3 วันผ่านไปหลังสปาร์ก้ารอบที่สองจบลง ก็ยังไม่มีสปาร์ก้ารอบสามจัดขึ้นแต่อย่างใด เพราะไม่มีหน้าใหม่เข้ามา
การประลองแบบถึงตายยามปกติเองก็ไม่มีจัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้เช่นกัน
สุบารุเริ่มมีสหายทาสดาบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นมีประโยชน์ในการหาข้อมูล และเป้าหมายสำคัญที่สุดสำหรับสุบารุในตอนนี้ก็คือ “หอควบคุมสะพานชัก”
หอควบคุมตั้งอยู่ข้างสะพานชัก ไม่มีเวรยามเฝ้า แต่ประตูเหล็กถูกปิดไว้แน่นหนาและต้องใช้กุญแจเปิดเท่านั้น ซึ่งสุบารุเดาว่ากุญแจน่าจะอยู่ที่กุสตาฟ
แต่เขาก็ไม่ชัวร์ว่ากุสตาฟแข็งแกร่งแค่ไหน และจะสามารถใช้กำลังแย่งชิงกุญแจมาได้หรือเปล่า ถ้าเลือกได้สุบารุก็อยากจะขโมยกุญแจเอามากกว่า
. สุบารุลองถามล้วงข้อมูลจากทหารยาม แต่พวกเขาแต่ละคนเหมือนถูกปลูกฝังจากกุสตาฟมาอย่างดีให้ระมัดระวังไม่ปากโป้ง
ระหว่างที่เดินตามหาทหารยามอยู่ที่โถงทางเดิน สุบารุก็เจอเข้ากับไวซ์ที่อ้างว่าเขามาที่นี่เพื่อดูห้องใต้ดิน
เนื่องจากกินุนไฮฟ์เป็นเกาะกลางทะเลสาบ ห้องใต้ดินจึงไม่ได้เชื่อมกับโลกภายนอก มันมีไว้เพื่อทิ้งศพให้สัตว์อสูรวารีกินเพียงเท่านั้น
ตามที่สุบารุได้ยินมา เกาะแห่งนี้เคยมีคนหนีออกไปได้คนหนึ่ง เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้ดูแลคนเก่าถูกไล่ออก
แต่ถึงความเป็นอยู่หลังกุสตาฟมาเป็นผู้ดูแลคนใหม่จะดีขึ้น ไวส์ก็ไม่ขอยอมรับชีวิตที่ถูกกดขี่เป็นทาสดาบไปตลอด
สุบารุเตือนให้ไวซ์พูดเบาๆ เพราะเขากลัวว่าไวซ์จะถูกลงโทษให้เข้าร่วมสปาร์ก้าครั้งหน้าด้วย
ไวซ์: ชวาร์ซ คิดว่าข้ามาที่ห้องใต้ดินทำไมล่ะ… มาเพื่อช่วยเอ็งนั่นแหละ
สุบารุ: …อึก
ไวซ์: เอ็งน่ะคิดจะหนีออกจากที่นี่… ข้าเองก็ขอเอาด้วย… ไม่อยากเป็นทาสดาบอยู่ที่นี่ไปทั้งชีวิตหรอก… ยังมีหนี้ที่ต้องใช้คืนเอ็งอยู่เลย
สุบารุ: ไวซ์ ชั้นน่ะ…
ไวซ์: รู้น่าว่าเอ็งเป็นใคร …แต่ไม่เห็นจะสำคัญ …ข้าน่ะไม่เหมือนกับเฮียอิน ไม่สนยศถาบรรดาศักดิ์ของเอ็งหรอก… ก็แค่อยากเป็นกำลังให้ จำไว้ให้ดี…
. สุบารุชูนิ้วโป้งให้สหายที่ช่วยมอบความอุ่นใจให้เขา แต่ก่อนที่ทั้งสองจะมีโอกาสสอดแนมต่อ สะพานชักก็ถูกยกขึ้นอีกครั้ง
สุบารุกับไวซ์รีบวิ่งกลับที่ชั้นบนเพื่อสอดส่องสะพานชักและแขกหน้าใหม่จากมุมสูง
ระหว่างทางทันซ่ามารวมตัวกับทั้งคู่ เธอยืนยันว่ากุญแจเปิดหอคอยน่าจะอยู่ที่กุสตาฟจริงๆ
ทั้งนี้ สุบารุยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่กฎคำสาปไม่มีอยู่จริงนอกจากทันซ่า กระทั่งไวซ์เขาก็ยังไม่ตัดสินใจบอก
เนื่องจากการกระจายข่าวนี้อาจเป็นอันตราย เช่น ก่อเกิดการรวมพลกบฎจนกลายเป็นสงครามระหว่างฝั่งทาสดาบกับฝั่งผู้ดูแล
จริงอยู่ว่าฝั่งทาสดาบคนเยอะกว่า แต่ทหารยามทุกคนก็มีสัตว์อสูรที่หักเขาไว้แล้วอยู่ใต้อาณัติ
. ทั้งสามมาถึงจุดที่มองเห็นสะพานชักจากมุมสูง ทันเวลาที่ม้าลมกรดสีดำกำลังลากรถเข้ามาพอดี
สุบารุพูดล้อเล่นว่าครั้งนี้คงไม่ใช่คนรู้จักของไวส์หรืออิโดร่าหรอกนะ แต่ไวส์ไม่สนความเป็นตายร้ายดีของคนที่เขารู้จักเท่าไหร่
ทันใดนั้นเองสุบารุก็สังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างหน้าใหม่รอบนี้กับรอบก่อน
แขก “หน้าใหม่” รอบนี้ยืนเด่นอยู่บนหลังคารถลาก เธอเป็นหญิงสาวร่างผอมบาง ผิวสีน้ำตาล ผมสีเงินและสวมผ้าปิดตา…
สุบารุ: …!?
