ห้องทำงานของกุสตาฟเป็นห้องกว้างขวางที่มีของเพียงน้อยนิดจัดวางอยู่อย่างเรียบร้อย เช่น โต๊ะทำงาน ตู้หนังสือ และกล่องเก็บอุปกรณ์
พอสุบารุมาถึง กุสตาฟก็กำลังอ่านจดหมายอยู่ เขาเลยบอกให้สุบารุรอก่อน นอกจากทั้งสองคนแล้ว ในห้องทำงานนี้ก็ยังมีเซซิลุสอยู่ด้วย
เซซิลุสยังคงไม่ทุกข์ร้อน ไม่รู้เลยว่าการยั่วโมโหของตนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่สุบารุเข้าร่วมสปาร์ก้ารอบสอง
แถมเซซิลุสยังไม่ได้โผล่หน้าไปชมสปาร์ก้ารอบนี้ด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่เขาไม่ไปก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าสุบารุจะชนะ
. เมื่อกุสตาฟอ่านจดหมายเสร็จเขาก็ตำหนิเด็กสองคนที่คุยกันเจ๊าะแจ๊ะ โดยเฉพาะเซซิลุสที่เข้ามาในห้องทำงานทั้งที่ไม่ได้รับเชิญ
ทว่า เซซิลุสเป็นพวกรักอิสระ อยากไปไหนก็ไป กระทั่งกุสตาฟที่เป็นอุปราชประจำเกาะทาสดาบเองก็ยังมิอาจห้ามเขาได้
สุบารุ: ไม่มีใครหยุดเซสซี่ได้เลยงั้นเหรอ?
เซซิลุส: อา ใช่แล้วครับ ที่เขาเรียกกันว่าได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเพราะเป็นดารานำแสดงเด่นของโลกไงครับ
สุบารุ: ไม่เข้าที่พูดเลยสักนิด แต่ว่า… เอ่อคือ คุณกุสตาฟเป็นคนเรียกชั้นมาที่นี่… ปล่อยให้เซสซี่ฟังด้วยจะดีเหรอ?
กุสตาฟ: …เซ็กมุนต์
เซซิลุส: อย่าใส่ใจเลย ไม่มีใครไล่ผมออกไปได้หรอก อย่าห่วงเลย ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผมจะรับฟังไว้ แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกัน เดี๋ยวผมก็ลืมทันทีเอง ความสามารถในการลืมของผมเนี่ยสุดยอดมากเลยนะ เผลอๆ ตอนนี้ก็ลืมเรื่องสำคัญไปเยอะแล้วเนี่ย
. ในเมื่อห้ามเซซิลุสไม่ได้ กุสตาฟเลยเปิดประเด็นคุยต่อ เขาเริ่มด้วยการตักเตือนสุบารุข้อหาใช้บทลงโทษผิดจุดประสงค์
สาเหตุที่สุบารุถูกลงโทษก็เนื่องจากเขาเคลมว่าจะหลบหนีออกจากเกาะกินุนไฮฟ์ต่อหน้ากุสตาฟ
การตำหนิของกุสตาฟนั้นไร้ซึ่งโทสะหรือความขุ่นเคือง มีเพียงจิตที่มุ่งมั่นการปฏิบัติหน้าที่อย่างแรงกล้า
นั่นทำให้สุบารุสงสัยว่ากุสตาฟมีความสัมพันธ์ยังไงกับจักรพรรดิถึงได้เคารพเขาขนาดนั้น แต่กุสตาฟปฏิเสธว่าเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับอย่างเคร่งครัด
สุบารุ: ในกรณีคุณกุสตาฟเนี่ย แค่ห้าหรือสิบครั้งไม่น่าจะพอ…
สุบารุหวนนึกถึงช่วงสปาร์ก้าที่เขาได้ใช้ “ทฤษฎีสะพานแขวน” เพื่อถามล้วงข้อมูลส่วนตัวจากสหายร่วมทีมในระหว่างสถานการณ์เสี่ยงตาย
แต่กับกุสตาฟที่เยือกเย็นเหมือนเครื่องจักร การทำความรู้จักและตีสนิทจนเขาเปิดใจมันไม่น่าจะง่าย แถมวิธีการนี้ยังใช้นอกสปาร์ก้าไม่ได้ด้วย
. กุสตาฟ: คงต้องขอให้นายสาบานอีกครั้ง ชวาร์ซ ตราบใดที่ยังเป็นทาสดาบแห่งเกาะนี้ ก็จงเชื่อฟังกระผมที่เป็นอุปราช ――ห้ามกระทำการใดที่ขัดต่อพระราชประสงค์ขององค์จักรพรรดิ
ตามเรื่องเล่าที่สุบารุฟังมาจากทาสดาบที่นี่ การลงโทษจะเริ่มต้นจากการตักเตือน จากนั้นก็ส่งไปสปาร์ก้า แล้วถ้ายังแหกกฎซ้ำก็จะถูกลงโทษด้วยกฎคำสาป
เพราะงั้นสุบารุถึงได้อยากลองทดสอบอะไรบางอย่าง
กุสตาฟ: ชวาร์ซ คำตอบล่ะ――
สุบารุ: ――ยังไงก็ โน(No)!
