webnovel arc7 chapter83

บทที่ 7 ตอนที่ 83 "ศึกสงครามและสนามรบ"

ปลวเพลิงแห่งการปฏิวัติลุกลามจนเกิดศึกปะทะกันเล็กใหญ่เป็นสงครามกลางเมืองไปทั่ววอลลาเคีย

ท็อดด์: โดยเนื้อแท้แล้ว สุดท้ายประชาชนชาวจักรวรรดิก็ไม่ได้ต้องการชีวิตที่สงบสุขปลอดภัยล่ะนะ

จักรวรรดิตกอยู่ในความโกลาหลราวกับว่าความสงบสุขหลายปีที่จักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคียสร้างขึ้นมาเป็นแค่เรื่องโกหก

“ผู้คนช่างโง่เขลาและจักรพรรดิก็น่าสมเพช”

ท็อดด์: ชั้นละไม่เคยจะเข้าใจเลย ทำไมผู้คนถึงขยันรนหาที่ตายนัก… คนพวกนั้นมันสมองเพี้ยนกันหรือไง หมอนั่นก็เหมือนกัน… อา… เอ… เออใช่… จามาลก็เหมือนกัน

พลทหารชั้นเอก “ท็อดด์ แฟงก์” รำพึงเช่นนั้นอยู่ในรถลากระหว่างที่กางแผนที่ออกดูแนวรบ

ท็อดด์พยายามนึกถึงใบหน้าของชายคนหนึ่งซึ่งเขาต้องหักห้ามใจไม่ให้เผลอลืมเลือน เพื่อหญิงสาวคนสำคัญของเขา

อาราเคีย: ――ท็อดด์ เหนื่อยเหรอ?

ตอนนั้นเอง อาราเคียที่ปกติชอบนั่งบนหลังคารถลากก็โผล่มาอยู่ข้างๆ โดยที่ท็อดด์ไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเข้ามาตอนไหน

ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่เหนือกว่าท็อดด์จนเขาไม่มีวันเอาชนะในการต่อสู้ได้

――ทว่า คู่ต่อสู้ที่ไม่มีวันเอาชนะได้ ≠ คู่ต่อสู้ที่ฆ่าไม่ได้เสมอไป

บุคคลที่ท็อดด์สามารถฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีทางเอาชนะในการต่อสู้ตรงๆ ได้นั้น ท็อดด์จะไม่นับว่ามีพิษภัยต่อตัวเขา

แม่ทัพชั้นเอกอาราเคียเอง ก็เป็นหนึ่งในคนประเภทดังกล่าว

. อาราเคียนั่งชันเข่าบนเบาะเหมือนเด็กบ้านนอกที่ไม่มีใครสั่งสอนมารยาท แต่ในวอลลาเคียนั้น ผู้แข็งแกร่งคือผู้กำหนดกฎเกณฑ์

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ไม่เคยมีใครกล้าตำหนิอาราเคีย เพราะเธอเป็นถึงลำดับสองของกองทัพจักรวรรดิ แถมลำดับหนึ่ง “อัสนีสีฟ้า” เองก็เป็นพวกสมองเพี้ยนพอกัน

ทว่า…

ท็อดด์: อาราเคีย นั่งให้ถูกที่ถูกทางหน่อย มันดูไม่ดี

อาราเคีย: นั่งเหรอ? ให้ฉันนั่งบนเก้าอี้เหรอ?

ท็อดด์: ก็แหงสิ คิดว่าเก้าอี้มีไว้ทำอะไรล่ะ?

หลังทำหน้างงเล็กน้อย อาราเคียก็ยอมนั่งดีๆ ตามที่เขาตักเตือน ท็อดด์สั่งสอนอาราเคียว่าการทำตัวน่าเคารพเข้าไว้มีผลช่วยให้ลูกน้องอยากทำงานด้วย

อาราเคีย: …จำเป็นด้วยเหรอ? ที่ว่านั่น ยังไงฉันก็สู้คนเดียวอยู่ดี

ท็อดด์: หลังเธอถล่มสนามรบจนราบแล้ว ใครจะเป็นคนไล่ตามเก็บพวกที่รอดอยู่ล่ะ? ใครจะเป็นคนเก็บกวาดศพล่ะ? ใครจะเป็นคนเจรจากับพวกที่ยอมแพ้ล่ะ?

