คาฟม่ามองดูจากรูโหว่ของปราสาทและพบว่าไม่เหลือวี่แววของผู้หลบหนีทั้งสามคนแล้ว
ใจจริงเขาอยากจะรีบไล่ตามไปทันที แต่โอลบาร์ตกลับบอกว่าปล่อยพวกนั้นไปเถอะ
คาฟม่า: ทำไมถึงได้ปล่อยผู้หญิงพวกนั้นหนีไปกันล่ะ! ถ้าเป็นผู้เฒ่าล่ะก็ น่าจะตามจับผู้หญิงพวกนั้นได้ในพริบตาเดียวนี่นา!
โอลบาร์ต: ความเห็นนั้นมันจะแว้งกัดเจ้าเอาน้อ ไอ้หนุ่ม อีกอย่างก็ใช่ว่าข้าออมมือให้เสียหน่อย ดูเหมือนเจ้าหนุ่มสวมหมวกเหล็กนั่นจะมีลูกเล่นอะไรสักอย่างอยู่
โอลบาร์ตให้เหตุผลเพิ่มว่าเขาต้องคอยจับตาดูยอร์น่าไว้ก่อนด้วย ถึงได้ไม่ควรรีบออกห่างจากจักรพรรดิ
. ทางยอร์น่าก็พ่นควันสีม่วงของมาจากกล้องยาสูบของเธอ
ทันทีที่ควันแตะโดนรูโหว่บนกำแพง ส่วนที่เสียหายของปราสาทรูริแดงก็ซ่อมแซมตัวเองกลับมาเป็นสภาพเดิม
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็สั่งห้ามไม่ให้พวกวินเซนต์(ปลอม)ไปยุ่งกับพวกสุบารุอีก เพราะว่าพวกเขาหลบหนีออกจากปราสาทได้ตามเงื่อนไข
หญิงสาวกล้าออกคำสั่งกับจักรพรรดิอย่างไม่เกรงกลัว เนื่องจากว่าที่นี่ถือถิ่นของเธอ
ยอร์น่า: ที่นี่คือนครมาร เมืองของข้าน้อย ---กระทั่งคมดาบของเจ้าเด็กสีฟ้านั่นก็มาถึงตัวข้าน้อยไม่ได้เจ้าค่ะ
วินเซนต์(?): คืนนี้พอแค่นี้ก่อน
ยอร์น่า: ขอบพระคุณค่ะ ทีนี้ก็จะได้มีเวลาอ่านจดหมายและเขียนตอบเสียทีค่ะ
ในเมื่อจักรพรรดิยอมให้ยอร์น่าทำตามใจชอบแล้ว ผู้ติดตามอีกสองคนก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปคัดค้าน
. ตอนนั้นเองวินเซนต์หันไปทักผู้ติดตามคนที่สามที่ยืนเงียบมาโดยตลอด
วินเซนต์: ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำเดียว ไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ
อูบิรูค: …นั่นสิขอรับ ก็แบบว่า มีแต่คนที่ได้เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก มันก็ทำให้อ้ำอึ้งแบบนี้แหละนะ
ผู้ติดตามคนที่สามเป็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีฟ้าปิดบังใบหน้ามิดชิด
ถึงปกติชายหนุ่มจะแต่งกายเช่นนี้อยู่แล้ว แต่รอบนี้เขาพันผ้ามิดชิดกว่าเดิมเป็นพิเศษเพราะ “แขก” คนหนึ่ง
(คอนเฟิร์มว่าผู้ติดตามคนนี้คือ “อูบิรูค” ส่วนแขกที่เขาไม่อยากให้เห็นหน้าก็คือ “อัล” เพื่อนเก่า)
. อูบิรูค: คิดซะว่าเป็นมนุษย์หอยในนครแห่งมารก็แล้วกัน ---ดวงดาราเองก็ปรารถนาเช่นนั้น
วินเซนต์(?): ความปรารถนาของดวงดารารึ? ไร้สาระ
อูบิรูค: ถ้าหากว่าใต้เท้าไม่เคารพต่อความปรารถนาของดวงดาราจริงๆ ก็คงไม่ยอมถ่อมาถึงที่นี่ จริงไหมขอรับ?
