
บทที่ 7 ตอนที่ 81 "ยอดสตรีและตัวตลก"
รอสวาลเดินทางมาพบกับคนรู้จักเก่า ซึ่งเป็นหญิงสาวร่างสูงเพรียว เธอเหน็บดาบไว้ที่เอวและมีแผลเป็นรอยใหญ่เป็นเอกลักษณ์อยู่บนใบหน้า
ทั้งสองเสวนากันถึงจักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคีย ผู้ที่สามารถปกครองจักรวรรดิให้สงบได้อย่างน่าเหลือเชื่อจนมีฉายาว่า “ผู้ใฝ่สันติ”
หญิงสาว: แต่อย่างฝ่าบาทคงไม่พอใจที่ถูกเรียกว่า “ผู้ใฝ่สันติ” นักหรอก
รอสวาล: ง้าน~ หรอกเหรอ? ไม่สำคัญว่าจะชอบหรือไม่ชอบ แต่การที่ผลงานไม่ได้รับการยอมรับมันไม่แย่กว่าหรือไง? อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าความมั่นคงของประเทศคือสิ่งที่องค์จักรพรรดิปรารถนาหรอกเหรอ?
หญิงสาว: เช่นนั้นแล้ว นายล่ะ ภาคภูมิใจที่ถูกเรียกว่า “ผู้คลั่งไคล้อมนุษย์” หรือเปล่า?
รอสวาล: แน่นอนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรมันก็เป็นฉายาที่ฉันตั้งใจเผยแพร่ออกไปเองงายล่า~
หญิงสาว: ไม่ไหวๆ เปรียบเทียบผิดคนแล้วสิ ช่วงนี้ฉันได้เจอแต่สหายเก่าที่นิสัยเพี้ยนๆ แต่เพราะงั้นถึงได้ไม่เบื่อล่ะนะ
หญิงสาวผู้นี้คือขุนนางชนชั้นสูงแห่งจักรวรรดิวอลลาเคีย ――“ขุนนางแผดเผา” เซรีน่า ดราครอย
. รอสวาลหยิบถ้วยชาบนโต๊ะมาซด แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาสูญเสียประสาทการรับรสไปแล้ว คนที่จะวิจารณ์รสชาติได้ จึงเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างตัวเขาแทน
รัม: ใบชาแก่หมดแล้วนี่ ขอแนะนำให้เปลี่ยนคนชงชาค่ะ
เซรีน่า: ที่จริงแล้ว ช่วงนี้ทางบ้านค่อนข้างวุ่นวาย ฉันเลยเป็นคนชงชานี่เอง
รัม: งั้นเองเหรอ ถ้างั้น ขอแนะนำให้เลิกชงจะดีกว่านะคะ
เซรีน่า: ช่างเป็นเด็กสาวที่ยากจะหยั่งถึง ถูกใจแฮะ ได้ภรรยาดีนี่นา?
