webnovel arc7 chapter41

บทที่ 7 ตอนที่ 41 "พูดคุยพลางจิบชา"

สุบารุ: ประชุมวางแผน!

พวกสุบารุตัดสินใจประชุมด่วนว่าจะทำตามคำขอของเจ้าเมืองยอร์น่าอย่างไรดี ในเมื่อผู้ส่งสารสามคนเมื่อวานกลายเป็นเด็กน้อยไปแล้ว

สุบารุและวินเซนต์เห็นพ้องกันว่าการเปิดเผยความจริงต่อยอร์น่าที่เป็นผู้หญิงประเภทเอาแน่เอานอนไม่ได้นั้นมันสุ่มเสี่ยงเกินไป

อัล: ถึงทางเราจะผ่านปัญหาทั้งหลายแหล่ได้ แต่ถ้าสมมติพี่น้องงานเข้าขึ้นมาก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนะ ถ้าเกิดโดนถามว่า “ที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงนี่ตั้งใจหลอกข้าน้อยงั้นหรือเจ้าคะ” ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?

สุบารุ: ไม่อยากมองแง่ลบไว้ก่อนว่างานจะเข้าแบบนั้นเลย แต่ในกรณีนั้น แต่งตัวเป็นนัตสึมิแบบ “โลลิ” เลยไปดีไหมนะ?

ทาริตต้า: ดะ…เดี๋ยวก่อนค่ะ ขืนทำแบบนั้น ฉันคงสับสนจนเริ่มตามไม่ทันเอานะคะ…

สุบารุสามารถแก้วิกผมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เข้ากับโหมดโลลิแต่งหญิงได้ เขาจึงเก็บไอเดียไว้คิดก่อนว่าจำเป็นแค่ไหน

. พวกสุบารุมีเวลาสามชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัดหมาย อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปเมื่อวาน จะถอยกลับคงไม่คุ้ม

ไหนจะสถานะ “ลดอายุ” ที่ต้องเผชิญอยู่นี่อีก มันไม่ใช่การย้อนวัยที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตยืนยาวขึ้นหรือเป็นอมตะเสียด้วย

โอลบาร์ต: เจ้าอาจจะคิดแบบนั้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้สะดวกแบบนั้นเลย จริงไหมน้อ?

ตอนนั้นเองเสียงของแขกไม่ได้รับเชิญก็ดังขึ้นมากลางห้อง

โอลบาร์ต: ข้าถือวิสาสะชงชาดื่มไปแล้ว มีใครอยากดื่มด้วยไหม?

ชายชราร่างเล็ก แม่ทัพเทวะ “โอลบาร์ต ดันเคิลเคน” ปรากฏตัวออกมาจิบชาชิวๆ โดยที่ไม่มีใครในห้องทันสังเกต

. ทาริตต้าชักธนูมาเตรียมมาเล็งผู้บุกรุกทันที แต่โอลบาร์ตก็พูดล้อเล่นว่ากลัวจนฉี่จะราดด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน

วินเซนต์ทักชื่อของโอลบาร์ตขึ้นมา แต่ฝ่ายตาเฒ่าเหมือนจะไม่รู้ว่าวินเซนต์คือใครเพราะเขายังใส่หน้ากากโอนิไว้

โอลบาร์ตเล่าว่าเขาใช้วิชาชิโนบิย่องเข้ามาในห้องของพวกสุบารุพร้อมๆกับตอนที่ทันซ่าเปิดประตูเข้ามานั่นแหละ

โอลบาร์ตประทับใจในวิชาแต่งหญิงของสุบารุที่ทำให้เขาสับสนว่าเด็กคนไหนคือสาวชุดแดงคนเมื่อวานกันแน่ ถึงขั้นอยากขอวิชาไปสอนที่หมู่บ้านชิโนบิเลย

สุบารุ: ทำไมพวกเราถึงตกอยู่ในสภาพนี้ ถ้ารู้อะไรก็บอกมาตรงๆทีเถอะ…

โอลบาร์ต: อ้อ นั่นน่ะเร้อ ฝีมือข้าเอง น่าสนใจดีใช่ไหมเล่า ศาสตร์ชิโนบิเนี่ย? ถ้ารีบฆ่าจนทำให้อดได้ข้อมูลจะงานเข้าเอา จริงไหมน้อ? เพราะงั้นถึงได้ต้องมีวิชาที่ล้วงข้อมูลได้แบบไม่ต้องฆ่าไว้บ้าง ---น่าสนใจดีว่าไหมเล่า?