วินเซนต์ตัวปลอมไม่พอใจที่ “โหราจารย์” ทำเป็นพูดเหมือนรู้เรื่องในใจของตนดี
เขามองไปยังท้องฟ้าที่ถูกปิดกั้นด้วยกำแพง จากนั้นก็แอบกระซิบอยู่คนเดียวว่า---
วินเซนต์(?): ความปรารถนาของดวงดาวอะไร ไร้สาระสิ้นดี
. ทางฝั่งสุบารุที่ร่วงทะลุหลังคาลงมาบนกองฟางก็รอดมาได้โดยมีแค่รอยฟกช้ำ
มีเดียมเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่อัลที่จมอยู่ใต้กองฟางนั้นมีทั้งบาดแผลฉีกขาดและรอยฟกช้ำอยู่ทั่วร่าง
ราวกับว่าอัลนั้นได้แบกรับอาการบาดเจ็บที่สุบารุกับมีเดียมควรจะได้รับมาจากศึกหาทางหนีออกปราสาทก่อนหน้านี้
อัล: เป็นอะไรไป พี่น้อง? …สีหน้าดูไม่ดีเอาซะเลยนั่น
นัตสึมิ: คือว่า…
อัล: ปาฏิหารย์ชัดๆที่พวกเรารอดมาจาก “โน โรป บันจี้(No Rope Bungee Jump)” ได้ แต่พอเห็นทำหน้ากันเหมือนว่าชั้นมีบาดแผลที่หลังแล้วงี้ ถือเป็นความอับอายของนักดาบเลยใช่ปะ?
(อัลเอ็ง Reference One Piece ปะเนี่ย? 🤣)
. สุบารุรู้สึกซาบซึ้งในความทุ่มเทของอัล เลยขอโทษที่เขาประเมินอัลว่าเป็นคนที่ไม่น่าจะพึ่งพาได้ก่อนหน้านี้
ตอนที่พวกสุบารุกำลังที่พากันหนี สาวเขากวาง “ทันซ่า” ที่เป็นเด็กรับใช้ของยอร์น่าก็ปรากฏตัวออกมา
ทันซ่าแจ้งข่าวว่าท่านยอร์น่าได้ยอมรับพวกสุบารุเป็น “ผู้ส่งสาร” ของเธอแล้ว ดังนั้นจะไม่มีใครมาทำร้ายพวกเขาต่อแน่นอน
ในเมืองเคออสเฟลมแห่งนี้ คำพูดของยอร์น่าถือเป็นคำขาด แม้แต่วินเซนต์(ตัวปลอม)ก็ทราบเรื่องนั้นดี
. พอสาวเขากวางโค้งคำนับเตรียมลา สุบารุที่อยากรู้จักตัวตนของยอร์น่า “สีมั่งคั่ง” มากขึ้นก็ถามส่งท้ายเพิ่มอีกอย่าง
นัตสึมิ: คุณทันซ่า ---ในฐานะที่เป็นคนอยู่รับใช้ข้างกาย คุณคิดว่าท่านยอร์น่าเป็นคนยังไงเหรอคะ?
ทันซ่า: ท่านเป็นคนที่หลงใหลทุกอย่างค่ะ รักพวกพ้อง เกลียดชังศัตรู ---นักรักผู้หลงใหลทุกสิ่ง ณ นครมาร
ทันซ่าที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ราวตุ๊กตาแสดงความมีชีวิตชีวาออกมาเล็กน้อยผ่านคำพูดนั้น ก่อนที่จะเดินจากไป
. พวกสุบารุไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อคำพูดของทันซ่า เลยตัดสินใจกลับไปหาวินเซนต์ที่โรงแรมก่อน
วินเซนต์: งั้นรึ “เจ้านั่น” ก็มาเหมือนกันรึ?
นัตสึมิ: ไม่มีอย่างอื่นจะพูดหรือไงคะ? ขอโทษเอย ขออภัยเอย ขออภัยเป็นอย่างสูงเอย?
