สรุปแล้วแผนการดึงดูดความสนใจของยอร์น่า มิชิกุเระด้วยสโลแกน “อาเบลแม่งน่าโมโห” ก็คือการส่งข้อความลับผ่านสาวใช้ไปให้เธอว่า
“ผู้สมควรมีอำนาจที่แท้จริงต้องการจะคุยด้วยเป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะก่อกบฏต่อจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของวอลลาเคีย”
ที่จริงนัตสึมิไม่ได้โกหกด้วยซ้ำ เนื่องจาก “ผู้สมควรมีอำนาจที่แท้จริง = วินเซนต์(ตัวจริง)” และ “จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน = คนร้ายที่โค่นบัลลังก์ของวินเซนต์”
แต่สุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็ผิดแผนจนพาซวยแบบไม่ได้ตั้งใจ
. คนแรกที่เดือดดาลขึ้นมาพอได้ทราบว่าพวกนัตสึมิคิดจะก่อกบฏต่อใต้เท้าก็คือ “คาฟม่า อิรูลุคซ์”
แต่แทนที่จะโฟกัสไปที่พวกนัตสึมิ คาฟม่าดูจะโมโหยอร์น่าที่ปล่อยให้พวกคิดก่อกบฏเข้าเฝ้าพร้อมกับใต้เท้ามากกว่า หรือไม่เขาก็อาจจะมองว่าพวกนัตสึมิอ่อนแอจนไม่นับเป็นภัย
ระหว่างที่คาฟม่ากับยอร์น่าหาเรื่องกันอยู่ นัตสึมิก็ครุ่นคิดว่าวินเซนต์ตัวปลอมกำลังคิดอะไรอยู่แล้วเผลอหลุดปากออกมา
นัตสึมิ: ฝ่ายนั้นคงไม่โง่พอที่จะยอมพูดออกมาล่ะนะ…
วินเซนต์(?): นี่เจ้า ---ถ้ามีอะไรอยากจะพูด ก็พูดออกมาให้ได้ยินชัดๆ
นัตสึมิ: …ดวงตาฉุนเฉียวน่าดูนะคะนั่น
คาฟม่า: หา!?
นัตสึมิ: อ๊ะ! มะ…ไม่ใช่ค่ะ! ไม่ใช่เลยค่า! เมื่อกี้แค่หลุดปากค่ะ!
. นัตสึมิพยายามจะหาคำพูดแก้ตัวเพื่อแก้ไขสถานการณ์และกะจะถอยกลับไปตั้งหลักให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเจ้าเมืองใหม่วันหลัง
ทว่า เขาก็เหลือบไปเห็นดวงตาของยอร์น่าที่จ้องมาด้วยท่าทีเบื่อหน่ายเสียก่อน
นั่นทำให้นัตสึมิรู้ตัวว่าถ้าหากเลือกถอยกลับตอนนี้ เขาอาจจะหมดโอกาสที่จะได้พูดคุยกับยอร์น่าอีกต่อไปแล้วก็ได้
วินเซนต์(?): ตอบให้ตรงกับที่ใจเจ้าคิด อยากจะพูดอะไรกับเราผู้นี้กันแน่?
