
นิยายสปินออฟ EX5 บท "หมาป่าดาบสีเพลิง" พาร์ท 6: การตอบรับของจักรวรรดิ
. เมื่อได้ทราบข่าวว่าทาสดาบลุกฮือขึ้นยึดเกาะกินุนไฮฟ์และจับผู้ชมที่รวมถึงไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอยเป็นตัวประกัน องค์จักรพรรดิก็ได้สั่งการดังนี้
วินเซนต์: จัดตั้งกำลังพลและส่งหน่วยตอบโต้ไปที่เกาะนั้นโดยทันที เราผู้นี้ไม่คิดจะต่อรองกับกบฏ
บนเกาะกินุนไฮฟ์มีทาสดาบอยู่ประมาณ 500 คน แต่ทางจักรวรรดิตอบโต้ด้วยการจัดตั้งหน่วยกวาดล้างที่เป็นทหารฝีมือดีกว่า 2,000 นาย
มิหนำซ้ำหน่วยกวาดล้างยังถูกกำชับให้ “บดขยี้ศัตรู” โดยไม่มีนัยยะว่าให้สนใจการช่วยเหลือตัวประกันแต่อย่างใด
โอลบาร์ต: แต่ถึงอย่างงั้น ถ้าทอดทิ้งดราครอยมันก็เป็นปัญหาชวนปวดหัวอยู่ดี
อาราเคีย: ถ้างั้นฝ่าบาทโกหกงั้นเหรอ…?
โอลบาร์ต: อย่าพูดแบบนั้นดีกว่าน้อ ยัยหนู! หากเจ้ายังรักชีวิตอยู่ล่ะก็นะ ฝ่าบาทมิได้โกหก เรียกว่าเป็นการ “ลดขั้นตอน” ดีกว่า… เราแค่ต้องเก็บกวาดงานให้เรียบร้อย เพียงเท่านั้นแหละน้อ
หนึ่งในสมาชิกหน่วยกวาดล้างที่ถูกส่งมายังเกาะทาสดาบมีชายแก่หลังค่อมร่างเตี้ยคนหนึ่งที่มีอายุแก่เกิน 90 ปี ซึ่งจัดว่าอายุยืนแบบหาได้ยากในเผ่ามนุษย์
ชายแก่คิ้วยาวคนนี้คือหนึ่งในเก้าแม่ทัพเทวะผู้มีนามว่า “โอลบาร์ต ดันคลูเคน”
และเด็กสาวผิวสีน้ำตาลสวมผ้าปิดตาที่ติดตามโอลบาร์ตมาด้วยก็คือ “อาราเคีย”
. โอลบาร์ตและอาราเคียประจำการอยู่ที่ค่ายทหารจักรวรรดิใกล้เกาะกินุนไฮฟ์
สถานการณ์ปัจจุบันคือพวกเขาบุกเข้าไปในเกาะไม่ได้หากสะพานชักยังถูกยกค้างไว้ แถมทะเลสาบก็เต็มไปด้วยสัตว์มารจนใช้เรือข้ามฟากไปไม่ได้
อาราเคียมองสำรวจผืนน้ำที่มีสัตว์รูปร่างคล้ายปลาว่ายเวียนอยู่ การต่อสู้ในน้ำนั้นยากลำบาก สัตว์มารสายพันธุ์ใต้น้ำจึงอันตรายกว่าบนบกมาก เพราะงั้นอาราเคียจึงตัดสินใจ…
อาราเคีย: ฉันไปเอง
โอลบาร์ต: ยัยหนู แค่ว่ายน้ำได้ก็ใช่ว่าเจ้าจะไปถึงฝั่งนู้นได้น้อ มีหวังถูกอสุรกายกลืนลงท้องก่อนพอดี ข้าแก่เป็นไม้ใกล้ฝั่งเต็มที แต่ก็ไม่อยากเห็นเด็กอนาคตไกลมาทิ้งขว้างชีวิตตัวเองหรอก… มันทำใจยากเกินไปน้อ!
อาราเคีย: ไม่…ต้องห่วง ฉันแค่กลายเป็นน้ำก็พอ
โอลบาร์ต: โฮ่!
