
นิยายสปินออฟ EX5 บท "หมาป่าดาบสีเพลิง" พาร์ท 5: การปฏิวัติครั้งใหญ่
. ทาสดาบหัวโล้นที่ใช้ดาบคู่ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือ อัลต้องตายไปเกินสิบรอบกว่าเขาจะเอาชนะมาได้
――ทว่า ระหว่างที่อัลกำลังจะเดินกลับไปยังพื้นที่พักอาศัย เขากลับเจอเรื่องที่ไม่คาดฝันเข้า
อัล: ล้อกันเล่นรึเปล่าเนี่ย อูบิรูค?
อูบิรูค: ล้อเล่นเหรอครับ? ตลอดทั้งชีวิตผมไม่เคยพูดเล่นมาก่อนเลยครับ คุณอัล บอกไปแล้วนี่? ว่าที่แห่งนี้ต้องการการปฏิวัติครับ
ที่เบื้องหน้าของอูบิรูคที่กำลังยิ้มแย้มมีศพของออร์ลันที่นอนจมกองเลือดอยู่ในสภาพที่มีแผลถูกแทงคอ
ทาสดาบลงมือฆ่าทหารยาม ไม่ว่ามองยังไงก็เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน อูบิรูคยังถือมีดสั้นที่เป็นอาวุธสังหารอยู่ในมือด้วยซ้ำ
หลังจากนี้อูบิรูคน่าจะถูกประหารด้วยการจับประลองกับฮอร์เน็ต กระนั้นเขาก็ยังเลือกลงมือสังหารออร์ลันอยู่ดี ไม่ว่าอัลจะคิดยังไงเรื่องนี้มันก็น่าประหลาด
. จนถึงท้ายที่สุด อูบิรูคก็ยังเอ่ยชวนอัลมาเข้าร่วมขบวนการปฏิวัติ อัลจึงยืนยันคำขาดด้วยการปฏิเสธย้ำไปอีกครั้ง
อัล: ชั้นไม่อยากจะฆ่านาย เพราะงั้นชั้นจะตัดแขนนายทิ้งข้างหนึ่งให้เราเหมือนกัน จากนั้นก็ตามหาทหารยามอีกคนเพื่อ――
อูบิรูค: เพื่อโยนตัวผมให้เขาจัดการต่อเหรอครับ? คงต้องขอปฏิเสธ ――น่าเสียดายจริงๆ นะครับ คุณอัล
อัลตวัดดาบมังกรฟ้าเข้าใส่อูบิรูค ทว่า ดาบของเขาถูกดาบเล่มที่ใหญ่ยิ่งกว่าสะท้อนกลับทันที
นั่นก็เพราะหญิงร่างสูงคนหนึ่งเข้ามาปกป้องอูบิรูคไว้ เธอคือทาสดาบผู้เหี้ยมโหดและงดงามที่สุดในกินุนไฮฟ์ ――“จักรพรรดินีทาสดาบ” นั่นเอง
อัล: ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย? ฮอร์เน็ตเรอะ!?
ฮอร์เน็ต: ตายจริง ทำหน้าตาหน้ากลัวเชียวนะจ๊ะ เป็นอะไรไป อัลจัง ไหงถึงได้ทำตัวเย็นชาแบบนั้นล่ะ?
ส่วนสูงมโหฬารของฮอร์เน็ตทำให้อัลต้องชะโงกหน้ามองเธอ ที่แขนของฮอร์เน็ตติดตั้งดาบใหญ่สองเล่มไว้พร้อมรบเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้อูบิรูคจะเคยแอบเฉลยไว้ก่อนหน้านี้ แต่อัลก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าฮอร์เน็ตจะได้อะไรจากการปฏิวัติในเมื่อเธอมีทุกสิ่งที่ต้องการบนเกาะกินุนไฮฟ์แล้ว
ทั้งทาสดาบและทหารยามต่างเคารพเธอ เธอรักการต่อสู้และเป็นนักสู้ไร้พ่ายอันดับหนึ่งของเกาะ สถานะของฮอร์เน็ตไม่ต่างอะไรจากราชวงศ์บนเกาะนี้ก็ว่าได้
อัล: ทำไมเธอถึงได้ทิ้งขว้างความเป็นอยู่ที่สุขสบายเพื่อการปฏิวัติงี่เง่านี่กัน? บ้าไปแล้วเรอะ?
