
บทที่ 7 ตอนที่ 80 "ไอริสและราชาแห่งหนาม"
แม่ทัพซีคูร์แสดงความกังวลเรื่องไฟแห่งการก่อกบฏเริ่มลุกลามขึ้นมาแล้วหลังจากข่าวลือเรื่องที่สุบารุเป็นองค์ชายเริ่มแพร่กระจายออกไป
โต๊ะประชุมหันมาสรุปสถานการณ์การเมืองของวอลลาเคียคร่าวๆ ซึ่งทำให้เอมิเลียรู้สึกเห็นใจวินเซนต์ผู้พยายามควบคุมประเทศให้สงบสุขที่สุด แต่ก็ยังมิวายถูกโค่นบัลลังก์
(พวกเอมิเลียยังไม่รู้ว่า อาเบล = วินเซนต์)
วินเซนต์: ――เช่นนี้เองรึ ไม่สำคัญว่าคนไหนคือต้นเหตุ แต่กระจ่างชัดแล้วว่าเหตุใดเจ้านั่นถึงเป็นเช่นนั้น
เอมิเลีย: เอ๋?
วินเซนต์: ไร้ข้อกังขาใดๆ เจ้ากับนัตสึกิ สุบารุน่ะเป็นคนจำพวกเดียวกัน
เอมิเลีย: …นี่คุณน่ะ เกลียดสุบารุสุดๆ เลยงั้นเหรอ?
วินเซนต์: …
เอมิเลีย: ถ้าเดาผิดก็ขอโทษด้วย แต่ไม่คิดว่าเดาผิดหรอกนะ
เอมิเลียสัมผัสได้จากการใช้น้ำเสียงของวินเซนต์ว่าเขาเกลียดชังสุบารุ ส่วนฝ่ายวินเซนต์นั้นเลือกนิ่งเงียบต่อคำถามของเอมิเลียและตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
วินเซนต์: ――ซีคูร์ ติดต่อไปหาพวกที่คิดก่อกบฏซะ เร่งลมเพื่อโหมไฟให้แรงขึ้น จนกระทั่งควันดำลอยไปถึงนครหลวงจักรวรรดิเลย
ซีคูร์: แน่ใจเช่นนั้นหรือครับ? เดิมทีเป้าหมายคือการที่ [เก้าแม่ทัพเทวะ] …
วินเซนต์: ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นแค่เป้าหมายรอง สิ่งสำคัญคือการตระเตรียมสถานการณ์รบให้พร้อม ถึงแม้ว่าจุดยืนของกรูวี่และโมโกรจะน่ากังวล แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ――ฝ่ายเราอาจจะสามารถเปิดฉากจู่โจมนครหลวงได้เร็วกว่าที่กำหนด อย่าได้นิ่งนอนใจเป็นอันขาด
. หลังการประชุมที่ศาลากลางจบลง เอมิเลียชวนพริสซิลล่าที่เดินกลับด้วยกันคุยเล่นสัพเพเหระ
เอมิเลียเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนอนาสตาเซียเคยไม่ถูกกับเธอถึงขั้นพูดว่า “ไม่อยากคุยกับเธอ” แต่ตอนนี้ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว
เพราะงั้น เอมิเลียจึงอยากผูกมิตรกับพริสซิลล่าด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าความยากจะเป็นหลายเท่าหากเทียบกับอนาสตาเซีย แต่เอมิเลียก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
เอมิเลียฝากพริสซิลล่าไปบอกพวกวินเซนต์ว่าฝ่ายเอมิเลียจะมุ่งเน้นไปที่การตามหาสุบารุกับเรมก่อน ซึ่งนั่นอาจทำให้พวกเธอต้องแยกทางกัน
สาเหตุที่เอมิเลียไม่อยากไปบอกเอง เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยถูกกับวินเซนต์เท่าไรนัก ซึ่งนั่นทำให้พริสซิลล่าหลุดขำเบาๆ เพราะน้อยคนนักจะถูกเอมิเลียเกลียด
. บทสนทนาวนกลับไปพูดถึงนครมารของยอร์น่าที่ถูกทำลายไป เอมิเลียจึงถามถึงความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างยอร์น่ากับพริสซิลล่าต่อด้วยความสงสัย
เอมิเลีย: ฉันเองก็ตกใจนะเนี่ย ไม่นึกเลยว่าพริสซิลล่าจะมีสายเลือดอมนุษย์อยู่ครึ่งหนึ่ง…
พริสซิลล่า: เจ้าคนเขลา อย่าได้เอาข้าพเจ้าไปเทียบกับตัวเจ้า นี่อย่าบอกนะว่าหลงคิดว่าตัวเองสนิทกับข้าพเจ้ามากพอแล้ว?
ในเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เอมิเลียจึงเข้าใจวา่ายอร์น่าคือแม่บุญธรรมของพริสซิลล่า เหมือนที่ฟอร์โทน่าเลี้ยงเธอมา แต่พริสซิลล่าก็ปฏิเสธกรณีนั้นด้วยเช่นกัน
เอมิเลีย: ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ไม่ได้เป็นคนที่เลี้ยงดูมา… ถ้างั้นเป็นท่านแม่แบบไหนกันล่ะเนี่ย?
พริสซิลล่า: เหตุใดข้าพเจ้าถึงจะต้องเล่าเรื่องของตัวเองทั้งหมดให้ฟังด้วย?
เอมิเลีย: อื้ม ไม่จำเป็นต้องเล่าหรอก แต่ถ้าไม่บอกกัน ฉันก็คงจะสงสัยม้ากมากเลยล่ะ
พริสซิลล่า: [ไอริสและราชาแห่งหนาม] ――ที่เป็นปกรณัมโบราณ รู้จักหรือเปล่า?
เอมิเลีย: อืม รู้จักอยู่นะ คุณหนูเพทร่าชอบอะไรทำนองนั้น
ไอริสและราชาแห่งหนามคือปกรณัมเก่าแก่ของวอลลาเคียที่เล่าถึงเรื่องราวความรักของจักรพรรดิแห่งวอลลาเคียผู้ถูกเรียกขานว่า “ราชาแห่งหนาม” และเด็กสาวนาม “ไอริส”
พริสซิลล่า: ――ไอริสและราชาแห่งหนามร่วมมือกันทำให้สงครามกลางเมืองในจักรวรรดิระหว่างหลายเผ่าพันธุ์จบลง ทว่า ก่อนที่ทั้งสองจะได้ครองรักร่วมกัน พวกเขาก็ถูกหักหลัง และปกรณัมก็จบลงแค่นั้น
เอมิเลีย: …น่าเศร้าจังเลยนะ
พริสซิลล่า: แต่ว่า ปกรณัมกับเรื่องจริงมันต่างกัน ความจริงแล้ว หลังสูญเสียไอริสไปจากการถูกทรยศ ราชาแห่งหนามก็จมลงสู่ความคลุ้มคลั่งและกวาดล้างมนุษย์หมาป่ากับมนุษย์ตัวตุ่นที่หันคมดาบใส่เขาจนเกลี้ยง นอกเหนือจากจำนวนเล็กน้อยที่หลบหนีไปได้ หากสองเผ่านั้นถูกพบตัวในจักรวรรดิก็จะถูกเสียบไม้เผาทันที
. การกระทำในอดีตของคนรุ่นก่อนส่งผลกระทบถึงยันรุ่นลูกหลานในปัจจุบันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว เอมิเลียเองก็เข้าใจการถูกเกลียดชังแบบเหมารวมเช่นนั้นเป็นอย่างดี
เอมิเลีย: แล้วเรื่องของราชาแห่งหนามจบแค่นั้นหรือเปล่า?
พริสซิลล่า: ――แค่อาละวาดด้วยความพิโรธน่ะเรียกว่าจมลงสู่ความคลุ้มคลั่งไม่ได้หรอก เพราะงั้น ความคลุ้มคลั่งของราชาแห่งหนามถึงได้พุ่งเป้าไปหาไอริสผู้ตายจากไป
เอมิเลีย: ราชาแห่งหนาม…ทำอะไรกับไอริสงั้นเหรอ?
พริสซิลล่า: ร่ายคำสาปใส่
เอมิเลีย: คำสาปเหรอ? แบบนั้นมัน…
พริสซิลล่า: ――ศาสตร์ลับที่หักห้ามการส่งดวงวิญญาณคนตายสู่โอโด ลากูน่า หากแต่ดึงมันกลับคืนสู่โลกาอีกครั้งแทน
เอมิเลีย: ดวงวิญญาณ…ของคนตายงั้นเหรอ?
พริสซิลล่า: เคยได้ยินว่ามีศาสตร์ลับชื่อ [สัตยาธิษฐานแห่งราชาอมตะ] ที่สามารถคืนชีพให้ผู้วายชนม์ได้อยู่ แต่มันจะมีอยู่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทว่า เจ้า [บัญญัติแห่งหนาม] นี่คือคำสาปที่ถือกำเนิดมาจากความกระหายในความรักที่ไม่สิ้นสุด
. การได้พบเจอกับ “หนังสือแห่งผู้วายชนม์” ที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดสทำให้เอมิเลียรู้ซึ้งแล้วว่ามี “ดวงวิญญาณ” อยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตจริงๆ
แต่คำถามต่อมาก็คือถ้าหากว่า “บัญญัติแห่งหนาม” เรียกดวงวิญญาณกลับคืนมา ผู้นั้นจะสามารถฟื้นคืนชีพจากร่างเดิมได้หรือเปล่า?