กุสตาฟ: …
สุบารุ: “โน” หมายถึงขอปฏิเสธ โทษทีนะ แต่คงทำตามที่คุณกุสตาฟว่าไม่ได้ ชั้นตัดสินใจแล้วว่าต่อให้จะโดนมองว่าโง่แค่ไหนก็จะหนีออกจากที่นี่
. ความดื้อด้านของสุบารุทำให้ห้องทำงานคุกรุ่นไปด้วยความตึงเครียดดุจแมกมาใกล้ปะทุของกุสตาฟ แต่ว่าเสียงหัวเราะชอบใจของเซซิลุสก็ดังมาขัดซะก่อน
หลังการขัดจังหวะผ่านพ้นไป ทั้งสองก็กลับมาเข้าประเด็น
สุบารุ: จะลงทัณฑ์ชั้นให้รุนแรงกว่าขั้นตำหนิและลงโทษไหม? คุณกุสตาฟ
กุสตาฟ: …ถ้าหากนายไม่ยอมถอนคำพูด ในกรณีเลวร้ายสุด กระผมจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจตามที่ได้รับมอบหมายนะ
สุบารุ: อ๋อเหรอ …งั้นไม่ทำซะเลยล่ะ?
การท้าทายของสุบารุทำให้กุสตาฟหน้าตึงขึ้นมา เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจี้ได้ถูกจุด
สุบารุ: ใช้กฎคำสาปที่ร่ายใส่ทาสดาบทุกคนบนเกาะนี้ลงทัณฑ์ชั้นซะสิ ชั้นเป็นเด็กกระโปกอวดดีที่ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ส่วนคุณกุสตาฟก็เป็นอุปราชของที่นี่ ลงโทษชั้นให้เป็นเยี่ยงอย่างน่าจะเหมาะสมดี ทำเลยสิ แต่ว่า…
กุสตาฟ: …
สุบารุ: คุณกุสตาฟไม่ทำหรอก ไม่สิ ชั้นว่าทำไม่ได้มากกว่า
. สุบารุได้ฟังมาจากปู่นูลและทาสดาบคนอื่นว่าเกาะกินุนไฮฟ์เคยเป็นแดนเถื่อนไร้กฎหมาย แต่พอกุสตาฟได้มาคุม จำนวนคนตายก็น้อยลง
(สุบารุใช้คำเทียบว่า “สวัสดิการแรงงาน” ของที่นี่ดี เซซิลุสเลยได้คำถูกใจที่ไม่เคยได้ยินมาเพิ่มอีก)
สรุปก็คือกุสตาฟไม่ได้อยากฆ่าทาสดาบพร่ำเพรื่อ แต่เขาก็ต้องการบางสิ่งบางอย่างมาขู่ให้กลัวเพือรักษาระเบียบและป้องกันการรวมพลก่อกบฏ เลยเลือกที่จะใช้ “สปาร์ก้า”
ส่วน “กฎคำสาป” นั้น สุบารุไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง โดยเหตุผลรองรับก็คือการที่ “เซซิลุส” ยังมีชีวิตอยู่
เด็กไร้มารยาทอย่างเซซิลุส ยังไงก็น่าจะเคยแหกกฎเกินกำหนดก่อนหน้าสุบารุอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่เป็นไร จะว่าเป็นคนโปรดของกุสตาฟก็ไม่ใช่
เอาตามตรงสุบารุก็ยังไม่ได้มั่นใจ 100% ที่ท้าทายขนาดนี้ทั้งหมดก็เพื่อ “ทดสอบ” ดู ในกรณีเลวร้ายสุด อย่างน้อยเขาก็ได้พิสูจน์การมีอยู่ของกฎคำสาป