ทันซ่า: ทะ…ท่านชวาร์ซ อยู่ดีๆ ทำไมถึงหลบหน้าแบบนั้นคะ?
สุบารุ: ผะ…ผู้หญิงคนนั้น…อันตราย
สุบารุหัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว เขาก้มหัวต่ำลงเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็น
สุบารุ: ――นึกชื่อไม่ออกแล้ว แต่ยัยนั่นเป็น “เก้าแม่ทัพเทวะ”
เธอคือแม่ทัพ “อาราเคีย” ที่เคยเล่นงานพวกสุบารุจนพินาศที่เมืองกัวราลนั่นเอง
. สุบารุทราบข่าวจากอิโดร่าทีหลังว่าแขกหน้าใหม่คราวนี้ไม่ใช่ทาสดาบ แต่เป็นผู้ส่งสารจากนครหลวง
ไวซ์เองก็รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของแม่ทัพสาวได้ เพราะเธอจ้องตาเขากลับทั้งที่น่าจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยเมตร
ทันซ่า: “แม่ทัพเทวะ” ลูกครึ่งเผ่ามนุษย์สุนัข… น่าจะเป็นแม่ทัพชั้นเอก “อาราเคีย” ไม่ผิดแน่
ทันซ่าไม่เคยเจออาราเคียตรงๆ แต่เธอพอจะได้ยินชื่อเสียงเพราะอาราเคียเคยบุกเคออสเฟลมครั้งหนึ่ง ลือกันว่าอาราเคียสามารถเสกไฟปกคลุมส่วนหนึ่งของเมืองได้เลย
ซึ่งศัตรูแบบอาราเคียหรือประเภทที่แข็งแกร่งจนวางแผนรับมือยังไงก็สู้ไม่ได้นี่แหละคือศัตรูที่สุบารุแพ้ทาง
. ทันซ่าพยายามปลอบใจว่าฝั่งอาราเคียน่าจะแค่มาส่งสาร เธอไม่น่าจะมาที่นี่เพราะหมายหัวสุบารุหรือทันซ่าโดยเฉพาะ
ไวส์กับทันซ่าเดาว่าผู้ส่งสารอาจจะมาที่เกาะนี้เกี่ยวกับธุระเรื่องงาน “มหรสพ” ที่ให้พวกคนใหญ่คนโตชมทาสดาบฆ่ากัน
แต่สุบารุมองว่าทั้งจักรพรรดิตัวจริงและตัวปลอมต่างไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการจัดมหรสพระหว่างที่การกบฎยังไม่จบสิ้นลง ดังนั้นมันน่าจะมีเหตุผลอื่น
เนื่องจากสุบารุไม่ได้อยู่ดู ทันซ่าเลยเสริมให้ว่าอาราเคียพาลูกน้องมาด้วยแค่ 4-5 คนและไม่มีใครดูโดดเด่นนอกจากอาราเคีย
. นอกจากเฮียอินที่พอใจกับความปลอดภัยในเกาะแล้ว ทั้งสุบารุ ทันซ่า ไวส์และอิโดร่าต่างอยากหนีออกจากที่นี่กันหมด
เฮียอิน: …แล้วคิดจะทำยังไงกับกฎคำสาปล่ะ?