มือสังหารเฒ่าสารภาพว่าเขาคือตัวการพลางหัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วจิบชาสบายใจเฉิบ

. ระหว่างที่สุบารุชวนคุย นักสู้ในกลุ่มทั้งสามก็ค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งยืนเพื่อหาจุดโจมตีที่ได้เปรียบ

ฝั่งอัลนั้นแอบย้ายที่ไปยืนขวางประตูทางหนีของโอลบาร์ตไว้ล่วงหน้า แต่เขากับมีเดียมที่ตัวจิ๋วลงจะช่วยสู้ได้ดีแค่ไหนนี่สิ

ตอนนั้นเอง วินเซนต์ก็ถามขัดว่าโอลบาร์ตมีจุดประสงค์อะไร เจ้าเมืองยอร์น่าประกาศออกมาแล้วว่าห้ามแตะต้องพวกตนแท้ๆ

ถ้าพวกโอลบาร์ตไม่ได้เตรียมใจมาบวกกับยอร์น่าคาถิ่นของเธอ การตัดสินใจของเขาก็ถือว่าประหลาดมาก

. โอลบาร์ตสารภาพว่าวินเซนต์(ตัวปลอม)เองก็สั่งให้เขาไม่ต้องยุ่ง ทว่า วิชาหดร่างมันใช้ไปตั้งแต่ระหว่างสู้กันเมื่อวาน

ถ้าหากในเมื่อจะเป็นศัตรูกันในอนาคตอยู่ดี โอลบาร์ตก็เลยชิงทำให้พวกสุบารุตกอยู่ในสภาพอ่อนแอไว้ก่อน

ที่โอลบาร์ตมาหาพวกเขาวันนี้ ก็เพื่อฟังเรื่องราวจากฝั่งสุบารุ ว่าทำไมพวกเขาถึงได้กล้าท้าทายกับองค์จักรพรรดิ

พอฟังจบแล้ว โอลบาร์ตถึงค่อยตัดสินใจอีกทีว่าอยากจะทำอย่างไรต่อไป

. สุบารุมองว่านี่คือโอกาสทอง การได้โอกาสพูดคุยกับ “แม่ทัพเทวะ” เช่นนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ

อีกอย่าง วินเซนต์บอกไว้เมื่อวานด้วยว่าโอลบาร์ตยังไม่มีฝักฝ่ายที่แน่นอน

การได้โอลบาร์ตมาเข้าพวกจะเป็นการเสริมกำลังทัพและแก้สถานะตัวหดไปพร้อมกัน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

แต่กระนั้น วินเซนต์กลับยังไม่ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้โอลบาร์ตรู้ ทำเอาสุบารุรู้สึกลังเลไปด้วย

. โอลบาร์ต: ช่างน่าตลกที่ใบหน้าของมนุษย์บอกอะไรเราได้หลายอย่างกว่าที่คิด รู้ไหมน้อ?

สุบารุ: เอ๋?

โอลบาร์ต: สายตาที่มองกัน สีหน้าและกล้ามเนื้อที่ตื่นเกร็ง …คนเราปากพล่อยได้โดยที่ไม่ต้องขยับปากเลย รู้เปล่า?

สรุปแล้ว โอลบาร์ตไม่ได้มาที่นี่เพื่อ “เจรจา” เขามาเพื่อชวนคุยและล้วงข้อมูลจากรีแอคชั่นของพวกสุบารุต่างหาก

จากการสนทนาสั้นๆ โอลบาร์ตเข้าใจแล้วว่าเจ้านายใหญ่ของกลุ่มสุบารุคือ “เจ้าหนุ่มสวมหน้ากาก”

โอลบาร์ต: เจ้าหนุ่มสวมหน้ากากท่าทางโอหังและไม่หวังพึ่งใครนั่นคือหัวหน้าใช่ไหมน้อ? ขอถามเจ้านั่นหน่อยได้ไหมว่ามาจีบยัยหนูจิ้งจอกนั่นไปเพื่ออะไร?

สุบารุ: ---แล้วถ้าไม่ตอบ จะทำยังไงล่ะ?

