โอลบาร์ต: ข้าถือวิสาสะชงชาดื่มเองไปแล้ว มีใครอยากดื่มด้วยไหม?
อำนาจ “ตายแล้วกลับมา” พาสุบารุย้อนมายังจุดเซฟสุดเลวร้าย
ทาริตต้าชักธนูเล็งไปยัง “โอลบาร์ต ดันเคิลเคน” ที่เป็นผู้บุกรุก บทสนทนาดำเนินไปแบบเดิมทุกประการ
สุบารุจึงรีบคิดหาหนทางแก้ไขเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่ความตาย แต่เขากลับได้ยินเสียงดูถูกตัวเองว่า [จะทำได้เหรอ?] ดังอยู่ในหัว
[สุบารุ: จะทำได้เหรอ? เมื่อกี้นายพึ่งทำพรรคพวกตัวเองตายยกกลุ่มมานะ]
สุบารุตัดสินใจตบหน้าเรียกสติตัวเองดัง เพี๊ยะ! ทำเอาแทบทุกคนในห้องนั้นตกใจไปตามๆกัน (โอลบาร์ต มีเดียม รุย ส่งเสียงทักว่าสุบารุเป็นอะไร / อัล ทาริตต้าตกใจแต่ไม่พูดอะไร)
คนเดียวในห้องที่รักษาความสุขุมเยือกเย็นไว้ได้และจ้องมองมายังสุบารุราวกับคาดหวังก็คือวินเซนต์
. สุบารุ: โทษทีที่ทำให้ตกใจ …พอดีว่าคึกไปหน่อยน่ะ
โอลบาร์ต: แก้มแดงหมดเลย เป็นเด็กที่ไฟแรงจริงนะ… หืม? นี่หรือว่า? เจ้าคือยัยหนูชุดแดงคนเมื่อวานสินะ? ต๊กกะใจหมดเลย
ในจุดนี้ สุบารุสามารถเลือกใช้ข้อมูลเรื่องที่โอลบาร์ตเป็นตัวการของสถานะตัวหดเพื่อต่อรองได้ แต่ลูปนี้เขาเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น
ทันทีที่โอลบาร์ตรู้ว่าอาเบล = วินเซนต์ วอลลาเคีย นั่นคือเกมโอเวอร์อย่างแน่นอน จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบนั้นอีกไม่ได้
. บทสนทนาดำเนินไปคล้ายๆเดิม แต่รอบนี้สุบารุไม่ได้ปริปากมาก เขาระแวดระวังเต็มที่เพราะอาจจะเผลอให้ข้อมูลโอลบาร์ตผ่านทางสีหน้าได้แบบคราวก่อน
บางทีวิธีการพูดคุยแบบเป็นมิตรของโอลบาร์ตและการปรากฏตัวแบบฉับพลันล้วนแต่เป็นแผนของชิโนบิเฒ่าในการล้วงข้อมูลจากรีแอคชั่นของศัตรู
ในเมื่อลูปนี้ไม่มีคนถาม โอลบาร์ตเลยเปิดเผยว่าเขาคือตัวการที่ทำให้สุบารุ อัลและมีเดียมตัวหดเอง โดยโอลบาร์ตอ้างว่าเขาแค่อยากมาคุย ไม่ได้มาฆ่า
สุบารุรู้ซึ้งดีว่าโอลบาร์ตไม่ได้ล้อเล่น เพราะถ้าโอลบาร์ตเอาจริง พวกเขาสามคนคงได้ตายไปตั้งแต่ตอนที่อยู่ในปราสาทมณีแดงแล้ว
อย่างน้อยสุบารุก็คิดเช่นนั้น แต่ในความจริงแล้ว---
โอลบาร์ต: เอาเถอะ ที่จริงก็พยายามฆ่าอย่างเต็มที่อยู่หรอกนะ แต่ดันถูกขัดขวางไว้ได้หมดเลย ที่ต้องทำแบบนี้(เปลี่ยนให้เป็นเด็ก)ก็เพราะว่าหมดทางเลือกน่ะรู้ไหม? ใช่ไหมล่ะ เจ้าหนุ่ม?
อัล: พูดถึงอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง
โอลบาร์ต: คั่กคั่กคั่กคั่ก! เฉลยลูกเล่นมาหน่อยสิ? ช่วยไม่ได้ล่ะน้อ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากรู้รายละเอียดว่าเจ้าทำแบบนั้นได้ยังไง แล้วจะเก็บไว้เป็นความลับให้
อัล: จะถามกี่ครั้งก็ขอตอบเหมือนเดิม ---พูดถึงอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องด้วย
สุบารุ: …?
