
นิยายสปินออฟ EX5 บท "หมาป่าดาบสีเพลิง" พาร์ท 2: ความฝันของทาส
. ผู้คุม: ฉิวเฉียดอีกละสินะวันนี้?
ชายแขนเดียว: ถ้าเลือกได้ก็อยากชนะง่ายๆ บ้างอยู่หรอก แต่ร่างกายแขนเดียวที่แก่จนอายุเลยเลขสามมันก็ได้เท่านี้แหละนะ
ทหารยามนาม “ออร์ลัน” เข้ามาทักทายชายแขนเดียวอย่างเป็นมิตร ปกติทหารยามจะปฏิบัติต่อทาสดาบเยี่ยงเศษเดนมนุษย์ แต่ออร์ลันนั้นเป็นมิตรกับทุกคน
ในกรณีของชายแขนเดียวกับออร์ลันนั้น ทั้งคู่รู้จักกันมานานหลายปีจนแทบจะเป็นเหมือนเพื่อนกันไปแล้ว
เนื่องจากทาสดาบมิได้รับอนุญาตให้พกอาวุธนอกลานประลอง ชายแขนเดียวจึงโยนดาบให้ออร์ลัน จากนั้นก็ยื่นแขนขวาให้ออร์ลันสวมกุญแจมือเป็นพิธี
. ออร์ลันเล่าให้ชายแขนเดียวฟังว่าเจ้านักฆ่าหัตถ์พิษฆ่าทหารยามตายไปสองคน แถมเบื้องสูงก็ไม่ยอมตรวจสอบเพราะเจ้าหัตถ์พิษน่าจะเรียกคนดูได้ดี
ออร์ลันจึงดีใจที่ชายแขนเดียวเป็นฝ่ายชนะ นั่นทำให้ชายแขนเดียวอดคิดไม่ได้ว่าออร์ลันไม่เหมาะงานนี้หรือการเป็นประชาชนจักรวรรดิวอลลาเคียเสียเลย
ออร์ลัน: นี่ ชั้นไม่ได้เชียร์ให้นายชนะแค่เพราะว่าเกลียดขี้หน้าไอ้เจ้านั่นหรอกนะ แต่เพราะว่านายเป็นคนดีด้วยไงล่ะ
ชายแขนเดียว: เฮ้ย ระวังคำพูดหน่อย ยกยอกันขนาดนี้ เดี๋ยวก็ได้เข้ารูทชั้นพอดี!
ออร์ลัน: “รูท” นี่มันคืออะไรเรอะ?
ชายแขนเดียว: อย่าใส่ใจเลย ไปจากที่นี่กันดีกว่า
. ระหว่างที่ออร์ลันกำลังงงกับศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ชายแขนเดียวก็ตบไหล่เขาเพื่อชวนให้เริ่มเดินเพราะไม่อยากอยู่เกะกะทาสดาบที่ต้องเข้าประลองคนต่อไป
ทาสดาบหญิง: ตายจริง ก็สงสัยอยู่ว่าใคร “อัลจัง” นี่นา
อัล: เฮ้อ…
ทาสดาบหญิง: ตายแล้วๆ ร้อง “เฮ้อ” ด้วยแหละ ใจร้ายจังเลยนะตัวเอง! นึกว่าเราเป็นเพื่อนกันเสียอีก…
อัล: ขอทีเถอะ ถ้าอ้างไปว่าเป็นเพื่อนเธอมีหวังชั้นงานเข้าไม่หยุดแน่ ความสัมพันธ์เราเป็นแค่คนรู้จักที่นานๆ ทีคุยกันแค่นั้นแหละน่า
ทาสดาบหญิง: ฮิฮิฮิ! พูดจาตลกเสมอเลยนะ อัลจัง
ชายแขนเดียวนาม “อัล” ถอนหายใจยามได้เห็นทาสดาบหญิงที่มีผมสีดำตัดสั้น เธอเป็นสาวหุ่นดีที่ตัวสูงเกิน 2 เมตร งดงามราวกับเป็นประติมากรรม
จุดเด่นสุดของทาสดาบสาวคือแขนทั้งสองข้างที่กุดหายไปตั้งแต่ส่วนข้อศอก แต่นั่นไม่ใช่จุดอ่อนเลย เพราะหญิงคนนี้นี่แหละคือจุดสนใจหลักของเกาะกินุนไฮฟ์
อัล: ชั้นก็ปลื้มใจอยู่หรอกนะ “ฮอร์เน็ต” แต่ช่วยคิดถึงสถานะของเราหน่อย ยืนอยู่ข้างเธอนี่ชั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมด ลมพัดก็คงปลิวแล้ว
ฮอร์เน็ต: อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ ฟังแล้วเศร้านะ อัลจังน่ะเป็นเพื่อนซี้ที่สนิทกันม้ากมากของฉันเชียวนะ
อัล: เพื่อนซี้เรอะ? สงสัยเพราะคนอื่นตายไปหมดแล้ว
ฮอร์เน็ต: เอะเฮะเฮะ!