อาราเคีย: …

ท็อดด์: เดิมที ถ้าเธอคนเดียวพอ ชั้นคงไม่ต้องมาด้วยจริงมั้ย? คำพูดเธอมันย้อนแย้งไปหมดเลย

หลังได้รู้จักกับอาราเคียมาระยะหนึ่งแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ท็อดด์ แฟงก์เข้าใจเป็นอย่างดี ――อาราเคียนั้นเป็นเหมือน “สุนัขต้อนแกะ” สุดเชื่อง

ถ้าหากรับมือเธอได้ถูก อาราเคียก็คือสุนัขที่ว่านอนสอนง่าย แต่มีเขี้ยวเล็บที่อันตรายระดับหมาป่า

. การเดินทางอันยาวนานทำให้ท็อดด์เริ่มเหนื่อยอย่างที่อาราเคียว่า กลับกันฝ่ายอาราเคียนั้นดูสบายดี แต่สาเหตุที่เธอขยันทำงานรับใช้เบื้องสูงเช่นนั้นล้วนแต่เพราะความจำเป็น

ท็อดด์ลังเลใจว่าควรถามล้วงเรื่องส่วนตัวเพื่อเพิ่มความสนิทระหว่างทั้งคู่ไหม แต่ก่อนที่จะทันออกปาก อาราเคียก็ชิงถามก่อนว่าท็อดด์ดูอะไรอยู่บนแผนที่

ท็อดด์กางจึงแผนที่ออกให้ดู มันเป็นแผนที่ประเทศวอลลาเคียแบบเรียบง่ายที่บอกตำแหน่งเมืองสำคัญและลักษณะภูมิประเทศ

แต่ท็อดด์ขีดเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ เพิ่มเติมเข้าไปด้วย เพื่อระบุตำแหน่งสนามรบ ระดับความรุนแรงและอื่นๆ

อาราเคีย: …ไม่เข้าใจเลย

ท็อดด์: แหงล่ะนะ

รอบนี้ท็อดด์ไม่คิดจะตำหนิอีกฝ่าย เนื่องจากว่าแผนที่ฉบับนี้มีเพียงตัวเขาคนเดียวที่อ่านเข้าใจ

ท็อดด์จงใจเลือกใช้สัญลักษณ์ลวงความหมายที่ตีความตามปกติไม่ได้ ดังนั้นต่อให้แผนที่ฉบับนี้หลุดไปอยู่ในมือศัตรู อีกฝ่ายก็ไม่มีวันที่จะแกะข้อมูลอะไรได้เลย

. บทสนทนาเปลี่ยนประเด็นไปเป็นเรื่องบุตรนอกสมรสที่เป็นต้นเหตุของการกบฏ ท็อดด์มองว่าบุตรนอกสมรสคนนี้จะเป็นตัวจริงหรือไม่นั้นไม่สำคัญเลย

สิ่งสำคัญคือเด็กคนนี้กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทหารจักรวรรดิถูกส่งไประงับเหตุจราจลทั่วประเทศจนวุ่นวายไปหมด

อาราเคีย: จะเกี่ยวกันไหมนะ? ที่เกาะทาสดาบน่ะ

หลายวันก่อน ท็อดด์กับอาราเคียได้ถูกส่งไปทำภารกิจสังหารทาสดาบที่เกาะกินุนไฮฟ์ แต่พวกเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะท็อดด์ตัดสินใจถอยกลับ

เสนาบดีเบลสเต็ตซ์ตำหนิพวกท็อดด์ที่ล้มเหลว แต่ท็อดด์ก็ไม่นึกเสียใจ เขาเชื่อมั่นในสัญชาตญาณว่าไม่ควรที่จะขึ้นฝั่งไปเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่อยู่บนเกาะในตอนนั้น

สารถี: แม่ทัพชั้นเอกอาราเคีย! พลทหารแฟงก์! ถึงแล้วครับ!

ความคิดของท็อดด์ถูกขัดโดยเสียงเรียกของสารถี พอรถลากจอดสนิท ผู้โดยสารทั้งสองก็ลงจากรถ

เบื้องหน้าพวกเขาคือเนินเล็กๆ กับท้องฟ้าที่เมฆหนาจนมืดมนและที่ทุ่งราบเบื้องล่างก็คือสนามรบที่กองทัพทหารจักรวรรดิกำลังปะทะอยู่กับกองทัพฝ่ายกบฏ

. ท็อดด์: ศัตรูเป็นใคร?