สุดท้ายหลังนั่งกอดอกเงียบๆ อยู่นาน กุสตาฟก็ประกาศคำตัดสินของเขาออกมา
กุสตาฟ: ――ตัดสินลงโทษ ชวาร์ซ นายจะโดนส่งไปเข้าร่วม “สปาร์ก้า” ครั้งต่อไป
. หลังเด็กทั้งสองคนออกห้องทำงานมา เซซิลุสก็ดี๊ด๊ายินดีกับชัยชนะของสุบารุ แต่ฝ่ายสุบารุไม่อินด้วยเพราะเขายังไม่ได้นับเซซิลุสเป็นพรรคพวก
สุบารุ: เซสซี่น่ะเป็นมิตรหรือศัตรูของชั้นกันแน่?
เซซิลุส: แบบไหนมันน่าสนุกกว่ากันล่ะ?
สุบารุ: แบบไหนชั้นก็ไม่สนหรอก ยังไงเซสซี่ก็จะเปลี่ยนฝั่งตามอารมณ์ในตอนนั้นอยู่ดี
เซซิลุส: ตอบได้เยี่ยม ขอบอกไว้ก่อนว่าตอนนี้อยู่ฝั่งเดียวกันนะ ณ ตอนนี้สัญชาตญาณของผมมันกระซิบบอกว่าคอยอยู่ดูวีรกรรมสุดโต่งของบัสซูจะน่าสนุกกว่า แต่ก็ขอเตือนไว้ว่ากระทั่งผมเองก็ยังเดาทางอารมณ์ของตัวผมไม่ออกเลย
สุบารุ: อย่างน้อยแฮนเดิล(ควบคุม)การกระทำของตัวเองหน่อยไม่ได้รึไง…
เซซิลุสที่ฝีมือดูเก่งกาจพึ่งพาได้ดันเป็นพวกอารมณ์เหวี่ยงแบบอันตราย สุบารุรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจที่ตัวเขาไม่มีสหายร่วมรบดีๆ เลยนับตั้งแต่มาถึงจักรวรรดิ
สุบารุ: ลงแดง “เอมิเลียอีส” กับ “เบียโทรมิน” จนแทบจะตายอยู่แล้วเนี่ย
เซซิลุส: โฮ่โฮ่ คำที่ไม่คุ้นเคยอีกแล้ว นั่นก็ศัพท์จากภาษาบ้านเกิดของบัสซูเหมือนกันเหรอ?
สุบารุ: เป็นศัพท์ที่ชั้นคิดขึ้นมาเอง มันคือสสารแห่งฝันที่หล่อหลอมครึ่งหนึ่งของตัวชั้นเลย
ถ้าหากให้เปรียบเปรย ความรู้สึกต่อเหล่าคนสำคัญของสุบารุก็สำคัญพอๆ กับครึ่งหนึ่งของตัวเขาจริง ในตอนนี้สุบารุอยากกลับไปเจอเอมิเลียกับเบียทริซจะแย่อยู่แล้ว
. พอสุบารุกับเซซิลุสเดินกลับมาถึงโซนที่พักอาศัย ห้องรับประทานอาหารก็มีทาสดาบกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่ รวมถึงทันซ่าและพวกไวส์ด้วย
แต่ทุกคนกลับนิ่งเงียบกันหมดอย่างน่าประหลาดเมื่อสุบารุกลับมาถึง
สุบารุ: เอ่อคือ เป็นอะไรไปทุกคน? ทำไมถึงเงียบกันจัง
ทันซ่า: …ท่านชวาร์ซ กำลังรออยู่เลยค่ะ
วาจาสุภาพของทันซ่าทำเอาสุบารุไปไม่เป็น เขานึกว่าทุกคนเป็นห่วงเรื่องที่เขาถูกเรียกตัวไปพบกุสตาฟ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย
ทันซ่า: ท่านชวาร์ซ ขออนุญาตถามอะไรหน่อยค่ะ ช่วยตอบให้ทีได้ไหมคะ?