ฮอร์เน็ตนั้นเป็นเหมือนแตนสมชื่อของเธอ หากโดนรูปลักษณ์ภายนอก วิธีการพูดและท่าทางขี้เล่นหลอก ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนต่อยจนพิษกำเริบถึงตายได้
. ผู้คุม: ท่านฮอร์เน็ต ถึงเวลาแล้วครับ…
ฮอร์เน็ต: รู้แล้วล่ะ ช่วยทีนะ?
ทหารยามอีกนายหนึ่งพูดจาสุภาพกับฮอร์เน็ตเหมือนสลับสถานะกัน เขาคุกเข่าลงไปปลดพันธนาการที่ขาให้ฮอร์เน็ตราวกับคุกเข่าให้ราชินี
ความสามารถในการทำให้ผู้อื่นหมอบคลานต่อหน้าเธอเช่นนี้แหละที่ทำให้ฮอร์เน็ตได้รับฉายาว่า “จักรพรรดินีทาสดาบ”
แค่อัลแซวเธอเล่นนิดหน่อย เขาก็จะถูกมองค้อนจากทหารยาม เผลอๆ ถ้าหากฮอร์เน็ตสั่ง ทหารคนนี้น่าจะโจมตีอัลเลยด้วยซ้ำ
ฮอร์เน็ต: อย่าเขม่นกันสิ แขนต่อเลยจ๊ะ
ผู้คุม: ขอรับ นายหญิง
ทหารยามเรียกลูกน้องให้เข็นเกวียนที่บรรทุกดาบยักษ์สองเล่มเข้ามา ดาบแต่ละเล่มยาวพอๆ กับส่วนสูงของผู้ใหญ่หนึ่งคน
ฮอร์เน็ต: เอาล่ะ ทีนี้แหละ!
ทหารยามต่อส่วนด้ามจับของดาบทั้งสองเล่มเข้ากับแขนสองข้างของฮอร์เน็ต มันเข้ากันได้อย่างพอดี ชัดเจนว่าออกแบบมาเพื่อการนี้
ฮอร์เน็ตสามารถกวัดแกว่งดาบเล่มยักษ์ที่คนทั่วไปยกเล่มเดียวให้ขึ้นยังยากได้พร้อมกันถึงสองเล่มอย่างคล่องแคล่ว
สไตล์การต่อสู้นี้แหละที่ทำให้เธอเป็นทาสดาบที่แกร่งที่สุดในเกาะกินุนไฮฟ์
. ฮอร์เน็ต: อย่างน้อยช่วยดูฉันสู้หน่อยได้ไหม อัลจัง? ขอร้องล่ะนะ? ไหนๆ ก็มาแล้ว ฉันจะอุทิศชัยชนะในวันนี้ให้นายคนเดียวเลย
อัล: ขอบใจ แต่ขอบาย!
