
นิยายสปินออฟ EX5 บท "หมาป่าดาบสีเพลิง" พาร์ท 3: คำเชิญชวน
. พ่อบ้านชราแห่งตระกูลเพนดัลตันนำน้ำชามาเสิร์ฟให้บุคคลสำคัญซึ่งเป็นภรรยาของ “โจร่าห์ เพนดัลตัน” ผู้เป็นเจ้านายของเขา
เขาเตรียมชาอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจทั้งระยะเวลาในการแช่ใบชาและอุณหภูมิของน้ำ ตอนนี้เหลือแค่เกร็งตัวรอลุ้นคำติชม
พอได้เห็นภรรยาของเจ้านายยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ พ่อบ้านชราก็เริ่มรู้สึกอุ่นใจแทนเจ้านายที่ได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาเสียที
――แม้ว่าคู่ครองเป็นเด็กสาวนาม “พริสซิลล่า เพนดัลตัน” ที่มีอายุเพียง 12 ปีก็ตาม
ในการแต่งงานระหว่างขุนนางนั้น ส่วนใหญ่เป็นการแต่งงานทางการเมืองเพื่อเพิ่มพูนอำนาจ อายุที่ห่างกันของคู่บ่าวสาวจึงมิใช่เรื่องแปลก
ทีแรกพ่อบ้านชราก็กังวลแทนฝ่ายเจ้าสาวที่อายุยังน้อย แต่กลายเป็นว่าพริสซิลล่าเองนี่แหละที่เข้ามายึดครองจนกลายเป็นนายใหญ่ของบ้านเพนดัลตัน
พริสซิลล่า: ไม่เลว
เพียงแค่คำชมสั้นๆ จากปากนายหญิงคนใหม่ ก็ทำให้พ่อบ้านชราปลื้มปิติไปถึงดวงวิญญาณ เหมือนว่าเธอถือกำเนิดมาเพื่อเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
. พริสซิลล่า: ออกไปก่อน ข้าพเจ้าจะคุยกับสามี
พ่อบ้าน: ขอรับ นายหญิง
หลังพ่อบ้านโค้งคำนับและออกจากห้องไป โจร่าห์ที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ด้านในสุดก็เอ่ยทักขึ้นมา
โจร่าห์: ดูเหมือนว่าเธอจะกุมบังเหียนทุกคนซะอยู่หมัดเลยนะ พริสซิลล่า
พริสซิลล่า: หึ อย่าชวนคุยด้วยน้ำเสียงแหบๆ เช่นนั้น ข้าพเจ้าแยกไม่ออกระหว่างเสียงของเจ้ากับสายลมอ่อนๆ ด้วยซ้ำ ไม่สิ ――หรือที่ได้ยินเมื่อครู่จะเป็นแค่ลมกันนะ?
โจร่าห์: มะ…ไม่ใช่ครับ เมื่อกี้ฉันพูดเอง… แค่จะบอกว่าเธอดูสนิทกับพวกคนรับใช้ดีนะ
พริสซิลล่า: หึ่ม หากคิดเช่นนั้น แสดงว่าเจ้าคงตาบอด ฟังนะ ความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้ากับเจ้าพวกนั้นมิใช่ความสนิทสนม พวกนั้นทำตามคำสั่งข้าพเจ้า เพราะพวกมันทำอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากการก้มหัว กวาดถูและรับใช้ เพียงแค่ข้าพเจ้ามอบคำสั่งให้ พวกมันก็กระดิกหางยินดีกันใหญ่แล้ว
โจ่ร่าห์ เพนดัลตัน เป็นขุนนางแก่วัย 50 กว่าปี จุดเด่นของเขานอกจากผมบนหัวที่เริ่มหงอกก็คงจะเป็นนิสัย “อ่อนโยน” ที่หาได้ยากในวอลลาเคีย