สุบารุ: โอะ โอ้ อือ…ครับ…ได้สิ ถ้าชั้นพอจะตอบได้ล่ะก็นะ…
ทันซ่า: ท่านชวาร์ซ อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับบิดาของท่านค่ะ
สุบารุ: …เรื่องพ่อของชั้นงั้นเรอะ?
เมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกถามเรื่องพ่อกะทันหัน สุบารุจึงเตือนว่าเวลาเขาเล่าเรื่องพ่อจะยาวนะ แต่ทันซ่ากำชับให้ย่อมาสั้นๆ ก็พอ
สุบารุ: พ่อน่ะเป็นแรงบันดาลใจของชั้นเลย เท่สุดๆ แถมยังมีคนรักใคร่เยอะ เป็นจุดศูนย์กลางของทุกคนเสมอ ว่าไงดี เขามีคาริสม่า(เสน่ห์)สูงมาก… อย่างกับว่าเกิดมาเป็นลีดเดอร์(ผู้นำ) เจ๋งสุดๆ
ทันซ่า: …! เป็นจุดศูนย์กลางของผู้คนเสมอ…
สุบารุ: พ่อน่าจะมีงานยากลำบากเพราะเป็นที่พึ่งพาของคนอื่นเสมอ แต่พอมีเวลา พ่อก็คอยดูแลและสั่งสอนชั้นอยู่ตลอด ชั้นน่ะนะ… นับถือเขาสุดๆ เท่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ทุกคน: …
. เมื่อได้พูดถึงพ่ออย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าของแม่ก็ลอยตามมาด้วย มันทั้งเปี่ยมสุขและเศร้าใจยามที่สุบารุนึกถึงท่านทั้งสอง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพ่อแม่คือหนึ่งในเสาหลักที่ค้ำจุนสุบารุมาจนถึงปัจจุบัน
ทันซ่า: ท่านชวาร์ซ คือว่า… ชื่อของท่านพ่อล่ะ?
สุบารุ: เรื่องนั้นน่ะ… โทษทีนะ บอกชื่อพ่อไม่ได้หรอก
ทันซ่า: อึก…
ครั้นจะบอกชื่อพ่อว่า “เคนอิจิ นัตสึกิ” สุบารุก็กลัวจะทำให้ผู้คนสับสนเรื่องชื่อกับนามสกุล เพราะเขาดันเรียกตัวเองว่า “นัตสึกิ ชวาร์ซ” บนเกาะนี้
จะแต่งชื่อใหม่ให้พ่อเป็น “เคนอิจิ ชวาร์ซ” ก็คงทำให้เรื่องซับซ้อนเกินไป เขาเลยเลือกที่จะไม่บอก แต่ว่านั่นกลับทำให้เหล่าทาสดาบพากันเข้าใจผิดยิ่งขึ้นไปอีก
ไวส์: ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเนี่ย…
อิโดร่า: จะเป็นไปได้เหรอ? แต่พวกเราก็ถูกช่วยไว้ด้วยจริงๆ
เฮียอิน: บะ…บอกแล้วไงเล่า! ไงล่ะ ยังคิดว่าชั้นบ้าอยู่มั้ย? ว่าไง เฮ้ยนี่!
สุบารุ: เอ่อ ทุกคน?
ทุกคน: เฮือก!
