re zero webnovel arc9 chapter15 part2 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 15 "ผู้พ่ายแพ้" พาร์ท 2

ตัดกลับไปฝั่งอัลเดบารันที่เฝ้ารอให้ระเบิดเวลาทำงานโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ช่วงเวลาที่แน่นอน

ถ้าหากเด็กสาวเหล่านั้นจิตใจอ่อนแอกว่าที่อัลประเมินไว้และไม่กล้าหงายไพ่ที่มีอยู่ อัลอาจจะต้องวนลูปซ้ำไปอีก 130,000 รอบเพื่อหาหนทางใหม่

ทว่า ทั้งเพทร่า เมลี่ และแฟรมต่างก็เป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาดและกล้าหาญเกินวัย หลังรักษาการ์ฟีลกับเอซโซ่เสร็จ พวกเธอจึงหาทางเดินหน้าต่อแทนที่จะนั่งร้องไห้

แล้วเมื่อสามสาวตัดสินใจทำเช่นนั้น พวกเธอก็จะพบเข้ากับ [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] ที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในกระเป๋าของนัตสึกิ สุบารุ

สำหรับพวกเธอ หนังสือเล่มนั้นคงเป็นดั่งแสงส่องนำทางที่จะช่วยพาออกไปจากอุโมงค์ตันอันมืดมิด ก็เลยพลั้งมือเปิดอ่านโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านั่นคือกับดักของอัลเดบารัน

คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์ของนัตสึกิ สุบารุ

มันคือหนังสือต้องห้ามที่แหกกฎความสมเหตุสมผลของโลกใบนี้ ซึ่งผลลัพธ์จากการเปิดอ่านเนื้อหาภายในก็คือ…

ไรน์ฮาร์ด: ――บ้าน่า

ดวงตาสีฟ้าของไรน์ฮาร์ดเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก หากตัวเขาคือ “สิ่งที่ได้รับพร” ของโลกใบนี้ สิ่งนั้นที่ปรากฏออกมาก็คือ “สิ่งต้องสาป” ของโลก

พระพรและคำสาปคือพลังขั้วตรงข้าม มิใช่พาวเวอร์บาลานซ์ที่มีอย่างใดอย่างหนึ่งเหนือกว่ากัน เพราะงั้นอัลจึงลองเดิมพันกับแผนการนี้

อัล: นอกจาก [นักดาบเทวา] ก็ไม่มีใครหน้าไหนหยุดยั้งเจ้าสิ่งนั้นได้อีกแล้วเฟ้ย

. ท่ามกลางท้องฟ้าย่ามค่ำคืนที่มีเพียงแสงดาวช่วยส่องสว่าง มีสิ่งที่ดำมืดยิ่งกว่าท้องฟ้าพวยพุ่งออกมาจากศาลเจ้าที่อยู่เลยหอคอยของ [นักปราชญ์] ไปอีก

หัตถ์มารที่สร้างขึ้นจากไอพิษของแม่มดพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรงดุจคลื่นยักษ์สีดำทมิฬ มันคือสัญลักษณ์แห่งความล่มสลายที่ทุกสิ่งอยากเบือนหน้าหนี

การล่อลวงให้พวกเด็กสาวแตะต้องสิ่งต้องห้ามและเรียกตัวให้ [แม่มดแห่งริษยา] ออกมานี่แหละคือระเบิดเวลาที่อัลเดบารันเตรียมไว้รับมือกับไรน์ฮาร์ด

อัล: ถ้าคิดจะเล่นงานชั้นก่อน ชั้นก็จะต่อต้านอย่างสุดกำลัง ขอบอกเลยว่าถ้านายไม่รีบไป โลกได้ถึงคราวล่มสลายแน่เฟ้ย แต่ถึงจะเป็นงั้น ชั้นก็ไม่สนใจสักนิดหรอกว่ะ

ไรน์ฮาร์ด: ทำไมกัน…

อัล: ต่อให้โลกจะล่มสลาย ตัวชั้นก็จะยังคงอยู่ ――เพราะว่าเจ้านั่นน่ะ จะยังคงเพิกเฉยต่อชั้นอยู่ต่อไปยังไงล่ะ

