ย้อนเวลาไปตอนที่มังกรเมฆาบินหนีเข้านครหลวง เอมิเลียที่วิ่งตามเซซิลุสไม่ทันได้ตัดสินใจฝากร่างของมาเดลินไว้กับกลุ่มกบฏที่มุงดูอยู่
ร่างของมาเดลินไร้วี่แววจะตื่น แถมเอมิเลียยังแช่แข็งส่วนแขนขาไว้อย่างแน่นหนาจนเธอไม่น่าจะอาละวาดได้อีกแล้ว
เอมิเลียเสกบันไดน้ำแข็งเพื่อปืนข้ามกำแพงเมือง แต่ทันทีที่เข้าไปถึงภายในนครหลวง เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ
สาเหตุก็มาจากความเปลี่ยนแปลงประหลาดภายในนครหลวง ทั้งสองยักษ์ใหญ่ที่ตีกันอยู่หน้าพระราชวังแก้วผลึกและกลุ่มคนหน้าซีดที่โจมตีชาวเมือง
สัญชาตญาณผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณของเอมิเลียก็รู้สึกต่อต้านพวกตัวประหลาดผิวซีดทันทีที่เห็น
เนื่องจากวิญญาณคือที่ตัวตนอันเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติของโลกนี้ ส่วนพวกซอมบี้คือสิ่งแปลกปลอมผิดธรรมชาติ
. เอมิเลีย: ทุกคน! วิ่งไปทางกำแพงสิ! ถ้าหนีออกทางประตูเมืองไม่ได้ ให้ไปใช้ทางนั้นแทน!
เอมิเลียที่เข้าใจว่าสถานการณ์ในศึกสงครามมันเปลี่ยนไปแล้วสร้างบันไดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นหลายจุดบริเวณกำแพงเมืองให้ชาวนครหลวงได้ใช้หลบหนี
พอเอมิเลียกระโจนตัวลงมาถึงพื้น ซอมบี้ในชุดทหารจักรวรรดิกลุ่มหนึ่งก็โผล่มาโจมตี เธอจึงใช้ดาบน้ำแข็งฟันพวกมันทิ้ง
แต่ร่างที่แหลกเป็นเศษ ไม่นานก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนใหม่ เอมิเลียจึงเปลี่ยนแผนไปเน้นใช้ความเย็นจากอาวุธแช่แข็งร่างศัตรูก่อนที่จะทำลาย ซึ่งส่งผลให้พวกมันฟื้นฟูไม่ได้
แต่ศัตรูบางตัวรีบตัดส่วนที่ถูกแช่แข็งของตัวเองทิ้งทันทีแล้วทดแทนด้วยการฟื้นฟู คราวนี้เอมิเลียเลยเร่งพลังเวทขึ้นไปอีกเพื่อแช่แข็งศัตรูทั้งร่างก่อนทำลาย
เธอกระโจนตัวไปทั่วท้องถนนและอาคารเพื่อไล่กำจัดพวกซอมบี้และเปิดทางหนีให้แก่ชาวเมือง
. แน่นอนว่าพลังเวทของเอมิเลียไม่ได้ไร้ขีดจำกัด เธอพึ่งผ่านการต่อสู่กับมาเดลินและเมโซเรย์อามา แถมยังต้องคอยกำจัดซอมบี้เพื่อช่วยผู้คนไปตลอดทางอีก
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ ซอมบี้ 4 ตัวก็กำลังจะสังเกตเห็นกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาที่มุมถนน
เอมิเลียจึงชิงจังหวะทีเผลอตวัดดาบเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในชั่วพริบตา จากนั้นก็สลายดาบน้ำแข็งให้กลายเป็นมานา
เอมิเลีย: ปลอดภัยแล้วล่ะ! จากนี้ ถ้าเดินไปตามทางโดยใช้น้ำแข็งเป็นจุดสังเกตก็จะออกจากเมืองได้นะ!