สุบารุ: จะหาทางทำอะไรกับกฎคำสาปให้เอง ที่จริงก็พอได้เบาะแสแล้วว่าต้องทำยังไง
สุบารุแสดงความมั่นใจออกมาเพื่อคลายกังวลให้แก่พวกเฮียอิน สิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือเป้าหมายของอาราเคียในฐานะผู้ส่งสารจะขัดกับแผนหลบหนีไหม
สุบารุ: ชั้นจะหาทางออกจากเกาะนี้ให้ได้แน่นอน เพราะงั้น――
ทว่า ก่อนที่สุบารุจะพูดจบประโยค เฮียอินก็ล้มฟุบลงในสภาพตาแดงก่ำ ตัวสั่นชักดิ้นชักงอ
และไม่ใช่แค่เฮียอินคนเดียว ทั้งทันซ่า ไวส์และอิโดร่าต่างก็ตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกัน
พอสุบารุพลิกร่างของทันซ่าดู เขาก็พบว่ามีเลือดไหลเอ่อล้นออกมาจากทั้งดวงตา จมูกและหูของเธอ
ตายแล้ว ตายกันหมดแล้ว… ทุกคนนอกจากสุบารุนอนแน่นิ่ง เสียชีวิตในสภาพเลือดท่วมใบหน้ากันหมดแล้ว
. ทันใดนั้นสุบารุก็รู้สึกเจ็บแปลบในหัว เลือดหยดออกมาจากจมูกของเขา หูสองข้างอื้อไปหมดและรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังทะลักออกมา
สุบารุ: แปลก…จัง…
สุบารุมีอาการเดียวกันเพื่อนทั้งสี่ แต่จังหวะเวลาที่เขาออกอาการมันกลับช้ากว่าคนอื่นอยู่เล็กน้อย
สุบารุฝืนตัวลุกขึ้นและเดินออกไปสำรวจโถงทางเดิน แต่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน สุบารุก็ไม่เจอใครเลยนอกจากศพคนตาย ทุกคนมีเลือดไหลออกจากดวงตา จมูกและหู
สุบารุ: ทำไมกัน?
กองซากศพมีทั้งทาสดาบและทหารยามผสมปนเปกันไป ราวกับว่าพวกเขาถูกสังหารแบบไม่เลือกหน้า
สุบารุ: ทำไมกัน?
ทำไมอยู่ดีๆ ทุกคนถึงได้ตายกันหมด
สุบารุ: ทำไม――
??: ――ทำไมนายถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย?
สุบารุรีบหันไปตามเสียงของบุคคลที่สาม เพื่อหวังจะหาคำตอบจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่า ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับทำให้สุบารุตะลึงจนนิ่งไป
??: ก็นึกว่าพวกบนเกาะจะโดนถอนรากถอนโคนไปหมดแล้วซะอีก…
ผู้พูดเป็นทหารจักรวรรดิผมสีส้มอ่อน สวมผ้าโพกหัวสีดำ ใบหน้าและน้ำเสียงท่าทางเป็นมิตร แต่ทั้งหมดนั่นคือฉากหน้าจอมปลอม
สุบารุ: ――ท็อดด์
ทั้งที่สุบารุลืมเลือนชื่อของผู้คนไปเยอะ แต่ชื่อของคนคนนี้คือหนึ่งในชื่อสำคัญที่สุบารุจดจำไว้ไม่ลืมเลือน
ท็อดด์: ――ทำไมนายถึงรู้ชื่อของชั้นได้ล่ะเนี่ย?
“ท็อดด์ แฟงก์” เปลี่ยนท่าทีทันทีที่สุบารุเรียกชื่อเขาและย่นระยะเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว นั่นแหละคือสาเหตุที่เขาเป็นตัวอันตราย
สุบารุพยายามถอยห่าง แต่ร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวย เขาจึงถูกท็อดด์จับมาโขกกับกำแพง
สุบารุ: โอ๊ย…
ท็อดด์: นึกไม่ออกเลย ชั้นไม่เคยลืมใบหน้าที่เคยเห็น แต่นี่กลับเป็นใบหน้าที่ไม่รู้จัก ――ไม่สิ
ท็อดด์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเริ่มทำการดมกลิ่นเส้นผมของสุบารุ
ท็อดด์: นายนี่กลิ่นเหมือนกับคนน่าขนลุกที่ชั้นรู้จักเลย
“ไม่เข้าใจ ทำไมกัน เกลียด กลัว ทำไม ท็อดด์ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
สุบารุ: ทำไม…ทุกคนถึงได้…
ท็อดด์: ทำไมถึงถูกฆ่าเหรอ? ไม่ตอบให้หรอก ในมุมมองของชั้น แค่นายยังรอดอยู่ได้นี่ก็คำนวณผิดพลาดแล้ว
. ท็อดด์ควักมีดแล่เนื้อสัตว์เล่มใหญ่ออกมาจ่อคอสุบารุ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเด็ก ท็อดด์ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการปาดคอทิ้ง
แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่ท็อดด์จะไม่ฆ่าสุบารุและเลือกทรมานเขาเพื่อล้วงข้อมูลแทน ถ้าจะเป็นแบบนั้น สู้ชิงฆ่าตัวตายด้วยยาพิษไปเลยดีกว่――
ท็อดด์: เดี๋ยวนะ
สุบารุ: อ่อก!