อาราเคีย: ――งั่ม
อาราเคียเปลื้องผ้าที่มีอยู่น้อยชิ้นอยู่แล้วจนเปลือยเปล่า จากนั้นก็ก้มลงไปที่ผืนน้ำเพื่อกวักเอาเศษเสี้ยววิญญาณธาตุวารีขึ้นมายัดใส่ปาก
เศษเสี้ยววิญญาณนั้นมีอยู่ทุกหนแห่งในธรรมชาติ ผู้เสพวิญญาณอย่างอาราเคียจึงมิเคยขาดแคลนพลังงาน
. เนื่องจากโอลบาร์ตช่วยอะไรไม่ได้ เขาจึงอวยพรให้อาราเคียปฏิบัติภารกิจปลดสะพานชักลงให้สำเร็จ เพื่อที่เขาจะได้นำกองหนุนตามไปช่วยเธอทีหลัง
ว่าแล้วอาราเคียจึงกระโจนลงสู่ทะเลสาบและออกว่ายด้วยความเร็วที่สูสีกับสัตว์มารใต้น้ำ
แถมพวกสัตว์มารยังไม่สนใจเธอเลย เนื่องจากอาราเคียได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับผืนน้ำหลังกินเศษเสี้ยววิญญาณธาตุวารีเข้าไป
อาราเคียใช้เวลาเพียงสิบนาทีว่ายน้ำไปถึงอีกฝั่ง เธอกลายเป็นบุคคลแรกที่สามารถบุกเข้าเกาะกินุนไฮฟ์ทางทะเลสาบได้สำเร็จ
. ก่อนจะขึ้นฝั่ง อาราเคียสัมผัสได้ถึงโลหิตที่ปะปนมาในกระแสน้ำ เธอจึงตามกลิ่นเลือดไปจนถึงโขดหินที่ตั้งอยู่ก่อนถึงชายฝั่ง
ซึ่งที่นั่นเองที่อาราเคียได้พบกับชายแขนเดียวคนหนึ่งที่นอนบาดเจ็บอยู่กลางรอยแยกของโขดหิน
อัล: เกิดบ้าอะไรขึ้นล่ะเนี่ย? สงสัยชั้นจะเสียเลือดเยอะจนเห็นภาพหลอน
อาราเคีย: …
อัล: ที่แน่ๆ ปกติเราคงไม่มีทางได้เห็นสาวผมเงินในสภาพโป๊แบบนี้… แต้มบุญที่สั่งสมมาไม่น่าจะพอ…
บาดแผลที่หน้าอกของชายผมดำค่อนข้างสาหัส หากไม่ได้รับการรักษาเขาคงไม่รอดและอาราเคียก็ต้องการความช่วยเหลือจากคนในอยู่พอดี
อาราเคีย: นายไม่อยากตาย…ใช่หรือเปล่า?
อัล: …
อาราเคีย: ถ้าไม่อยากตาย… อืม… ฉันจะช่วยเอง แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน คงต้องขอข้อมูลจากนาย
อาราเคียพยายามเลียนแบบเทคนิคการเจรจาอย่างที่นายหญิงเคยทำ แต่ฝั่งชายแขนเดียวนั้น พอได้ฟังกลับหัวเราะออกมาเงียบๆ
อัล: ป่านนี้แล้วเธอคิดว่าชั้นจะกลัวตายเรอะ? มาถามกันก่อนที่ชั้นจะตายเป็นพันล้านครั้งสิฟะ…
ชายแขนเดียวเอ่ยออกมาเช่นนั้นราวกับคำสาปแช่ง
. หลังได้ฟังแผนการของชายหนุ่มหน้าหวาน พริสซิลล่า เพนดัลตันผู้สวมรอยเป็นไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอย เลือกตอบรับออกมาว่า…
พริสซิลล่า: ขอให้เกาะทาสดาบเป็นเอกราช? ช่างเป็นความฝันที่มองการณ์ใกล้สมกับเป็นผู้อาศัยออยู่ในโขดหินแคบๆ กลางทะเลสาบ ไม่แปลกใจ น่าเบื่อหน่าย เสียเวลาเหลือเกิน
โจร่าห์: เฮือก…
อูบิรูค: เอะเฮะ! ปากคอเราะร้ายเหลือเกินนะครับ! ผมอ่ะไม่ถือสาอะไรหรอก… แต่คนอื่นคิดเห็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันเนอะ
พริสซิลล่า: ข้าพเจ้าหาได้สนใจว่าพวกงี่เง่าไร้สมรรถภาพคิดเช่นไรต่อคำพูดของข้าพเจ้าไม่ เจ้าคงพูดปลุกใจพวกมันจนยอมกระดิกหางทำตามที่ว่าทุกอย่างแล้วกระมัง
ในมุมมองของพริสซิลล่า ชายหน้าหวานดูท่าทางจะฉลาดกว่ากบฏคนอื่น นั่นแปลว่าเขาน่าจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าการต่อรองกับจักรวรรดิไม่มีวันสำเร็จ
ทาสดาบ: เฮ้ย อะไรกันวะ? ไหนเอ็งบอกว่าถ้าจับไฮเคาน์เตสเป็นตัวประกัน ไอ้พวกเวรในนครหลวงจะ――
พริสซิลล่า: ――จะยอมฟังพวกเจ้างั้นหรือ? เจ้าอาศัยอยู่ในวอลลาเคีย น่าจะรู้จักสุภาษิต “ประชาชนชาวจักรวรรดิจงแข็งแกร่งเข้าไว้” ดี คิดว่าไฮเคาน์เตสที่ได้กลับไปนครหลวงเพราะเอาแต่กลัวตายแข็งแกร่งหรือเปล่าล่ะ? แล้วตัวเจ้าที่จับตัวประกันเพราะหวังจะได้เจรจาล่ะ? เจ้าแข็งแกร่งหรือเปล่า?