ฮอร์เน็ต: ไม่เอาน่า หยาบคาบไปนะจ๊ะ แต่ฉันก็ชอบด้านนั้นของนายเหมือนกัน อัลจัง …ในที่สุดนายก็ทำสิ่งที่ฉันอยากให้นายทำมานานเสียที
อัล: เธอต้องการอะไรจากชั้น?
ฮอร์เน็ต: ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันไม่เคยอยากให้นายเข้าร่วมฝั่งเราเลยนะ อัลจัง เพราะว่าให้นายเป็นศัตรูมันน่าสนใจกว่าเยอะเลยไงล่ะจ๊ะ
. ความกระหายการต่อสู้ของฮอร์เน็ตพุ่งถึงขีดสุดระหว่างการสนทนา เธอเปิดฉากตวัดดาบยักษ์สองเล่มเข้าใส่อัล
ระเบียงทางเดินที่คับแคบบีบให้อัลต้องหมอบหลบการโจมตีแรก จากนั้นก็กระโดดถอยหลังเพื่อตั้งหลัก
ฮอร์เน็ต: โอ๊ะ ไม่ได้สิจ๊ะ
ฮอร์เน็ตจ้วงดาบกระทุ้งกลางหน้าอกของอัล ส่งร่างเขากระเด็นถอยหลังออกไป ถึงจะยังไม่ล้มแต่อวัยวะภายในของเขาก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว
อัลที่ยังไม่ทันตั้งตัวได้ถูกฮอร์เน็ตตวัดดาบที่สองผ่าเป็นแนวนอนจนร่างเขาขาดออกเป็นสองท่อน――
ฮอร์เน็ต: โอ๊ะ ไม่ได้สิจ๊ะ
――ทว่า เวลาได้หวนย้อนกลับ คราวนี้อัลหลบดาบที่ฮอร์เน็ตกระทุ้งตามเข้ามาได้อย่างฉิวเฉียด จากนั้นก็หมุนตัวย้ายตำแหน่งไปโผล่ด้านหลังเธอ
ฮอร์เน็ต: โอ๋?
ระหว่างที่ฮอร์เน็ตกำลังประหลาดใจ อัลก็ตวัดดาบมังกรฟ้าเล็งใส่แผ่นหลังทันที ทว่า ฮอร์เน็ตกลับสามารถก้มร่างที่สูงใหญ่ของเธอหลบดาบได้อย่างคล่องแคล่ว
ร่างของอัลถูกฮอร์เน็ตเตะสวนจนตัวลอย อัลที่ลอยอยู่กลางอากาศไม่สามารถหลบการโจมตีได้ เขาจึงถูกดาบยักษ์ของฮอร์เน็ตผ่าเป็นสองซีกในแนวตั้ง――
ฮอร์เน็ต: โอ๊ะ ไม่ได้สิจ๊ะ
――เวลาหวนย้อนคืนอีกครั้ง คราวนี้อัลใช้ดาบมังกรฟ้าฟันเบี่ยงวิถีดาบยักษ์ของฮอร์เน็ตที่กระทุ้งเข้ามา
ระหว่างที่เธอกำลังประหลาดใจ อัลก็ฟันซ้ำเป็นแนวนอนเล็งใส่ขาของเธอ ฝ่ายฮอร์เน็ตโต้ตอบด้วยการกระโดดหลบอย่างคล่องแคล่ว
ทว่า คราวนี้อัลตัดสินใจชิ่งหนีออกไปทางสนามประลองโดยไม่รอช้า
. คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งสมฉายาจักรพรรดินีทาสดาบ แม้ว่าอัลจะต่อสู้กับเธอสักร้อยครั้ง เขาก็คงตายอยู่ฝ่ายเดียวทั้งร้อยครั้งอยู่ดี
อูบิรูคยังคงตะโกนไล่หลัง ร้องขอให้อัลเปลี่ยนใจมาเข้าร่วมการปฏิวัติกับฝั่งเขา แต่อัลไม่คิดจะฟัง เพราะเขาตั้งมั่นที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนดู
ทว่า พออัลออกมาถึงสนามประลอง เสียงเชียร์และเสียงเย้ยหยันก่อนหน้านี้ก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวและความตึงเครียดของผู้ชม
เนื่องจากว่าเหล่าทาสดาบที่ลุกฮือก่อจราจลได้หยิบอาวุธขึ้นมาข่มขู่ผู้ชมบนอัฒจันทร์และเริ่มทำการมัดตัวพวกเขาไว้เป็นตัวประกัน
ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนกล้าบางคนลุกต่อต้าน แต่ก็คงโดนเหล่ากบฏจับเชือดไก่ให้ลิงดูไปเรียบร้อยแล้ว
อัล: อย่าบอกนะว่าหมอนั่น…
“ยึดเกาะทาสดาบเพื่อลุกฮือต่อต้านจักรวรรดิได้จริงๆ”
อูบิรูคสามารถทำสิ่งที่อัลนึกว่าเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้
. เมื่อพริสซิลล่า โจร่าห์และบัลรอยกลับมาถึงอัฒจันทร์ ทาสดาบจำนวนหนึ่งก็กำลังใช้อาวุธจี้ตัวประกันอยู่ โดยมีผู้ชมบางส่วนที่ต่อต้านนอนจมกองเลือดไปแล้ว
พริสซิลล่า: ทาสดาบปฏิวัติงั้นหรือ?