รอสวาล: ถ้าเสียมารยาทเกินไปมันจะกลายเป็นการดูหมิ่นอาว~น้า เมื่อกี้เป็นแค่มุขตลก อย่าได้พูดอะไรเกินจำเป็นล่ะ รัม
รัม: รับทราบแล้วค่ะ “ที่รัก”
รอสวาล: …เซรีน่า ขอยืนยันคำเดิม เธอคนนี้คือบริวารของฉัน ม่ายช่าย~ภรรยานะ
. สมัยที่เซรีน่ายังเป็นวัยรุ่น เธอเคยเดินทางมายังราชอาณาจักรลุกุนิก้าเพื่อทำธุระและได้ช่วยยุติข้อพิพาทบางอย่างที่เกิดขึ้นเอาไว้
และในเหตุการณ์นั้น รอสวาลก็ได้ช่วยชีวิตของเซรีน่าไว้จากมือสังหารที่พยายามจะฆ่าเธอ แล้วเปิดเผยว่าบิดาของเซรีน่าคือผู้ส่งนักฆ่ามาเก็บลูกสาวตัวเอง
พอกลับไปถึงวอลลาเคีย เซรีน่าจึงจับพ่อตัวเองเผาแล้วยึดครองตระกูล จนเธอได้รับฉายา “ขุนนางแผดเผา” มา แผลเป็นที่แก้มของเซรีน่าเองก็ถูกบิดาฟันทิ้งไว้ก่อนตาย
. การเดินทางเข้าออกประเทศมหาอำนาจของชาวลุกุนิก้านั้นมีความยุ่งยากในรูปแบบที่ต่างกันออกไป
ถ้าจะไปคารารากิก็จำเป็นต้องมีเส้นสายและเงินทองมากมาย ถ้าจะไปกุสเทโก้ก็ต้องคอยระวังไม่ไปลบหลู่ความเชื่อของคนที่นั่น
แต่ที่ยากสุดก็คือวอลลาเคียที่ไม่ถูกกับลุกุนิก้าเป็นทุนเดิมเพราะสองประเทศนี้มีประวัติรบราฆ่าฟันกันมายาวนาน
สัญญาสงบศึกที่มีในปัจจุบันก็เป็นเหมือนคำเตือนห้ามผลีผลามต่อทั้งสองประเทศเสียมากกว่าที่จะเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ
รอสวาล: ――คิดว่าเหตุการณ์ใหญ่ที่กำลังสั่นคลอนนครหลวงจักรวรรดิอยู่เป็นแผนการของฝ่ายที่ต้องการละเมิดสัญญาสงบศึกหรือเปล่า?
ตั้งแต่ที่พวกรอสวาลเดินทางมาถึงจักรวรรดิ พวกเขาก็สังเกตเห็นสัญญาณของการก่อกบฏคุกรุ่นไปทั่ว
หลังโค่นบัลลังก์ของวินเซนต์ วอลลาเคียได้สำเร็จ มีความเป็นไปได้สูงที่ฝ่ายกบฏหมายที่จะเปิดสงครามชิงดินแดนกับราชอาณาจักรลุกุนิก้าต่อ
รอสวาล: เซรีน่า เธอเองก็คงไม่อยากเปิดศึกกับราชอาณาจักรลุกุนิก้า นอกเสียจากว่าเธอจะไม่พึงพอใจในตัวจักรพรรดิจนอยากก่อกบฏล่ะนะ
เซรีน่า: ไม่เคยไม่พอใจต่อการปกครองของฝ่าบาทหรอก การอาละวาดเป็นครั้งคราวของแม่ทัพชั้นเอกยอร์น่าเองก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน เพราะเขตปกครองของฉันอยู่ห่างจากนครมาร เพียงแต่ว่า…
รอสวาล: เพียงแต่ว่า?
เซรีน่า: ไอ้ที่ตั้งสมมติฐานว่าทางนี้ไม่อยากเปิดศึกกับราชอาณาจักรนั่นเพราะอะไรกัน? หวังว่าจะไม่ได้ดูแคลนกันว่าทางฉันไร้น้ำยาหรอกนะ
รัมสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในบทสนทนา คำตอบของรอสวาลจะเป็นตัวตัดสินว่าสถานการณ์นี้จะลุกลามกลายเป็นการวิวาทหรือไม่
รอสวาล: ขอแก้คำใหม่ ――ถ้าหากว่าเปิดศึกกับราชอาณาจักร ก็จะเกิดหลั่งเลือดอย่างเสียเปล่ามากมาย เลือดของฝ่ายจักรวรรดิล่ะนะ เพราะงั้นถึงไม่แนะนำให้ลองไงล่ะ
เซรีน่า: โฮ่?
รอสวาล: ยังไงเสียฝั่งราชอาณาจักรก็มี “นักดาบเทวา” ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอา อยู่นี่นะ ทหารจักรวรรดิทุกคนที่ข้ามพรมแดนมาน่ะเป็นได้แค่สายแม่น้ำโลหิตเท่านั้นแหละ
เซรีน่า: เฮ้ยๆ แบบนั้นมันขี้โกงนี่!