??: ขะ…ขอบพระคุณมาก ช่วยได้เยอะเลย
เอมิเลีย: โห…มีเด็กเยอะจังเลย…
กลายเป็นว่ากลุ่มคนที่เอมิเลียช่วยเอาไว้มีเด็กผมสีดำวัยประมาณ 10 ขวบ อยู่ตั้งเกือบ 20 คน แถมรูปลักษณ์ภายนอกยังบ่งชี้ว่าไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีก
ฟล็อป: แหมๆ ช่วยไว้ได้เยอะจริงๆ! เพราะพวกเรากำลังวุ่นอยู่กับการหนีและซ่อนอยู่พอดี ผมกำลังชั่งใจอยู่เลยว่าควรใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อดีไหม
เอมิเลีย: จริงเหรอ? ถ้างั้นก็โล่งอกไปที จากนี้ไปไม่เป็นไรแล้วล่ะ ไม่ต้องรีบแล้วมาร่วมมือกันดีกว่า
ฟล็อป: รับทราบครับ รู้สึกซาบซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจเลยนะ คุณหนู! ไม่สิ คุณนาย! ท่านคาชัวครับ!
คาชัว: ยะ…อย่าเรียกกันเสียงดังนักสิ… เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นก็โผล่มาอีกหรอก…
สองคนที่ตอบรับเอมิเลียเป็นผู้ชายผมทองท่าทางร่าเริงและเด็กสาวพิการที่นั่งรถเข็น
นี่เป็นครั้งแรกที่เอมิเลียได้เห็นรถเข็นคันอื่นนอกจากคันที่สุบารุสร้างให้เรม เนื่องจากรถเข็นเป็นสิ่งที่หายากในโลกนี้ ส่วนรถเข็นของเรมนั้นปัจจุบันถูกเก็บไว้ที่คฤหาสน์ของรอสวาล
และเนื่องจากว่ามัวแต่สนใจเด็กสาวบนรถเข็น เอมิเลียเลยสังเกตเห็นเด็กสาวผมสีฟ้าด้านหลังช้าไปเล็กน้อย
เรม: คุณคาชัว อย่าโกรธนักเลยค่ะ …ที่เป็นกังวลเพราะต้องแยกห่างจากคู่หมั้นก็พอเข้าใจความรู้สึกได้อยู่หรอก
เอมิเลีย: ――เรม?
ถึงแม้ว่าจะพึ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรก แต่รูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับฝาแฝดไม่มีผิดก็ทำให้เอมิเลียหลุดปากเอ่ยชื่อของเด็กสาวตามที่ท่านอัศวินของเธอมักเล่าให้ฟัง
. เรม: คุณรู้จักฉันเหรอคะ?
คาชัว: คะ…คนรู้จักของเธออีกแล้วเหรอ? นี่เธอ ตามหามานานแค่ไหน…ว้าย!
เอมิเลีย: เรม!
เอมิเลียเมินคาชัวที่พึมพำอยู่เพื่อรีบคว้ามือของเรมมากุมไว้ทันที น้ำตาเริ่มไหลปริ่มด้วยความดีใจที่หาตัวเด็กสาวเจอแล้ว
เอมิเลีย: ตื่นแล้ว… เรมตื่นแล้ว! ยอดไปเลย! ในที่สุด! ต้องรีบบอกรัมกับสุบารุให้รู้ซะแล้ว!
เรม: ดะ…เดี๋ยวก่อนสิคะ คุณเป็นใครกัน…
เอมิเลีย: คือว่า… ได้ยินว่ารัมจะรอเจอกันที่ด้านนอก จะมาถึงหรือยังนะ? โธ่! ในเวลาแบบนี้สุบารุดันหายตัวไปอีก… เอาไงดี…เอาไงดี…
พอเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม เรมที่ยังไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าจึงตะโกนขัดและจ้องตาเอมิเลียด้วยสายตาขุ่นเคือง
เรม: คุณเรียกฉันว่าเรมเหมือนกัน… รู้จักตัวฉันคนก่อนหน้านี้ด้วยงั้นเหรอคะ?