โจร่าห์: ว่าไงนะ?
ทาสดาบ: ไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอยอยู่ไหน!? ――เลิกหลบซ่อนแล้วแสดงตัวออกมา! ไม่งั้นพวกข้าจะสังหารทุกคนบนอัฒจันทร์!
กลุ่มกบฏประกาศเป้าหมายหลักของพวกตนอย่างชัดเจน โจร่าห์เห็นท่าไม่ดีจึงมายืนบังภรรยาของเขาไว้ ทว่า นั่นเป็นการดึงดูดสายตาของพวกกบฏเช่นกัน
ทาสดาบ: เฮ้ย ทำไมพวกแกถึงไปอยู่ตรงนั้น? คิดว่าจะหนีพ้นงั้นเรอะ――
พริสซิลล่า: ข้าพเจ้าคือบุคคลที่พวกเจ้าตามหาตัวอยู่ ――เซรีน่า ดราครอย
โจร่าห์: เฮือก!?
คำประกาศของพริสซิลล่าดึงความสนใจของคนทั่วอัฒจันทร์ กระทั่งเซรีน่าตัวจริงยังดวงตาเบิกกว้าง แต่เธอก็เข้าใจเป้าหมายของพริสซิลล่าโดยทันที
. ชายชุดดำ: เธอเนี่ยนะ ยัยหนู? เธอคือไฮเคาน์เตสดราครอยเรอะ?
ชายชุดดำคนหนึ่งตรงดิ่งเข้ามาหาพริสซิลล่า เขามีทรงผมประหลาดเตะตา ฝั่งขวาไว้ยาวแต่ฝั่งซ้ายโกนทิ้งหมด ที่เอวเขาเหน็บดาบโค้งเอาไว้เล่มหนึ่ง ท่าทางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ชายชุดดำ: ได้ยินว่าไฮเคาน์เตสดราครอยโคตรประหลาดคนจนถูกเรียกว่าขุนนางแผดเผา แต่เด็กน้อยอย่างเธอแค่ทำให้ห้องอุ่นยังไม่ได้ นับประสาอะไรกับ――
พริสซิลล่า: ชื่อเล่นนั่นพวกสามัญชนตั้งให้เพราะเส้นผมสีแดงเพลิงของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าหาได้สนใจนามที่ปุถุชนตั้งให้ไม่ แหกตาดูเสียสิ
ชายชุดดำ: …
พริสซิลล่า: ว่าไงล่ะ? ยังคิดว่าข้าพเจ้าเป็นเด็กโง่ที่เล่นเป็นไฮเคาน์เตสอยู่หรือเปล่า? หรือยังคิดว่าข้าพเจ้าเป็นคนที่ต้องใส่ใจความถูกต้องของฉายาทั้งที่เป็นผู้สืบสายเลือดขุนนางแห่งจักรวรรดิวอลลาเคียอยู่แล้วอีกไหม?
พริสซิลล่าเปล่งรังสีผู้ปกครองออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว เธอจ้องชายฉกรรจ์ตาไม่กระพริบและเป็นฝ่ายที่ข่มขู่ให้เขากลัวเสียแทน
ชายชุดดำ: ขออภัยด้วย ไฮเคาน์เตส แต่ท่านต้องตามพวกข้ามา หัวหน้าของพวกข้ามีเรื่องจะคุยด้วย
. ชายชุดเตรียมตัวนำทางให้พริสซิลล่า แต่โจร่าห์เข้ามาเกะกะเสียก่อน ด้วยอายุที่ต่างกันของทั้งสอง ทีแรกพวกทาสดาบเลยเข้าใจผิดว่าโจร่าห์เป็นพ่อของเธอ
โจร่าห์: ฉันไม่ใช่พ่อของนาง เป็นสามีต่างหาก!