โอลบาร์ต: ก็ต้องใช้วิธีบีบให้พูดแบบอื่นแทนสิน้อ? แต่ว่าโดนสั่งห้ามไว้แล้วเลยทำอะไรไม่ค่อยได้ด้วยสิ

. สถานการณ์กลายเป็นการจนมุมทั้งสองฝ่าย เพราะโอลบาร์ตเองก็ลงมือไม่ได้ สุบารุจึงตัดสินใจว่าทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้สถานการณ์นี้คือการให้วินเซนต์เผยตัวจริง

เขาจึงเลือกเดินเกมด้วยการทักวินเซนต์สั้นๆเพื่อขออนุญาต แล้วกล่าวออกไป

สุบารุ: เขาคือจักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคีย

โอลบาร์ต: หือ?

สุบารุ: ถ้าอยากรู้ตัวจริงของเจ้าหนุ่มปิดหน้ากับจุดประสงค์ของพวกเรา ทำไมถึงได้มาพบยอร์น่า นี่แหละคำตอบ…

โอลบาร์ต: เฮ้ยๆ ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นนะเนี่ย

วินเซนต์ไม่ทักท้วงสุบารุ แถมยังถอดหน้ากากโอนิออกแล้วเผยใบหน้าจริงของเขาให้โอลบาร์ตได้เห็น

โอลบาร์ต: ---นี่มันเรื่องใหญ่แล้วสิ ใต้เท้างั้นหรือ? บ้าไปแล้ว ถ้างั้นคนที่อยู่กับข้า---

วินเซนต์: ใช้ปัญญาหงำเหงอะของเจ้าให้เต็มที่ โอลบาร์ต ดันคลูเคน เจ้าทราบคำตอบอยู่แล้ว แค่ดึงมันออกมาก็พอ

โอลบาร์ตรู้ตัวทันทีว่าจักรพรรดิตัวปลอมที่เขาติดตามมาด้วยคือแม่ทัพเทวะ “จิชา โกลด์”

โอลบาร์ต: เท่านี้ที่ข้าสับสนมาตลอดก็กระจ่างเสียที สงสัยอยู่เลยว่าท่านมาพบยัยหนูจิ้งจอกด้วยตัวเองทำไม

สุบารุ: นั่นน่ะ… ก็เพื่อดักทางฝั่งเรายังไงล่ะ

โอลบาร์ต: ฮะฮ้า แก่จนตามคนหัวไวไม่ทันซะแล้วสิข้า ทั้งหนุ่ม ทั้งฉลาด ทั้งทรงเสน่ห์ โลภเกินไปไหมพ่อหนุ่ม? อ้าว ลืมไปว่ากลายเป็นเด็กเพราะฝีมือข้าไปแล้ว คั่กๆๆๆ!

. สุบารุอุ่นใจขึ้นมาว่าสถานการณ์เข้าที่เข้าทางแล้ว เขาจึงบอกให้ทาริตต้าลดธนูลง แต่โอลบาร์ตสวนว่านั่นไม่จำเป็น

---เพราะว่า “อันตราย” ยังไม่หมดไป

โอลบาร์ตมาที่นี่เพื่อฟังเรื่องราวของฝั่งสุบารุ ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้ฟังและตัดสินใจแล้ว

วินเซนต์: เป็นไพ่ที่อ่านทางไม่ออกจริงๆ แต่ดันลงเอยแบบนี้ซะได้

โอลบาร์ต: ไม่สมกับเป็นท่านเลยใต้เท้า ไม่สิ ทางข้านั้แหละที่ไม่เหลือไพ่ในมือ… โชคดีจริงๆที่ได้โอกาสจั่วไพ่ใบนี้ อยากลองมาโดยตลอดเลยล่ะ

วินเซนต์: โฮ่ ลองอะไรงั้นหรือ?

โอลบาร์ต: ความปรารถนาสุดท้ายของตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่งคนนี้ ก็คือการได้ลองเป็นผู้สังหารจักรพรรดิล่ะน้อ

. เมื่อ “ผู้เฒ่าอำมหิต” กล่าวคำปรารถนาอันชั่วร้ายออกมา อัล ทาริตต้าและมีเดียมก็เคลื่อนไหวพร้อมกันเพื่อหยุดยั้งเขา

แต่ทว่า---

โอลบาร์ต: เมื่อวาน คนเดียวที่ข้าอ่านทางไม่ออกก็คือเจ้านั่นแหละน้อ เจ้าหนุ่มแขนเดียว แต่พอตัวเล็กแล้วขยับตัวยากกว่าเดิมใช่ไหม?

