webnovel arc7 chapter69

บทที่ 7 ตอนที่ 69 "มาจากนครจักรพรรดิ"

3 วันผ่านไปหลังสปาร์ก้ารอบที่สองจบลง ก็ยังไม่มีสปาร์ก้ารอบสามจัดขึ้นแต่อย่างใด เพราะไม่มีหน้าใหม่เข้ามา

การประลองแบบถึงตายยามปกติเองก็ไม่มีจัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้เช่นกัน

สุบารุเริ่มมีสหายทาสดาบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นมีประโยชน์ในการหาข้อมูล และเป้าหมายสำคัญที่สุดสำหรับสุบารุในตอนนี้ก็คือ “หอควบคุมสะพานชัก”

หอควบคุมตั้งอยู่ข้างสะพานชัก ไม่มีเวรยามเฝ้า แต่ประตูเหล็กถูกปิดไว้แน่นหนาและต้องใช้กุญแจเปิดเท่านั้น ซึ่งสุบารุเดาว่ากุญแจน่าจะอยู่ที่กุสตาฟ

แต่เขาก็ไม่ชัวร์ว่ากุสตาฟแข็งแกร่งแค่ไหน และจะสามารถใช้กำลังแย่งชิงกุญแจมาได้หรือเปล่า ถ้าเลือกได้สุบารุก็อยากจะขโมยกุญแจเอามากกว่า

. สุบารุลองถามล้วงข้อมูลจากทหารยาม แต่พวกเขาแต่ละคนเหมือนถูกปลูกฝังจากกุสตาฟมาอย่างดีให้ระมัดระวังไม่ปากโป้ง

ระหว่างที่เดินตามหาทหารยามอยู่ที่โถงทางเดิน สุบารุก็เจอเข้ากับไวซ์ที่อ้างว่าเขามาที่นี่เพื่อดูห้องใต้ดิน

เนื่องจากกินุนไฮฟ์เป็นเกาะกลางทะเลสาบ ห้องใต้ดินจึงไม่ได้เชื่อมกับโลกภายนอก มันมีไว้เพื่อทิ้งศพให้สัตว์อสูรวารีกินเพียงเท่านั้น

ตามที่สุบารุได้ยินมา เกาะแห่งนี้เคยมีคนหนีออกไปได้คนหนึ่ง เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้ดูแลคนเก่าถูกไล่ออก

แต่ถึงความเป็นอยู่หลังกุสตาฟมาเป็นผู้ดูแลคนใหม่จะดีขึ้น ไวส์ก็ไม่ขอยอมรับชีวิตที่ถูกกดขี่เป็นทาสดาบไปตลอด

สุบารุเตือนให้ไวซ์พูดเบาๆ เพราะเขากลัวว่าไวซ์จะถูกลงโทษให้เข้าร่วมสปาร์ก้าครั้งหน้าด้วย

ไวซ์: ชวาร์ซ คิดว่าข้ามาที่ห้องใต้ดินทำไมล่ะ… มาเพื่อช่วยเอ็งนั่นแหละ

สุบารุ: …อึก

ไวซ์: เอ็งน่ะคิดจะหนีออกจากที่นี่… ข้าเองก็ขอเอาด้วย… ไม่อยากเป็นทาสดาบอยู่ที่นี่ไปทั้งชีวิตหรอก… ยังมีหนี้ที่ต้องใช้คืนเอ็งอยู่เลย

สุบารุ: ไวซ์ ชั้นน่ะ…

ไวซ์: รู้น่าว่าเอ็งเป็นใคร …แต่ไม่เห็นจะสำคัญ …ข้าน่ะไม่เหมือนกับเฮียอิน ไม่สนยศถาบรรดาศักดิ์ของเอ็งหรอก… ก็แค่อยากเป็นกำลังให้ จำไว้ให้ดี…