ชายชุดดำ: สามีเรอะ?
พริสซิลล่า: เรื่องจริง ――ชายคนนี้ไม่มีทางเป็นบิดาของข้าพเจ้าได้ เพราะข้าพเจ้าเผาบิดาตัวเองทิ้งไปต่อหน้าต่อตาแล้ว นั่นก็อีกเหตุผลสำหรับฉายาขุนนางแผดเผานอกจากสีผมของข้าพเจ้าล่ะนะ
พริสซิลล่าโน้มน้าวให้พวกกบฏพาตัวโจร่าห์ไปกับเธอได้สำเร็จ แต่ระหว่างนั้นเองก็ได้เกิดอะไรบางอย่างขึ้นในสนามประลอง
ทาสดาบ: เฮ้ย! นั่นฮอร์เน็ตนี่หว่า!
อยู่ดีๆ ก็มีการประลองถึงตายแบบนอกกำหนดการเกิดขึ้นบนลานประลอง ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงร่างสูงที่น่าจะสังหารคู่ต่อสู้มาเยอะเป็นภูเขา
ทว่า อีกฝั่งเป็นแค่ชายแขนเดียวง่อยๆ ทักษะของทั้งสองต่างกันอย่างชัดเจน ดูยังไงนี่ก็เป็นการประหารมากกว่าการประลอง
ชายแขนเดียวถูกซัดกระเด็นไปยังขอบอัฒจันทร์ซึ่งมีไว้สำหรับทิ้งศพ ฮอร์เน็ตตามเข้ามาซ้ำและถีบชายแขนเดียวร่วงลงหลุมไปทันที
ชายชุดดำ: สงสัยมันจะปฏิเสธคำเชิญชวนของฮอร์เน็ต โง่ชะมัดเลย!
. ก่อนที่กลุ่มกบฏจะนำทางสองสามีภรรยาไปพบหัวหน้า บัลรอยได้เอ่ยขัดขึ้นมาอีกคน
บัลรอย: แล้วชั้นล่ะ คุณภรรยา?
พริสซิลล่า: เจ้าคงมิได้คาดหวังให้ข้าพเจ้าเรียกเจ้าเป็นสามีอีกคนใช่ไหม? ต่อให้ตามพวกเรามา เจ้าก็ไม่มีหน้าที่อะไร จงรออยู่เฉยๆ ――รอให้ถึงโอกาสของเจ้าเสียก่อน
บัลรอย: ฝั่งเธอก็พูดง่ายสิ คุณภรรยา ชั้นเองก็มีศักดิ์ศรี ――อั่ก!?
ไมลซ์: หุบปากไป ไอ้เจ้าโง่!
ก่อนที่บัลรอยจะด่วนทำอะไรเกินตัวด้วยการรับบทวีรบุรุษสู้กับทาสดาบเป็นร้อยคน ไมลซ์ก็ชิงใช้ขวดตีหัวน้องชายจนสลบไปก่อน
พวกกบฏสับสนเล็กน้อย แต่ไมลซ์ตีเนียนว่าเขาเป็นผู้ชมทั่วไปที่ไม่อยากถูกฆ่าไปด้วยเพราะบัลรอยลงมือทำอะไรโง่ๆ
สุดท้ายหลังตรวจสอบว่าบัลรอยหมดสติไปแล้วจริงๆ พวกกบฏก็เริ่มนำทางสองสามีภรรยาจริงๆ เสียที
. ก่อนจะออกจากพื้นที่อัฒจันทร์ พริสซิลล่าเหลือบไปเห็นเซรีน่าส่งสัญญาณด้วยริมฝีปากว่า “ขอโทษด้วย และขอขอบคุณ”
และในระหว่างที่เดินอยู่ โจร่าห์ก็หาจังหวะที่พวกกบฏเผลอมากระซิบกระซาบกับภรรยา
โจร่าห์: พริ―― อะแฮ่ม เซรีน่า นี่เธอวางแผนอะไรอยู่?
พริสซิลล่า: อย่างน้อยเจ้าก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าข้าพเจ้ามีแผน หากข้าพเจ้าไม่แอบอ้างชื่อไปเช่นนั้น เราคงมิได้เห็นใบหน้าของหัวหน้าพวกกบฏ หากเป็นเช่นนั้นคงไม่สนุกเอาเสียเลย
โจร่าห์: มะ…ไม่สนุก?