ตามปกติแล้ว “ไพ่ตาย” คือสิ่งที่เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น แต่ “ไรน์ฮาร์ด” คือไพ่ที่ลุกุนิก้าสามารถหยิบมาใช้ได้ทันทีหากเกิดสงครามระหว่างประเทศขึ้น
แถมเจ้าตัว “นักดาบเทวา” คนนี้เองก็ยินยอมที่จะรับบทบาทนี้แต่โดยดี
. ที่จริงแล้ว เซรีน่าแค่ถามลองเชิงเป็นสถานการณ์สมมติเท่านั้น แต่พอรอสวาลยกไรน์ฮาร์ดมาเป็นหมากของฝ่ายลุกุนิก้า เซรีน่าก็ยอมแพ้แค่นั้นเหมือนเด็กขี้งอน
เซรีน่า: ฝั่งจักรวรรดิน่ะ ได้ยินมาแค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ… แม้แต่ในมุมมองของนายเอง “นักดาบเทวา” ก็เป็นสัตว์ประหลาดเกินสามัญสำนึกแบบนั้นเลยเหรอ?
รอสวาล: “นักดาบเทวา” รุ่นก่อนน่ะพอน่าร้ากน่าชังอยู่บ้าง~ แต่รุ่นปัจจุบันก็สมคำเล่าลือตามนั้นแหละ ถ้าไม่เคยเจอตัวจริงก็คงคิดว่าเพ้อเจ้อ
เซรีน่า: พูดจาอย่างกับว่าเคยเจอ “นักดาบเทวา” มาทุกรุ่นเลยนะ… แต่ว่า อย่างงั้นเองรึ…
รอสวาล: ถ้าหากประเมินศักยภาพของประเทศเธอหรือศักยภาพของนักดาบเทวาผิด ก็มีเพียงโศกนาฏกรรมที่รออยู่ แล้วถ้าหากรบกับราชอาณาจักรจริงๆ ฉันก็จะต้องออกโรงด้วย อยากเห็นมั้ยล่ะ? การกระหน่ำโจมตีด้วยเวทมนตร์จากความสูงที่เอื้อมไม่ถึงน่ะ
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้แกร่งเท่าไรน์ฮาร์ด แต่รอสวาลเองก็สามารถล้มทั้งกองทัพได้ด้วยตัวคนเดียว ขอเพียงแค่เขาเลือกสู้ให้ถูกศึก
แถมศักยภาพของรอสวาลยังเป็นสิ่งที่เซรีน่าเคยเห็นมากับตาตัวเองแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน
. กระนั้น รอสวาลในตอนนี้ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวแบบเอิกเกริกหรือใช้เวทมนตร์อย่างเต็มที่ได้ เช่นเดียวกับเอมิเลีย เพราะมันจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของทั้งคู่
ที่รอสวาลอุ่นใยในการแยกทางมากับรัมได้ ก็เพราะว่าเขาเชื่อใจออตโต้กับเพทร่าให้คอยดูแลสถานการณ์ฝั่งเอมิเลีย
เซรีน่าพอเดาทางได้จากบทสนทนาว่าพวกรอสวาลมาที่วอลลาเคียเพื่อตามหาใครบางคนที่สำคัญมากๆ
รัม: ค่ะ พวกเรามีคนที่ต้องพากลับไปให้ได้อยู่ สำหรับรัมแล้ว นั่นสำคัญเท่ากับชีวิตเลย
รอสวาล: รัม…
รัม: กับคนๆ นี้น่ะ คำลวงหรือการพูดกลบเกลื่อนไม่ได้ผลหรอกค่ะ
รอสวาลอยากตำหนิรัมที่เปิดเผยข้อมูลสำคัญของฝ่ายตน แต่เหตุผลของรัมก็ฟังขึ้นจนเขาเถียงไม่ออกเช่นกัน