สุบารุอยากหาพวกช่วยเรียกร้องให้วินเซนต์ขอโทษ แต่อัลที่โดนทาริตต้าพันแผลทั่วตัวเป็นมัมมี่ก็ไม่เอาด้วย
ตอนนั้นเองรุยส่งเสียงโหวกเหวกแบบเด็กน้อยเพราะเธออยากเข้ามาหาสุบารุ แต่มีเดียมก็อุ้มออกไปได้ก่อน
ตั้งแต่ที่สุบารุกลับมาถึง รุยก็ออกอาการอยากพุ่งเข้ามาเกาะแกะเขาไม่ยอมหยุด
. พอทาริตต้าพันแผลเสร็จ อัลก็ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนหลุดจากงานฮัลโลวีนที่แต่งตัวแบบลวกๆ
เซนส์ด้านศิลปะของทาริตต้าทำให้สุบารุคิดถึงเอมิเลียกับเบียทริซ เด็กสาวสองคนที่เขาอยากเจอหน้าจนแทบอดทนไม่ไหว
นี่ก็ผ่านมากว่า 20 วันแล้วที่สุบารุมาหลงอยู่ในจักรวรรดิวอลลาเคีย เขาจึงอยากหาทางกลับไปเจอพวกเอมิเลียให้เร็วที่สุด
. วินเซนต์มั่นใจว่าบุคคลเดียวที่สามารถปลอมตัวเป็นเขาได้อย่างเนียบเนียนคือ “แมงมุมขาว” จิชา โกลด์ แม่ทัพเทวะลำดับที่ 4
จิชาเป็นตัวตายตัวแทนของจักรพรรดิที่ฉลาดหลักแหลม และก็เป็นแม่ทัพเทวะคนแรกที่หักหลังวินเซนต์เช่นกัน
วินเซนต์คาดการณ์ไว้แต่แรกว่าจิชาจะประเมินความคิดของตนออกและมาดักรอที่เมืองเคออสเฟลมเพื่อขัดขวางการรวบรวมแม่ทัพเทวะ
สรุปก็คือ ที่วินเซนต์ไม่ยอมไปหายอร์น่าด้วย ก็เพราะเขาคาดเดาไว้แล้วว่าอาจจะเสี่ยงไปเจอเข้ากับตัวปลอม
. พวกสุบารุพากันไม่พอใจที่วินเซนต์ไม่ยอมเล่าเรื่องยอร์น่าให้ชัด ใครจะคิดว่าเธอจะคลั่งไคล้วินเซนต์ถึงระดับนั้น
วินเซนต์: หัวใจของยอร์น่า มิชิกุเระน่ะไม่ได้หมายปองชั้นหรอก แต่เป็น “จักรพรรดิแห่งวอลลาเคีย” ต่างหาก
นัตสึมิ: แต่นั่นมันก็หมายถึงตัวคุณอยู่ดีนี่คะ? ป่านนี้แล้วคงจะไม่กลับคำว่าตัวคุณเป็นจักรพรรดิปลอม ส่วนเจ้าจักรพรรดิเก๊นั่นเป็นตัวจริงใช่ไหมคะ?
วินเซนต์: โง่เง่า อย่ามองอะไรตื้นๆ สิ ถึงชั้นจะเป็นจักรพรรดิแห่งวอลลาเคียจริง แต่คนอื่นก็เป็นตำแหน่งนั้นได้ ทั้งในอดีตและอนาคต
อัล: เห สรุปแล้ว เป้าหมายของยอร์น่าจังก็คือทรัพย์สมบัติและฐานันดรของอาเบลจังงั้นเหรอ?
วินเซนต์: ยัยนั่นไม่เคยขยายความให้ แต่ก็คงประมานนั้นแหละ ยัยนั่นน่ะต้องการตำแหน่งสูงสุดของจักรวรรดิ… ตำแหน่งสนมเอกแห่งจักรพรรดิยังไงล่ะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นชั้นเลย
. ทาริตต้าสงสัยเนื้อหาของจดหมาย อัลเลยแซวว่าวินเซนต์กะซื้อใจด้วยการยอมรับยอร์น่าเป็นภรรยาหรือเปล่า ยังไงเธอก็เป็นคนสวย
ทางสุบารุนั้นคิดในใจว่าถึงสวยขนาดไหนก็มีลิมิตอยู่ ส่วนตัวแล้วเขาจะไม่มีวันเอาผู้หญิงที่น่ากลัวและเอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างยอร์น่ากับพริสซิลล่าเป็นภรรยาเด็ดขาด
ทว่า สุดท้ายแล้ว วินเซนต์ไม่ยอมเฉลยเนื้อความของจดหมายอยู่ดี
. หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนมายัง “ผู้เฒ่าร้อยเล่ห์” แม่ทัพโอลบาร์ต ที่แทบจะการันตีว่าเป็นหมากของฝ่ายศัตรู