. สุบารุชูนิ้วโป้งให้สหายที่ช่วยมอบความอุ่นใจให้เขา แต่ก่อนที่ทั้งสองจะมีโอกาสสอดแนมต่อ สะพานชักก็ถูกยกขึ้นอีกครั้ง

สุบารุกับไวซ์รีบวิ่งกลับที่ชั้นบนเพื่อสอดส่องสะพานชักและแขกหน้าใหม่จากมุมสูง

ระหว่างทางทันซ่ามารวมตัวกับทั้งคู่ เธอยืนยันว่ากุญแจเปิดหอคอยน่าจะอยู่ที่กุสตาฟจริงๆ

ทั้งนี้ สุบารุยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่กฎคำสาปไม่มีอยู่จริงนอกจากทันซ่า กระทั่งไวซ์เขาก็ยังไม่ตัดสินใจบอก

เนื่องจากการกระจายข่าวนี้อาจเป็นอันตราย เช่น ก่อเกิดการรวมพลกบฎจนกลายเป็นสงครามระหว่างฝั่งทาสดาบกับฝั่งผู้ดูแล

จริงอยู่ว่าฝั่งทาสดาบคนเยอะกว่า แต่ทหารยามทุกคนก็มีสัตว์อสูรที่หักเขาไว้แล้วอยู่ใต้อาณัติ

. ทั้งสามมาถึงจุดที่มองเห็นสะพานชักจากมุมสูง ทันเวลาที่ม้าลมกรดสีดำกำลังลากรถเข้ามาพอดี

สุบารุพูดล้อเล่นว่าครั้งนี้คงไม่ใช่คนรู้จักของไวส์หรืออิโดร่าหรอกนะ แต่ไวส์ไม่สนความเป็นตายร้ายดีของคนที่เขารู้จักเท่าไหร่

ทันใดนั้นเองสุบารุก็สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างหน้าใหม่รอบนี้กับรอบก่อน

แขก “หน้าใหม่” รอบนี้ยืนเด่นอยู่บนหลังคารถลาก เธอเป็นหญิงสาวร่างผอมบาง ผิวสีน้ำตาล ผมสีเงินและสวมผ้าปิดตา…

สุบารุ: …!?

ทันซ่า: ทะ…ท่านชวาร์ซ อยู่ดีๆ ทำไมถึงหลบหน้าแบบนั้นคะ?

สุบารุ: ผะ…ผู้หญิงคนนั้น…อันตราย

สุบารุหัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว เขาก้มหัวต่ำลงเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็น

สุบารุ: ――นึกชื่อไม่ออกแล้ว แต่ยัยนั่นเป็น “เก้าแม่ทัพเทวะ”

เธอคือแม่ทัพ “อาราเคีย” ที่เคยเล่นงานพวกสุบารุจนพินาศที่เมืองกัวราลนั่นเอง

. สุบารุทราบข่าวจากอิโดร่าทีหลังว่าแขกหน้าใหม่คราวนี้ไม่ใช่ทาสดาบ แต่เป็นผู้ส่งสารจากนครหลวง

ไวซ์เองก็รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของแม่ทัพสาวได้ เพราะเธอจ้องตาเขากลับทั้งที่น่าจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยเมตร

ทันซ่า: “แม่ทัพเทวะ” ลูกครึ่งเผ่ามนุษย์สุนัข… น่าจะเป็นแม่ทัพชั้นเอก “อาราเคีย” ไม่ผิดแน่

ทันซ่าไม่เคยเจออาราเคียตรงๆ แต่เธอพอจะได้ยินชื่อเสียงเพราะอาราเคียเคยบุกเคออสเฟลมครั้งหนึ่ง ลือกันว่าอาราเคียสามารถเสกไฟปกคลุมส่วนหนึ่งของเมืองได้เลย

ซึ่งศัตรูแบบอาราเคียหรือประเภทที่แข็งแกร่งจนวางแผนรับมือยังไงก็สู้ไม่ได้นี่แหละคือศัตรูที่สุบารุแพ้ทาง