ทันใดนั้นเองท็อดด์ก็ล้วงนิ้วเข้าไปในปากของสุบารุ แล้วล้วงจนหยิบถุงยาพิษปนเปื้อนอาเจียนออกมาได้แบบไม่แคร์
ท็อดด์: อะไรล่ะเนี่ย? อย่าบอกนะว่ายาพิษน่ะ?
สุบารุ: …
ท็อดด์: เฮ้ยๆ เป็นเด็กแบบไหนกันเนี่ย? ใส่ยาพิษไว้ในปากตัวเองเผื่อไว้ใช้ฆ่าตัวตายยามฉุกเฉินเหรอ? บ้าไปแล้ว เห็นชีวิตเป็นอะไรเนี่ย
ท็อดด์เอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนพลางเช็ดนิ้วมือที่เปื้อนบนเสื้อผ้าของสุบารุ
ท็อดด์: จริงด้วยสิ ไม่ได้กะจะทรมานสักหน่อย อยากใช้ก็เชิญเลย
สุบารุ: นั่นน่ะ…
ท็อดด์: อา ชั้นน่ะยังไงก็ได้ ขอแค่นายตายก็พอ ไม่สนหรอกว่าจะฆ่าตัวตาย มีดชั้นจะได้ไม่ต้องเปื้อนด้วย
ว่าแล้วท็อดด์ก็วางถุงยาพิษกลับใส่ในปากของสุบารุ ให้โอกาสเขากัดมันเพื่อฆ่าตัวตาย
. ในช่วงท้ายสุดของชีวิต สุบารุอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงได้ตายช้ากว่าพวกทันซ่าขนาดนี้
ท็อดด์: จะปล่อยให้เวลาหมด จะฆ่าตัวตาย หรืออยากโดนมีด?
สุบารุ: …
ท็อดด์: เลือกมา
ทันซ่า ไวส์ เฮียอิน อิโดร่า พวกโอลสัน ปู่นูล ทุกคนตายหมดแล้ว ทำไมท็อดด์ถึงไม่เป็นอะไร ทำไมสุบารุถึงกำลังจะตายไปด้วย?
สุบารุตัดสินใจกัดถุงยาพิษจนฉีกและกลืนมันลงคอไป ในวาระสุดท้ายสุบารุบ้วนเลือดที่สำลักใส่ท็อดด์ อย่างน้อยให้เสื้อผ้าเขาเปื้อนไปด้วย
แต่ท็อดด์ก็ยังอุตส่าห์สัญชาตญาณดีจนหลบได้อีก สุบารุจึงได้แต่อาเจียนเป็นเลือดและล้มกองกับพื้น
สุบารุ: อุ อ่อก อ้ากกกกก
เลือดไหลทะลักออกจากจมูกและหู ดวงตาบวมเป่งเหมือนจะระเบิด ความเจ็บปวดทรมานนี้ราวกับว่าทั้งร่างของเขากำลังกรีดร้อง
ร่างกายมันปวดแสบปวดร้อนเหมือนตกนรกทั้งเป็น แค่ความเจ็บปวดนี้ก็ทำให้สุบารุอยากรีบตายไปให้พ้นๆ
ท็อดด์: นายนี่มันบ้าไปแล้ว ――ปกติถ้าอยากได้พิษไว้ฆ่าตัวตาย เขาไม่เลือกพิษที่มันทรมานขนาดนี้กันหรอกนะ
ท็อดด์พึมพำออกมาเบาๆ พลางมองดูสุบารุค่อยๆ จมกองเลือดตัวเองดาย
Death Counts: ??
. ไวซ์: รู้น่าว่าเอ็งเป็นใคร…
สุบารุ: …
ไวซ์: แต่ไม่เห็นจะสำคัญ …ข้าน่ะไม่เหมือนกับเฮียอิน ไม่สนยศถาบรรดาศักดิ์ของเอ็งหรอก… ก็แค่อยากเป็นกำลังให้ จำไว้ให้ดี…
จุดเซฟใหม่ของ “ตายแล้วกลับมา” อยู่ระหว่างช่วงที่สุบารุกำลังคุยกับไวซ์บริเวณห้องใต้ดิน
สุบารุ: อา…อา…
ไวส์: ชวาร์ซ?
สุบารุ: อ้ากกกกกกก!!
ทว่า ความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างมันยังคงตกค้าง สุบารุจึงนอนคุดคู้และแหกปากตะโกนเพื่อขับไล่ยาพิษที่ไม่ได้มีอยู่ให้ออกไปจากร่าง
สุบารุ: อ่อก อ้ากกกกกก!!
ความทรมานจากการใช้ยาพิษฆ่าตัวตายนี้เป็นเหมือนเครื่องย้ำเตือนว่าไม่มีความตายครั้งไหนที่ง่ายต่อสุบารุ
จบตอน