
นิยายสปินออฟ EX5 บท "แสงสายัณห์สีชาด" พาร์ท 8: สุนัขผู้ซื่อสัตย์
. ช่วงเวลาที่ปราสาทของวินเซนต์ อาเบลุกซ์ ถูกพี่น้องผู้ท้าชิงบัลลังก์นำทัพเข้าห้อมล้อมคือประมาณ 3 เดือนหลังจากที่พิธีกรรมคัดสรรจักรพรรดิเริ่มขึ้น
เชื้อพระวงศ์แต่ละคนต่างนำกองทัพมากฝีมือของตระกูลตนมาเข้าร่วมศึก ห้ำหั่นกันจนอาณาเขตตระกูลอาเบลุกซ์อบอวลไปด้วยกลิ่นเลือด
เชื้อพระวงศ์วอลลาเคีย ทั้งผู้ที่เข้าร่วมและผู้สละสิทธิ์ รวมถึงเหล่าผู้ติดตามล้วนแต่จับจ้องโศกนาฎกรรมของสงครามกลางเมืองครั้งนี้แบบตาไม่กระพริบ
บางทีความผิดปกตินั้นอาจจะเป็นคือคุณสมบัติของผู้ที่เกิดมาเป็นผู้นำที่เหมาะสมกับจักรวรรดิวอลลาเคียโดยกำเนิด
และในเพลานี้ สองพี่น้องสายเลือดจักรพรรดิพร้อมกับผู้ติดตามจำนวนน้อยนิด ก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่กลางป่าลึก
. วินเซนต์และพริสก้า ชักดาบแสงตะวันเล่มสีแดงงดงามออกมาพร้อมกัน
ดาบแสงตะวันคือหนึ่งสิบดาบเลื่องชื่อของโลกใบนี้ มันสืบทอดกันมาราชวงศ์วอลลาเคียแต่อดีตกาล
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าทำไมดาบแสงตะวันถึงเพิ่มจำนวนได้หลายเล่มตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ในแต่ละยุคสมัย
――หากถามว่าการแบ่งดาบออกเป็นหลายเล่มจะทำให้ฤทธิ์เดชของดาบแสงตะวันลดลงตามไปไหม? คำตอบก็คือ “ไม่เลย”
ดาบแสงตะวันสองเล่มของวินเซนต์และพริสก้าเปิดฉากเข้าปะทะกันกลางป่าทึบ
เพลานี้โลกของสองพี่น้องเหลือแต่เพียงพวกเขา 2 คน ทั้งคู่แลกดาบกันราวกับร่ายรำ ประกายแสงสีแดงและสีขาวส่องสว่างไปทั่วป่า
การแลกดาบแต่ละทีทำให้เปลวเพลิงกลืนกินกันเองและยิ่งเร่งความร้อนของดาบสองเล่มให้สูงขึ้นไปอีก นั่นทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงศึกระหว่างพี่น้องได้
. เหล่าผู้ติดตามได้ยืนอ้ำอึ้งเพราะคลื่นความร้อนที่จี่ผิวหนังและภาพอันน่าเหลือเชื่อของดาบแสงตะวันสองเล่มที่กำลังปะทะกัน
พอพวกเขารู้ตัวอีกที เจ้านายของพวกตนก็กำลังดวลเดี่ยวอยู่ในศึกแบบกะเอาตายอยู่เสียแล้ว
จิชา: คำนวณผิดพลาดอย่างมหันต์! ไม่มีเวลามัวแต่ยืนแน่นิ่งแล้วสิ!
สายลมร้อนเรียกสติจิชากลับมา เขาจึงล้วงไปหยิบอาวุธประจำตัว ซึ่งเป็น “พัดแบบพับได้” ที่ทำจากโลหะออกมา เพื่อเตรียมสนับสนุนเจ้านาย
แต่แล้วจิชาก็ถูกเป่ากระเด็นด้วยการโจมตีของเดรัจฉานดุร้ายในร่างสาวน้อยเผ่ามนุษย์สุนัขที่ถือกิ่งไม้อยู่ในมือ
จิชาสัมผัสได้ทันทีว่าเด็กสาวที่ยืนชิวเหมือนจงใจเปิดช่องโหว่คนนี้เป็นสัตว์ร้ายประเภทเดียวกับเซซิลุส
อาราเคีย: องค์หญิงยุ่งอยู่ ไม่ให้ไปขัดหรอก
จิชา: ที่จริงฉันไม่ใช่สายออกลุยแนวหน้าหรอกนะ เธอคงเป็นดาบลับของท่านพริสก้าล่ะสิ
อาราเคีย: …? ฉันชื่ออาราเคีย ฉันต่อสู้ เพื่อองค์หญิง
จิชาถอนหายใจต่อความภักดีไม่สั่นคลอนของอีกฝ่าย ดูท่าว่าเขาจะหมดสิทธิ์เจรจาให้ไม่สู้กัน จิชาและทหารด้านหลังจึงได้เตรียมอาวุธให้พร้อม
จิชา: ฉันกับเหล่าทหารด้านหลังต่อสู้เพื่อเจ้านายอีกคน แต่ความภักดีนั้นไม่ต่างกัน เกรงว่าฉันคงไม่ทำอะไรไร้ประสิทธิภาพอย่างการ “ดวลเดี่ยว” ขออภัยด้วย
อาราเคีย: เอ่อ…?
