re zero EX5 แปลไทย

นิยายสปินออฟ EX5 บท "การจากลาสีชาด" (พาร์ทเดียวจบ)

. โจร่าห์ เพนดัลตัน เป็นขุนนางระดับกลางที่อายุย่างเข้าวัย 50 ปี เขาแก่จนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้แต่งงานอีกแล้ว

ถึงแม้ว่าโจร่าห์จะมีภาระหน้าที่ต้องสืบทอดตระกูลต่อไป ทีแรกเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะรับลูกบุญธรรมมาเลี้ยงเสียแทนการมีบุตรเอง

แต่อยู่มาวันหนึ่งบาโรเนสในพื้นที่ดูแลของเขาก็เสนอให้โจร่าห์แต่งงานกับหลานสาวของเธอ ซึ่งเป็นเด็กสาววัยแค่ 12 ปี

โจร่าห์ไม่อยากจะนำความทุกข์มาสู่เด็กสาวที่ยังเด็กจนนับเป็นหลานของตัวเองได้ เขาจึงไปพบตัวเด็กสาวเพียงเพื่อรักษาหน้าตาให้แก่บาโรเนส แล้วค่อยปฏิเสธข้อเสนอในภายหลัง

หากเป็นไปได้ โจร่าห์ก็ตั้งใจจะให้การอุปถัมภ์เด็กสาวจนกว่าเธอจะได้พบกับคู่ครองที่เหมาะสม

ทว่า พอถึงคราวที่ทั้งสองได้พบกันครั้งแรก เด็กสาวก็ปล่อยระเบิดลูกใหญ่โดยที่โจร่าห์ไม่ทันตั้งตัว

พริสซิลล่า: เจ้านี่ดูท่าทางจะเป็นชายที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย

โจร่าห์: อะ…เอ๋?

พริสซิลล่า: เรียกข้าพเจ้าว่า “พริสซิลล่า” ก็ได้ ทว่า ข้าพเจ้าเคยมีนามว่า “พริสก้า เบเนดิกต์” เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งตระกูลวอลลาเคีย

โจร่าห์: เอ๋~!?

ในฐานะขุนนางแห่งวอลลาเคีย โจร่าห์ย่อมรู้จักนามที่แท้จริงของพริสซิลล่าเป็นอย่างดี เขาเลยเตรียมใจที่จะต้องรับบทบาทปกป้องเด็กสาว ทว่า…

พริสซิลล่า: เจ้าคนเขลา คิดว่าข้าพเจ้าคาดหวังบทบาทเช่นนั้นจากตัวเจ้างั้นหรือ?

โจร่าห์: อ้าว? ถ้างั้น…ต้องการอะไรกันล่ะ?

พริสซิลล่า: ต้องถามด้วยงั้นหรือ? ได้ยินว่าคลังหนังสือของตระกูลเจ้ามีหนังสือเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าอยู่ด้วย

คำตอบของเด็กสาวมันช่างเรียบง่ายเหนือความคาดหมาย แต่ว่ามันก็มอบความรู้สึกแปลกใหม่ให้แก่โจร่าห์ผู้มิเคยเป็นที่ต้องการของใคร

. สุดท้ายโจร่าห์ก็รับเอาพริสซิลล่าผู้ใช้ชีวิตโชติช่วงดุจเปลวเพลิงมาเป็นภรรยา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวเขาใช้ชีวิตแบบเงียบงันในเงามืดมาโดยตลอด

พริสซิลล่าเป็นเด็กสาวผู้รักการอ่าน โจร่าห์มักจะเข้ามาเจอตอนเธอกำลังอ่านหนังสืออยู่เสมอ การอ่านคงจะเป็นวิธีเพิ่มพูนความรู้ที่ทำให้พริสซิลล่ารอบรู้เกินวัยถึงเพียงนี้

พริสซิลล่า: เจ้าชื่นชอบการจ้องมองข้าพเจ้านักหรือไงกัน?