พริสซิลล่า: ร่างกายของไอริสที่ตายไปถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ถึงแม้ว่าดวงวิญญาณจะกลับคืนมา ก็ฟื้นคืนชีพให้ร่างกายไม่ได้อยู่ดี “บัญญัติแห่งหนาม” มิได้ทรงพลังถึงเพียงนั้น
เอมิเลีย: ถ้างั้นจะเป็นยังไงต่อล่ะ? ในเมื่อไม่มีร่างกาย――
พริสซิลล่า: ชัดเจนอยู่แล้วนี่ ถ้าหากว่าดวงวิญญาณไม่สามารถกลับคืนสู่โอโด ลากูน่า ดวงวิญญาณนั้นก็จะหวนคืนสู่โลกาและเข้าสู่ภาชนะอันใหม่แทน ――เรียกว่าเป็นการเกิดใหม่หรือการกลับชาติมาเกิดก็คงได้
เอมิเลีย: …
พริสซิลล่า: ตราบใดที่คำสาปยังมิถูกคลาย ตราบใดที่บัญญัติแห่งหนามยังคงผูกมัดไม่เสื่อมสลาย ดวงวิญญาณของผู้ตายก็จะถือกำเนิดใหม่อยู่เรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวียนว่ายตายเกิดอยู่เรื่อยไป ――แล้วหนึ่งจำนวนเหล่านั้น ชีวิตก่อนหน้าของยอร์น่า มิชิกุเระก็คือท่านแม่ของข้าพเจ้า
. ตัดไปทางห้องศิลาที่คนสองคนกำลังประชุมลับกันอยู่เงียบๆ หนึ่งในนั้นคือวินเซนต์ที่ถอดหน้ากากอสูรออก
วินเซนต์: ――คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็น แซนดร้า เบเนดิกต์
ยอร์น่า: ทางนายท่านนั่นแหละ แย่มากที่ซ่อนตัวพริสก้าจากสาธารณะเจ้าค่ะ
ก่อนหน้านี้ พริสซิลล่าเป็นอีกคนที่ร่วมวงสนทนาครั้งนี้ด้วย แต่พอเธอคุยจนพอใจแล้ว ก็ชิงจากลาแบบไม่รอไปก่อนใครเลยทันที
นอกจากนี้ ยอร์น่าก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพริสก้า(พริสซิลล่า)จะยังมีชีวิตอยู่ เพราะวินเซนต์ปกปิดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเธอไว้หลังพิธีคัดเลือกจักรพรรดิ
ยอร์น่า: นายท่านคิดอะไรอยู่กันแน่――
วินเซนต์: ――ข้าขอสัญญาว่าจะมอบวิชาที่สามารถคลายบัญญัติแห่งหนามได้ให้แก่เจ้า แต่ถ้าหากว่าเจ้าอยากได้คำตอบ ก็ไม่มีเหตุใดควรค่าแก่การมอบรางวัลให้แก่เจ้า
คำถามของยอร์น่าถูกวินเซนต์ปฏิเสธ
ตัวเธอในตอนนี้เวียนว่ายตายเกิดมาหลายครั้งจนแทบจะลืมใบหน้าของบุคคลที่รักยิ่งไปแล้ว
วินเซนต์: ยอร์น่า มิชิกุเระ ――ไม่สิ ไอริส ผู้ที่ราชาแห่งหนามตกหลุมรักเอ๋ย
อย่างไรก็ตาม ชายผู้ที่เรียกยอร์น่าด้วยนามที่แท้จริงของเธอในตอนนี้ก็คือลูกหลานหลายรุ่นต่อมาของบุคคลที่เธอเคยรักเป็นอย่างยิ่ง
วินเซนต์: ตื่นเต้นเสียหน่อยสิ ความปรารถนาเหนือสิ่งอื่นใดของเจ้า ――คือการรักษาชีวิตของพริสก้า เบเนดิกต์ ลูกสาวที่เคยสูญเสียไปไว้ให้ได้ในอนาคตนี่
ทว่า ลูกหลานคนนี้กลับพูดจาด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่เย็นชาต่างจากบุคคลอันเป็นที่รักของเธอเหลือเกิน
. จบตอน