ด้วยเหตุผลนั้นเองที่ทำให้อัลเดบารันมิอาจเป็นสวิตช์จุดระเบิดเองได้และต้องยืมมือผู้อื่นที่ช่างสังเกต ฉลาด และกล้าหาญมาเป็นสวิตช์ให้แทน

อัล: ไรน์ฮาร์ด ชั้นไม่ได้อยากจะทำลายโลก ที่จริงแล้ว ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ

ไรน์ฮาร์ด: กรอด…

อัล: จะไม่ทำร้ายเตี่ยเอ็งหรอกน่า ――ไปซะ

ไรน์ฮาร์ด: ท่านอัล โปรดอย่าได้คิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นเชียวล่ะ

. ไรน์ฮาร์ดกัดฟันด้วยความขุ่นเคืองก่อนที่จะดีดตัวกระโจนตรงดิ่งเข้าไปหา [แม่มดแห่งริษยา] ที่พยายามจะกลืนกินหอสังเกตการณ์

แสงสีขาวของ [นักดาบเทวา] ปะทะเข้ากับเงาดำแห่งการทำลายล้างของ [แม่มด] ก่อให้เกิดประกายแสงที่มิใช่ทั้งสีดำและขาววาบขึ้นมา

วินาทีนั้นเองที่อัลรู้สึกราวกับว่าแสง สี เสียง ความร้อน และทุกสิ่งทุกอย่างถูกถอนรากถอนโคนออกไปจากโลกหมด

ปรากฏการณ์บิกแบงที่เป็นหายนะรุนแรงราวกับฟ้าดินกำลังล่มสลายปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆๆๆๆๆ ไม่จบไม่สิ้น

แสง สี เสียง และความร้อนถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทุกครั้งที่ปะทะกัน ราวกับว่าโลกทั้งใบถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่สลับกันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน

มันคือศึกที่ไม่มีวันจบสิ้นระหว่างสิ่งที่ไม่มีวันตายกับสิ่งที่ไม่มีวันล่มสลาย แผนการล่อไรน์ฮาร์ดให้ไปสู้กับ [แม่มดแห่งริษยา] ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ความรุนแรงของศึกเดือดที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรส่งผลให้มังกรสุดแกร่งที่นอนแผ่ราบในสภาพไม่น่าดูได้สติกลับคืนมา

มังกรเทพอัล: ทำได้ไม่เลวเลยนี่หว่า

อัล: อา [แม่มดแห่งริษยา] ที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นจนไม่สมบูรณ์กับ [นักดาบเทวา] ที่ไม่เต็มร้อยเพราะไอพิษกับอาการบาดเจ็บที่แขนทั้งสองข้าง …การเดินไต่ข้ามเชือกที่ตึงแทบจะขาดกว่า 130,000 รอบก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วล่ะนะ ไปไหวไหม?

มังกรเทพอัล: นอกเหนือจากคอที่ระคายเคืองแทบแย่กับเปลือกมกรมานาแทงค์ที่ผลาญมานาไปมหาศาลแล้ว การบินข้ามทะเลทรายก็ไม่น่าจะติดปัญหาอะไรแหละนะ

อัล: เยี่ยมไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงที่หลับไปน่ะ เดี๋ยวค่อยเชื่อมต่อเอาก็ได้ ตอนนี้เรารีบไป――

ทันใดนั้นเองก้อนหินก็พุ่งเข้ามาหาขาของอัลเดบารันด้วยความเร็วสูง แต่มังกรเทพอัลใช้หางปัดมันไว้ได้อย่างทันท่วงที

ผู้ที่ส่งหินก้อนนั้นมามิใช่ใครที่ไหน ตัวการก็คือไรน์ฮาร์ดที่ควรจะกำลังวุ่นอยู่กับการต้านทาน [แม่มดแห่งริษยา] นั่นแหละ

กระทั่งว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงมือขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ต้องยอมคำนับให้แก่ความรับผิดชอบในภาระหน้าที่เลย

มังกรเทพอัล: มาอีกเป็นโขยงเลย! อาจจะมาได้อีกเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นระยะมองเห็นโน่นแหละ!