เด็กสาวเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่สัมผัสถึงสายตาจดจ้องของสามีได้ระหว่างที่เธอกำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือ

โจร่าห์: ขะ…ขออภัยด้วย ฉันก็แค่เผลอตะลึงตอนที่ได้มองเธอน่ะ

พริสซิลล่า: หึ เช่นนั้นเองหรือ? งั้นข้าพเจ้ายอมยกโทษให้ ผู้คนย่อมหลงใหลในความงามเหนือจินตนาการของจิตรกรรมชิ้นปราณีตหรืออัญมณีล้ำค่าเป็นธรรมดา สิ่งสวยงามย่อมยากที่จะหักห้ามใจ ตัวข้าพเจ้าเองจะดึงดูดสายตาได้อีกมากเพียงใดกันนะ?

พริสซิลล่าตอบรับแบบหยิ่งยะโสสุดขีด แต่โจร่าห์ก็ไม่คิดจะปฏิเสธเพราะภรรยาของเขางดงามจริงๆ

บางทีความงดงามนั้นคงจะเป็นเหตุผลที่โจร่าห์รับพริสซิลล่ามาเป็นภรรยา และเป็นเหตุผลที่เขายอมทำตามความประสงค์ของเธอทุกอย่างโดยไม่ขัดข้อง

โจร่าห์: พริสซิลล่า ถึงแม้นี่จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เวลาที่ได้ใช้ร่วมกับเธอคือช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย

พริสซิลล่า: …

โจร่าห์: ฉันเป็นคนขี้ขลาด กว่าจะมาถึงตอนนี้ ฉันคงใช้โชคลาภที่มีอยู่ไปหมดตัวแล้ว มันค่อยๆ ลดทอนลงไปเรื่อยๆ แต่กระนั้น…

คำพูดของโจร่าห์ขาดช่วงไป เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่พริสซิลล่าละสายตาจากหนังสือและจดจ้องมายังตัวเขาด้วยดวงตาสีชาดแสนงดงาม

การถูกยอมรับจากเด็กสาวทำให้หัวใจของโจร่าห์หยุดสั่นกลัว แม้หลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากนอกประตู

??: เคานต์โจร่าห์ เพนดัลตัน! ท่านจะถูกจับกุมในข้อหากบฏ!

. กองทหารในชุดเกราะสีทองที่มีอาวุธครบมือเข้าล้อมคฤหาสน์ของเคานต์โจร่าห์ เพนดัลตัน

กลุ่มทหารที่มีอาวุธแตกต่างกันมากมายกลุ่มนี้ มีแม่ทัพเทวะคนหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวพวกเขาเข้าด้วยกันด้วย “ฤทธิ์เดช” แสนองอาจ

ทหาร: ประจำตำแหน่งพร้อมแล้วครับ แม่ทัพราลโฟน

กอซ: อื้ม ดีมาก ทุกนาย ถอยออกมา!

ผู้ออกคำสั่งเป็นชายวัยกลางคนที่มีบาดแผลเต็มใบหน้าและสวมเกราะทองคำแน่นหนาไปทั่วร่าง เขาผู้นี้มีนามว่า “กอซ ราลโฟน” เก้าแม่ทัพเทวะลำดับ 5

กอซและเหล่าทหารหาได้หวั่นเกรงต่อกองทหารส่วนตัวของเคานต์โจร่าห์ไม่ แต่พวกเขากังวลต่อบุคคลที่โจร่าห์ให้พักพิงอาศัยอยู่ด้วย

กอซ: เคานต์โจร่าห์ เพนดัลตัน! ท่านจะถูกจับกุมในข้อหากบฏ!

หลังสิ้นสุดคำประกาศ กอซก็พังประตูหน้าเข้าไปโดยไม่รีรอ เหล่าทหารพบว่ากำลังรบส่วนตัวของโจร่าห์ถืออาวุธเตรียมรบไว้พร้อมแล้ว

กองทหารสองฝั่งเริ่มเข้าปะทะกัน กอซใช้อาวุธคู่ใจซึ่งเป็นกระบองที่มีส่วนปลายเป็นลูกเหล็กขนาดใหญ่หวดขยี้ศัตรูจนแหลก

กอซ: มอบตัวซะ! พวกเราได้รับคำสั่งมาจากองค์จักรพรรดิ! ใครก็ตามที่ขัดขวางจะได้รับข้อหากบฏเฉกเช่นเดียวกับเคานต์โจร่าห์ เพนดัลตัน!