พอฮอร์เน็ตก้าวเข้าไปในลานประลอง เสียงเชียร์ก็ดังกระฮึ่มขึ้นมา อัลใช้จังหวะนั้นกลับลงชั้นใต้ดินเพื่อไปนอนพัก โดยมีสายตาไม่พอใจของทหารยามมองค้อน
ที่นี่มีกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้อยู่ว่าห้ามทำตัวให้ฮอร์เน็ตถูกใจ ไม่งั้นจะเสี่ยงอันตราย แต่ถึงเธอไม่ถูกใจ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย 100%
อัล: ให้ตายสิ น่าขนลุกชะมัดเลยยัยนั่น! ทำตัวไม่เหมือนทาสดาบเลยสักนิด
ออร์ลัน: เอาน่า อย่างน้อยเธอก็ถูกใจนายนะ “อัลเดบารัน”
อัล: ขอทีเถอะ ออร์ลัน เคยบอกไปแล้วนี่ ――เรียกว่า “อัล” เฉยๆ ก็พอ นายก็รู้ว่าชั้นเกลียดชื่อเต็มของตัวเอง
. เกาะทาสดาบกินุนไฮฟ์ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกของจักรวรรดิวอลลาเคีย มันมีลักษณะเป็นเกาะเดี่ยวที่มีทะเลสาบล้อมรอบ
หนทางเดียวที่จะเข้าออกเกาะได้คือต้องใช้ “สะพานชัก” ซึ่งมีการดูแลอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันไม่ให้ทาสดาบหนี
“ทาสดาบ” มีความหมายตรงตามตัวอักษรคือเป็นทาสที่ได้รับอนุญาตให้ถือดาบ แต่แค่เฉพาะระหว่างการประลองถึงตายเพื่อความบันเทิงของผู้ชมเท่านั้น
ทาสดาบส่วนใหญ่มักจะเป็นอาชญากรไม่ก็คนติดหนี้ท่วมหัวที่ไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากขายตัวเองใช้หนี้แล้วมาลงเอยที่นี่
นานๆ ทีก็มีคนไร้ที่ไปที่ดวงซวยถูกจับมาเหมือนกัน แต่พอกลายเป็นทาสดาบแล้ว ทุกคนล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันคือการฆ่าคู่ต่อสู้เพื่อรอดชีวิตไปในแต่ละวัน
. ชายหนุ่ม: ผมมาลองคิดดูแล้ว คุณอัล เราจะอยู่อย่างงี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้จริงเหรอ? ――นี่ คุณอัล? ได้ฟังกันไหมเนี่ย? ฮัลโหลลลล คุณอัล
ระหว่างที่อัลกำลังนอนพักอยู่บนเตียง ณ พื้นที่พักอาศัยชั้นใต้ดินของเกาะ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ได้ชวนเขาคุย แม้ว่าอัลจะหันหลังให้ก็ตาม
ชายหนุ่ม: ไม่เอาน่า ผมอ่ะอุตส่าห์เล่าทั้งที ช่วยฟังกันหน่อยซี่ เรื่องสำคัญเลยนะ!
