
นิยายสปินออฟ EX5 บท "หมาป่าดาบสีเพลิง" พาร์ท 8: จักรพรรดินี
. อาราเคียลากตัวอัลว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งของเกาะกินุนไฮฟ์อย่างรวดเร็ว
นั่นจัดว่าเป็นประสบการณ์ว่ายน้ำที่ทำให้อัลสยองสุดขีด เพราะเขาได้จ้องตากับพวกสัตว์มารใต้น้ำที่ฆ่าเขาไปตั้งหลายครั้งกว่าจะขึ้นโขดหินได้
หลังสูดหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด อัลก็มอบเสื้อเปียกโชกของเขาให้อาราเคีย เพื่อที่อย่างน้อยเด็กสาวจะได้มีอะไรสวมปิดบังจุดสำคัญ
ทั้งสองมาโผล่ที่จุดทิ้งขยะของเกาะ ซึ่งมีทั้งเศษขยะ อาหารเน่าเสีย สิ่งปฏิกูลและซากศพของผู้ที่เสียชีวิตในการประลอง
. เนื่องจากไม่มีใครใส่ใจศพของทาสดาบอยู่แล้ว วิธีการกำจัดศพที่สะดวกถึงสุดจึงเป็นการโยนทิ้งให้เป็นอาหารของสัตว์มาร
อัล: แต่นานๆ ทีก็มีผู้ชมที่มีรสนิยมประหลาดมา เอ่อ… ซื้อศพไปเหมือนกัน
อาราเคีย: ซื้อศพ? เอาไปทำอะไรเหรอ?
อัล: ใช่ว่าทาสดาบทุกคนจะเป็นคนเถื่อนอัปลักษณ์แบบชั้นสักหน่อย นานๆ ทีก็มีหนุ่มหล่อหรือสาวงามกลายเป็นศพในหลุมนี้ พอถึงเวลา ไม่ว่าใครก็ตายได้ แต่ถ้าตายในสภาพศพสวยหน่อยก็มีคนอยากซื้อไปเหมือนกัน
ตามที่อัลเคยได้ยินมา ลูกค้าบางคนก็ซื้อศพของอมนุษย์หายากที่มาตายที่เกาะนี้เพื่อนำไปสตัฟฟ์ประดับบ้าน
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดว่าชะตากรรมหลังความตายแบบไหนมันเลวร้ายกว่ากัน อัลก็สังเกตเห็นว่าอาราเคียกำลังจ้องหน้าเขาอยู่
อัล: หืม? มีอะไรเหรอ คุณหนู? เอาแต่จ้องหน้าชั้นอยู่ได้
อาราเคีย: ไม่แย่นี่… คิดว่านะ
อัล: หือ? อะไรล่ะที่ว่าไม่แย่?
อาราเคีย: หน้าตานาย ฉันไม่คิดว่ามันเหมือนคนเถื่อนอัปลักษณ์นะ
คำชมของอาราเคียทำให้อัลไปต่อไม่เป็น เนื่องจากเขาเกลียดชังใบหน้าของตัวเองเป็นอย่างมาก เกลียดจนอยากจะสวมอะไรปิดบังไว้ด้วยซ้ำ
. อาราเคียเปลี่ยนเรื่องคุยมาถามวิธีปลดสะพานชักลง อัลจึงอธิบายว่าเธอต้องไปที่หอควบคุมที่ตั้งอยู่ข้างสะพานชัก
ปัญหาหลักก็คือฮอร์เน็ตน่าจะประจำการอยู่ที่นั่น และตามการประเมินของอัล ฮอร์เน็ตน่าจะแข็งแกร่งพอๆ กับเก้าแม่ทัพเทวะเลยทีเดียว
อัล: ชั้นไม่คิดว่าเธอจะสู้ฮอร์เน็ตไหวหรอกนะ คุณหนู
จริงอยู่ว่าอาราเคียแข็งแกร่งกว่าอัล แต่ฮอร์เน็ตนั้นแกร่งยิ่งกว่าอัลหนึ่งร้อยคนรวมกันเสียอีก เขานึกภาพอาราเคียเอาชนะอสุรกายตัวนั้นไม่ออกเลย
อัลลองเสนอแผนให้อาราเคียถอยกลับไปลากตัวเก้าแม่ทัพเทวะว่ายน้ำข้ามฝั่งมา แต่อาราเคียก็ไม่มั่นใจว่าพรรคพวกของเธอจะดำน้ำได้นานแค่ไหน
อัล: คาดหวังให้กลั้นหายใจตั้งสิบหรือสิบห้านาทีมันคงเกินไปหน่อยสินะ? แต่คาดหวังให้เธอเอาชนะฮอร์เน็ตได้มันก็ยากพอกัน
อาราเคีย: ฉันคิดว่า ถ้าชนะไม่ได้… ฉันก็จะไม่สู้
อัล: ว่าไงนะ?