ท็อดด์เดินปลี่เข้าไปถามทหารจักรวรรดิยศ “แม่ทัพ” ที่ตั้งค่ายอยู่บนเนินประจำจุดนี้

ทีแรกอีกฝ่ายดูไม่พอใจต่อท่าทีของท็อดด์ที่ยศต่ำกว่า แต่พอเขาเห็นอาราเคียมาด้วย ก็เปลี่ยนท่าทีในพริบตา

แม่ทัพค่าย: ชาวคูโนเอเลเมนเต้ที่สังหารกงสุลได้แล้วฮึกเหิมใหญ่ ดูเหมือนว่ากงสุลคนนั้นพึ่งจะถูกแต่งตั้งได้ไม่นานด้วย

ท็อดด์: โดนย้ายมาตอนที่สถานการณ์กำลังวุ่นวายพอดี ดวงซวยแท้กงสุลคนนั้น… ว่าแต่ เจ้าตัวอัปมงคลที่มอบขวัญกำลังใจให้ทั้งกลุ่มอยู่นี่มั้ย?

แม่ทัพค่าย: ยังยืนยันไม่ได้ แต่พวกเราคาดว่าจะไม่อยู่

ท็อดด์ทักอาราเคียให้เตรียมพร้อมออกลุย จากนั้นก็หันกลับมาตระเตรียมกับแม่ทัพค่ายให้เรียบร้อย

ท็อดด์: ส่งสัญญาณให้กองทหารของนายถอยทัพซะ ขอแนะนำให้ถอยกลับแบบไม่ต้องพะวงมองหลัง ไม่งั้นแล้ว…

แม่ทัพค่าย: ไม่งั้นแล้วจะทำไม?

ท็อดด์: เปลวเพลิงของแม่ทัพชั้นเอกอาราเคียน่ะเผาเหยื่อแบบไม่เลือกหน้านะ

ถึงจะไม่ใช่คำขู่ แต่ประโยคนั้นก็ส่งผลลัพธ์คล้ายกันต่อแม่ทัพค่าย ดวงตาสีแดงของอาราเคียข้างที่มิได้ถูกผ้าปิดตาบดบังเองก็บ่งบอกว่าเธอเอาจริง

แม่ทัพค่าย: ลั่นกลอง! สั่งให้ทหารกลับมา!

. ท็อดด์: อาราเคีย อย่าโจมตีใส่ทหารที่ถอยทัพหลังได้ยินเสียงกลองล่ะ

อาราเคีย: มีไรอีกมั้ย?

ท็อดด์: ทำตามใจชอบได้เลย

ดวงตาของอาราเคียเบิกว้างด้วยความสับสนหลังได้ยินประโยคนั้น ท็อดด์นึกเสียใจทันทีเพราะเขาเลือกใช้คำผิด

อาราเคียไม่ได้ชื่นชอบการสู้รบ การบอกให้เธอ “ทำตามใจชอบ” จึงไม่ถูก สิ่งที่ต้องเอ่ยขึ้นในเวลานี้คือ “คำสั่ง” ต่างหาก

ท็อดด์: …ใครต่อต้านเธอ ฆ่ามันให้หมด

เสียงกลองดังลั่นไปทั่วสนามรบ เมื่อทหารจักรวรรดิถอยทัพกะทันหัน กองทหารกบฏจึงถือโอกาสรีบไล่กวดเพื่อเผด็จศึกโดยทันที

ทว่า ในพริบตาต่อมา เหล่าผู้ล่าก็ถูกเปลวเพลิงจากฟากฟ้าเปลี่ยนให้กลายเป็นขี้เถ้า พวกที่ยังเหลือรอดรู้ตัวคนทีว่าพวกตนไม่ใช่ผู้ล่า แต่เป็น “เหยื่อ”

เด็กสาวอมนุษย์เปลี่ยนร่างกายท่อนล่างเป็นเปลวเพลิงและลอยตัวขึ้นสู่เวหา ในมือของเธอถือคทากิ่งไม้ที่ดูคล้ายของเล่นเด็ก แต่อานุภาพทำลายล้างของมันชวนให้ขวัญผวา

ทหารจักรวรรดิบางคนมัวแต่หันกลับมาดูศัตรูถูกย่างสดแทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาหนี พวกเขาเลยโดนลูกหลงจากการโจมตีของอาราเคียไปด้วย

แม่ทัพค่ายแหกปากตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมเพื่อเร่งให้หน่วยทหารของตนรีบถอยทัพกลับมา

แม่ทัพค่าย: ――พลทหารแฟงก์! ช่วยหยุดแม่ทัพชั้นเอกอาราเคียที!

ท็อดด์หันกลับไปตามเสียงเรียกแล้วเห็นแม่ทัพค่ายที่ใบหน้าเปื้อนเขม่าจนดำ

แม่ทัพค่าย: อีกฝ่ายประกาศยอมแพ้แล้ว! ศึกนี้มันจบแล้ว!