จิชา: ถ้าให้สรุปง่ายๆ ก็คือ ฉันตั้งใจจะโค่นเธอด้วยจำนวนที่เหนือกว่า
กลุ่มทหารด้านหลังจิชากู่ร้องเตรียมพร้อมเข้าบวก ส่วนอาราเคียก็หันหลังไปดูการดวลระหว่างพี่น้องเล็กน้อยและตั้งมั่นว่าจะมิยอมให้ใครเข้าไปขัด
อาราเคีย: เรื่องยุ่งยาก ไม่เข้าใจ แต่นี่ก็เพื่อองค์หญิง เพื่อองค์หญิงแล้ว ฉันยอมตายได้
. ศึกระหว่างวินเซนต์กับพริสก้าดึงดูดให้เศษเสี้ยววิญญาณธาตุอัคคีมารวมตัวกัน อาราเคียจึงคว้าหนึ่งในนั้นมาเขมือบลงท้อง
อาราเคีย: บรู๊วววว!
อาราเคียก้มตัวต่ำลงพร้อมกันกับที่เปลวเพลิงสีฟ้าห่อหุ้มร่างกายของเธอ จากนั้นก็ใส่กำลังที่ขาเพื่อกระโจนเข้าหากลุ่มศัตรู
เด็กสาวโผบินราวกับสายลมและหลบหลีกการโจมตีของเหล่าทหารได้หมด และพอกลุ่มทหารกำลังจะไล่กวดอาราเคีย พวกเขาก็พึ่งรู้ตัวว่าร่างกำลังลุกเป็นไฟ
ทหาร: อ๊าากกกกกก!!
เปลวเพลิงสีฟ้าเผาไหม้ไม่หยุดแม้ทหารบางคนจะพยายามกลิ้งตัวกับพื้นและลองกวักดินใส่ตัว สุดท้ายพวกที่ไฟติดบนร่างก็มีชะตากรรมต้องกลายเป็นเถ้าธุลีหมด
. ทหารของวินเซนต์เริ่มจัดกระบวนทัพใหม่พอรู้ตัวว่าไม่มีทางช่วยพวกพ้องที่ถูกเผาได้
จิชาได้แต่เพียงรำพึงในใจถึงตัวตนเหนือสามัญสำนึกที่ทำให้กลยุทธ์และการคำนวณของเขาผิดพลาดไปหมด
เซซิลุสที่วินเซนต์พึ่งดึงมาเข้าพวกเมื่อไม่กี่เดือนก่อนและอาราเคียที่กำลังฉีกร่างของทหารฝ่ายเขาราวกับสัตว์ร้ายนั้นจัดอยู่ในประเภทดังกล่าว
ร่างของชายฉกรรจ์มากมายถูกเหวี่ยงกระเด็นไปตามผืนดิน บ้างถูกแผดเผาไม่เหลือซาก บ้างใบหน้าแหลกเละ บ้างแขนหักขาหัก บ้างก็ถูกฉีกร่างออกจนนอนแน่นิ่ง
อาราเคียต่อสู้ด้วยท่ายืนสี่ขาแบบเดรัจฉาน อาวุธในมือมีเพียงกิ่งไม้ง่อยๆ แต่กิ่งไม้ที่ว่าสามารถฟันดาบของทหารจนหักและช่วงชิงชีวิตของพวกเขาได้
. จิชาตัดสินใจว่าเขาไม่อยากเปลืองชีวิตของทหารไปกับศัตรูระดับเหนือสามัญสำนึกไปมากกว่านี้ เขาจึงเข้าแทรกแซงด้วยตัวเอง
จิชา: ทหาร รบกวนช่วยถอยทัพมาก่อนครับ ฉันจะจัดการกับ…เจ้านั่นเอง
พอออกคำสั่งถอยทัพ อาราเคียที่ยังคงอยู่ในท่ายืนสี่ขาก็จดจ้องมายังเขาแทน จิชาได้แต่เพียงถอนหายใจและแนะนำตัวตามวิถีนักรบ
จิชา: ฉันคือนักวางกลยุทธ์ของท่านวินเซนต์ อาเบลุกซ์ “จิชา โกลด์”
อาราเคีย: ฉันคือสุนัขขององค์หญิงพริสก้า “อาราเคีย”
การดวลเดี่ยวระหว่างบริวารคนสนิทของสองพี่น้องนั้นรู้ผลภายในจังหวะการโจมตีเดียว
อาราเคียเริ่มกระโจนเข้าหาในมุมต่ำ จิชาจึงฟาดพัดเหล็กเล็งใส่ศีรษะเธอ โดยที่คาดการณ์ว่าการโจมตีนั้นจะกระแทกเด็กสาวให้หลั่งเลือดจากหัวได้
ทว่า อาราเคียกลับอ้าปากและเขมือบเศษเสี้ยววิญญาณตัวใหม่เข้าไป และในพริบตาต่อมา จิชาก็มองตามความเร็วของเธอไม่ทันแล้ว
ร่างของจิชากระเด็นขึ้นฟ้าจากแรงปะทะที่หลังถึงหน้าท้อง สาเหตุมาจากกิ่งไม้ของอาราเคียที่ปักทะลุร่างของเขาเสียบกับผืนดินนั่นเอง
จิชา: อ่อก… อั่ก…
จิชาหายใจฮึดฮัดและกระอักเลือดปริมาณมากออกมา อาราเคียหันเหความสนใจไปจากเขาเพื่อเตรียมรายงานต่อนายหญิงว่าเธอกำราบศัตรูได้สำเร็จ
อาราเคีย: องค์หญิ――
ทว่า ไม่กี่วินาทีต่อมาลำแสงสีแดงจากเบื้องบนก็กลืนทั้งผืนป่าที่อาราเคียและนายหญิงของเธอกำลังต่อสู้อยู่จนราบ
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทหน้า)