re zero webnovel arc9 chapter15 part1 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 15 "ผู้พ่ายแพ้" พาร์ท 1

อัล: ――คุณพ่อของแกน่ะ ถูกผู้สมรู้ร่วมคิดของชั้นจับตัวเอาไว้อยู่

การนับจำนวนรอบที่ต้องใช้เมทริกซ์ในการเคลียร์ปัญหาแต่ละอย่างนั้นเป็นนิสัยติดตัวที่นังแม่มดช่วยปลูกฝังให้แก่อัลเดบารัน

เพราะงั้นอัลจึงตระหนักรู้ได้ว่าตนเองงัดไพ่ตายที่เท่ากับการยอมรับความพ่ายแพ้ออกมาใช้ในลูปที่ 132,044

นี่ถือเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่อัลเดบารันพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคแม้ว่าต้องวนลูปไปมากถึงเพียงนี้

ทั้งที่เตรียมการไปตั้งมากมายและปรับแก้แผนครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วแท้ๆ

อัลเกลียดหัวใจที่อ่อนแอของตนเองเป็นที่สุด เกลียดเสียยิ่งกว่าความไร้พรสวรรค์กับความพยายามที่สูญเปล่า และเกลียดยิ่งกว่าความเป็นจริงที่ว่าไม่มีผู้ใดรักเขาเลยเสียอีก

ถึงแม้จะทำให้ไรน์ฮาร์ดหลั่งเลือดและเสียแขนทั้งสองข้างไปได้ แต่ [พรคุ้มครองหลั่งโลหิต] ก็ทำให้อีกฝ่ายยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณเลือดที่เสียไป

เดิมทีอัลแอบหวังว่าการทำให้ไรน์ฮาร์ดได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอาจจะทำให้เจ้าตัวเสียขวัญได้ เพราะตลอดชั่วชีวิตเขาคงแทบจะไม่ค่อยบาดเจ็บเท่าไหร่นัก

น่าเสียดายที่ว่าชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก แกร่งที่สุดในวงศ์ตระกูล และแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ดันมีความทนทานต่อความเจ็บปวดสูงผิดมนุษย์ด้วยเช่นกัน

. อัล: เข้าใจดีเลยล่ะ

ทว่า ถึงแม้ความเจ็บปวดทางกายระดับแขนถูกขยี้จนเละจะไม่สะทกสะท้านต่อสีหน้าของเจ้าตัวเลยสักนิด ความเจ็บปวดทางใจกลับส่งผลอย่างชัดเจน

หลังจากที่อัลยกเรื่องคุณพ่อของเขามาข่มขู่ ใบหน้าของไรน์ฮาร์ดก็บิดเบี้ยวด้วยความเศร้าโศกเหมือนเด็กน้อยที่พลัดพรากจากพ่อแม่กลางช็อปปิ้งมอลล์

อัล: ครอบครัวน่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เป็นตัวถ่วงที่ฉุดรั้งพวกเราอยู่เสมอ

ไรน์ฮาร์ด: ――อึก ที่คุณพูดมามันจะจริงแน่เหรอ

อัล: ไม่ดูเอาเองล่ะ? อย่างเช่นว่า …ไอ้นั่นน่ะ [พรคุ้มครองอ่านสายลม] ของคุณดัชเชส(ครูช)ไง ใช้เจ้าพรนั่นที่บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายโกหกอยู่ไหมช่วยพิสูจน์ดูสิว่าชั้นพูดจริงแค่ไหน

ไรน์ฮาร์ด: คือว่านั่น――

อัล: ทำไม่ได้งั้นเรอะ? ――การแย่งชิงพรคุ้มครองของคนอื่นมามันทำให้มีทรอม่าฝังใจสินะ

เกราะไร้เทียมทานของ [นักดาบเทวา] ถูกเจาะทะลุเหมือนเขื่อนที่มีรูรั่ว แต่ยิ่งน้ำไหลออกมาจากรูนั้นมากเท่าไหร่ ฝ่ายที่ยิ่งรู้สึกพ่ายแพ้กลับเป็นอัล