เอมิเลีย: อา…อืม…มันก็แอบพูดยากอยู่ ฉันเองก็จำเรื่องตอนที่เธอตื่นอยู่ไม่ได้เหมือนกัน มันเลยรู้สึกแปลกๆ อยู่แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ
. เอมิเลียไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่เรมถูกบิชอปตะกละชิงความทรงจำไปอย่างไร
แถมในความทรงจำของเอมิเลียเอง เธอก็รู้จักเรมในฐานะน้องสาวของรัมที่หลับอยู่ตลอดตามที่สุบารุเล่าให้ฟังเท่านั้น
แถมในตอนนี้เอมิเลียพึ่งจะยืนยันได้ว่าเรมไร้ความทรงจำในสมัยที่เธอเคยตื่นอยู่
เรมสงสัยว่าตัวเธอกับเอมิเลียมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งเอมิเลียก็ตอบได้แค่ว่าเธอกับเรมน่าจะมีความสัมพันธ์กันเป็นเจ้านายกับเมด
ทว่า เอมิเลียสนิทกับรัมเกินกว่าแค่ระดับเจ้านายกับสาวใช้ เธอจึงไม่อยากปิดกั้นความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเรมเพียงเท่านั้นเหมือนกัน
ในเมื่อความสัมพันธ์ในอดีตของทั้งคู่กลายเป็นศูนย์ เอมิเลียจึงอยากจะใช้โอกาสนี้สานสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่ดังภาพฝันในอนาคตของเธอ
เอมิเลีย: ฉันน่ะ อยากจะสนิทกับเรม มาพยายามไปด้วยกันเถอะนะ
เรมได้ฟังคำตอบแล้วก็ยังคงนิ่งเงียบ เธออ้าหุบปากสลับกันหลายครั้ง เหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่ไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำออกมาได้
ฟล็อป: คุณนาย ผมคิดว่าเธอคนนี้น่ะอยู่ข้างคุณนะ
เรม: คุณฟล็อป…
ฟล็อป: ผมได้พบเจอผู้คนมามากมายในฐานะพ่อค้า บอกได้เลยว่าคนที่สามารถพูดความในใจออกมาได้แบบนี้หายากเหลือเกิน รับรองว่าเชื่อใจเธอได้แน่นอน
. หลังได้ฟล็อปช่วยยืนยัน เรมก็ยอมรับได้ว่าเอมิเลียรู้จักเธอคนเก่าและไม่ได้มาร้าย พอเรื่องเหมือนจะไปด้วยดี เอมิเลียจึงเริ่มกวาดสายตาหาสุบารุ
เอมิเลีย: สุบารุมาด้วยกันหรือเปล่า? สุบารุเขาสบายดีไหม? ไม่ได้ทำตัวมุทะลุอะไรอีกใช่มั้ย?