. ทันซ่าพยายามปลอบใจว่าฝั่งอาราเคียน่าจะแค่มาส่งสาร เธอไม่น่าจะมาที่นี่เพราะหมายหัวสุบารุหรือทันซ่าโดยเฉพาะ

ไวส์กับทันซ่าเดาว่าผู้ส่งสารอาจจะมาที่เกาะนี้เกี่ยวกับธุระเรื่องงาน “มหรสพ” ที่ให้พวกคนใหญ่คนโตชมทาสดาบฆ่ากัน

แต่สุบารุมองว่าทั้งจักรพรรดิตัวจริงและตัวปลอมต่างไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการจัดมหรสพระหว่างที่การกบฎยังไม่จบสิ้นลง ดังนั้นมันน่าจะมีเหตุผลอื่น

เนื่องจากสุบารุไม่ได้อยู่ดู ทันซ่าเลยเสริมให้ว่าอาราเคียพาลูกน้องมาด้วยแค่ 4-5 คนและไม่มีใครดูโดดเด่นนอกจากอาราเคีย

. นอกจากเฮียอินที่พอใจกับความปลอดภัยในเกาะแล้ว ทั้งสุบารุ ทันซ่า ไวส์และอิโดร่าต่างอยากหนีออกจากที่นี่กันหมด

เฮียอิน: …แล้วคิดจะทำยังไงกับกฎคำสาปล่ะ?

สุบารุ: จะหาทางทำอะไรกับกฎคำสาปให้เอง ที่จริงก็พอได้เบาะแสแล้วว่าต้องทำยังไง

สุบารุแสดงความมั่นใจออกมาเพื่อคลายกังวลให้แก่พวกเฮียอิน สิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือเป้าหมายของอาราเคียในฐานะผู้ส่งสารจะขัดกับแผนหลบหนีไหม

สุบารุ: ชั้นจะหาทางออกจากเกาะนี้ให้ได้แน่นอน เพราะงั้น――

ทว่า ก่อนที่สุบารุจะพูดจบประโยค เฮียอินก็ล้มฟุบลงในสภาพตาแดงก่ำ ตัวสั่นชักดิ้นชักงอ

และไม่ใช่แค่เฮียอินคนเดียว ทั้งทันซ่า ไวส์และอิโดร่าต่างก็ตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกัน

พอสุบารุพลิกร่างของทันซ่าดู เขาก็พบว่ามีเลือดไหลเอ่อล้นออกมาจากทั้งดวงตา จมูกและหูของเธอ

ตายแล้ว ตายกันหมดแล้ว… ทุกคนนอกจากสุบารุนอนแน่นิ่ง เสียชีวิตในสภาพเลือดท่วมใบหน้ากันหมดแล้ว

. ทันใดนั้นสุบารุก็รู้สึกเจ็บแปลบในหัว เลือดหยดออกมาจากจมูกของเขา หูสองข้างอื้อไปหมดและรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังทะลักออกมา

สุบารุ: แปลก…จัง…

สุบารุมีอาการเดียวกันเพื่อนทั้งสี่ แต่จังหวะเวลาที่เขาออกอาการมันกลับช้ากว่าคนอื่นอยู่เล็กน้อย

สุบารุฝืนตัวลุกขึ้นและเดินออกไปสำรวจโถงทางเดิน แต่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน สุบารุก็ไม่เจอใครเลยนอกจากศพคนตาย ทุกคนมีเลือดไหลออกจากดวงตา จมูกและหู

สุบารุ: ทำไมกัน?

กองซากศพมีทั้งทาสดาบและทหารยามผสมปนเปกันไป ราวกับว่าพวกเขาถูกสังหารแบบไม่เลือกหน้า

สุบารุ: ทำไมกัน?

ทำไมอยู่ดีๆ ทุกคนถึงได้ตายกันหมด

สุบารุ: ทำไม――

??: ――ทำไมนายถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย?