ถ้าใช้วิธีนี้แต่แรกก็คงไม่ต้องทนลำบากและเหนื่อยยากกว่า 130,000 ลูป แต่มันเป็นวิธีที่เลวทรามจนอัลอดรู้สึกมิได้ว่าการงัดมาใช้เท่ากับยอมรับความพ่ายแพ้

ในเมื่อไรน์ฮาร์ดไม่สามารถขอ [พรคุ้มครองอ่านสายลม] มาใช้ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง อัลจึงเปลี่ยนแผนมาโน้มน้าวเขาด้วยตรรกะแทน

. อัลเดบารันลุกขึ้นยืนหลังจากที่หงายหลังอยู่บนผืนทรายมาสักพัก มังกรเทพอัลยังคงสลบแน่นิ่ง ทำให้เลิกหวังที่จะชิงโจมตีไรน์ฮาร์ดช่วงที่จิตใจอ่อนไหวไปได้เลย

ในเมื่อกุญแจในการเอาชนะ [หัวใจ] ของไรน์ฮาร์ดถูกใช้ไปแล้ว อัลก็ควรจะเดินหน้าทางนี้ต่อให้สุดเพื่อหาหนทางออกจากรูทที่มาถึงทางตัน

อัลเกริ่นว่าเขาเตรียมการไว้มากมายเพื่อรับมือไรน์ฮาร์ด ทั้งแผนการเป็นภูเขาเลากา เนินทรายออกุเลียซึ่งเต็มไปด้วยไอพิษ รวมถึงการเปลี่ยน [มังกรเทพ] วอลคานิก้ามาเป็นพันธมิตร

แต่ทั้งหมดนั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการโค่นไรน์ฮาร์ดและตัวอัลก็ควรจะรู้เรื่องนั้นดีแต่แรกอยู่แล้ว

อัล: เตี่ยคนนั้นน่ะเป็นผู้ที่ร่วมงานกับท่านหญิง ชานส์… โอกาสน่ะ มีอยู่ถมเถเลยล่ะ

แน่นอนว่าตัวพริสซิลล่าไม่ได้รับไฮน์เคลเข้าฝ่ายเพื่อหวังใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น

หญิงสาวผู้เป็นที่รักของอัลเดบารันนั้นทั้งหยิ่งพยองและทะนงตน แต่เธอก็ให้อภัยทั้งผู้ที่สง่างามและผู้ที่น่ารังเกียจอย่างเท่าเทียม

ถ้าหากว่าเป็นพริสซิลล่า บาริเอลล่ะก็ เธอไม่มีทางใช้ไฮน์เคลเป็นจุดอ่อนเพื่อเล่นงานไรน์ฮาร์ดอย่างแน่นอน …แต่เธอคนนั้นก็ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว

เพราะงั้น อัลเดบารันจึงย้ำกับไรน์ฮาร์ดว่าตัวเขาไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นให้ลังเล ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่สกปรกแค่ไหน อัลก็จะยอมงัดมาใช้

. ตามปกติ ป่านนี้พวกเสี้ยววิญญาณคงจะแห่กันมารักษาแขนของไรน์ฮาร์ดผู้เป็นที่รักของโลกและโชคชะตาไปแล้ว

แต่เนินทรายออกุเลียนั้นเต็มไปด้วยไอพิษซึ่งเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเหล่าวิญญาณแฟนเกิร์ลของไรน์ฮาร์ด แขนทั้งสองข้างก็เลยยังคงตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บ

อัลเดบารันอดคิดไม่ได้ตัวเขาอาจจะเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ที่กดดันไรน์ฮาร์ดให้ตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบได้ขนาดนี้

ในที่สุดไรน์ฮาร์ดก็ยอมเล่นไปตามเกมเจรจาแลกตัวประกันและเอ่ยถามความต้องการของอัล เท่ากับว่าแผนการเล่นงาน [หัวใจ] มันคุ้มค่าแล้ว

อัลเกริ่นว่าเขาจะไม่ขออะไรไร้เหตุผลอย่างการให้ไรน์ฮาร์ดติดตามมาเป็นลูกมือเหมือนอย่าง [มังกรเทพ] หรือขอให้ไรน์ฮาร์ดทรยศเจ้านายหรอก