พริสซิลล่า: อย่าได้กังวลไป ต่อให้พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไรก็ไม่สำคัญ ――เพราะว่าโลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ข้าพเจ้า
. พริสซิลล่าคอยสร้างภาพแผนที่เกาะในหัวระหว่างที่เดินตามพวกกบฏ สองสามีภรรยาถูกนำตัวมายังห้องที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะซึ่งมีประตูบานใหญ่ขวางกั้น
ทาสดาบ: เรามาถึงแล้ว
พรมหรูหราและการตกแต่งอย่างดีบ่งบอกว่านี่คือห้องของผู้มีอำนาจสูงสุดในเกาะกินุนไฮฟ์
ทว่า ในห้องกลับมีศพของชายร่างท้วมที่ถูกปาดท้องไส้ไหลนอนอยู่บนพื้นห้องจนพรมเปื้อนเลือดไปหมด
โจร่าห์: นะ…นั่นมัน…?
พริสซิลล่า: คงจะเป็นเจ้าของเกาะนั่นแหละ… ผู้ที่อยู่เบื้องหลังมหรสพบนเกาะนี้ ทาสที่ถูกเขาจัดแสดงลุกฮือปฏิวัติ ไม่ต้องฉลาดก็น่าจะเดาได้ว่าใครจะเป็นเหยื่อรายแรก
ชายคนนี้คงจะประมาทเลินเล่อต่อความเกลียดชังของทาสดาบที่มีต่อตัวเขา หรือไม่ก็ความฉลาดของเหล่าทาสดาบเหนือกว่าความระแวดระวังของเขา
. อูบิรูค: แหมๆ! เป็นเกียรติที่ได้เจอกันเสียทีนะครับ ไฮเคาน์เตส! ขออภัยที่ต้องเจอกันในสภาพนี้… ที่จริงผมอ่ะก็อยากจะคุยกับท่านในห้องที่สะอาดกว่านี้อยู่หรอก
ชายหนุ่มหน้าสวยคนหนึ่งเดินข้ามศพอดีตเจ้าของเกาะมาพร้อมรอยยิ้ม เขาดูอ้อนแอ้นอรชรต่างจากทาสดาบคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
――ทว่า พริสซิลล่าก็ดูออกทันทีว่าชายหนุ่มคือหัวหน้าของฝ่ายศัตรู
พริสซิลล่า: เจ้าเองสินะ? เจ้าภาพของงานเลี้ยงในครั้งนี้
อูบิรูค: งานเลี้ยงเหรอ? ผมอ่ะชอบคำนั้นนะ ผมชอบงานรวมตัวสังสรรค์ครับ เพราะงั้นผมถึงไม่เกลียดชีวิตบนเกาะนี้ ――ถึงแม้บางส่วนจะน่าสะอิดสะเอียนจนแทบทนไม่ได้ก็ตาม
หนุ่มหน้าหวานฉีกยิ้มแต่ส่งสายตาเกลียดชังไปยังศพบนพื้น พริสซิลล่าเข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มมีชีวิตรอดอยู่บนเกาะนี้ได้อย่างไร
――ไม่ใช่เพราะใช้ดาบ แต่เขาใช้ร่างกายตัวเองเข้าแลก และดูเหมือนว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะทวงคืนความแค้นสำเร็จไปแล้ว
กระนั้นชายหนุ่มก็ยังมีเป้าหมายบางอย่างอยู่อีก เป้าหมายที่ทำให้เขามุ่งเป้ามายังการจับตัวขุนนางชั้นสูงระดับไฮเคาน์เตสอย่างเซรีน่า ดราครอย เป็นตัวประกัน
พริสซิลล่า: เจ้าคิดจะต่อรองกับจักรวรรดิเพื่ออะไรบางอย่าง สิ่งนั้นคืออะไรกัน?
อูบิรูค: เรื่องง่ายๆ ครับ เกาะทาสดาบต้องได้รับเอกราชและทาสดาบทุกคนต้องเป็นอิสระ ผมต้องการออกไปจากบ่อโคลนตมแห่งนี้ครับ ไฮเคาน์เตสดราครอย
ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักออกมาแม้ว่าตัวเขาจะพึ่งประกาศตัวเป็นศัตรูกับทั้งจักรวรรดิไปก็ตาม
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทต่อไป)