สุบารุรีบหันไปตามเสียงของบุคคลที่สาม เพื่อหวังจะหาคำตอบจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่า ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับทำให้สุบารุตะลึงจนนิ่งไป

??: ก็นึกว่าพวกบนเกาะจะโดนถอนรากถอนโคนไปหมดแล้วซะอีก…

ผู้พูดเป็นทหารจักรวรรดิผมสีส้มอ่อน สวมผ้าโพกหัวสีดำ ใบหน้าและน้ำเสียงท่าทางเป็นมิตร แต่ทั้งหมดนั่นคือฉากหน้าจอมปลอม

สุบารุ: ――ท็อดด์

ทั้งที่สุบารุลืมเลือนชื่อของผู้คนไปเยอะ แต่ชื่อของคนคนนี้คือหนึ่งในชื่อสำคัญที่สุบารุจดจำไว้ไม่ลืมเลือน

ท็อดด์: ――ทำไมนายถึงรู้ชื่อของชั้นได้ล่ะเนี่ย?

“ท็อดด์ แฟงก์” เปลี่ยนท่าทีทันทีที่สุบารุเรียกชื่อเขาและย่นระยะเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว นั่นแหละคือสาเหตุที่เขาเป็นตัวอันตราย

สุบารุพยายามถอยห่าง แต่ร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวย เขาจึงถูกท็อดด์จับมาโขกกับกำแพง

สุบารุ: โอ๊ย…

ท็อดด์: นึกไม่ออกเลย ชั้นไม่เคยลืมใบหน้าที่เคยเห็น แต่นี่กลับเป็นใบหน้าที่ไม่รู้จัก ――ไม่สิ

ท็อดด์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเริ่มทำการดมกลิ่นเส้นผมของสุบารุ

ท็อดด์: นายนี่กลิ่นเหมือนกับคนน่าขนลุกที่ชั้นรู้จักเลย

“ไม่เข้าใจ ทำไมกัน เกลียด กลัว ทำไม ท็อดด์ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

สุบารุ: ทำไม…ทุกคนถึงได้…

ท็อดด์: ทำไมถึงถูกฆ่าเหรอ? ไม่ตอบให้หรอก ในมุมมองของชั้น แค่นายยังรอดอยู่ได้นี่ก็คำนวณผิดพลาดแล้ว

. ท็อดด์ควักมีดแล่เนื้อสัตว์เล่มใหญ่ออกมาจ่อคอสุบารุ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเด็ก ท็อดด์ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการปาดคอทิ้ง

แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่ท็อดด์จะไม่ฆ่าสุบารุและเลือกทรมานเขาเพื่อล้วงข้อมูลแทน ถ้าจะเป็นแบบนั้น สู้ชิงฆ่าตัวตายด้วยยาพิษไปเลยดีกว่――

ท็อดด์: เดี๋ยวนะ

สุบารุ: อ่อก!

ทันใดนั้นเองท็อดด์ก็ล้วงนิ้วเข้าไปในปากของสุบารุ แล้วล้วงจนหยิบถุงยาพิษปนเปื้อนอาเจียนออกมาได้แบบไม่แคร์

ท็อดด์: อะไรล่ะเนี่ย? อย่าบอกนะว่ายาพิษน่ะ?