อัล: ไม่ฟังเฟ้ย สงสารกันหน่อยได้มะ? ชั้นพึ่งจะเสร็จงานเอง ยังเหนื่อยอยู่เลย ขอหลับหน่อยเถอะ อย่ามาพรากความสุขหนึ่งเดียวของชั้นนะเฟ้ย
ชายหนุ่ม: หลับอีกละเหรอครับ? บนเกาะนี้มีสิ่งที่มอบความสุขให้ได้มากกว่าการนอนนะครับ อีกอย่างคุณอัลก็เป็นที่นิยมพอตัวด้วย
ชายหนุ่มฉีกยิ้มพลางใช้คางชี้ไปหากลุ่มหญิงสาวแต่งชุดยั่วยวนที่ยืนอยู่ห่างออกไป พวกเธอเองก็เป็น “ทาสดาบ” แต่เพียงแค่ในนามเท่านั้น
เพราะแท้จริงแล้วหญิงสาวกลุ่มนี้คือ “โสเภณี” ที่มีชีวิตรอดอยู่ด้วยการเป็นที่ระบายความใคร่ให้ทาสดาบของเกาะกินุนไฮฟ์ แลกกับการไม่ถูกเรียกไปต่อสู้
. ชายหนุ่ม: ทำตัวไม่ค่อยถูกต่อหน้าผู้หญิง แต่ก็ปฏิบัติต่อพวกเธอด้วยความเคารพ เพราะงี้แหละคุณอัลถึงได้เป็นที่นิยมล่ะครับ
อัล: พวกเธอไม่มีทางเลือกนี่นา ถ้าพวกเธอมีตัวเลือกมากกว่านี้คงไม่ชายตาแลตาลุงยาจกอย่างชั้นหรอก
ชายหนุ่ม: เห~ พูดซะตรงเลยนะครับ! แต่ผมอ่ะนะ ก็ชอบส่วนนั้นของคุณอัลเหมือนกัน
ชายหนุ่มหน้าตาดีนาม “อูบิรูค” ส่งยิ้มให้อัล เขาเป็นหนุ่มหน้าหวานผมสีเทาไว้ยาว
อูบิรูคมาถึงเกาะกินุนไฮฟ์เมื่อ 5 ปีก่อน เขามีร่างผอมบางและไร้ทักษะการต่อสู้ ดังนั้นหนทางเดียวที่อูบิรูคจะมีชีวิตรอดได้คือการทำหน้าที่เดียวกับกลุ่มหญิงสาว
ที่เกาะแห่งนี้มีทาสดาบหญิงแกร่งอยู่หลายคนนอกจากฮอร์เน็ต หน้าที่ของอูบิรูคคือการเป็น “โสเภณีชาย” คอยปรนนิบัตินักรบหญิงเหล่านั้นนั่นเอง
. อูบิรูคพยายามชวนอัลคุยอีกครั้ง แต่อัลก็ยังคงปฏิเสธเพราะเขาไม่มีอารมณ์เสวนา
อูบิรูค: ไม่เอาน่า ผมอ่ะมีคำเชิญชวนพิเศษจากท่านจักรพรรดินีโดยตรงเลยนะ
อัล: งั้นยิ่งน่าสนใจน้อยกว่าเดิมอีก
อูบิรูค: หวา พูดกับคุณฮอร์เน็ตแบบนั้นเลยเหรอ คุณอัลนี่ไม่กลัวอะไรเลยสินะครับ?
อัล: พูดบ้าๆ น่า เมื่อกี้นายก็พึ่งเห็นนี่ ชั้นกลัวผู้หญิงจะตาย นั่นแปลว่ากลัวฮอร์เน็ตด้วย QED
อูบิรูค: คิว…อี…อะไรล่ะนั่น? ศัพท์แปลกๆ จากบ้านเกิดคุณอัลอีกแล้วเหรอครับ? ผมไม่เคยเข้าใจเลยอ่ะ!
อัลนิ่งเฉยไม่ขยายความต่อ แต่อูบิรูคก็ไม่คิดจะเลิกตื๊อแค่นั้นเช่นกัน
อูบิรูค: ช่วยฟังหน่อยเถอะครับ ไม่งั้นผมอาจโดนคุณฮอร์เน็ตขยี้ทิ้งระหว่างที่เรามีอะไรกันครั้งหน้าก็ได้นะครับ คุณอัลจะไม่รู้สึกผิดเลยเหรอ?
อัล: ให้ตายเหอะ… ถ้ายอมฟังก็อย่ามากวนชั้นตอนนอนอีกล่ะ ถ้าทำได้จะยอมคุยด้วยสองสามนาที
. เมื่อได้โอกาส อูบิรูคจึงเปิดหัวข้อสนทนาด้วยข่าวลือที่ว่ากำลังจะมีการจัดงานประลองใหญ่ เพราะจะมีแขกที่เป็นคนใหญ่คนโตจากทั่ววอลลาเคียมาดู
อัล: เอาจริงดิ? ไม่เห็นทำงั้นมาเป็นปีแล้ว เนื่องในโอกาสอะไร?