. สุบารุตามไม่ทันว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกัน แต่เขาก็ได้เห็นกับตามาแล้วว่าลูกเล่นพิเศษของอัลใช้ไม่ได้ผลในสถานะตัวหดเป็นเด็กในลูปก่อน
ทางที่ดีควรจะเลี่ยงการต่อสู้กับโอลบาร์ตไป แต่จะเลือกหนีก็คงไม่สำเร็จเช่นกัน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการหาวิธีโน้มน้าวให้โอลบาร์ตยอมกลับไปแบบสงบ
แต่จุดเซฟมันก็กระชั้นชิดจนสุบารุไม่มีเวลาไปปรึกษาใครเลย ไม่ต่างจากการถูกจับใส่กรงขังเดียวกันกับสัตว์ร้ายกระหายเลือด
---สุบารุต้องการเวลาคิดมากกว่านี้
. สุบารุพยายามชวนโอลบาร์ตคุยถ่วงเวลา แต่เขามัวพูดจาอ้ำอึ้ง วินเซนต์ที่อ่านสถานการณ์ออกเลยออกตัวชวนโอลบาร์ตคุยแทน
วินเซนต์ชวนโอลบาร์ตคุยเรื่องพลังตัวหด เขามีหน้ากากโอนิบดบังทำให้อีกฝ่ายอ่านสีหน้าไม่ได้ด้วย ได้เปรียบในศึกชิงข้อมูลเต็มๆ แม้จะตั้งใจแค่ถ่วงเวลา
วินเซนต์วิเคราะห์ว่าโอลบาร์ตเป็นตาแก่ที่ทะเยอทะยาน มียศสูงขนาดนี้ในกองทัพก็ยังไม่รู้จักพอ
โอลบาร์ต: แล้ว? สิ่งที่ตัวข้าผู้ยังไม่พึงพอใจต้องการคืออะไรล่ะ?
วินเซนต์: ---ตำแหน่งลำดับ “หนึ่ง”
คำตอบนั้นทำให้โอลบาร์ตชะงักไปชั่วขณะ อัลกับทาริตต้าเลยคิดจะลงมือทำอะไรบางอย่าง ทว่า---
โอลบาร์ต: อย่าคิดวู่วามทำอะไรล่ะ เจ้าหนุ่มแขนเดียว แล้วก็ยัยหนูนักธนู ข้ามองลมหายใจเจ้าออกนะ
อัล: ---ชิ มีตาข้างหลังหรือไงกันนะ
. โอลบาร์ตกับวินเซนต์กลับไปคุยกันเรื่องความทะเยอทะยานของชิโนบิเฒ่ากันต่อ
วินเซนต์เดาถูกทางแล้วว่าโอลบาร์ตมี “ความกระหาย” หวังได้บางสิ่งบางอย่างอยู่ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่การขึ้นเป็นแม่ทัพเทวะลำดับ 1 อย่างที่เขาคาดเดา
เป้าหมายสูงสุดของชิโนบิเฒ่าคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นสิ่งอื่นที่ดำมืดกว่า มันคือความทะเยอทะยานที่โอลบาร์ตยอมทิ้งผลงานทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มันมา
สุบารุ: คุณโอลบาร์ต คุณน่ะไม่ได้ต้องการตำแหน่งลำดับ “หนึ่ง” แต่เป้าหมายคือการฆ่าจักรพรรดิใช่ไหมล่ะ?