ทว่า ความใจดีของโจร่าห์ก็สามารถมองได้ว่า “ขี้ขลาด” เช่นกัน ตลอดชีวิตเขาก้าวเดินบนเส้นทางปูไว้แล้ว ไม่เคยกล้าออกเผชิญความท้าทาย
เพราะงั้นมันถึงได้น่าแปลกที่โจร่าห์กล้ารับตัวพริสซิลล่ามาเป็นภรรยา ทั้งที่เขาทราบว่าตัวจริงของเธอคือใคร
พริสซิลล่า: เจ้ารู้ตัวจริงของข้าพเจ้าดี ข้าพเจ้าคือ “พริสก้า เบเนดิกต์” เด็กสาวที่ควรจะตายไประหว่างพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิแล้ว
. โจร่าห์ยอมตกลงแต่งงานแม้ว่าจะรู้ความเสี่ยงของการเกี่ยวพันกับพริสซิลล่าดี สาเหตุของการตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่กระทั่งพริสซิลล่าก็ยังหาคำตอบมิได้
พอเห็นภรรยาทำหน้าฉงน โจร่าห์ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
พริสซิลล่า: ถึงจะเป็นสามี ก็ไม่มีสิทธิ์ดูหมิ่นข้าพเจ้าด้วยสีหน้าเช่นนั้นหรอกนะ
โจร่าห์: ขะ…ขออภัยด้วย ก็แค่ว่า… ก่อนหน้านี้เธอแสดงตัวเหมือนปราชญ์วัยเยาว์ที่มองออกทุกสิ่งมาโดยตลอด ฉันเลยแปลกใจที่ได้เห็น…เธอทำตัวสมกับอายุน่ะ
หลังเอ่ยออกไป โจร่าห์ก็รู้ตัวทันทีว่าเขาพูดอะไรที่เสี่ยงให้โดนพริสซิลล่าฟันคอขาดกระเด็น เขาเลยรีบเอ่ยเสริมเพื่อแก้ขัด
โจร่าห์: ยะ…อย่าห่วงเลย ฉันไม่ได้ประสงค์จะเปิดโปงตัวตนของเธอเลยนะ ในเรื่องนั้น ฉันจริงใจแน่นอนครับ
พริสซิลล่า: ย่อมได้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะแอบวางแผนอะไรไว้ก็ไร้ความหมาย เพราะว่าโลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ข้าพเจ้า
. ไม่นานนักพ่อบ้านชราก็เปิดประตูกลับเข้ามาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าบ้าน สาเหตุก็เนื่องจากว่าเขามีข่าวด่วนมาแจ้ง
พ่อบ้าน: มีแขกจากตระกูลไฮเคาน์เตสดราครอยมาเข้าเยี่ยมขอรับ!
โจร่าห์: ท่านไฮเคาน์เตสรึ? ไม่เห็นแจ้งเอาอะไรไว้เลย… พริสซิลล่า!?
พอโจร่าห์รู้ตัวอีกที พริสซิลล่าก็เดินเปิดประตูออกไปพบหน้าแขกที่ห้องโถงทางเข้าคฤหาสน์แล้ว
ชายหนุ่ม: หืม มีคุณหนูที่น่ารักโผล่มาด้วย
ชายหนุ่มร่างผอมที่กำซองจดหมายไว้ในมือโบกมือทักทายพริสซิลล่าอย่างเป็นมิตร เท่าที่เธอประเมินดู เขาน่าจะมีอายุประมาณ 17-18 ปี
ชายหนุ่ม: ลูกสาวของเคานต์เพนดัลตันเหรอ? วันนี้ป๊ะป๋าหนูอยู่บ้านหรือเปล่――
ชายตัวเล็ก: เจ้าหนูบัล ไอ้เจ้าโง่! เคานต์เพนดัลตันไม่มีลูกสาว! อย่าด่วนสรุปเซ่!
บัลรอย: โอ๊ย! พี่ไมลซ์ตบหัวชั้นทำไมเนี่ย!? ถึงหัวจะกลวงเปล่าก็ไม่ได้แปลว่าตบได้ฟรีนะ!