เรม: คุณเองก็มองเขาอย่างงั้นเหมือนกันสินะคะ เป็นคนที่ทำตัวมุทะลุตลอด
เอมิเลีย: อื้อ เห็นด้วยเลย เด็กเจ้าปัญหา…อ๊ะ! จริงด้วยสิ ฉันชื่อเอมิเลียนะ แค่เอมิเลียเฉยๆ ในเมื่อลืมกันไปแล้ว ถ้าไม่แนะนำตัวใหม่ให้เรียบร้อยคงไม่ดี
เรม: คุณเอมิเลีย…
หลังจากที่ถามตำแหน่งของสุบารุจากเรม ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจนคาชัวสะดุ้งโหยง แล้วพอเอมิเลียมองตามไปก็เห็นเสาเพลิงเกิดขึ้นในทิศทางที่สุบารุอยู่
ระหว่างที่เอมิเลียกังวลอยู่ว่าควรละสายตาจากเรมเพื่อรีบไปช่วยสุบารุดีไหม คาชัวก็เสนอให้เธอพาตัวเรมไปด้วยกัน เนื่องจากเรมสามารถใช้เวทมนตร์รักษาได้
คาชัว: ไม่ต้องสนใจฉันหรอก! ทะ…ท็อดเขาน่ะ หมอนั่นน่ะโกงความตายประจำอยู่แล้ว ยังไงก็คงจะกลับมาหาด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนเหมือนทุกที แต่ว่าเด็กคนที่เธอรู้จักน่ะไม่ได้ถึกทนเหมือนอย่างท็อดด์หรอก
เรม: แต่ว่า…
คาชัว: เอาเถอะน่า! จากนี้ไปคนๆ นี้เขา… แบบว่านั่นไง อะไรสักอย่าง ว่าไงดี… เธอน่ะ…ผมสีเงินกับหูยาว…มันเป็นลางร้าย
คาชัวพยายามโม้เหตุผลไปเรื่อยเพื่อโน้มน้าวให้เรมยอมไปกับเอมิเลีย โยงไปถึงกระทั่งรูปลักษณ์ของเอมิเลียจนเธอต้องพยายามปิดหูเอาไว้
คาชัว: นะ…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยดูอย่าให้เจ้าท็อดด์ทำอะไรพลาดที เถอะน่า อย่ามัวชักช้าเลย…
. คาชัวใช้มาตรการเด็ดขาดด้วยการเข็นรถตัวเองหนีเรม สุดท้ายเรมจึงยอมแพ้และฝากฝังให้ฟล็อปช่วยดูแลแทน จากนั้นก็กล่าวขอบคุณคาชัว
เอมิเลียอมยิ้มยามที่ได้เห็นเรมกับคาชัวพูดคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม แม้คาชัวจะเขินอายเพราะปากไม่ค่อยตรงกับใจ
เอมิเลีย: หลังออกไปจากที่นี่ได้แล้ว เล่าให้ฟังทีสิว่าเรมไปเจออะไรมาบ้าง ทั้งฉัน รัม สุบารุ และทุกคนอยากฟังกันทั้งนั้นแหละ
เรม: คงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจนักหรอก… แต่ได้ค่ะ
หลังกล่าวจบ เรมก็ยื่นมือไปจับฝ่ามือที่อีกฝ่ายยื่นมา ซึ่งเอมิเลียก็ดึงตัวเรมมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนทันที
เอมิเลีย: ฮึบ โทษทีนะ มัวชักช้าไม่ได้แล้ว คงต้องขออุ้มไปเลย!
เรม: ระ…แรงเยอะน่าดูเลยนะคะ?
เอมิเลีย: อื้อ ก็ใช่แหละนะ ――ทุกคนดูแลตัวเองด้วยล่ะ! ไว้พบกันใหม่!
พอกล่าวจบเอมิเลียก็อุ้มเรมกระโจนตัวขึ้นไปบนหลังคาแล้วกระโดดไต่ตามหลังคาไปแบบต่อเนื่อง ฟล็อปกับคาชัวส่งเสียงเรียกทั้งสองเป็นการทิ้งท้าย
ฟล็อป: คุณนาย! ท่านเอมิเลีย! ทางนั้นเองก็ระวังตัวด้วยนะ!
คาชัว: กะ…กลับมาเป็นๆ ให้ได้นะ…
เอมิเลีย: จับไว้ให้แน่นล่ะ เพราะว่าฉันจะวิ่งเร็วหน่อย
เรม: ――ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเป็นยังไงกันแน่นะ
เอมิเลีย: เรื่องนั้นน่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันแหละ!
หลังประกาศเช่นนั้น เอมิเลียก็พุ่งทะยานออกไปยังโซนด้านหลังของนครหลวงจักรวรรดิ และในที่สุดเธอก็ได้พบเจอกับบุคคลที่ตามหามาเนิ่นนานอีกครั้ง
เอมิเลีย: ――พอแค่นั้นแหละ
. จบตอน