นัตสึมิ: คือว่า ---อย่างที่ท่านยอร์น่าพูดไว้เลยค่ะ พวกดิฉันอยากจะขอประกาศสงครามต่อคุณค่ะ
. วินเซนต์ตัวปลอมมีท่าทีใจเย็นเกินคาด เขายกมือห้ามไม่ให้คาฟม่ารีบลงมือด้วย ยอร์น่าเองก็หัวเราะชอบใจ
วินเซนต์: ที่นี่คือดินแดนแห่งหมาป่าดาบ ผู้ที่กล้าพอจะหมายปองศีรษะนี้เท่านั้นถึงจะเป็นประชาชนแห่งจักรวรรดิที่แท้จริง
นัตสึมิ: …ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ
จนถึงตอนนี้ วินเซนต์ตัวปลอมยังคงตีบทบาทได้แนบเนียน จนขนาดนัตสึมิยังเริ่มสงสัยว่า “อาเบล” ที่อยู่กับเขาเป็นตัวจริงแน่หรือเปล่า
. ยอร์น่า: อา~ ข้าน้อยช่างเป็นสตรีที่บาปหนายิ่งนักเจ้าค่ะ พอได้เห็นหนุ่มๆแย่งตัวข้าน้อยกันเช่นนี้ มันก็รุ่มร้อนไปหมด
คาฟม่า: พูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นไปได้… ก่อนอื่นเลย ทางนั้นน่ะมีผู้หญิงอยู่เยอะกว่า เจ้ายังมีหน้าเรียกเป็น “หนุ่มๆ” ได้อีก
ยอร์น่า: ฟุฟุ
คาฟม่า: ใต้เท้า! ออกคำสั่งมาได้เลยขอรับ! จะให้ทำยังไงกับเจ้าพวกนั้น…
โอลบาร์ต: คาฟม่าเอ๊ย เอ็งน่ะ พล่ามไม่หยุดมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว ปล่อยให้ใต้เท้าท่านคิดไปแล้วเราอยู่เงียบๆ ไว้จะดีกว่าน้อ
บุคคลที่สามที่กล่าวแทรกขึ้นมาเป็นชายแก่ร่างเล็กที่เป็นหนึ่งในองครักษ์ของวินเซนต์ตัวปลอม
คาฟม่าให้ความเคารพชายแก่คนนี้อย่างชัดเจนและเรียกเขาว่า “ผู้เฒ่าโอลบาร์ต”
. นัตสึมิเองก็จำได้ว่าเคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อนที่ห้องประชุมในเมืองกัวราล
“โอลบาร์ต ดันคลูเคน” ฉายา [ผู้เฒ่าอำมหิต] แม่ทัพเทวะลำดับ 3 เป็นหนึ่งในองครักษ์ของวินเซนต์ตัวปลอมด้วยเช่นกัน
สรุปคือตอนนี้ฝ่ายศัตรูมีแม่ทัพเทวะแน่ๆแล้วสามคน อาราเคีย จิชาและโอลบาร์ต ในขณะที่ฝั่งวินเซนต์ยังมีแค่ศูนย์
. ตอนที่รู้สึกว่าสถานการณ์กำลังตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ อยู่ๆอัลก็โพล่งถามขึ้นมา
อัล: ---คุณปู่ตรงนั้นน่ะ จำชั้นได้หรือเปล่า?
โอลบาร์ต: เจ้าว่าไงนะ?
นัตสึมิ: อัล อยู่ๆพูดอะไรน่ะ… ตอนนี้เรายิ่งถูกสงสัยทุกการกระทำอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?
อัล: ก็แปลกใจอยู่นะที่นัตสึมิจังยังพูดแบบผู้หญิงได้ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ชั้นก็ไม่ได้ทักแบบไม่คิดหรอก ไม่สิ จะว่าทักแบบคิดก่อนก็ไม่เชิง… เฮ้ คุณปู่! นี่ชั้นเอง ชั้นเองไง ชั้นเองไง!
นัตสึมิ: นั่นมันสูตรต้มตุ๋นแบบ “โอเระโอเระ” ไม่ใช่รึไง…?
โอลบาร์ต: ไม่ไหว ไอ้หนุ่มเอ๊ย ถึงข้าจะแก่แล้ว แต่ก็คงไม่มีทางลืมคนที่รูปลักษณ์แหกคอกอย่างเจ้าหรอก เรารู้จักกันแน่เรอะ ไอ้หนุ่ม?
อัล: ที่จริงเราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก ครั้งก่อนชั้นยังไม่ได้สวมหมวกเหล็กด้วย แต่ก็ไม่มีแขนตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แถมเราได้คุยกันนิดหน่อยด้วยนะ
โอลบาร์ต: ชายแขนเดียวที่เคยคุยกับข้างั้นเรอะ…?
อัล: อืม ใช่ๆ ---คุณหนูอาราเคียก็อยู่ด้วยกัน
โอลบาร์ต: โอ้วว! เจ้าหนุ่มคนนั้นเองเรอะ! คนที่ช่วยอาราคิยึดเกาะกลับมา! จะว่าไปก็ดูคล้ายๆกันอยู่ คักคักคัก ยังไม่ตายหรอกรึเนี่ย
อัล: อื้ม ยังอยู่ดีๆ ดูเหมือนว่าดวงดาราจะโคจรวนกลับมาใหม่น่ะ
(อัลกำลังพูดถึงเหตุการณ์ในเล่ม EX5)
. วินเซนต์ตัวปลอมรู้สึกติดใจขึ้นมาเรื่องที่อัลเป็นคนรู้จักของโอลบาร์ตจากเหตุการณ์ “เมื่อ 8 ปีก่อน”
โอลบาร์ตเลยเล่าว่าอัลกับอาราเคียเคยร่วมมือกันหยุดการก่อกบฏที่เกาะกินุนไฮฟ์
อัลจึงถือโอกาสนี้หน้าด้านทวง “รางวัล” จากจักรพรรดิสำหรับคุณงามความดีของเขาเมื่อ 8 ปีก่อน
วินเซนต์(?): เจ้าอยากได้อะไรล่ะ? ศีรษะของเราผู้นี้งั้นรึ?