ในเมื่อวินเซนต์ไม่อาจหยั่งถึงความมืดในจิตใจเบื้องลึกของลูกน้อง นัตสึกิ สุบารุจึงอาสาเป็นผู้เปิดโปงมันออกมาเอง
. โอลบาร์ตหันมาจ้องสุบารุและพยายามบ่ายเบี่ยงข้อกล่าวหาของเขาด้วยการพูดจาติดตลก สุบารุเลยเปลี่ยนกลยุทธ์การเจรจาใหม่จากลูปก่อนหน้า
สุบารุ: จุดประสงค์ของพวกเราก็อย่างที่ได้ประกาศไว้ที่ปราสาทเมื่อวานนั่นแหละ เราจะทำการโค่นล้มบัลลังก์ของจักรพรรดิ “วินเซนต์ วอลลาเคีย” ซึ่งตรงกับเป้าหมายของคุณพอดีเลยล่ะ
โอลบาร์ต: เดี๋ยวก่อนๆ อย่ามาถือวิสาสะเหมารวมข้าไปเป็นพวกกบฏด้วยคนสิ ระวังไว้หน่อยก็ดี เดี๋ยวข้าได้ตกใจจนฉี่ราดหรอก
สุบารุ: แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือคิดจะหยุดยั้งเรานี่ ขนาดว่าเป็นแม่ทัพใต้อาณัติขององค์จักรพรรดิแท้ๆ
สุบารุกำลังเสี่ยงเดิมพันที่ถ้าหากพลาด อาจทำให้ตายยกทีมแบบคราวก่อน
แต่ถึงแม้โอลบาร์ตจะเป็น “สัตว์ร้ายแห่งความทะเยอทะยาน” ที่พร้อมจะละทิ้งความจงรักภักดี ตัวเขาก็ยังคงต้องเล่นบทเป็น “แม่ทัพเทวะ” ที่ต้องรับคำสั่ง “ห้ามลงมือ” จากจักรพรรดิตัวปลอมอยู่ดี
. วินเซนต์ตัดสินใจเชื่อคำกล่าวหาที่ฟังดูเหลือเชื่อของสุบารุ แต่โอลบาร์ตไม่ยอมงับเหยื่อและคิดจะกลับไปทั้งอย่างงั้น
ทาริตต้ากับมีเดียมเลยท้วงขึ้นมาให้เขาคลายพลังหดร่างให้ก่อน โอลบาร์ตเลยบอกให้มีเดียมรอสัก 10 ปี เดี๋ยวก็โตเท่าเดิมเอง
สุบารุ: ยังไงผมก็คงตอบว่า “ครับ อย่างงั้นเหรอ” แล้วปล่อยให้คุณกลับไปทั้งแบบนั้นไม่ได้ คุณโอลบาร์ต ขอรบกวนให้คุณอยู่ต่ออีกหน่อยเุถอะ…
โอลบาร์ต: อุเหม่ เจ้านั่นแหละที่กล่าวหาข้าเป็นตาเฒ่าวิปลาส ตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่งอย่างข้าคงต้องขอเลือกหน่อยว่าจะคุยกับใครในช่วงเวลาน้อยนิดที่เหลืออยู่บ้าง---
วินเซนต์: ---ถ้างั้น จะขอมอบโอกาสในการสังหารจักรพรรดิให้
. โอลบาร์ตยังคงปฏิเสธว่าพวกสุบารุเข้าใจผิด จนวินเซนต์ต้องเผยเหตุผลเพิ่มเติม
วินเซนต์: ถ้าหากเป้าหมายของเจ้าคือการสังหารจักรพรรดิ เจ้าควรจะมีโอกาสตั้งหลายครั้ง แต่เจ้ากลับไม่เคยลงมือทำเลย ---เพราะว่าเปลวเพลิงแห่ง “ดาบแสงตะวัน” ปกป้องจักรพรรดิอยู่
โอลบาร์ต: โอ้…
วินเซนต์: ข้าสามารถบอกวิธีการข้ามผ่านเปลวเพลิงนั้นให้ได้
โอลบาร์ต: …เจ้าหนุ่ม นึกว่าเป็นแค่คนปิดหน้าที่ไม่ใส่ใจคนแก่ แต่นี่เจ้าเป็นใครกันแน่เนี่ย? เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นน้อ
วินเซนต์: คิดว่าการลวงหลอกกับการล้อเล่นจะช่วยให้ก่อกบฏต่อจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จงั้นเรอะ? ถ้าเป็นเช่นนั้น คนๆนั้นก็คงเป็นพวกเสียสติหรือไม่ก็ยอดคนที่ใจกล้าบ้าบิ่น
โอลบาร์ต: เจ้าหนุ่มน่ะ ไม่ใช่ทั้งสองประเภทสินะ?
วินเซนต์: แน่นอนอยู่แล้ว
. โอลบาร์ตจิบชาเย็นชืดจนหมดแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะข้างๆ จากนั้นก็เตือนพวกสุบารุว่าใกล้ถึงเวลาตีระฆังอัคคีที่นัดกับยอร์น่าแล้ว
พอเห็นมีเดียมเรียกแม่ทัพเทวะว่า “ยอร์น่าจัง” หน้าตาเฉย โอลบาร์ตก็ขำแล้วเปลี่ยนท่าที
เขารู้สึกสนใจวิธีการข้ามผ่าน “ดาบแสงตะวัน” ที่ปกป้องจักรพรรดิแห่งวอลลาเคีย โอลบาร์ตเลยเสนอว่าจะ “เล่นเกม” กับพวกสุบารุ
ถ้าหากว่าปฏิเสธ พวกสุบารุก็จะไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ (คืนร่างกลับเป็นเหมือนเดิม) วินเซนต์จึงออกตัวถามกติกาของเกม
โอลบาร์ต: ---เล่นวิ่งไล่จับ
สุบารุ: …
โอลบาร์ต: เมื่อก่อนข้าเคยเล่นกับพวกคนหนุ่มที่หมู่บ้านอยู่ เกมเข้าใจง่ายดีใช่ไหมล่ะ?
จบตอน