อัล: อั่ก…

โอลบาร์ต: วิชาที่มาเรียนรู้ตอนโตน่ะ พอกลายเป็นเด็กมันก็ใช้งานได้ไม่คล่องเท่าเดิมหรอกนะ

ในชั่วพริบตาเดียว โอลบาร์ตได้ใช้มือเปล่ากระซวกลำคอของอัลกับมีเดียม จนเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเป็นน้ำพุจากคอของเด็กทั้งสอง

โอลบาร์ต: เท่านี้เจ้าก็ใช้สิ่งที่หวังพึ่งไม่ได้แล้ว แต่ก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่าลูกไม้เมื่อคราวก่อนคืออะไร แย่เลยๆ

อัลที่เข่าทรุดลงพยายามเอามือห้ามเลือด ส่วนมีเดียมหงายหลังล้มไม่ขยับเขยื้อน บาดแผลของทั้งคู่อยู่ในระดับถึงตายแน่นอน

ส่วนทาริตต้าเอง ก็ถูก “ชูริเคน” เสียบทะลุหน้าอกปักติดกับกำแพง หัวใจของเธอถูกขยี้ทิ้งก่อนที่จะทันได้ยิงธนูสักดอกเสียอีก

. โอลบาร์ต: ก่อนตายข้าอยากลองจุดดอกไม้ไฟลูกใหญ่ดู ถ้าหากถูกประหารเพราะลงมือสังหารจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคงน่ายินดีไม่น้อย

วินเซนต์: อ่านรสนิยมวิปลาสของเจ้าไม่ออกจริงๆ คงเป็นความผิดพลาดของข้าเอง

โอลบาร์ต: คั่กๆๆๆ เดี๋ยวพอใต้เท้าตายแล้ว ข้าจะกลับไปหาจิชา เจ้าจิชานั่นคงจะจัดการประหารข้าได้อย่างเหมาะสมดี

สุบารุ: ดะ…เดี๋ยว

โอลบาร์ต: หืม? โอ้ ลืมไปว่าเจ้ายังอยู่

ที่โอลบาร์ตไม่ได้สังหารสุบารุก็เพราะว่าเขาไม่โจมตีเข้ามา ชิโนบิเฒ่าอ้างว่าเขาฆ่าอีกสามคนเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น

. สุบารุที่อ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไร เอาตัวมายืนบังเพื่อปกป้องวินเซนต์แบบหมดสิ้นหนทาง

รุย: อู…!

โอลบาร์ต: เฮ้ยๆ มีเด็กสาวที่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าอยู่ด้วย วิธีการของใต้เท้าน่าจะไม่ใช่อะไรที่เด็กผู้หญิงจะชอบนักนี่

แล้วรุยก็มายืนบังสุบารุอีกที กลายเป็นโล่มนุษย์สองชั้นแนวตรงที่ไม่ได้ช่วยป้องกันอะไรได้สักนิด

สุบารุ: ชั้นจะไม่ยกโทษให้คุณเด็ดขาด

ในวาระสุดท้ายของสุบารุ ชิโนบิใจมารเห็นเขากับรุยเป็นเพียงตัวเกะกะที่ขัดขวางเป้าหมาย

แล้วในชั่วพริบตาต่อมา โลหิตก็พุ่งกระฉูดออกมาจากร่างเล็กๆของสุบารุ จบลงด้วยการที่เขานอนจมกองเลือดตัวเอง

Death Count: 8

. หลังสุบารุเสียชีวิตลง พลังตายแล้วกลับมาก็ทำงาน สิ่งแรกที่เขาต้องรีบรู้ให้ได้ก็คือ “จุดเซฟ” อยู่ที่ไหน

โอลบาร์ต: ข้าถือวิสาสะชงชาดื่มไปแล้ว มีใครอยากดื่มด้วยไหม?

ทว่า จุดเซฟครั้งใหม่ของนัตสึกิ สุบารุ ดันเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายที่ยากจะลืมเลือน

จบตอน