สิ่งที่อัลต้องการมีเพียงแค่การร้องขอให้ไรน์ฮาร์ดยอมปล่อยให้เขาหนีไปเพียงเท่านั้น

อัลรู้ดีว่าการขออะไรเสี่ยงๆ เช่น การให้ไรน์ฮาร์ดปลิดชีพตนเองหรือให้ไรน์ฮาร์ดไปขัดขวางการเคลื่อนไหวของสภาปราชญ์นั้นย่อมไม่คุ้มเสี่ยง

นั่นเพราะว่าการเจรจาแลกตัวประกันกับไรน์ฮาร์ดมันไร้ความหมาย

จริงอยู่ว่าไรน์ฮาร์ดพะวงเรื่องความปลอดภัยของไฮน์เคล เป็นห่วงพรรคพวกอย่างแฟรมกับเอซโซ่ภายในหอคอย และไม่อยากจะสังหารกระทั่งอัลผู้เป็นศัตรู

แต่ถ้าหากสมดุลของโลกตกอยู่ในความเสี่ยง ไรน์ฮาร์ดก็สามารถสังเวยความเห็นอกเห็นใจในฐานะมนุษย์เหล่านั้นทิ้งไปได้ทั้งหมด

ดังนั้น ถ้าหากอัลเผลอทำให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นว่าตัวเขาเป็นภัยต่อโลกมากเกินไป ไรน์ฮาร์ดก็พร้อมที่จะสังหารอัลทิ้งและปล่อยให้ไฮน์เคล แฟรม เอซโซ่ตายเป็นการแลกเปลี่ยน

เพราะว่านั่นคือภาระหน้าที่ที่ [นักดาบเทวา] ต้องแบกรับ

. อัลโน้มน้าวต่อว่าการปล่อยเขาหนีไปจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อโลกเลย

มิหนำซ้ำยังเป็นการช่วยขจัด [ผู้ใช้กลโกง] สองคนออกไปจากการคัดสรรกษัตริย์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อโอกาสชนะของเฟลท์ด้วยซ้ำ

ไรน์ฮาร์ดสวนกลับว่าเจ้านายของเขาไม่ได้ต้องการขึ้นครองบัลลังก์ด้วยการกำจัดคู่แข่งให้หายไปดื้อๆ

ถ้าหากว่าเฟลท์เป็นพวกบ้าอำนาจและกระหายชัยชนะเช่นนั้น เธอคงสั่งให้ไรน์ฮาร์ดกำจัดคู่แข่งให้หมดตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องนี้จึงนำมาใช้เจรจาไม่ได้

สุดท้ายการเจรจาครั้งนี้จึงดูเหมือนจะสูญเปล่า เพราะแขนสองข้างที่บาดเจ็บของไรน์ฮาร์ดเป็นหลักฐานอย่างดีถึงความเป็นภัยของอัลเดบารัน

ในเมื่อไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอาไม่มีวันยอมปล่อยอัลเดบารันให้หลุดมือไปได้ แล้วทั้งหมดนี้มันเพื่ออะไรกันล่ะ?

คำตอบก็คือทุกสิ่งล้วนแต่เป็นการถ่วงเวลาจนกว่าสิ่งที่สามารถต่อกรกับ [นักดาบเทวา] จะปรากฏตัวออกมาดังที่อัลคาดหวังไว้

ไรน์ฮาร์ด: ――บ้าน่า

ถึงแม้ว่าอายุจะน้อยกว่าอัลราวครึ่งหนึ่ง ไรน์ฮาร์ดก็คงมีโอกาสได้เห็นขุมนรกมานับไม่ถ้วนหากเทียบกับชายหนุ่มวัยเดียวกัน

กระทั่งในสถานการณ์ที่เขาถูก [มังกรเทพ] ที่ควรจะเป็นพันธมิตรของราชอาณาจักรลูกุนิก้าหักหลัง ไรน์ฮาร์ดก็มิได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