สุบารุ: …

ท็อดด์: เฮ้ยๆ เป็นเด็กแบบไหนกันเนี่ย? ใส่ยาพิษไว้ในปากตัวเองเผื่อไว้ใช้ฆ่าตัวตายยามฉุกเฉินเหรอ? บ้าไปแล้ว เห็นชีวิตเป็นอะไรเนี่ย

ท็อดด์เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนพลางเช็ดนิ้วมือที่เปื้อนบนเสื้อผ้าของสุบารุ

ท็อดด์: จริงด้วยสิ ไม่ได้กะจะทรมานสักหน่อย อยากใช้ก็เชิญเลย

สุบารุ: นั่นน่ะ…

ท็อดด์: อา ชั้นน่ะยังไงก็ได้ ขอแค่นายตายก็พอ ไม่สนหรอกว่าจะฆ่าตัวตาย มีดชั้นจะได้ไม่ต้องเปื้อนด้วย

ว่าแล้วท็อดด์ก็วางถุงยาพิษกลับใส่ในปากของสุบารุ ให้โอกาสเขากัดมันเพื่อฆ่าตัวตาย

. ในช่วงท้ายสุดของชีวิต สุบารุอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงได้ตายช้ากว่าพวกทันซ่าขนาดนี้

ท็อดด์: จะปล่อยให้เวลาหมด จะฆ่าตัวตาย หรืออยากโดนมีด?

สุบารุ: …

ท็อดด์: เลือกมา

ทันซ่า ไวส์ เฮียอิน อิโดร่า พวกโอลสัน ปู่นูล ทุกคนตายหมดแล้ว ทำไมท็อดด์ถึงไม่เป็นอะไร ทำไมสุบารุถึงกำลังจะตายไปด้วย?

สุบารุตัดสินใจกัดถุงยาพิษจนฉีกและกลืนมันลงคอไป ในวาระสุดท้ายสุบารุบ้วนเลือดที่สำลักใส่ท็อดด์ อย่างน้อยให้เสื้อผ้าเขาเปื้อนไปด้วย

แต่ท็อดด์ก็ยังอุตส่าห์สัญชาตญาณดีจนหลบได้อีก สุบารุจึงได้แต่อาเจียนเป็นเลือดและล้มกองกับพื้น

สุบารุ: อุ อ่อก อ้ากกกกก

เลือดไหลทะลักออกจากจมูกและหู ดวงตาบวมเป่งเหมือนจะระเบิด ความเจ็บปวดทรมานนี้ราวกับว่าทั้งร่างของเขากำลังกรีดร้อง

ร่างกายมันปวดแสบปวดร้อนเหมือนตกนรกทั้งเป็น แค่ความเจ็บปวดนี้ก็ทำให้สุบารุอยากรีบตายไปให้พ้นๆ

ท็อดด์: นายนี่มันบ้าไปแล้ว ――ปกติถ้าอยากได้พิษไว้ฆ่าตัวตาย เขาไม่เลือกพิษที่มันทรมานขนาดนี้กันหรอกนะ

ท็อดด์พึมพำออกมาเบาๆ พลางมองดูสุบารุค่อยๆ จมกองเลือดตัวเองดาย

Death Counts: ??

. ไวซ์: รู้น่าว่าเอ็งเป็นใคร…

สุบารุ: …

ไวซ์: แต่ไม่เห็นจะสำคัญ …ข้าน่ะไม่เหมือนกับเฮียอิน ไม่สนยศถาบรรดาศักดิ์ของเอ็งหรอก… ก็แค่อยากเป็นกำลังให้ จำไว้ให้ดี…

จุดเซฟใหม่ของ “ตายแล้วกลับมา” อยู่ระหว่างช่วงที่สุบารุกำลังคุยกับไวซ์บริเวณห้องใต้ดิน

สุบารุ: อา…อา…

ไวส์: ชวาร์ซ?

สุบารุ: อ้ากกกกกกก!!

ทว่า ความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างมันยังคงตกค้าง สุบารุจึงนอนคุดคู้และแหกปากตะโกนเพื่อขับไล่ยาพิษที่ไม่ได้มีอยู่ให้ออกไปจากร่าง

สุบารุ: อ่อก อ้ากกกกกก!!

ความทรมานจากการใช้ยาพิษฆ่าตัวตายนี้เป็นเหมือนเครื่องย้ำเตือนว่าไม่มีความตายครั้งไหนที่ง่ายต่อสุบารุ

จบตอน