ไมลซ์: เคานต์เพนดัลตันพึ่งแต่งงานกับภรรยาเด็กไป! ลองใช้หัวคิดดูหน่อยเซ่! เรามาคฤหาสน์ของเคานต์เพนดัลตัน เขาไม่มีลูกสาว แสดงว่าเด็กที่โผล่มาก็คือ…
บัลรอย: อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะ
พริสซิลล่ายืนดูชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า “บัล” ถกเถียงกับชายตัวเล็กนาม “ไมลซ์” เหมือนชนชั้นสูงดูตัวตลกในละครเวที ไม่นานนักโจร่าห์ก็ตามออกมาสมทบ
โจร่าห์: อา ได้ยินว่าคนส่งสารจากไฮเคาน์เตสดราครอยมาเยี่ยม ไม่นึกเลยว่าจะเป็นนายนะ ไมลซ์
ไมลซ์: เคานต์เพนดัลตัน! ไม่เจอกันนานเลยนะขอรับ
ไมลซ์คุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพต่อโจร่าห์ พอเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้น เขาจึงปฏิบัติตามผู้อาวุโสไปด้วย
โจร่าห์: เจ้าหนุ่มเป็นใครเหรอ? ไม่คุ้นหน้าเลย เด็กใหม่หรือเปล่า?
ไมลซ์: ใช่แล้วขอรับ สหายเก่าของกระผมเอง ไฮเคาน์เตสดราครอยช่วยกรุณามอบงานให้เขา ถึงเห็นงี้แต่หมอนี่ก็มีคุณสมบัติหายากของนักขี่มังกรบินเชียวนะ เอ้า แนะนำตัวสิ!
บัลรอย: ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ “บัลรอย เทเมกริฟ” พี่ไมลซ์ช่วยดูแลผมมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่จริงก็ยังช่วยดูแลจนถึงตอนนี้อย่างที่เห็นนี่แหละ
. หัวข้อสนทนาเรื่อง “มังกรบิน” ไปกระตุกต่อมสนใจของพริสซิลล่าเข้า เธอได้ยินมาว่าการฝึกมังกรบินให้เชื่องนั้นเป็นเรื่องยากเพราะมันไม่ชอบผู้คน
เลยมีแค่บางตระกูลในวอลลาเคียเท่านั้นที่สามารถสืบทอดวิธีการฝึกฝนและขับขี่มังกรบินได้
บัลรอย: ใช่เลยครับ คุณหนู รู้ดีนี่นา ถึงจะยังเด็ก แต่ก็เรียนหนังสือมาเยอะล่ะสิ ――โอ๊ยๆๆ
ไมลซ์: แกสิต้องเรียนหนังสือเพิ่ม! หัดมีมารยาทบ้างเซ่!
โจร่าห์: เอาน่าๆ อย่าไปสนเรื่องเล็กน้อยเลย ฉันน่าจะแนะนำให้รู้จักไวกว่านี้ นี่คือพริสซิลล่า เพนดัลตัน… แบบว่า อะแฮ่ม ภรรยาของฉันเอง
พริสซิลล่า: อายุเกินห้าสิบแล้วยังจะเขินอายตอนแนะนำตัวภรรยาอีก จงยืดอกพูดด้วยความมั่นใจเสีย! เจ้าคือชายผู้โชคดีที่สุดในโลกที่ได้มีข้าพเจ้าเป็นภรรยา!
พอพริสซิลล่าประกาศเช่นนั้น โจร่าห์ก็ได้ยิ้มเหยเก ส่วนบัลรอยกับไมลซ์จ้องดูทั้งสองห่างๆ ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
. ไมลซ์: อะแฮ่ม เคานต์เพนดัลตัน เรามีจดหมายมาจากนายหญิง ขออนุญาตส่งให้เลยได้ไหมขอรับ?
โจร่าห์: อา ได้สิ ขอโทษที่ปล่อยให้รอ ข้อความจากเซรีน่างั้นหรือ? เธออยากคุยเรื่องอะไรกันนะ?
ไมลซ์: ได้ยินว่าเป็นเรื่องเกาะทาสดาบขอรับ
โจร่าห์รับซองจดหมายมาเปิดอ่านคร่าวๆ แต่เขาดูไม่ค่อยชอบใจเนื้อหาเกี่ยวกับเกาะทาสดาบที่ว่านัก
พริสซิลล่า: เกาะทาสดาบ… กินุนไฮฟ์ จะว่าไปแล้ว ข้าพเจ้ายังไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย
บัลรอย: โฮ่! สนใจล่ะสิ คุณหนู? ที่จริงชั้นเองก็อยากไปสักครั้งเหมือนกัน ข่าวดีเลยนะครับเนี่ย!
