
นิยายสปินออฟ EX5 บท "แสงสายัณห์สีชาด" พาร์ท 7: พี่น้องประจันหน้า
. เซซิลุส เซ็กมุนต์ ผู้เป็น “อาวุธลับ” ของวินเซนต์ สามารถดวลเดี่ยวกับทัพหน้าของลาเมียได้อย่างเหนือความคาดหมาย
กระทั่งพริสก้าที่รู้ความแข็งแกร่งของเขาล่วงหน้าก็ยังรู้สึกทึ่ง อาราเคียเองก็ตงิดใจอยากไปแก้มือกับเซซิลุสเช่นกัน
แต่พริสก้าก็หักห้ามใจอาราเคียไว้ก่อน เพราะเธอต้องการเก็บพลังของอาราเคียไว้ในหน้าที่อื่น
ว่าแล้วพริสก้าจึงสั่งการทหารในหน่วยของเธอให้เตรียมเคลื่อนทัพ ทว่า ตอนนั้นเอง…
[??: พริสก้า นั่นเจ้าคิดจะไปไหนกัน?]
นั่นเป็นเสียงที่มีพริสก้าได้ยินอยู่ในหัวคนเดียว เรียกได้ว่าเป็น “โทรจิต” สำหรับการสื่อสารทางเดียวชนิดหนึ่ง
พริสก้ารู้ดีว่าเจ้าของพลังนี้คือใคร เขาคือหนึ่งในผู้เข้าร่วมพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิเฉกเช่นเดียวกับเธอ
พริสก้า: เสียมารยาทจริงนะ พาลาดิโอ้ ใครอนุญาตให้เจ้าคุยกับข้าพเจ้ากัน?
[พาลาดิโอ้: แค่จะคุยกับน้องสาว ข้าต้องไปขออนุญาตใครด้วยงั้นเหรอ?]
ผู้ที่สื่อสารทางจิตกับพริสก้าอยู่ คือ “พาลาดิโอ้ มาเนสค์” พี่ชายต่างมารดาของพริสก้า ซึ่งเป็นสมาชิกเผ่า “เนตรมาร” ที่มีพลังพิเศษจากเนตรประจำตัว
. [พาลาดิโอ้: ลาเมียสั่งให้เจ้าอยู่เป็นแนวหลัง ขอแนะนำว่าอย่าบุ่มบ่ามไปไหนคนเดียวดีกว่า]
พริสก้า: เป็นตุ๊กตาว่านอนสอนง่ายเชียวนะ ให้ข้าพเจ้าจับเจ้าแต่งตัวมั่งดีไหม? แต่ข้าพเจ้าไม่คิดจะเต้นไปบนฝ่ามือของยัยจิ้งจอกนั่นหรอกนะ
[พาลาดิโอ้: สรุปคือ… เจ้าคิดจะแปรพักตร์? ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ?]
ความกังวลของพาลาดิโอ้ถูกส่งผ่านมายังโทรจิตอย่างชัดเจน เนื่องจากการสื่อสารทางโทรจิตนั้นใช้เสียงจากใจจริง การปิดบังอารมณ์ของผู้พูดจึงทำได้ยาก
พริสก้า: ข้าพเจ้าไม่คิดจะเสียเวลาอธิบายให้คนที่ไม่รู้อะไรเช่นเจ้าหรอกนะ ――อยากรายงานลาเมียอย่างไร ก็ตามใจเจ้าเลย
[พาลาดิโอ้: หยาบคายเหลือล้นจนไม่น่าเชื่อว่าเราเป็นพี่น้องกัน ข้าน่ะเกลียดเจ้ามาโดยตลอด พริสก้า]
พริสก้า: เช่นนั้นก็มีข่าวดีให้เจ้า ข้าพเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะตอบแทนวาจาเหน็บแนมนั่นด้วยการบั่นคอเจ้าทิ้งด้วยมือข้าพเจ้าเอง
พริสก้าทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นแล้วตัดการสื่อสารทิ้ง ถ้าหากเขาต้องการ พาลาดิโอ้สามารถใช้พลังของเนตรมารเชื่อมต่อกลับมาได้ แต่ก็ไม่มีวี่แววเช่นนั้นเลย
“ตาขาว”
พริสก้ารำพึงในใจว่า “เนตรมาร” ที่เป็นความสามารถหายากดันมาตกอยู่ในมือของคนใจเสาะอย่างพาลาดิโอ้
เธอหันกลับไปยืนยันความพร้อมการเคลื่อนพลกับอาราเคีย จากนั้นก็กางพัดออกเพื่อส่งเสียงเรียกความสนใจเหล่าทหาร
จากนั้นเริ่มเดินออกนำทัพเล็กๆ ของเธอไปยังคนละทิศทางกับสนามรบที่ทัพหลักกำลังปะทะกันอยู่
พริสก้า: ――เราจะไปสังหารวินเซนต์ อาเบลุกซ์ ขอเพียงแค่ตามข้าพเจ้ามาก็พอ
. จิชา: เดินระวังหน่อยนะขอรับ ฝ่าบาท พื้นมันแฉะ