อูบิรูค: เรื่องนั้นไงครับ… แบบว่าจักรพรรดิวอลลาเคียสิ้นพระชนม์และมีคนใหม่ขึ้นครองราชย์แล้ว แปลว่าเชื้อพระวงศ์ผู้มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ตายหมดแล้ว
แม้จะอยู่บนเกาะแห่งนี้ ข่าวคราวเรื่องการตายของอดีตจักรพรรดิและพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิก็ดังมาถึงหูของอัล
งานประลองใหญ่ที่อูบิรูคพูดถึงอาจจะจัดขึ้นเพื่อเป็นการฉลองการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิองค์ใหม่ก็เป็นได้
อัลนึกย้อนถึงการประลองแบบพิเศษที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสสำคัญซึ่งตัวเขาเคยเผชิญมาก่อนในครั้งอดีต
อัล: รอบที่ต้องสู้กับสัตว์มารตัวใหญ่ยักษ์เมื่อ 4 ปีก่อน… นั่นคงยากที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีฮอร์เน็ตอยู่ เราคงเดี้ยงกันหมด เขาของเจ้านั่นยังประดับอยู่ในห้องโถงจนถึงทุกวันนี้เลย
อูบิรูค: ช่างเป็นศึกระดับตำนานจริงๆ น่าเสียดายที่มีแค่คุณอัลกับคุณฮอร์เน็ตที่รอดมาได้นะครับ
อัล: อา แต่เพราะงั้นแหละฮอร์เน็ตถึงได้สนใจชั้นเหลือเกิน
. อัลถามต่อว่าฮอร์เน็ตต้องการอะไร อูบิรูคจึงบอกแผนการในการจับคนใหญ่คนโตอย่างขุนนางชนชั้นสูงมาเป็นตัวประกันเพื่อเรียกร้องอิสระ
พอได้ยินดังนั้น อัลก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา การวางแผนหลบหนีถือเป็นความต้องการปกติของเหล่าทาสดาบที่นี่ ไม่ใช่แค่อูบิรูค
อัลเคยได้ยินทาสดาบเพ้อฝันถึงแผนการแบบนี้มาเป็นร้อยเป็นพันคนแล้ว แต่ยังไม่มีใครทำสำเร็จเลยสักคน
แถมอีกอย่าง ฮอร์เน็ตเป็นพวกคลั่งไคล้การต่อสู้ เธอชื่นชอบชีวิตที่นี่ดีอยู่แล้ว อัลจึงเริ่มกังขาว่าฮอร์เน็ตจะรวมหัวกับอูบิรูคเรื่องแผนการนี้จริงหรือ
อัล: จับไต๋ได้แล้ว ถ้ายอมขอโทษตอนนี้ ชั้นอาจจะยกโทษให้
อูบิรูค: ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เนียนสินะครับ? คุณฮอร์เน็ตท่าทางถูกใจคุณ ผมเลยกะว่าจะให้คุณอัลไปเกลี้ยกล่อมเธอดู… โอ๊ย!
อัล: ชั้นแค่ “อาจจะ” ยกโทษให้ล่ะนะ
อัลเขกหัวอูบิรูคไปหนึ่งทีข้อหาชวนเขาคุยเสียเวลา อย่างน้อยข้อมูลเรื่องงานประลองใหญ่ก็มีประโยชน์ อัลจะได้เตรียมใจล่วงหน้าไว้
หลังจากนั้นอัลก็ไล่อูบิรูคจอมขี้ตื้อกลับไป ไม่ว่าคนอื่นจะพูดให้ฟังอีกกี่ครั้ง อัลก็เชื่อว่าการหลบหนีจากที่นี่เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ของทาสดาบ
กระทั่งตัวอัลเองก็มีชีวิตอยู่บนเกาะกินุนไฮฟ์มานานถึง 10 ปีแล้ว เขาจินตนาการถึงชีวิตตัวเองนอกเกาะนี้ไม่ออกเลย
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทต่อไป)