พริสซิลล่า: หืม แสดงว่านายหญิงของเจ้าตั้งใจจะชวนสามีไม่ได้เรื่องของข้าพเจ้าไปที่เกาะทาสดาบละสิ?
บัลรอย: อื้อ ก็ประมาณนั้นแหละครับ
พอไมลซ์ได้ยินเจ้าน้องชายบอกแขกไปเสียหมด เขาก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจว่าพวกตนจะเอาจดหมายมาด้วยทำไม
พริสซิลล่า: หากเติมน้ำเกินภาชนะ น้ำย่อมเอ่อล้นเป็นธรรมดา หากไม่อยากให้ล้น เจ้าต้องคอยจิบอยู่เรื่อย แต่กระนั้นมันก็ยังมีโอกาสหกได้อยู่ดี
ไมลซ์: ข้าจะจำไว้ขอรับ
กระทั่งว่าเขาโดนเด็กสาวตัวนิดเดียวสั่งสอน ไมลซ์ก็ยังตอบรับแบบมีมารยาท ชัดเจนว่าชายคนนี้หัวไวและวางตัวดี ไม่แปลกที่บัลรอยจะเคารพ
. โจร่าห์: ฉันยินดีอย่างมากกับคำเชิญของไฮเคาน์เตสดราครอย แต่เกรงว่าทางนี้กำลังยุ่งอยู่ ฉะนั้นคงต้องขอ――
พริสซิลล่า: อย่าไปสนเขา เราขอตกลงไปที่เกาะทาสดาบตามคำเชิญ
โจร่าห์: พริสซิลล่า!?
โจร่าห์ตกใจจนรีบปรี่เข้ามากระซิบกระซาบข้างหูภรรยาว่าการไปที่เกาะทาสดาบอาจทำให้บังเอิญไปเจอกับคนที่จำหน้าเธอได้
พริสซิลล่า: นั่นคือเหตุผลที่เจ้าจะปฏิเสธคำเชิญงั้นหรือ? เช่นนั้นให้ข้าพเจ้าบอกเหตุผลที่จะตอบรับคำเชิญบ้าง
โจร่าห์: หะ…เหตุผลเหรอ? อะไรที่ดลบันดาลใจให้เจ้า…?
พริสซิลล่า: เรียบง่ายนิดเดียว ข้าพเจ้ารู้สึกสนใจเกาะนี้
คำตอบของภรรยา ทำให้โจร่าห์อ้ำอึ้งเป็นสักพัก แต่สุดท้ายเขาก็หันไปตอบไมลซ์กับบัลรอยว่าจะตอบรับคำเชิญดังที่ภรรยาต้องการ
บัลรอยดี๊ด๊าดีใจใหญ่ ส่วนไมลซ์ทำหน้ากังขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ตั้งคำถามต่อทางเลือกของเจ้าบ้าน
. หลังทิ้งท้ายว่าวันเวลาถูกระบุไว้ในจดหมาย สองผู้ส่งสารไมลซ์และบัลรอยก็ขี่มังกรบินจากไป
มังกรบินนั้นเป็นสัตว์ที่อารมณ์ขึ้นลงพอๆ กับสัตว์มาร มันดุร้ายต่างจากเพื่อร่วมสายพันธุ์อย่างมังกรปฐพีและมังกรวารี
ว่ากันว่าผู้ที่สามารถฝึกมังกรบินให้เชื่องได้เฉกเช่นไมลซ์และบัลรอยนั้นมีอยู่แค่ไม่ถึงร้อยคนในจักรวรรดิวอลลาเคีย
พริสซิลล่าเอ่ยลอยๆ ว่าเธอยังไม่เคยขี่มังกรบิน ทำเอาสามีใจหายว่าภรรยาอยากลองอะไรเสี่ยงตาย
พริสซิลล่า: หึ อย่าได้ตื่นตระหนกไป ข้าพเจ้าเองก็ทราบดีว่าการขี่มังกรบินมันไม่ง่าย อีกอย่างจะปล่อยให้เดรัจฉานที่ทำตามสัญชาตญาณมาด้อยค่าข้าพเจ้าคงไม่ดี
โจร่าห์: งั้นรึ… อา โล่งอกไปที
. พริสซิลล่ายังเคลือบแคลงใจต่อจุดประสงค์ของสามีตนเองที่กล้าอนุญาตให้เธอไปที่เกาะทาสดาบแม้ว่านั่นจะทำให้เขาเสี่ยงตายไปด้วย