มังกรเทพอัลกางปีกมาช่วยป้องกันอัลจากก้อนหินที่พุ่งกระหน่ำเข้ามา

แบกรับบทผู้ปกป้องโลกยังไม่พอ ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะขัดขวางแผนการของพวกอัลอีกต่างหาก

ดูเหมือนว่าเจ้า [นักดาบเทวา] คนนี้จะโลภมากกว่าที่อัลคาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจจะเป็นนิสัยที่ติดมาจากคนใกล้ตัวสักคนก็เป็นได้

อัล: ――บอกไปแล้วนี่ ฮีโร่ ยังไงชั้นก็จะเป็นฝ่ายที่ชนะอยู่ดี ต่อให้ต้องพ่ายแพ้เป็นแสนครั้งก็ตาม

. มังกรเทพอัลคว้าร่างของอัลเดบารันเอาไว้แล้วสยายปีกโบยบิน ทิ้งระยะห่างออกมาจากสนามรบตรงนั้น

ภาพของ [นักดาบเทวา] ที่ต่อต้าน [แม่มดแห่งริษยา] ที่ดำมืดยิ่งกว่าผืนฟ้าเอาไว้นั้นเปรียบได้ดั่งมรณะสักขีที่เสียสละตนเองเข้าประจันหน้ากับคลื่นยักษ์

แต่ที่น่าย้อนแย้งก็คือสุดท้ายแล้วมรณะสักขีอย่างเขาจะเป็นผู้ที่เหลือรอดอยู่คนเดียวหลังจากที่โลกถูกทำลาย

มังกรเทพอัล: ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ การโจมตีขนาบข้างร่วมกับเจ้าสิ่งนั้นอาจจะโค่น [นักดาบเทวา] ลงได้จริงๆ นะเนี่ย

อัล: …จะทำไปเพื่ออะไรเล่า ขืนขาดไรน์ฮาร์ดไป ก็ไม่มีใครปิดช่วยประตูของขุมนรกพอดีสิ เจ้าหมอนั่นน่ะ ต้องรับบทบาทเป็นประตูด้วยเฟ้ย

มังกรเทพอัล: แค่พูดเล่นเท่านั้นแหละ

อัล: หมอนั่นน่ะ ไม่ได้อยากให้ตายหรอก

ตั้งแต่ที่เริ่มศึกครั้งนี้ อัลก็ไม่ได้มุ่งหวังจะฆ่าไรน์ฮาร์ดจริงๆ แต่ความลำบากคือถ้าหากไม่ได้โจมตีอีกฝ่ายด้วยเจตนาสังหาร ก็อย่าหวังว่าจะสร้างบาดแผลให้ได้เลย

อัล: “อย่าคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่น” งั้นเรอะ

คำพูดสุดท้ายของมรณะสักขีผู้ถูกอัลทิ้งเอาไว้เบื้องหลังดังขึ้นมาในหูอีกครั้งหนึ่ง ทำเอาอัลอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นพลังของพรคุ้มครองอีกไหม

เช่นว่า มันอาจจะเป็น [พรคุ้มครองจุดสำคัญ] หรือ [พรคุ้มครองจุดอ่อน]

ทว่า อัลเดบารันนั้นรู้ตัวดียิ่งกว่าใคร ว่าต่อให้เขาจะมีพลังที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ปรารถนาได้จากการลองใหม่อย่างไม่สิ้นสุดก็ตาม…

อัล: จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสักอย่างที่เป็นไปตามที่คาดหวังอยากให้เป็นเสียทีว้อย

ต่อให้เขาจะลองต้านทานไปมากกว่า 132,044 รอบ ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่กัดกินอยู่ภายในหัวใจ ซึ่งมิใช่ทั้งพระพรหรือคำสาป ก็ยังคงไม่เลือนหายไปอยู่ดี

. จบตอน