ตัดไปอีกทางหนึ่ง ชายหนุ่มผมดำร่างผอมนาม “จิชา โกลด์” กำลังเดินนำทางเจ้านายของเขาอยู่กลางป่าลึก
จิชานั้นเป็นเพียงสามัญชนชาวจักรวรรดิธรรมดา แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาบังเอิญได้ช่วยรถลากขององค์ชายรัชทายาทที่ล้อติดรางน้ำเอาไว้
พอองค์ชาย “วินเซนต์ อาเบลุกซ์” ได้เห็นความสามารถในการคำนวณของจิชาในการทำให้รถลากกลับมาวิ่งได้ จิชาก็ถูกดึงตัวไปรับใช้วินเซนต์เป็นการส่วนตัวทันที
แต่ละคืน จิชาได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าเหตุใดตัวเขาถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะกับตนเองเช่นนี้ได้
ทั้งการรับใช้ชนชั้นสูงเอย ทั้งการถูกมอบหมายภารกิจสำคัญในศึกสงครามเอย มันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะกับตัวเขาเลย
กระนั้นจิชาก็ทำได้เพียงตัดพ้อเนื่องจากว่าไม่มีใครเหมาะสมกับงานนี้เท่าตนเองอีกแล้ว ยิ่งในเมื่อเจ้าเซซิลุสเป็นพวกที่ทำตามกลยุทธ์ไม่เป็น
วินเซนต์: สีหน้าดูไม่จืดเลยนะ จิชา หน้าเจ้าซีดยิ่งกว่าปกติอีก
จิชา: คงงั้นขอรับ ฝ่าบาท… กระผมก็แค่รำพึงต่อฐานะของตัวเองน่ะ
วินเซนต์: รำพึงงั้นหรือ? ทำไมกันล่ะ?
จิชา: อย่างแรกเลย กระผมไม่ค่อยชอบแผนการที่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงนัก อย่างที่สองคือ กระผมเป็นทั้งคนเสนอแผนและยอมเป็นส่วนหนึ่งของแผนด้วยตัวเอง ――ขนาดกระผมเองยังมองว่าแปลก
. กระทั่งตอนนี้จิชาก็ยังได้ยินเสียงสู้รบที่ดังแว่วมาแต่ไกลเป็นพักๆ มันคือศึกช่วงชิงชีวิตที่มีนายของเขา “วินเซนต์ อาเบลุกซ์” เป็นจุดศูนย์กลาง
อย่างไรก็ตาม จำนวนศัตรูที่ต้องปะทะก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ความอันตรายระดับสูงตามที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า
จิชา: ยังไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย แปลว่าความคืบหน้าของเหตุการณ์ยังคงอยู่ใน…
พริสก้า: เข้าใจล่ะ ท่าทางจะมีเบี้ยล่างที่พอใช้ได้อยู่นี่ ท่านพี่ ข้าพเจ้าขอชมเชย
ทันใดนั้นเอง เด็กสาวคนหนึ่งก็เอ่ยขัดจิชาด้วยน้ำเสียงที่มีความมั่นใจเปี่ยมล้มเหมือนเปลวเพลิงที่กลืนกินทุกสิ่ง
เบื้องหน้าของจิชามีกลุ่มคนปรากฏตัวออกมาจากเงามืดของแมกไม้ ประกอบด้วย เจ้าหญิงชุดแดง กองทหารชุดแดงและเด็กสาวผมเงิน
จิชา: พริสก้า เบเนดิกต์…
จิชาลืมใส่คำนำหน้าในชื่อเธอ แต่พริสก้าไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว สายตาของเธอจดจ้องไปยังวินเซนต์ที่ยืนอยู่ข้างเขาแทน
วินเซนต์: รอดมาได้ถึงตอนนี้เลยงั้นหรือ พริสก้า? หวังว่าเจ้าจะสบายดีนะ
พริสก้า : แน่นอนอยู่แล้วสิ ท่านพี่ แต่จะสบายดีกว่านี้อีกหากศีรษะท่านพี่ขาดสะบั้นเสียตอนนี้
นั่นคือการพบพานอีกครั้งในศึกนองเลือดระหว่างพี่น้อง ทว่า วินเซนต์และพริสก้าต่างเผยรอยยิ้มออกมาทั้งคู่
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทหน้า)