นั่นแปลว่าฝั่งตรงข้ามมีแม่ทัพเทวะลำดับที่ 2 3 4 อยู่ในมือแล้วสามคน แถมยังเป็นตัวเลขระดับท็อปทั้งนั้นเลย
วินเซนต์ขัดว่าอย่าพึ่งด่วนสรุป เพราะโอลบาร์ตเป็นพวกไม่แน่นอนที่อาจจะพร้อมย้ายข้างถ้าหากทางนี้มีข้อต่อรองที่ดีพอ
. สุบารุเอาประเด็นที่อัลเคยรู้จักกับโอลบาร์ตที่เกาะกราดิเอเตอร์กินุนไฮฟ์ขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง
ประเด็นนี้ติดใจวินเซนต์เป็นอย่างมาก จนเขายอมถอดหน้ากากโอนิออกเพื่อบอกว่าจะตอบแทนคุณงามความดีของอัลอย่างแน่นอน
วินเซนต์มั่นใจว่าพวกจักรพรรดิตัวปลอมจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างที่สาวใช้ของยอร์น่าบอกแน่ๆ
สุบารุกับอัลเลยอุ่นใจขึ้นว่าภารกิจสำเร็จไปด้วยดี ที่เหลือพวกเขาก็แค่ต้องรอยอร์น่าตอบจดหมายมาในวันพรุ่งนี้เท่านั้น
. สุบารุอยากนำแส้กิลตี้วิปที่ผ่านการใช้งานหนักไปทำการบำรุงรักษา แต่อยู่ดีๆร่างกายของเขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา
นัตสึมิ: แต่ว่า ง่วงจัง…
ทาริตต้าบอกให้สุบารุไปนอนพักก่อน เธอจะรับช่วงดูแลแส้ของเขาต่อและช่วยเฝ้ายามคืนนี้ให้เอง
รุย: อู!
นัตสึมิ: เธออีกแล้วเหรอคะ…
ตอนนั้นเอง รุยก็เข้ามากระโดดเกาะแขนสุบารุที่กำลังเหนื่อยล้า เขาเลยใช้นิ้วดีดหน้าผากของเธอเพื่อไล่ออกไป
สุดท้ายมีเดียมก็อุ้มตัวรุยหายกลายเข้าไปในประตูอีกครั้ง อัลเดาว่ารุยอาจจะเป็นห่วงที่สุบารุพึ่งเฉียดตายมา
. พอสุบารุกลับมาถึงห้องพัก เขาก็ลบเครื่องสำอางออกและถอดอุปกรณ์แต่งหญิงทั้งหลายเก็บไว้
สุบารุทำความสะอาดวิกผม เสื้อผ้าและรองเท้าแต่งหญิงเล็กน้อยก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ในขณะที่เปลือกตากำลังจะปิดลง สุบารุก็รำลึกถึงเป้าหมายที่ใกล้สำเร็จเต็มทีในวันพรุ่งนี้
สุบารุ: เรม เบียโกะ… เอมิเลีย…ตัน…
คืนนั้นสุบารุฝันถึงเด็กสาวที่รักผู้อยู่ไกลถึงต่างแดน เขาฝันถึงการได้พบพานกันอีกครั้งกับคนสำคัญเหล่านั้น
. เช้าวันต่อมา สุบารุที่นอนหลับเต็มอิ่มก็ถูกปลุกให้ตื่นหลังเขาได้ยินเสียงเอะอะบางอย่างดังมาจากอีกฟากของประตู
สุบารุ: อะไรกัน?
สุบารุช่างใจอยู่ว่าจะแต่งหญิงกลับไปเป็นนัตสึมิเผื่อไว้ดีไหมหรือควรรีบออกไปเช็คสถานการณ์ก่อน
สุบารุ: โอ๊ย!?
แต่พอเขาก้าวลงจากเตียง สุบารุก็กะ “ระยะห่าง” ระหว่างเตียงกับพื้นผิดจนล้มคะมำลงไปกองกับพื้น
สุบารุ: บ้าไปแล้ว…
เขาลุกตัวขึ้นนั่งและพบว่าทุกอย่างในห้องดู “ใหญ่กว่าเดิม” อย่างน่าประหลาด กระทั่งเสื้อผ้าที่สวมก็ยังหลวมโพรก
สุบารุ: เฮ้ยๆๆ อย่ามาล้อกันเล่นนะ นี่มัน… อะไรกัน…?
สุบารุรีบหยิบกระจกแต่งหน้าในกระเป๋าออกมาส่องดู เงาสะท้อนในกระจกยังเป็นภาพของตัวเขาเองอย่างแน่นอน
---เพียงแต่ว่ามันเป็นภาพสะท้อนของ “เด็กชาย” นัตสึกิ สุบารุ ที่เด็กลงกว่าเดิมราว 10 ปีได้
จบตอน