อาราเคียคว้าเอาเศษเสี้ยววิญญาณธาตุวายุมาเขมือบลงคอทันที นั่นส่งผลให้ร่างกายของเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม
หากอัลไม่ตั้งใจเพ่งสายตาหาดีๆ เขาก็จะมองไม่เห็นตัวอาราเคียเลย ในตอนนี้เด็กสาวผู้เสพวิญญาณอยู่ในสถานะคล้ายการล่องหนไปแล้ว
การผสานร่างเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณนั้นจำเป็นที่ต้องมีจิตที่ยึดเหนี่ยวต่อตัวตนของตัวเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งอัลไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย
อัล: มันคงจะฮาดีนะถ้าสมมุติว่าฮอร์เน็ตไม่ได้อยู่ที่หอควบคุมด้วยซ้ำ
ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มภารกิจ อัลลองปล่อยมุกคลายเครียดออกมา ทว่า ฝั่งสาวน้อยร่างโปร่งใสกลับจ้องไปยังหอควบคุมโดยไม่มีท่าทีจะขำเลยสักนิด
อาราเคีย: ไม่หรอก เธออยู่ที่นั่นแน่ๆ
. ตลอดสิบปีที่อาศัยอยู่บนเกาะกินุนไฮฟ์นั้น อัลเดบารันแทบจะไม่มีเพื่อนเลยก็ว่าได้ มีเพียงแค่ “ออร์ลัน” คนเดียวที่เขาสามารถนับเป็นเพื่อนได้
อัลรู้สึกเศร้าโศกต่อการตายของออร์ลันจากใจจริง แต่สำหรับทาสดาบคนอื่นๆ นั้น อัลไม่ได้ผูกพันหรือใส่ใจว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเลย
ทาสดาบ: อ่อก
ระหว่างที่ทาสดาบเฝ้ายามสองคนกำลังคุยกันอยู่เพลินๆ หนึ่งในนั้นก็โดนการโจมตีล่องหนทำให้เลือดพุ่งออกจากศีรษะจนล้มฟุบลงไป
อัลไม่รอช้า เขาพุ่งเข้าไปแย่งมีดจากทาสดาบอีกคนที่มัวแต่ตกใจ จากนั้นก็แทงมีดใส่หัวใจของผู้เป็นเจ้าของและบิดมันจนแทงเข้าไปลึกมิดด้าม
อัล: แหม ล่องหนนี่มันขี้โกงดีจริงๆ
อาราเคีย: นายเองก็… เก่งกว่าที่ฉันคิดไว้นะ มีแค่แขนเดียวเองแท้ๆ
. ทั้งสองลอบเข้ามาใกล้หอควบคุมได้สำเร็จ แต่พออัลเหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างสูงที่ยืนหันหลังให้พวกเขาอยู่ อัลก็ขนลุกจนต้องรีบไปซ่อนหลังกำบัง
อัล: แฮ่ก… แฮ่ก…
อัลหายใจหอบด้วยความหวาดผวา ปกติเขาไม่กลัวความทรมานหรือความสิ้นหวังจากการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยซ้ำ ――ตราบใดที่มันมีจุดจบอยู่ล่ะก็นะ
ทว่า อัลเดบารันรู้ซึ้งอยู่แก่ใจดีว่าในโลกนี้มีศัตรูที่ตัวเขามิอาจก้าวข้ามได้แม้ว่าจะตายวนเวียนกี่ครั้งก็ตาม และ “จักรพรรดินีทาสดาบ” ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่เคราะห์ยังดีที่คราวนี้อัลไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับฮอร์เน็ต เขาเพียงแค่ตอบแทนบุญคุณอาราเคียด้วยการมาส่งเธอถึงหอควบคุม
หลังจากนี้มันก็เป็นเรื่องของอาราเคียแล้วว่าเธอเอายังไงต่อ ที่แน่ๆ อัลอยากออกจากที่นี่อยู่เต็มทน เขาไม่คิดจะอยู่ในระยะเหล็กในของยัยแตนยักษ์นานไปกว่านี้
. อัล: นี่… คุณหนู… โทษทีนะ ชั้นส่งได้แค่นี้แหละ
อาราเคีย: …
อัล: ยัยนั่นเกือบฆ่าชั้นมาทีแล้ว… ไม่สิ เกือบฆ่าเป็นร้อยครั้งมากกว่า ชั้นไม่กล้าไปยุ่งกับหล่อนแล้ว
อัลเตรียมใจว่าเขาอาจจะโดนอาราเคียโจมตีหลังพูดจาแบบคนขี้ขลาด และถึงจะเป็นเช่นนั้นจริง อัลก็ขอยอมสู้อาราเคียดีกว่าสู้ฮอร์เน็ต
ทว่า อาราเคียกลับเข้าใจการตัดสินของอัล เธอกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยนำทางโดยไม่ได้ต่อว่าอะไรเพิ่มเติม
อัล: ฟังนะ คุณหนู ยอมแพ้เหอะ ไม่มีใครว่าเธอหรอก อย่างน้อยชั้นก็ไม่ว่า
อาราเคีย: เธอคนนั้นท่าทางจะแข็งแกร่ง
อัล: ไม่ต้อง “ท่าทาง” หรอก ยัยนั่นแกร่งจริง หล่อนเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งที่สุดเป็นลำดับ 3 ไม่ก็ลำดับ 4 เท่าที่ชั้นเคยเจอมาเลย
อาราเคีย: แล้วอันดับหนึ่งกับอันดับสองคือใคร?