โจร่าห์: ให้ตายสิ ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง ท่านแม่ทัพราลโฟน ยุ่งยากแล้วสิเนี่ย…

การปรากฏตัวที่แนวหน้าของโจร่าห์ถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของกอซ เนื่องจากชื่อเสียงว่าเป็นขุนนางผู้อ่อนแอของอีกฝ่าย

โจร่าห์รับดาบมาจากบริวารและตั้งท่าพร้อมต่อสู้กับเก้าแม่ทัพเทวะด้วยริมฝีปากและแขนที่สั่นเทา กอซมองออกทันทีว่าเขาเป็นมือสมัครเล่นอย่างชัดเจน

กอซ: ขอเตือนไว้ก่อนว่าตราบใดที่ท่านถืออาวุธอยู่ในมือ ข้าจะไม่ออมมือให้

โจร่าห์: ยะ…ย่อมได้ วินาทีที่ฉันเลือกเดินเส้นทางนี้ ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะลงเอยแบบนี้… ฉันบอกลากับภรรยาไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อได้เห็นการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของศัตรู กอซก็กำกระบองในมือแน่นและประกาศนามออกไปเสียงดัง ตามธรรมเนียมปฏิบัติของนักรบ

กอซ: ข้าคือกอซ ราลโฟน เก้าแม่ทัพเทวะแห่งจักรวรรดิวอลลาเคีย! ข้าจักถอนรากถอนโคนศัตรูที่เป็นภัยคุกคามต่อจักรวรรดิตามพระบัญชาขององค์จักรพรรดิ!

โจร่าห์: ฉันคือโจร่าห์ เพนดัลตัน เคานต์แห่งจักรวรรดิวอลลาเคีย เพื่อภรรยาแล้ว ฉันจะขอต่อต้านนายด้วยแขนอ่อนปวกเปียกคู่นี้เอง

. ระหว่างที่กำลังหลบหนีออกไปด้วยเส้นทางในป่า พริสซิลล่าก็ได้ยินเสียงตะโกนอันเป็นเอกลักษณ์ของกอซ ราลโฟน

จักรวรรดิถึงกับส่งแม่ทัพเทวะมาเพียงเพื่อจับตัวเธอ โจร่าห์และกองทหารของเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ครณามือแม่ทัพเทวะ

พริสซิลล่า: ถือว่าทำได้ดีล่ะนะ

กระนั้นโจร่าห์ก็พิสูจน์ตนในฐานะสามีของพริสซิลล่าได้ในวาระสุดท้าย ด้วยการต่อสู้ปกป้องให้ภรรยาหนี รอยยิ้มสุดท้ายของโจร่าห์ยังคงเป็นภาพติดตาเธออยู่เลย

อาราเคีย: หยุดแค่แหละ องค์หญิง

ทันใดนั้นเองพริสซิลล่าก็ถูกหยุดไว้โดยเด็กสาวเผ่ามนุษย์สุนัขที่หลบอยู่ในเงามืดของแมกไม้ ในของเธอกำอาวุธที่มีหน้าตาเหมือนกิ่งไม้ง่อยๆ เอาไว้

อาราเคีย: ท่านพริสก้า…

พอได้ยินเด็กสาวเรียกเธอด้วยนามเก่า พริสซิลล่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย

พริสซิลล่า: ยังหน้าด้านเสนอหน้ากลับมาเจอข้าพเจ้าอีก เจ้าหักหลังข้าพเจ้าไปเข้าร่วมกับท่านพี่ แล้วก็ได้โอกาสกำจัดข้าพเจ้ากับมือตัวเอง มีอะไรจะแก้ตัวไหม?