ทาสดาบ: …
พริสซิลล่า: ข้าพเจ้าจะบอกให้เอาบุญว่านครหลวงจะตอบรับอย่างไร หลังได้ยินข้อเรียกร้องขออิสรภาพ องค์จักรพรรดิก็จะลงมือบดขยี้ศัตรูของเขาโดยไม่รอช้า หากให้เดา ฝ่าบาทน่าจะส่ง “เก้าแม่ทัพเทวะ” ที่อยู่ใต้อาณัติของเขามาเอง
. “เก้าแม่ทัพเทวะ” คือกำลังรบที่แกร่งที่สุดในวอลลาเคีย หากจักรวรรดิส่งตัวพวกเขามา พวกกบฏก็หมดสิทธิ์ต่อต้านทุกหนทาง
พอพริสซิลล่าเอ่ยถึงแม่ทัพเทวะ เหล่ากบฏก็เริ่มแตกตื่น ชายชุดดำที่นำทางพริสซิลล่ามาถึงกับเข้าไปกระชากคอเสื้อชายหน้าหวานที่เป็นตัวการใหญ่
ชายชุดดำ: นี่มันไม่ขำนะเว้ย อูบิรูค! นางพูดจริงหรือเปล่า!? เราไม่เห็นได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย!
อูบิรูค: ใจเย็นก่อนสิครับ “กาจีท” ถ้าพวกนั้นโผล่มา ผมอ่ะก็คงขวัญผวาแย่! ผมจับดาบไม่เป็นด้วยซ้ำนะครับ!
กาจีท: ไม่ใช่เวลามัวมาล้อเล่นนะโว้ย…
อูบิรูค: ท่านไฮเคาน์เตสก็แค่อยากปั่นหัวพวกเราให้ยอมแพ้ครับ แต่ผมอ่ะ… ไม่สิ พวกเราน่ะไม่หลงกลเธอหรอกเนอะ มั่นคงเข้าไว้แล้วทุกอย่างจะดีเอง ว่าไหมครับ?
ทาสดาบนาม “กาจีท” เดาะลิ้นไม่พอใจแต่ก็ยอมปล่อยมือจากอูบิรูคในที่สุด
. ในมุมมองพริสซิลล่า พวกกบฏลงมือเลยเถิดมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับได้แล้ว กระทั่งโจร่าห์เองก็เห็นพ้องกับภรรยาว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ
โจร่าห์: ถึงจะไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีนัก แต่ฉันเองก็เป็นเคานต์ของจักรวรรดิ ฉันจึงรู้ดีว่าประเทศนี้ขับเคลื่อนอย่างไร แม้ว่าจักรพรรดิองค์ใหม่จะมีความเมตตากรุณาสูงก็ตาม――
พริสซิลล่า: ――สุดท้ายธรรมเนียมของจักรวรรดิก็บีบให้เขาไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไร การปฏิวัติครั้งนี้ก็จบลงด้วยความพินาศ
โจร่าห์: แล้ว “เขาคนนั้น”จะไม่รู้เรื่องนั้นอยู่แล้วเชียวเหรอ?
โจร่าห์เอ่ยพลางจ้องมองไปยังอูบิรูคผู้เป็นตัวการใหญ่ แม้แต่ตอนนี้อูบิรูคก็กำลังพยายามกล่อมพวกทาสดาบให้หลงละเลิงว่าการปฏิวัติจะสำเร็จ ทั้งที่ควรจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้
คำถามก็คือทำไมกัน?
พริสซิลล่า: เอกราชของเกาะนี้เป็นเพียงตัวหลอก เจ้านั่นมีเป้าหมายอย่างอื่นอยู่
ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นสิ่งใด พริสซิลล่าก็ไม่อยากให้มันสำเร็จเพราะเธอเกลียดการไหลตามน้ำไปกับสถานการณ์ที่ผู้อื่นกำหนด
พริสซิลล่า เพนดัลตันคือผู้กำหนดว่าตัวเธอเองจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร แต่จนกว่าโอกาสในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์จะมาถึง เธอจะเฝ้ารอไปก่อน เพราะถึงอย่างไร…
พริสซิลล่า: โลกใบนี้ก็ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ข้าพเจ้า
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทต่อไป)