อัลปฏิเสธว่าเขาไม่กล้าขอขนาดนั้น แต่หันไปให้สัญญาณกับนัตสึมิแทน
นัตสึมิ: จุดประสงค์ของพวกดิฉันคือการมอบจดหมายฉบับนี้ให้แก่ท่านยอร์น่าค่ะ ถ้าท่านอยากจะให้รางวัลกับสหายของดิฉัน ได้โปรดอนุญาตให้ทำเช่นนั้นด้วยเถอะค่ะ
วินเซนต์(?): จดหมายงั้นรึ?
นัตสึมิ: นี่เป็น “จดหมายรัก” จากนายท่านของพวกเรา… ต่อท่านยอร์น่าค่ะ
. วินเซนต์ปลอมไตร่ตรองสักครู่ จากนั้นก็อนุญาตให้พวกนัตสึมิมอบจบหมายต่อยอร์น่า
เรื่องเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งจักรพรรดิปลอมชูนิ้วขึ้นมา 1 นิ้ว
วินเซนต์(?): ---แต่ว่า อย่างเดียวที่เราผู้นี้อนุญาตคือการมอบจดหมายเท่านั้น เข้าใจที่จะสื่อไหม?
นัตสึมิรีบหันไปถามยอร์น่าทันทีว่าหลังได้รับจดหมายแล้วเธอจะให้คำตอบได้เมื่อไหร่?
ยอร์น่า: ข้าน้อยเองก็เป็นผู้หญิงนะ… ถ้ารีบเปิดจดหมายรักหลังได้รับทันทีมันจะดูไม่งามเจ้าค่ะ เพราะงั้น… ข้าน้อยคงต้องขอเวลาอ่านจดหมายแล้วตอบกลับหลังจากที่แขกกลับไปแล้วเจ้าค่ะ
. นัตสึมิเข้าใจสถานการณ์ทันที เขาเลยเรียกอัลกับมีเดียมให้เตรียมพร้อมรับศึกใหญ่หลังจากนี้
ว่าแล้วเขาก็เดินไปมอบจดหมายให้แก่ยอร์น่า จากนั้นก็หันกลับมาหาจักรพรรดิตัวปลอม
นัตสึมิ: ใต้เท้าเพคะ บัลลังก์ของท่านน่ะ พวกดิฉันจะขอรับไปเองค่ะ
คาฟม่า: กล้าดียังไงมาเห่าหอนใส่ใต้เท้า ไอ้พวกสารเลว!!
พอสิ้นคำท้าทายแบบโจ่งแจ้งของนัตสึมิ คาฟม่าก็เดือดดาลจนเข้ามาโจมตีทันที
เสื้อนอกของคาฟม่าระเบิดออกแล้วมีเถาวัลย์หนามจำนวนมากพุ่งเข้าไปโจมตีพวกนัตสึมิเหมือนฝูงงู
. อัล: ---พูดได้ดี พี่น้อง
อัลกับมีเดียมชักอาวุธออกมาปัดป้องการโจมตีของเถาวัลย์หนามและดึงตัวนัตสึมิออกมาให้พ้นอันตรายได้ทันท่วงที
นัตสึมิ: อึก คุณมีเดียมล่ะ!?
มีเดียม: โอ้! รอดมาได้หวุดหวิดเลย! ถ้าไม่ได้ทำตามที่อัลจินบอกคงตายไปแล้ว!
คาฟม่าใช้เถาวัลย์โจมตียอร์น่าด้วยเช่นกัน แต่เธอก็ใช้พลังบางอย่างทำให้เถาวัลย์มาไม่ถึงตัวเองกับสาวใช้
นัตสึมิ: นี่คือการดวลว่าพวกดิฉันจะออกไปนอกปราสาทได้หรือเปล่า ---อัล คุณมีเดียม! ทางขวา!
อัล: รับทราบ!
มีเดียม: จัดไป!