อาราเคีย: ปะ…เปล่านะ ฉันไม่ได้! …ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ ฉันยังคง…เป็นของ…องค์หญิ――

พริสซิลล่า: เจ้าคนเขลา เรียกผิดแล้ว ตอนนี้ท่านพี่เป็นองค์จักรพรรดิแห่งวอลลาเคีย หากเจ้าเป็นทหารของจักรวรรดิก็จงจำไว้ให้ขึ้นใจ ――ไม่สิ ที่จริงแล้วท่านพี่ไม่มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการครองบัลลังก์

อาราเคีย: อา…

พริสซิลล่า: “พริสก้า เบเนดิกต์ ตายไปแล้ว ท่านพี่เป็นผู้ท้าชิงบัลลังก์คนเดียวที่รอดชีวิตมาจากพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิได้” ตัวตนของข้าพเจ้าคงจะทำให้เรื่องราวดังกล่าวสั่นคลอนสินะ?

หากเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป มันคงกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ

อาราเคีย: ท่าน…พริสก้า…

พริสซิลล่า: เรียกให้ถูกชื่อด้วย ตอนนี้ข้าพเจ้าคือพริสซิลล่า “พริสซิลล่า เพนดัลตัน” ――เพื่อเป็นเกียรติแก่การรับใช้ครั้งสุดท้ายของสามีข้าพเจ้า จงอย่าได้เรียกผิดเด็ดขาด อาราเคีย

อาราเคีย: ไม่ว่าพริสก้าหรือพริสซิลล่า องค์หญิงก็ยังเป็นองค์หญิง มากับฉันเถอะ ท่านวินเซนต์…ฝ่าบาทอยากจะพูดคุยกับท่าน เพราะงั้น…

พริสซิลล่า: ไม่เห็นเข้าใจ เขาอยากให้ข้าพเจ้ากลับไปงั้นหรือ? เพื่ออะไรกัน? ท่านพี่เป็นองค์จักรพรรดิ เขาไม่มีทางปล่อยให้ข้าพเจ้ามีตัวตนอยู่ได้ หากเขามุ่งหมายให้ข้าพเจ้ากลับไปนครหลวง นั่นแปลว่าเขาหมายจะปลิดชีพข้าพเจ้าอีกครั้ง

. อาราเคียเองก็ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของวินเซนต์ที่ส่งเธอมารับตัวพริสซิลล่า แต่ถ้าหากมันเป็นตามที่พริสซิลล่าตีความ…

พริสซิลล่า: ที่เขาส่งเจ้ามา คงเป็นวิธีการแสดงความรักในแบบฉบับท่านพี่

อาราเคีย: ยังไงกัน?

พริสซิลล่า: ใช่แล้ว ความรักฉันท์ครอบครัว ท่านพี่น่ะรักข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเองก็ห่วงแหนเขาอยู่ระดับหนึ่ง ทว่า นั่นเป็นคนละเรื่องกับสถานะของเรา ท่านพี่จำเป็นต้องสังหารข้าพเจ้า เพราะงั้น…

อาราเคีย: อึก!?

ประกายแสงสีแดงที่แพ่พุ่งมาทำให้อาราเคียต้องกระโจนตัวถอยหลังหลบ เธอเกือบโดนคมดาบสีแดงงดงามในมือพริสซิลล่าแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน

อาราเคีย: ดาบแสงตะวัน วอลลาเคีย…

พริสซิลล่า: การที่มีผู้ใช้ดาบเล่มนี้อยู่ถึงสองคนย่อมไม่เป็นผลดีต่อท่านพี่ แต่หากไร้ซึ่งสัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจนี้ ท่านพี่ย่อมมิอาจกุมบังเหียนคนอย่างเบลสเต็ตซ์เอาไว้ได้

อาราเคียร้องขอให้พริสซิลล่าลดดาบลง แต่อดีตนายหญิงของเธอพร้อมจะใช้ดาบเล่มนั้นฟันอาราเคียทิ้งหากเธอคิดจะขวางทาง