ทว่า ไรน์ฮาร์ดในปัจจุบันกลับกำลังอึ้งจนพูดไม่ออก สาเหตุคงเป็นเพราะว่าเขาพึ่งมีโอกาสได้เห็นสิ่งนั้นเป็นครั้งแรก

สาเหตุที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดสถูกสร้างขึ้นที่เนินทรายออกุเลียสุดขอบโลกมิใช่เพื่อให้ [นักปราชญ์] ผู้ต่อสู้จนเหน็ดเหนื่อยได้พักเกษียณ

และมิใช่เพื่อให้ [แม่มด] ขี้สงสัยได้สร้างหอสมุดรสนิยมแย่ขึ้นมาผ่านกระบวนการลวงหลอกโอโด ลากูน่า

ไรน์ฮาร์ด: ――[แม่มดแห่งริษยา]

หอคอยแห่งนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์สิ่งที่ถูกผนึกเอาไว้ ณ ที่แห่งนั้นต่างหาก

. ย้อนไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ตัดฉากไปยังภายในหอสังเกตการณ์พลอาเดส ซึ่งเพทร่าพึ่งจะปฐมพยาบาลให้การ์ฟีลที่สลบไปเสร็จพอดี

เพทร่า เมลี่ และแฟรมช่วยกันพาตัวเอซโซ่กับการ์ฟีลที่นอนสลบอยู่บนยอดหอคอยในสภาพมีแผลไหม้เต็มตัวลงมายังชั้นสี่ จากนั้นก็พันแผลให้ทั้งสองหนุ่ม

หลังพันแผลให้เอซโซ่เสร็จ แฟรมก็ยืนยันว่าอัลไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่แค่ผนึกการเคลื่อนไหวเอาไว้ กระนั้นเพทร่าก็มิอาจที่จะให้อภัยการกระทำของอัลได้อยู่ดี

น่าเสียดายที่ในบรรดาสามสาวไม่มีใครใช้เวทมนตร์รักษาเป็นเลย เพทร่าถนัดเวทสายตะวัน แฟรมก็ไม่มีแรงจูงใจเรียนรู้เวทมนตร์เพราะต้องรับใช้ไรน์ฮาร์ด

โชคดีที่ทั้งสองพอรู้วิธีปฐมพยาบาลอยู่บ้าง ต่างจากเมลี่ที่แค่พันแผลก็ยังทำไม่เป็น สมัยก่อนเธอเคยแต่ทำแผลแบบลวกๆ ให้เอลซ่า เพราะงั้นเมลี่ก็เลยอาสาเฝ้ายามให้แทน

การ์ฟีลที่เชี่ยวชาญเวทวารีมากที่สุดในฝ่ายเอมิเลียก็ดันหมดสภาพในการต่อสู้ไปก่อนใครเพื่อน ไม่สิ มีคนที่หมดสภาพการต่อสู้ไปก่อนเขา

เพทร่า: สุบารุ…

เพทร่ากำหมัดแน่นด้วยความกังวลใจที่มีต่อความปลอดภัยของสุบารุกับเบียทริซที่หายสาบสูญไปแบบไร้วี่แวว ในกรณีเลวร้ายสุด สองคนนั้นอาจจะถูกอัลกำจัดไปแล้ว

เมลี่ค้านทันทีว่าปกติการกำจัดศพไม่ให้เหลือร่องรอยมันไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่จะสามารถควบคุมสัตว์มารได้แบบตัวเธอเอง (ให้แดร๊กศพเข้าไปนั่นเอง)

เพราะงั้น เมลี่จึงเชื่อมั่นว่าอัลลักพาตัวสองคนนั้นไปด้วยวิธีการปริศนาบางอย่างมากกว่า

. แฟรม: ――ไม่ว่าท่านอัลจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม แผนการเหล่านั้นจะถูกบดขยี้แน่นอนค่ะ

เมลี่: ต๊ายตาย มั่นอกมั่นใจเหลือเกินนะค้า

ระหว่างที่เพทร่ากำลังครุ่นคิดว่าจะเอาตัวพวกสุบารุคืนมาอย่างไรและอัลกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แฟรมก็เอ่ยขึ้นมาอย่างได้จังหวะพอดี