ดาบมังกรน้ำเงินของอัลและดาบคู่ของมีเดียมผ่าเถาวัลย์ออกแล้วเปิดทางให้พวกเขาเผ่นออกไป
. แต่ก้าววิ่งได้ไม่ทันไร นัตสึมิก็เกือบโดน “เข็ม” ขนาดเท่านิ้วโป้งเจาะกะโหลก โชคดีที่อัลดึงตัวกลับช่วยไว้ได้ทัน
นัตสึมิ: มีทั้งหนามทั้งเข็มเลย คนอะไรซ่อนของชวนตกใจไว้เยอะแบบนี้คะเนี่ย!?
อัล: นั่นน่ะคือ “เผ่ากรงขังแมลง”! พวกมันโจมตีด้วยการใช้แมลงที่อาศัยอยู่ในร่างน่ะ!
นัตสึมิ: มาจากตระกูลอาบุราเมะรึไงเนี่ย! (Reference เรื่องนารูโตะ)
นัตสึมิรู้ดีว่าการออกทางปกติจะเสียเวลาเกินไป พวกเขาเลยตัดสินใจว่าจะใช้ทางลัดกันเสียหน่อย
อัล: ทางขวา! เข่าขวา! ต้นคอ! ช่วงเอวสุดกาม!!
มีเดียม: ฮึบ! ย่าห์! ฮึ่ยย่าห์!
อัลช่วยแจ้งตำแหน่งโจมตีของเถาวัลย์ให้แก่มีเดียมล่วงหน้า ถึงจะมีผสมคำแปลกๆเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยให้เธอสามารถตอบโต้ได้แม่นยำราวกับเห็นอนาคต
. พอไปถึงหน้าต่าง มีเดียมก็ฟันกำแพงให้แหกออกเพื่อเปิดเป็นทางลัดสำหรับหลบหนีฉุกเฉินขึ้นมา
ที่เหลือก็แค่นัตสึมิวิ่งตามหลังพวกมีเดียมออกไป แต่ทว่า---
โอลบาร์ต: โทษทีน้อ แต่ข้าเองก็ต้องทำงานกับเขาเหมือนกัน
นัตสึมิ: อ่อก…
อยู่ดีๆ โอลบาร์ตก็โผล่มาแทรกกลางระหว่างนัตสึมิกับมีเดียม แล้วใช้ฝ่ามือเปล่าๆกระซวกหน้าอกของทั้งคู่จนทะลุ
สติของนัตสึมิค่อยๆเลือนลางลงไป แต่แล้ว…
มีเดียม: นัตสึมิจัง! สบายมากหายห่วง!
นัตสึมิ: เอ๊ะ!?
พอรู้ตัวอีกที แผลที่หน้าอกกับเลือดก็หายไป ทั้งๆที่เขาแน่ใจว่าตัวเองโดนโอลบาร์ตล้วงเอาหัวใจออกไปแล้วเสียอีก
. มีเดียมคว้าคอเสื้อของนัตสึมิแล้วพากันกระโจนออกกำแพงไปที่นอกปราสาท แต่ปัญหาใหม่ก็คือทั้งคู่ต้องดิ่งเวหาลงไปยังพื้นเบื้องล่าง
นัตสึมิก็เลยรีบคว้าแส้คู่ใจออกมา แล้วตวัดมันไปคล้องไว้กับหนึ่งในคานที่ติดไว้เต็มอาคารของนครแห่งนี้เหมือนใยแมงมุม
นัตสึมิ: อัลล่ะ… กรี๊ด!?
อัล: โทษที!
อัลโดนตามออกมาเป็นคนสุดท้าย แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งสามห้อยต่องแต่งอยู่ โดยที่แขนข้างเดียวของสุบารุต้องรับน้ำหนักราว 150 กิโลกรัม
สุดท้ายคานที่ห้อยอยู่ก็หักลงเพราะเถาวัลย์ที่ทะลักออกมาจากปราสาท ทำให้ทั้งสามต้องร่วงหล่นลงไปจากความสูงกว่า 20 เมตร
ใบหน้าของเอมิเลีย เบียทริซและเรมโผล่มาให้สุบารุเห็นตามลำดับ เขาทำใจไว้แล้วว่าไม่รอดแน่ๆ
แต่โชคก็ยังเข้าข้างที่พวกเขาร่วงลงไปที่หลังคาของคอกสัตว์ และมีกองฟางรองรับอยู่เบื้องล่าง
จบตอน