ด้วยเหตุนั้น อาราเคียจึงตัดสินใจลดอาวุธของเธอลงและปล่อยให้พริสซิลล่าหนีไปดังที่เธอต้องการ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่อาราเคียยอมขัดคำสั่งของผู้อื่น

อาราเคีย: องค์หญิง… ก็ยังคงเป็นองค์หญิง แต่ถ้าหากท่านพริสก้าควรจะตายไปแล้ว… ฉันอยากขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย ได้โปรด อย่าทำให้ตัวท่านกลายเป็นจุดสนใจอีกเลย เหมือนตอนที่ประกาศออกเสียง… บนเกาะทาสดาบ…

พริสซิลล่า: นั่นเป็นเพียงการแสดงความรักของข้าพเจ้าต่อท่านพี่ เมื่อการจราจลที่เกาะทาสดาบเสร็จสิ้นลง ผู้พิทักษ์ของเขาก็ไม่จำเป็นต้องออกจากนครหลวง

ไม่สำคัญว่าเธอจะใช้อุปกรณ์สื่อสารประกาศออกไปในตอนนั้นหรือเปล่า ไม่ช้าก็เร็ว พริสซิลล่าก็คงถูกเจอตัวอยู่ดี นั่นเพราะว่าตัวเธอไม่เหมาะแก่การใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ในเงามืด

พริสซิลล่า: อาราเคีย ข้าพเจ้าซึ้งใจในการช่วยเหลือของเจ้า แต่ในครั้งหน้าที่เราได้พบกัน เจ้าจงเตรียมใจไว้ให้แน่วแน่เสีย

อาราเคีย: …ฉันขอให้เราไม่ได้พบกัน…อีกเลย…

พริสซิลล่า: เราได้พบกันอีกแน่ อย่างน้อยข้าพเจ้าก็เชื่อมั่นเช่นนั้น

หลังพริสซิลล่าเอ่ยเช่นนั้นจบ ก็เกิดระเบิดเสียงดังมาจากทางคฤหาสน์เพนดัลตัน เป็นสัญญาณว่าการต่อสู้คงสิ้นสุดลงแล้ว

อาราเคียเผลอหันไปดูทางเสียงระเบิดเพียงชั่วครู่ แต่พอหันกลับมา อดีตนายหญิงของเธอก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว

อาราเคียภาวนาจากใจจริงให้พริสซิลล่าผู้เป็นเหมือนพี่สาวที่โตมาด้วยกันหนีไปจากที่นี่ให้ไกลและใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบเหมือนเด็กสาวคนหนึ่ง

ทว่า อาราเคียเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าคำภาวนานั้นมันไม่มีวันเป็นไปได้ สุดท้ายพริสซิลล่าก็คงได้กลับมาประจันหน้ากับเธออีก

พอถึงตอนนั้น อาราเคียจะสามารถเตรียมใจอย่างแน่วแน่ได้หรือเปล่า?

อาราเคีย: ท่านพริสก้า… คนบ้า…

. บทสรุปของเหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกประกาศออกมาดังนี้

แผนก่อกบฏของเคานต์โจร่าห์ เพนดัลตันจบลงด้วยความล้มเหลว ตัวการใหญ่อย่างเคานต์โจร่าห์ถูกสังหารลงด้วยมือของแม่ทัพเทวะกอซ ราลโฟน

ตระกูลเพนดัลตันไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ สายตระกูลจึงสิ้นสุดลงแค่นั้น เจ้าสาวที่พึ่งแต่งงานกับเคานต์โจร่าห์ได้สองเดือนก็ฆ่าตัวตายตามสามีไป

――นั่นคือคำให้การของ “อาราเคีย” ผู้ที่จะได้กลายเป็นหนึ่งในเก้าแม่ทัพเทวะแห่งจักรวรรดิวอลลาเคียในภายหลัง

ความมั่นคงและความสงบสุขของประเทศแห่งหมาป่าดาบยังคงดำรงอยู่ต่อไป ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคีย

. จบบท “การจากลาสีเลือด”

EX5 “ตำนานเจ้าหญิงสีชาด” จบบริบูรณ์