แฟรม: ค่ะ ถึงแม้จะบอกรายละเอียดไม่ได้ก็ตาม แต่เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ได้แจ้งให้น้องสาวชื่อกราซิสทราบไปแล้วค่ะ ตอนนี้กราซิสกำลังอยู่กับนายน้อย เพราะงั้นนายน้อยน่าจะได้รับข้อมูลเดียวกันนี้ไปค่ะ

เพทร่า: นายน้อยนี่คือ…

แฟรม: [นักดาบเทวา] ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอา ผู้นั้นคือนายน้อยค่ะ

เมลี่: อุหวา ถ้าคุณ [นักดาบเทวา] รีบบินตรงมาเลยล่ะก็ คงไม่ต้องกังวลว่าคุณหมวกเกราะจะวางแผนอะไรไว้แล้วแหละเน้อ ที่จริง แอบรู้สึกสงสัยคุณหมวกเกราะเลยด้วยซ้ำค่า

ตอนที่ไรน์ฮาร์ดมาส่งเมลี่เดินทางไปยังหอสังเกตการณ์รอบก่อน เขาก็เข้าปะทะกับ [มังกรเทพ] อย่างไร้ความลังเลแบบหน้าตาเฉย

คราวนี้จึงมีโอกาสที่ไรน์ฮาร์ดจะเปิดฉากใส่ [มังกรเทพ] ทันทีโดยที่อาจจะไม่รู้ว่าอัลอยู่ด้วยกัน แต่ต่อให้อัลจะเจ็บตัวจากเหตุการณ์นั้น เพทร่าก็ไม่สงสารแม้แต่น้อย

ใจจริงเพทร่าอยากให้อัลถูกอัดจนยับเยินเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าทั้งที่ยังรู้จักกันได้ไม่นาน อัลกลับเหยียบย่ำความรู้สึกของเพทร่า

เหนือสิ่งอื่นใดคืออัลได้ทรยศต่อความเชื่อใจและความเป็นห่วงเป็นใยที่สุบารุและเอมิเลียมีให้แก่เขา เพทร่าจึงไม่มีวันยอมยกโทษให้อัลเป็นอันขาด

รอบตัวเพทร่าเต็มไปด้วยบุคคลจิตใจดี บางครั้งเธอจึงรู้สึกว่าตนเองใจแคบเหลือเกินที่มิอาจยกโทษให้รอสวาลหรือผู้คนบางส่วนในจักรวรรดิได้

เมลี่ที่ดูออกว่าเพทร่ากังวลใจเรื่องอะไรยื่นมือเข้ามาลูบหัวและปลอบใจว่าเพทร่าจิตใจอ่อนโยนมากอยู่แล้ว ในขณะที่ตัวเมลี่เองมีสีหน้าหม่นหมองแปลกๆ

. เพทร่าเสนอว่าควรที่จะย้ายการ์ฟีลกับเอซโซ่ไปที่ชั้นล่างเผื่อว่า [พรคุ้มครองดวงจิตปฐพี] จะช่วยทำให้การ์ฟีลฟื้นตัวได้ไวขึ้น

ว่าแล้วแฟรมจึงทำการยกร่างของทั้งการ์ฟีลและเอซโซ่ขึ้นมาพาดบ่า พละกำลังของเธอมหาศาลผิดกับรูปลักษณ์ สมกับที่เป็นสาวรับใช้ของตระกูล [นักดาบเทวา]

อีกไม่นานอัลที่หลบหนีออกไปพร้อมกับ [มังกรเทพ] จะถูกไรน์ฮาร์ดขัดขวางแผนการชั่วร้าย ทั้งเมลี่และแฟรมต่างมั่นใจว่าเขาจบเห่แน่ๆ แต่เพทร่ากลับสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

จริงอยู่ว่าเพทร่าไม่รู้ความแข็งแกร่งของไรน์ฮาร์ด แต่ถ้าหากอัลสามารถเล่นงานได้กระทั่งสุบารุ เพทร่าก็อดกังวลไม่ได้ว่าเขาน่าจะเตรียมมาตรการรับมือไรน์ฮาร์ดไว้แล้วด้วยเช่นกัน

หลังจากที่แฟรมเดินออกจากห้องไปพร้อมสองหนุ่ม เพทร่ากับเมลี่ก็ช่วยกันเก็บสัมภาระการเดินทางใส่กระเป๋า

ตอนนั้นเองที่เพทร่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างภายในกระเป๋า

เพทร่า: …หนังสือ?

