์: เจ้าหญิงกับสุนัขของเธอหารพิษกันคนละครึ่งไงขอรับ! เพราะงั้นแหละขอรับ!
นั่นเป็นตรรกะเรียบง่ายสมกับเป็นเด็กน้อย ทว่า พริสซิลล่ากลับไม่โต้แย้งและเริ่มลูบหัวชูลท์แทน
พริสซิลล่า: เจ้านี่คิดได้แปลกจริงๆ ชูลท์ แต่งเรื่องราวที่จบไปแล้วใหม่ตามอำเภอใจ ――ไม่คิดว่าโอหังไปหน่อยหรือ? เหมือนเป็นการหักหน้าคนแต่งเรื่อง
ชูลท์: เอ่อ… ผมทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่าขอรับ?
พริสซิลล่า: ผิดตรงไหนกัน? เปลี่ยนเรื่องที่ไม่ชอบให้เป็นไปตามที่ตนเองประสงค์มันไม่ผิดหรอก ไม่ผิดเลยสักนิด แถมข้าพเจ้าประทับใจด้วย
พริสซิลล่าพึงพอใจต่อคำตอบของชูลท์และอนุญาตให้เขาเล่าเรื่องราวส่วนที่เหลือในแบบฉบับของเขาต่อ
ชูลท์: ขะ…ขอรับ นายหญิง! อย่างแรกเลยเจ้าหญิงไม่ตายจากยาพิษขอรับ! แล้วก็มีบุคคลที่ใจดีมากช่วยเธอไว้…
ระหว่างที่ปล่อยให้ชูลท์ตื่นเต้นไปกับการเล่าเรื่อง พริสซิลล่าก็ใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ปกหนังสือที่มอบแรงบันดาลใจให้เธอเล่าเรื่องราวนี้ให้ชูลท์ฟังแต่แรก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ลูบหัวของหนุ่มน้อย
พริสซิลล่าอมยิ้มพลางนึกถึงศีรษะของอดีตคนสนิทอีกคนที่เธอเคยลูบไล้เช่นนี้และมีรอยยิ้มแบบเดียวกันประทับบนใบหน้าของเธอ
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทหน้า)