อัล: …ไม่อยากคิดถึงพวกนั้นเท่าไหร่
สิ่งหนึ่งที่อสุรกายเหล่านั้นมีร่วมกันคือพวกมันสามารถทำให้หัวใจของอัลแข็งกระด้างด้วยความหวาดกลัวได้
เรียกได้ว่าเป็นกำแพงที่อัลไม่มีวันก้าวข้ามได้ แม้ว่าเขาจะลองสู้กี่ร้อยกี่พันครั้งก็ตาม
. อาราเคียที่กลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลมพยายามจะแอบล่องลอยผ่านฮอร์เน็ตที่มัวแต่จดจ้องไปยังทะเลสาบ
ฮอร์เน็ต: ตายจริง ลมอะไรแปลกจังเลย
ทว่า ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของฮอร์เน็ตก็ดันตรวจจับสิ่งแปลกปลอมได้ เธอจึงตวัดแขนดาบเล็งไปยังพื้นที่ว่างเปล่าโดยไม่ลังเล
อาราเคียรับรู้ได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เธอจึงรีบบินหลบขึ้นที่สูงและรอดจากการถูกผ่าขาดครึ่งไปได้อย่างฉิวเฉียด
แต่ฮอร์เน็ตก็ไม่ยั้งมือแค่นั้น เธอหมุนควงแขนดาบทั้งสองข้างราวกับเต้นรำ กวัดแกว่งดาบยักษ์ไปทั่วจนกลายเป็นกงจักรแห่งความตาย
อาราเคียควรจะมีความเร็วเหนือกว่าและเคลื่อนไหวได้พริ้วกว่าแท้ๆ แต่เธอกลับถูกฮอร์เน็ตโจมตีไล่ต้อนจนค่อยๆ ถูกบีบให้จนมุม
. อัลมองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ พลางไตร่ตรองว่าเขาควรห้ามอาราเคียไว้ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าผลลัพธ์ต้องเป็นเช่นนี้ แบบนี้มีหวังสาวน้อยได้มีจุดจบที่โชกไปด้วยเลือด
สุดท้ายอัลก็เป็นได้แค่ตาลุงวัยกลางคนที่จิตใจแตกสลาย เขาไร้ความฝัน ไร้ซึ่งเหตุผลในการต่อสู้ ไร้ซึ่งแรงผลักดันในการฝืนทนต่อความยากลำบาก
ทันใดนั้นเองเสียงคมดาบกระทบร่างกายก็ดังขึ้นมา ร่างของเด็กสาวที่เป็นหนึ่งเดียวสายลมหงายหลังล้ม เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วฟ้ายามราตรี
ฮอร์เน็ต: ตายจริง! น่ารักน่าชังซะไม่มี ไม่คุ้นหน้าเลย… มาจากไหนกันจ๊ะเนี่ย?
อาราเคียจ้องเขม็งกลับใส่ฮอร์เน็ตทั้งที่ล้มอยู่ โลหิตแต่งแต้มเส้นผมสีเงินและผิวสีน้ำตาลของเธอจนแดงฉาน
. ฮอร์เน็ตยิ้มระรื่นพลางง้างแขนดาบเปรียบปิดฉาก ซึ่งตอนนั้นเองที่ชชายแขนเดียวจะไม่ขอทนดูอยู่เฉยๆ อีกต่อไป
อัล: เอาล่ะ พอกันที
ฮอร์เน็ต: ตายจริง! อัลเดบารันนี่นา!
อัล: อย่ามาเรียกชั้นด้วยชื่อนั้น อา ช่างแม่งเหอะ อยากตายชะมัดเลย
อัลชูมีดสั้นใส่จักรพรรดินีทาสดาบด้วยท่าทีเดือดดาล ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาวุธชั่วคราวที่ดูง่อยกว่าดาบใหญ่ที่เขามักใช้อยู่ประจำเป็นไหนๆ
ฮอร์เน็ต: ผิดคาดเลย ไม่นึกว่าอัลจังจะเป็นหนุ่มเลือดร้อนแบบนี้
อัล: ไม่ได้เลือดร้อนสักหน่อย คุณหนูคนนั้นน่ารักเกินกว่าจะปล่อยให้ตายตั้งแต่ยังเด็กขนาดนี้… แถมพอได้เห็นผมสีเงินของเธอเปื้อนเลือด ชั้นก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมาแบบเกินคาด แล้วก็อีกอย่าง…
ฮอร์เน็ต: แล้วไงอีกจ๊ะ?
ฮอร์เน็ตยิงคำถามเพิ่มพลางฉีกยิ้ม ส่วนอัลเองก็หัวเราะหึๆ ออกมาเช่นกัน
อัล: ดาวมัน… ไม่ดงไม่ดาวอะไรละ วันนี้ชั้นอารมณ์เสียโว้ย
. (อ่านต่อได้ในพาร์ทต่อไป)