พอสุบารุทักขึ้นมา เหล่าทาสดาบก็พากันเงียบเหมือนเกรงกลัว จนทำให้เขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมา เหล่าสหายร่วมกลุ่มเลยพากันปลอบใจเขา
ไวส์: ชวาร์ซ ไม่ว่าเอ็งจะเป็นใคร พวกข้าก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก…
อิโดร่า: ฉะ…ฉันเห็นด้วย เข้าใจตรงกันแล้ว ยิ่งรู้สึกอยากร่วมมือกับแก… กับนายยิ่งขึ้นไปอีกนะ ชวาร์ซ
เฮียอิน: เอ้อ โอ้ ใช่แล้วๆ มัวเกร็งทำไมอยู่ได้พวกเอ็ง! ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อย! ยังไงหมอนี่ก็ยังเป็นสหายทาสดาบของพวกเรา พี่น้องของชั้นเอง!
ทาสดาบ 1: ――ใช่แล้ว ยอดเด็กเวร ชวาร์ซ!
ทาสดาบ 2: ว่าแล้วเชียวว่าเอ็งต้องไม่ธรรมดา! ไม่งั้นจะอธิบายเรื่องพวกนั้นยังไง!
ทาสดาบ 3: โอ้ การชี้นำแห่งหมาป่าดาบของพวกเราเอ๋ย! ขอขอบพระคุณที่มอบบุญกุศลให้เราได้พบกันในวันนี้!
เหล่าทาสดาบพากันส่งเสียงเฮครึกครื้นหลังเฮียอินลากสุบารุมายืนกลางวง พวกโอลสันเองก็ออกจากห้องรักษามาร่วมเลี้ยงฉลองให้แก่ชัยชนะของสุบารุในสปาร์ก้าวันนี้
โอลสัน: วันนี้ขอขอบคุณจริงๆ นะ ชวาร์ซ ――ยินดีเหลือเกินที่มีนายอยู่ด้วย
สุบารุรู้สึกอิ่มเอมใจจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมนุษย์กิ้งก่าที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ขอบคุณทั้งน้ำตา
สุบารุ: ทางชั้นเองก็อยากขอบคุณที่พวกนายช่วยเหมือนกัน
เขายังมีคำถามและเรื่องสงสัยอีกมากมาย แต่แค่ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้มันก็คุ้มค่าต่อความพยายามของเขาระหว่างสปาร์ก้ารอบสองแล้ว
. เซซิลุส: ――คุณหนูไม่ไปส่งเสียงเฮกับเขาเหรอครับ?
ทันซ่า: …เรื่องมันซับซ้อนค่ะ
เซซิลุสและทันซ่าแยกวงออกมาเงียบๆ จากงานเลี้ยงฉลองของนัตสึกิ ชวาร์ซ
ถึงแม้ว่าเซซิลุสจะหน้าตาเหมือนคนที่ทันซ่ารู้จัก แต่ร่างกายเด็กของเขาก็ทำให้ทันซ่าเคลือบแคลงใจ ไม่กล้าเปิดเผยใจจริงต่อหน้าเขามากนัก
สุบารุเองก็ไม่ต่างกัน ทว่า เพื่อที่จะได้กลับไปพบกับนายหญิงที่รักแล้ว ทันซ่ารู้ดีว่าสิ่งสำคัญสุดในตอนนี้คืออะไร
ทันซ่า: ท่านยอร์น่า ――ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาท่านชวาร์ซไปก่อนค่ะ
เซซิลุส: เข้าใจล่ะ เป็นสีหน้าที่ทั้งเศร้าโศกและซับซ้อนสุดๆ ไปเลยนะ
ทันซ่า: …
ทันซ่าคิดจะเมินเฉยต่อเซซิลุสที่ไม่ใส่ใจพื้นที่ส่วนตัวของเธอ แต่อยู่ดีๆ เด็กชายกลับเผยรอยยิ้มน่าสยดสยองแบบที่ทันซ่าไม่เคยเห็นมาก่อนออกมา
มิหนำซ้ำประโยคต่อไปที่เซซิลุสเอ่ยขึ้นก็ทำให้ทันซ่าถึงกับสั่นกลัว
เซซิลุส: ――ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักที ผมอาจจะใกล้หมดความอดทนแล้วนะ ว่าไปนั่น
จบตอน