เมื่อดึงสัมภาระประหลาดออกมาดู เธอก็พบว่ามันคือหนังสือแสนคุ้นเคยที่มีอยู่มากมายภายในหอสมุดแห่งนี้ [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] นั่นเอง

เอซโซ่เคยเตือนทุกคนไว้ว่าห้ามนำ [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] ออกนอกหอสมุด แต่คัมภีร์เล่มนี้กลับถูกยัดเอาไว้ภายใน [กระเป๋าของสุบารุ]

ใช่แล้ว กระเป๋าใบที่เพทร่าเจอคัมภีร์คือกระเป๋าที่ใช้เก็บข้าวของส่วนตัวของสุบารุกับเบียทริซ เช่น เสื้อผ้าและ [บันทึกการเติบโตของเบียทริซ] ที่สุบารุเขียนอยู่ทุกวัน

เพทร่า: …อ่านชื่อ…ไม่ออก?

ความประหลาดอีกอย่างคือเพทร่าไม่สามารถอ่านชื่อบนสันปกของหนังสือเล่มนั้นได้เลย ทั้งที่เธอสามารถอ่านชื่อบนสันปกคัมภีร์เล่มอื่นได้หมด

ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกใครบางคนขีดข่วนให้อักษรเสียหายจนอ่านไม่ออก การทำลายชื่อทิ้งแปลว่าตัวการไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่ามันคือคัมภีร์ของใคร

ส่วนสาเหตุที่เก็บไว้ภายในกระเป๋าก็เพื่อที่จะซ่อนมันจากสายตาของผู้อื่นอยู่แล้ว แถมดูจากรูปการณ์ คนที่พยายามเก็บซ่อนคัมภีร์ก็คือตัวสุบารุเอง

. เมลี่ที่เก็บสัมภาระเสร็จแล้วหันมาทักเพทร่าและเห็นเธอถือคัมภีร์ไว้ในมือ เพทร่ามองว่าคัมภีร์เล่มนี้อาจจะเป็นเบาะแสที่จะช่วยอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ไม่แน่ว่าคัมภีร์เล่มนี้อาจจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของอัล สุบารุที่บังเอิญเจอเข้าก่อนอาจจะซ่อนมันไว้และก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองขึ้นมาก็เป็นได้

เมลี่มองว่าหนังสือเล่มนั้นมันอันตรายไม่คุ้มเสี่ยง แต่ก็เข้าใจหัวอกของเพทร่าที่ไม่อยากจะปล่อยผ่านเบาะแสจนช่วยอะไรพวกสุบารุไม่ได้ เธอจึงไม่หักห้ามอะไร

การอ่าน [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] มันอันตราย ทั้งสุบารุและเบียทริซเคยเตือนไว้แล้ว แถมเพทร่าก็ไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถทำตามเคล็ดลับการทำจิตใจให้ว่างเปล่าของเอซโซ่ได้ไหม

กระนั้นเพทร่า เลย์เต้ก็มิใช่เด็กสาวประเภทที่จะยอมกอดเข่าคุดคู้อยู่เงียบๆ และรอให้สถานการณ์คลี่คลายเอง เพราะงั้นเธอจึง…

เพทร่า: ――เมลี่จัง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ

เมลี่: ดันมาขอให้ฉันช่วยอะไรแบบนั้นเนี่ย เพทร่าจังนี่มองคนไม่ได้เรื่องเลยน้า

ว่าแล้วเพทร่าจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพลิกหน้ากระดาษของหนังสือบนตัก

เพทร่า: ――อ๊ะ

นั่นทำให้เธอเผลอไปแตะต้อง [ความทรงจำ] ต้องห้ามของโลกใบนี้เข้า

. อ่านต่อพาร์ท 2