webnovel arc7 chapter30

บทที่ 7 ตอนที่ 30 "ผู้ทึกทักตนเป็นวีรชน นัตสึกิ สุบารุ"

ทาริตต้ายังคงรู้สึกช็อคที่พี่สาวมอบหมายตำแหน่งหัวหน้าเผ่าชูดราคให้แก่เธออย่างกะทันหัน เรมก็โทษตัวเองที่เธอไม่สามารถใช้เวทรักษาฟื้นฟูมิเซลด้าได้มากไปกว่านี้

วินเซนต์กล่าวขอบคุณในความช่วยเหลือของมิเซลด้าที่ผ่านมาและยอมรับการเปลี่ยนหัวหน้าเผ่าในครั้งนี้ พันธมิตรระหว่างเผ่าชูดราคกับวินเซนต์จะยังคงดำรงอยู่ต่อไป

มิเซลด้า: จงสดับฟัง พี่น้องของข้า! จากนี้ไปจงติดตามทาริตต้าเสีย! นี่คำสั่งสุดท้ายของฉันในฐานะหัวหน้า ขอขอบพระคุณสัตย์สาบานของเหล่าบรรพชนและความภาคภูมิใจของวิญญาณบรรพบุรุษ!

เผ่าชูดราค: ขอขอบพระคุณ!

เพียงเท่านั้น พิธีกรรมส่งมอบตำแหน่งก็เป็นอันเสร็จสิ้น ทาริตต้าได้แต่เพียงพยักหน้ารับเพื่อตอบรับความคาดหวังจากพี่สาว

. หลังแยกตัวออกมา สุบารุก็มาทักวินเซนต์เพราะรู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ปกครองเผด็จการประเภทที่ใช้งานลูกน้องจนตาย

วินเซนต์เลยบอกว่าเขาใช้งานลูกน้องไม่เกินศักยภาพที่เขาคาดหวังไว้จากคนนั้นๆเสมอ แต่ก็จะลงโทษถ้าหากทำไม่ได้อย่างที่คาดหวัง

สุบารุปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่ลูกน้องของวินเซนต์ ถึงแม้จะชอบตำแหน่ง “นักวางกลยุทธ์” ก็ตาม เลยไม่ขอรับบทลงโทษไปด้วยในกรณีที่เขาทำให้วินเซนต์ผิดหวัง

สุบารุเริ่มหันมาคิดว่าเขากับวินเซนต์มีความสัมพันธ์แบบไหนอยู่กันแน่ ไม่ใช่หัวหน้ากับลูกน้อง ไม่ใช่พวกพ้อง ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่สหายร่วมรบ

อย่างเดียวที่พูดได้เป็นปากก็คือพวกเขาเป็นทีมแต่งหญิงด้วยกันเท่านั้นเอง

. วินเซนต์บอกว่าเขามีธุระต้องไปคุยกับพริสซิลล่าต่อและไล่สุบารุให้ไปทำเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยซะ

สุบารุก็เลยแยกตัวกลับไปที่หอประชุม แล้วมุ่งหน้าไปยังโซนพยาบาลคนเจ็บและทักเรมที่นั่งซึมอยู่

สุบารุ: ---เรม ว่างคุยรึเปล่า?

เรม: …คุณเองเหรอคะ? เมื่อไหร่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าสักทีคะเนี่ย? (สุบารุยังแต่งหญิงอยู่)

สุบารุ: เรมน่ะสำคัญกว่าเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะงั้นคุยเรื่องนี้กันให้เสร็จก่อนแล้วชั้นค่อยไปเปลี่ยนก็ได้

เรม: งั้นเหรอคะ ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรจะคุย รบกวนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะ

สุบารุ: ตัดจบเร็วไปแล้ว!

รุยที่ช่วยงานพยาบาลจนหมดแรงนอนหลับปุ๋ยอิงไหล่ซ้ายของเรมอยู่ เธอเลยบอกให้สุบารุอย่าส่งเสียงดังมาก

สุบารุนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของรุยแล้วขอบคุณเรมที่ช่วยรักษาพยาบาลคนเจ็บ

แต่เรมก็ยังรู้สึกผิดหวังในฝีมือตนเอง เวทรักษาของเธอในตอนนี้เป็นระดับฝึกใช้ด้วยตัวเองโดยอาศัยความช่วยเหลือจากรุย

เรมถามว่าถ้าเป็นตัวเธอสมัยก่อนเสียความทรงจำจะรักษาขาของมิเซลด้าได้ไหม?

สุบารุไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วเลือกตอบว่าต่อให้มีความทรงจำก็คงเปลี่ยนผลลัพธ์นี้ไม่ได้อยู่ดี เรมพยายามอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว

. สุบารุโทษตัวเองว่าเขานั่นแหละที่วิเคราะห์สถานการณ์ไม่ดีพอ

ทั้งคนเจ็บจากตอนอาราเคียบุกมา ทหารยามที่ตายไปตอนที่พวกท็อดด์บุกชิงตัวประกันและการที่มิเซลด้าเสียขาไป สุบารุโทษทั้งหมดนั่นเป็นความผิดของเขาเอง

ถ้าหากว่าสุบารุเป็นลูกน้องของวินเซนต์ ความผิดพลาดครั้งนี้คงสมควรที่จะถูกตัดหัวทิ้ง

แต่การ “ตายแล้วกลับมา” ไปเลยเพื่อกลับไปแก้สถานการณ์มันอาจจะดีกว่าหรือเปล่า?

ทว่า สุบารุก็เกิดกลัวขึ้นมาว่าถ้าหากเขาตายตอนนี้ จุดเซฟอาจจะไปอยู่ตอนที่ต้องดวลกับท็อดด์เมื่อหลายวันก่อน มันคุ้มที่จะย้อนไปยังช่วงเวลาอันน่าสยองตอนนั้นจริงเหรอ?

เรมโมโหขึ้นมาที่สุบารุเอาแต่โทษทุกอย่างเป็นความผิดตัวเอง เธอมองว่าไม่มีใครจะคาดเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้อยู่แล้ว ทำไมสุบารุจะต้องรู้สึกอยากรับผิดชอบด้วย?

ที่สุบารุรู้สึกอยากรับผิดชอบต่อความสูญเสียก็เนื่องจากว่าเขามีพลัง “ตายแล้วกลับมา” อยู่กับตัว เขาสามารถแก้ผลลัพธ์ดีขึ้นได้ ถ้าหากว่ายอมตาย…

แน่นอนว่าสุบารุไม่สามารถเอาเรื่องนั้นมาตอบเรมกลับไปได้ เขาเลยได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง

. เรมถามต่อว่าสุบารุเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงตอนที่อาราเคียกำลังจะโจมตีเพื่อปกป้องเธอไว้ทำไม?

เรม: ทั้งผลลัพธ์ของแผนการยึดเมืองแบบไร้การหลั่งเลือด ทั้งการเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อปกป้องฉัน ทั้งเรื่องขาของคุณมิเซลด้า คุณเอามาแบกรับไว้เองหมดเลย…

สุบารุ: …

เรม: คุณน่ะไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะทำอะไรแบบนั้นได้… ทีแรก ฉันก็รู้สึกระแวงเพราะเรื่องกลิ่นแย่ๆนั่นแท้ๆ

เรมลูบหัวรุยที่เปลี่ยนมานอนหนุนตักเธอ ก่อนจะหันกลับขึ้นมาจ้องสุบารุแล้วกล่าวต่อ

เรม: ทั้งฉัน ทั้งรุยจัง ทั้งคุณอาเบลและพวกคุณมิเซลด้า ทั้งคุณมีเดียมกับคุณฟล็อปก็ด้วย คนเราน่ะมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง ไม่ต้องให้คุณมาคอยปกป้องตลอดเวลาก็ได้

สุบารุ: อา…

เรม: รบกวนเลิกพยายามจะทำทุกอย่างด้วยตัวเองทีเถอะ ไม่ต้องมารับผิดชอบการกระทำของพวกเรา

สมองของสุบารุปฏิเสธที่จะประมวลสิ่งที่เรมพูดออกมา มันส่งสัญญาณเตือนอย่างเต็มที่ไม่ให้สุบารุฟังต่อไปมากกว่านั้น

แต่แล้ว---

เรม: เพราะว่าคุณน่ะไม่ใช่คนพิเศษอะไร ---คุณน่ะไม่ใช่ “วีรชน” ค่ะ

. หลังได้ยินคำพูดนั้นจากปากเรม สุบารุก็เดินเตร็ดเตร่ไปตามศาลากลางแบบไร้จุดหมาย จนกระทั่งเดินไปโหม่งกำแพงแล้วได้ความเจ็บเรียกสติกลับมา

แต่แล้วสุบารุก็เลือกเอาหัวโขกกำแพงย้ำแล้วย้ำอีก เพื่อให้ความเจ็บมันขจัดความเฉื่อยชาออกไปจากร่างกายของเขา

อัล: เฮ้ยๆ อย่าทำแบบนั้นเลย พี่น้อง

ตอนนั้นเอง ชายสวมหมวกเหล็กก็ช่วยดึงไหล่ไม่ให้สุบารุทำร้ายตัวเองไปมากกว่านั้น จากนั้นก็กล่าวต่ออย่างหน้าตาเฉยว่า---

อัล: ความรู้สึกอยากตายน่ะชั้นเข้าใจดี แต่ถึงจะลองทำกี่ครั้งก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ ไอ้วิธี “แบบนั้น” น่ะ

จบตอน