เซรีน่า: อย่าตำหนิรัมนักเลยน่า เธอห้าวหาญใช้ได้เลยนี่นา ที่น่าแปลกใจกว่าคือนายยอมทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนี้เพื่อคนสำคัญของเธอ ท่าทางเธอจะสำคัญต่อนายน่าดูนะ
รัม: ค่ะ เพราะว่าไม่มีใครแทนที่รัมได้นี่นะ
รอสวาล: ปฏิเสธไม่ได้ก็จริง แต่เลือกคำพูดไม่ให้ชวนเข้าใจผิดหน่อยเถ้อ~
. จริงอยู่ว่าเซรีน่าเชื่อคำพูดของรอสวาล แต่ประชาชนจักรวรรดิคนอื่นคงจะมองว่าเพ้อเจ้อ และหัวร้อนเพราะถูกดูแคลนเสียแทน
เนื่องด้วยสนธิสัญญาระหว่างสี่ประเทศมหาอำนาจ ไรน์ฮาร์ดจึงไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ผู้คนในประเทศอื่นจึงไม่ค่อยที่จะประเมินศักยภาพของเขาได้ถูกนัก
ส่วนใหญ่หลงนึกว่าฝีมือเว่อร์วังของ “นักดาบเทวา” เป็นแค่ข่าวลือ แต่ถ้าได้เห็นตัวจริงสักครั้งก็คงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งเอง
ไม่ว่าอย่างไร รอสวาลก็อยากจะหยุดยั้งสงครามระหว่างลุกุนิก้าและวอลลาเคียให้จงได้
เนื่องจากว่าสงครามดังกล่าวมิใช่ส่วนหนึ่งของเส้นทางตามคำทำนายที่จะนำไปสู่การเติมเต็มความปรารถนาแสนยาวนานของตัวเขา
เพื่อการนั้นแล้ว รอสวาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายจักรพรรดิจะสามารถเอาชนะกองกบฏได้สำเร็จ
. รัมกับเซรีน่าเริ่มคุยกันถูกคอ รัมเปลี่ยนคำเรียกจาก “เคาน์เตสดราครอย” ไปเป็น “เซรีน่า” จากนั้นทั้งสองก็เริ่มชวนกันคุยเรื่องรอสวาล
เซรีน่าเล่าว่ามีแขกคนหนึ่ง(พริสซิลล่า)ที่ออกจากคฤหาสน์เธอไปก่อนหน้าพวกรอสวาลมาถึง และเซรีน่าก็เคยสนิทกับสามี(โจร่าห์)ของเธอคนนั้น
ไว้แขกคนที่ว่ากลับมาเมื่อไหร่ เซรีน่ากะว่าจะแนะนำตัวเธอให้พวกรอสวาลรู้จักอีกที
แต่ตอนนี้สิ่งที่เซรีน่าอยากทำก่อนคือการจิบเหล้าพลางเสวนากับเพื่อนเก่าและเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอ เธอจึงไปหยิบแก้วมาสามใบ
เซรีน่า: ฉันน่ะได้เจอรอสวาลตอนที่ไปเป็นทูตในนามของพ่อ พอไปถึงราชอาณาจักรก็ถูกมือสังหารหมายหัวเลย… แถมพ่อยังเป็นคนที่ส่งมาอีก แต่แล้วฉันก็ถูกช่วยไว้
รัม: อย่างงี้นี่เอง เล่าต่อเลยค่ะ
ระหว่างที่สองสาวเม้าท์มอยกันถึงตัวเขา รอสวาลก็ใช้โอกาสตอนนี้ดื่มด่ำกับเวลาที่ยังพอมี ก่อนที่เขาจะพาตัวชิ้นส่วนสำคัญต่อความปรารถนาของตนกลับคืนมา
แต่แล้ว สองวันต่อมาข่าวลือเกี่ยวกับหญิงสาวผมดำที่เข้าร่วมกองกบฏนามว่า “นัตสึมิ ชวาร์ซ” ก็มาถึงคฤหาสน์ดราครอย
――ดูเหมือนว่าพวกรอสวาลจะหลีกเลี่ยงการเกี่ยวพันกับสงครามกลางเมืองในจักรวรรดิมิได้เสียแล้ว
. จบตอน