ท็อดด์: ปล่อยให้ยอมง่ายๆ แบบนั้นจะดีเหรอ? นี่มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ฝ่ายเราจะเสียหายถ้าไม่ยอมถอยทัพ แต่เราสามารถล้างบางพวกมันอยู่ฝ่ายเดียวได้ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดไปซะ ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูด้วย

ทหาร: ไม่ได้นะ! พวกนั้นยอมแพ้แล้ว เห็นบอกว่ามี “องค์ชาย” อยู่ด้วย!

ท็อดด์: ――ว่าไงนะ?

. ทหารบอกว่าฝั่งกองกบฏซ่อนตัว “องค์ชาย” เอาไว้ พวกเขาเลยไม่รู้ตัวจนถึงตอนนี้ ท็อดด์ตัดสินใจจะฟังความจากอีกฝั่งก่อน จึงให้พลทหารไปเรียกคนส่งสารของฝ่ายศัตรูมา

ไม่นานนักนายทหารก็พาตัวชายหนุ่มในขุดขาดรุ่งริ่งที่ยังช็อคไม่หายกลับมาด้วย เขาบาดเจ็บจนต้องใช้ไม้ช่วยพยุงในการยืน

ท็อดด์: ได้ยินว่า พวกนายน่ะมี “องค์ชาย” อยู่ด้วย เจ้านั่นใช่แรงจูงใจของการก่อกบฏไหม?

กบฏ: ชะ…ใช่แล้ว “องค์ชาย” น่ะปรารถนาบัลลังก์จักรพรรดิ พวกเราเห็นด้วยกับปณิธานของท่านเลยอยากที่จะปูทางให้…

ท็อดด์: ――โกหกชัดๆ

กบฏ: ห๊ะ?

ท็อดด์จามขวานใส่หัวกบฏหนุ่มโดยไม่รีรอ ร่างศีรษะแยกของชายหนุ่มล้มกองกับพื้น แน่นิ่งไม่ไหวติง

ทหาร: พลทหาร! ทำแบบนั้นไม่ได้นะ…

ท็อดด์: หมอนี่มันโกหก ฝ่ายนู้นไม่มีองค์ชายอยู่ด้วยหรอก ก็แค่อยากยอมแพ้แบบง่ายๆ ――ปล่อยให้แม่ทัพชั้นเอกอาราเคียเผาให้ราบต่อไป

ทหาร: อึก… ถ้าเกิดว่า ถ้าเกิดว่ามี “องค์ชาย” อยู่จริงๆ ล่ะ?

ท็อดด์: ไม่มีหรอก

. ท็อดด์เช็ดเลือดที่เปื้อนขวานพลางถอนหายใจ เขากับอาราเคียต้องเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อไล่บดขยี้ทัพกบฏตั้งแต่ยังเป็นดอกตูม

“องค์ชาย” ถูกพูดถึงอยู่ทุกครั้งที่ท็อดด์ไปถึงแนวหน้าทัพกบฏ แต่ก็ไม่เคยได้เจอตัวจริงเสียที

มิหนำซ้ำ เสนาบดีเบลสเต็ตซ์ยังออกคำสั่งแบบสะเพร่าอย่างการให้ “จับเป็น” องค์ชายกลับไปที่นครหลวงจักรวรรดิอีก

ท็อดด์: อา ให้ตายสิ ――เมื่อไหร่ถึงจะได้กลับนครจักรพรรดิล่ะเนี่ย

ท็อดด์กัดริมฝีปากด้วยความเจ็บใจ แผนการที่จะได้กลับไปหาคู่หมั้นของเขาพังไม่เป็นท่า แถมยังต้องมาเดินทางไปนู่นไปนี่ทั่วประเทศอีก

ท็อดด์เชื่อว่าสุดท้ายกองทัพกบฏก็จะพ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิอยู่ดี กระนั้น เขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามีใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเปลวเพลิงสงครามที่กำลังลุกลามนี้

ใครบางคนที่ทำให้สัญชาตญาณเอาตัวรอดของท็อดด์สั่นไหวไม่รู้จบ

[อาราเคีย: ――จะเกี่ยวกันไหมนะ? ที่เกาะทาสดาบน่ะ]

ท็อดด์เป็นคนประเภทที่ไม่นึกย้อนเสียใจต่อการตัดสินใจในอดีต ทว่า เหตุการณ์ที่เกาะกินุนไฮฟ์กลับตามหลอกหลอนเขาอย่างน่าประหลาด

ท็อดด์: ――มีแค่การตัดสินใจถอยกลับในวันนั้นนี่แหละที่ทำให้ชีวิตของชั้นเผชิญกับทางตัน

. จบตอน