re zero EX5 แปลไทย

นิยายสปินออฟ EX5 บท "หมาป่าดาบสีเพลิง" พาร์ท 10: มัจจุราช

. เกาะกินุนไฮฟ์มอบความบันเทิงแบบโหดเลือดสาดให้แก่ผู้ชมในหลายรูปแบบ

ทั้งการดวล 1 ต่อ 1 ดวลเป็นทีม 3 ต่อ 3 หรือ 5 ต่อ 5 รวมถึงการบังคับให้กลุ่มทาสดาบเข้ารุมสัตว์มารตัวใหญ่ยักษ์

ทว่า การต่อสู้ระหว่างฮอร์เน็ตกับอัลเดบารันมันเป็นการเชือดอยู่ฝ่ายเดียวแบบไร้ซึ่งความบันเทิง

ฮอร์เน็ต: ช่วยอย่าตายง่ายเกินไปล่ะ ได้ไหมจ๊ะ?

หลังเอ่ยประโยคนั้น ฮอร์เน็ตจะเริ่มหมุนควงแขนดาบกลายเป็นลูกข่างแห่งความตายที่โจมตีมาจากรอบทิศทาง

ไม่ว่าอัลจะลองหลบไปทางซ้ายหรือทางขวา ลองกระโจนไปด้านหน้าหรือด้านหลังหรือแนวทะแยง หรือลองปัดป้องด้วยมีดสั้น ก็ล้วนแต่ไร้ความหมาย

――ทุกการเคลื่อนไหวจบลงด้วยความตายของอัลหมด เขาตายมาสารพัดแบบทั้งศีรษะถูกบดขยี้ ร่างถูกผ่าขาดครึ่ง ขาขาด แขนหัก ไส้ทะลัก

หากการต่อสู้ครั้งนี้มีผู้ชม มันคงเป็นการแสดงสุดน่าเบื่อที่จบลงในพริบตาเพราะความสามารถของทั้งสองฝ่ายต่างชั้นกันเกินไป

. อัล: โดน่าาาาา!

หลังตายมา 20 ครั้ง อัลลองเปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้เวทมนตร์ ผืนดินขยายตัวออกและดีดเอาหินปูพื้นบินไปทางฮอร์เน็ต ทำให้เธอมีเป้าฟันอย่างอื่นนอกจากตัวอัล

อัลอาศัยช่องว่างกระโดดถอยหลังมาตั้งหลัก เขาหลบหลีกการโจมตีแรกของฮอร์เน็ตได้สำเร็จ

แต่อัลดันประมาทว่าเขาพ้นระยะอันตรายแล้ว ดาบที่สองของฮอร์เน็ตเลยขยี้ศีรษะเขาแหลกจากด้านบน

ฮอร์เน็ต: ช่วยอย่าตายง่ายเกินไปล่ะ ได้ไหมจ๊ะ?

อัล: โดน่าาาาา!

――พอเหตุการณ์รีเซ็ตกลับ อัลก็รีบเปิดฉากตอบโต้ด้วยเวทปฐพีเหมือนเดิม

แต่คราวนี้อัลกระโจนหลบดาบที่สองออกไปด้านข้าง ส่งผลให้แขนดาบของฮอร์เน็ตกระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนสะพานชักด้านหลังเธอยังสั่นไหว

ฮอร์เน็ตกวาดแขนดาบขึ้นมาโจมตีกวาดเป็นแนวนอน อัลกระโดดข้ามการโจมตีนั้นแล้วจ้วงมีดใส่ฮอร์เน็ต แต่เธอก็ปัดป้องมันได้อย่างง่ายดาย

ฮอร์เน็ต: ต้องอย่างงี้สิจ๊ะ! อา อัลจัง ว่าแล้วเชียวนายต้องทำได้!

อัล: อ๋อเหรอ? ทางชั้นนี่สู้แบบเฉียดตายอยู่ตลอด คนละระดับกันเลยโว้ย!

ทุกครั้งที่อัลได้สู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อออกไปเท่าไหร่ อัลยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองที่ไม่มีวันแข็งแกร่งอย่างศัตรูเหล่านั้นได้

ผู้แข็งแกร่งนั้นแข็งแกร่งเพราะเกิดมาแกร่งตั้งแต่แรก ส่วนผู้อ่อนแอก็อ่อนแอเพราะเกิดมาอ่อนแอ นั่นคือสัจธรรมของโลกในมุมมองอัล

ฮอร์เน็ต: ยังไม่สาแก่ใจเลย! มาสนุกกันให้เยอะๆ เลยนะจ๊ะ!

ดังนั้น ผู้อ่อนแออย่างอัลก็คงมีชะตากรรมต้องถูกผู้แข็งแกร่งอย่างฮอร์เน็ตบดขยี้อีกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

. การต่อสู้ระหว่างอัลกับฮอร์เน็ตพึ่งเริ่มไปได้แค่ประมาณ 30 วินาที แต่ในสายตาของคนนอกอย่างอาราเคียนั้น มันเป็นศึกที่น่าเหลือเชื่อมาก

อาราเคียประเมินว่าอัลมีฝีมือแค่ระดับพอไปวัดไปวาได้ เขาไม่ควรจะสู้กับฮอร์เน็ตได้นานเกิน 2 วินาทีด้วยซ้ำ แต่อัลกลับสามารถรอดชีวิตอยู่ได้นานราวกับปาฏิหาริย์

อาราเคีย: สุดยอดเลย…

พอได้เห็นอัลปัดป้องและหลบหลีกการโจมตีของฮอร์เน็ตแบบฉิวเฉียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังพยายามสวนกลับ อาราเคียก็รู้สึกเจ็บใจที่ตัวเธอทำได้เพียงนอนเจ็บ