หากโจร่าห์แต่งงานเพราะหื่นกระหายมุ่งหวังแต่ร่างกายของพริสซิลล่า เขาคงไม่รอดตั้งแต่คืนแรกที่แต่งกันแล้ว
จะว่าเขาหวังใช้ประโยชน์จากตัวตนที่แท้จริงของพริสซิลล่าก็ไม่ใช่อีก โจร่าห์ไม่ใช่จอมอุบายที่สามารถวางแผนได้เช่นนั้น
พริสซิลล่า: เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ข้าพเจ้าสนใจเกาะทาสดาบเกินกว่าสามีผู้จืดชืด
โจร่าห์: จืดชืดเลยเหรอ? จุกแท้…
โจร่าห์ไหล่ตกเพราะการตัดสินใจที่ถอยหลังกลับไม่ได้ภรรยา ส่วนพริสซิลล่าก็จ้องไปยังท้องนภาพลางคิดถึงเกาะทาสดาบ
มันมีโอกาสที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมากมาย ยามที่ตัวเธอและสามีเดินทางไปที่นั่น
พริสซิลล่า: ไม่สำคัญอยู่ดี เพราะว่าโลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ข้าพเจ้า
. อัล: อ๊าาาา!!
คืนหนึ่งอัลสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความกลัวที่แล่นไปทั่วร่างเขาแบบไม่สภาพสาเหตุ ทำเอาทาสดาบที่ยังก๊งเหล้าอยู่แซวยกใหญ่
อัลที่ขี้เกียจเถียงกับพวกขี้เมาตัดสินใจลุกจากเตียงไปหาที่เงียบๆ อยู่คนเดียวโดยพยายามเลี่ยงฮอร์เน็ตกับอูบิรูคเป็นพิเศษ
คนเดียวบนเกาะนี้ที่อัลอยู่ด้วยแล้วอุ่นใจคือ “ออร์ลัน” พอคิดเรื่องนั้นขึ้นมา อัลก็อดเศร้าใจไม่ได้
เนื่องจากการรักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่เน้นไปที่สะพานชัก จึงไม่ค่อยมีการคุมทาสให้อยู่ในห้องพักตอนกลางคืนนัก เลยมีบางคนลองว่ายน้ำหนีอยู่เหมือนกัน
อัล: แต่แผนนั่นยังไงก็ล้มเหลวเพราะมีสัตว์มารอาศัยอยู่ใต้น้ำ ทำงั้นไปก็ตายฟรีเปล่าๆ
อัลออกจากชั้นใต้ดินมาโผล่บริเวณกำแพงรอบนอก เขาเดินเตร็ดเตร่พลางคิดถึงแผนการเพ้อฝันของอูบิรูค
อัล: ความฝันมันสำหรับตอนนอน ไม่ใช่ตอนตื่น เจ้าโง่เอ๊ย
อัลไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองยังหงุดหงิดเรื่องนั้นอยู่ ปกติเขาไม่เก็บเรื่องทำนองนี้มาคิดมากแท้ๆ
ว่าแล้วอัลจึงชะโงกหน้าดูท้องฟ้ายามยาตรีซึ่งมีจันทราครึ่งดวงประดับอยู่
――ทว่า อัลหันเหความสนใจไปยังดวงดารานับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่รอบๆ แทน
อัล: ดาวมันแย่ สาเหตุคืองี้นี่เอง
อีกไม่นานก็จะถึงวันที่ “งานเฉลิมฉลอง” จะถูกจัดขึ้นบนเกาะทาสดาบแล้ว
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทต่อไป)