การโจมตีของฮอร์เน็ตก่อนหน้านี้ทำให้อาราเคียกระดูกหักไปหลายท่อน แถมอวัยวะภายในก็เสียหายหนัก อาราเคียจึงพยายามเร่งการฟื้นฟูด้วยพลังของเศษเสี้ยววิญญาณวารีที่กินเข้าไป

ขนาดว่าเธอกำลังสู้กับอัลอยู่ ฮอร์เน็ตก็ยังคอยเหลือบสายตามองมาทางอาราเคียเป็นพักๆ เพื่อจับตาดูมิให้อาราเคียแอบลักลอบเข้าไปในหอควบคุมสะพานชักได้

. อาราเคียรู้สึกว่าตัวเธอไร้ค่าเหลือเกิน ทั้งต้องให้อัลมาปกป้อง แถมยังตอบแทนผู้มีพระคุณของเธอไม่ได้อีก

อาราเคีย: องค์หญิง…

[พริสซิลล่า: ――จงฟังข้าพเจ้าให้ดี เจ้าพวกสามัญชนบนเกาะทาสดาบ!]

ระหว่างที่อาราเคียกำลังโหยหาอดีตนายหญิง น้ำเสียงสุดแสนเย่อหยิ่งที่เธอคุ้นเคยดีก็ดังขึ้นมา

[พริสซิลล่า: การปฏิวัติของพวกเจ้ามันไร้อนาคต หัวหน้าของพวกเจ้าต้องการศีรษะขององค์จักรพรรดิ อิสรภาพของทาสดาบเป็นเพียงคำลวงให้ไขว้เขว พวกเจ้าถูกหลอกแล้ว เป็นได้แค่ทหารไร้หัวผู้น่าสมเพชเท่านั้น]

[พริสซิลล่า: ――สุดทางของพวกเจ้ามีเพียงความตายรออยู่ กระนั้นจักรพรรดิองค์ใหม่ก็มิใช่ผู้ไร้ความปรานี หากเลือกแสดงท่าทีได้ถูกต้อง เขาอาจจะทบทวนชะตากรรมของพวกเจ้าใหม่ ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ใช้ปัญญาที่พอมีตัดสินการกระทำหลังจากนี้ให้ดี]

[พริสซิลล่า: ――เหล่าทหารไร้หัวเอ๋ย! หากอยากได้ศีรษะของพวกเจ้าคืน นี่แหละคือโอกาสสุดท้ายแล้ว!]

หลังประกาศสิ่งที่ต้องการจะสื่อครบถ้วนแล้ว เสียงของเด็กสาวจากอุปกรณ์สื่อสารที่ติดตั้งไว้บนเกาะก็ตัดขาดไป อาราเคียได้แต่อ้ำอึ้งจนไม่ทันประมวลเนื้อหาที่เผยแพร่ด้วยซ้ำ

. อัลและฮอร์เน็ตยังคงงงว่านั่นคือเสียงใคร กระนั้นฮอร์เน็ตก็เดาว่าเสียงประกาศนั้นน่าจะทำให้พวกทาสดาบตาขาวหลายคนย้ายฝั่ง แต่เดิมทีตัวเธอก็ไม่เชื่อว่าแผนนี้จะสำเร็จอยู่แล้ว

อัล: นี่ ถึงการเรียกชีวิตบนเกาะนี้ว่ามั่นคงมันจะฟังดูบ้าบอ แต่เธอเชื่อเจ้าอูบิรูคจนยอมทิ้งชีวิตแบบนั้นไปจริงๆ เหรอ? คงไม่บอกกันใช่ไหมว่าเธออยากจะกุดหัวจักรพรรดิจริงๆ?

ฮอร์เน็ต: ไม่เลยจ๊ะ องค์จักรพรรดิอยู่เบื้องสูงเกินจนฉันไม่สนใจ ถ้าเขาเป็นยอดนักรบก็ว่าไปอย่าง แต่ท่าทางจะไม่ใช่

อัล: ชั้นก็ได้ยินมาอย่างงั้นเหมือนกัน แสดงว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอคือการทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง ยึดเกาะเพื่อที่จะได้ดวลกับเก้าแม่ทัพเทวะคนที่ถูกส่งมา เธอนี่เพี้ยนแบบกู่ไม่กลับจริงๆ

ฮอร์เน็ตฉีกยิ้ม ไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของอัล เป้าหมายหลักของเธอคือการสู้กับเก้าแม่ทัพเทวะอย่างแน่นอน

ที่ฮอร์เน็ตยังไม่เอาสะพานชักลงก็เพราะเธออยากดวลกับทุกคนบนเกาะที่เธอยังไม่เคยสู้มาก่อน นั่นรวมถึงตัวอัลด้วย

แล้วหลังจากที่สังหารคู่ต่อสู้หมดทุกคนบนเกาะ เธอก็จะปลดสะพานชักลงเพื่อไปดวลกับเก้าแม่ทัพเทวะต่อ

อัล: นี่เธอคงไม่ได้คิดว่าตัวเองแกร่งที่สุดในโลกใช่มั้ย? ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ที่ชั้นรู้จักน่ะ ป่านนี้น่าจะพึ่งอยู่ในวัยสะพายกระเป๋าเป้เด็กประถมอยู่ในราชอาณาจักรลูกุนิก้าล่ะมั้ง

ฮอร์เน็ต: ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองแกร่งสุดหรอกจ๊ะ ไม่เลยสักนิด สุดท้ายฉันก็คงหมดแรงระหว่างที่สู้จนตาย แต่ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่จ๊ะ? การได้ตายอย่างสมเกียรติในการต่อสู้นี่แหละที่ฉันต้องการ ขอสาบานด้วยชื่อตระกูลว่าฉันจะตายอย่างอลังการที่สุดให้จงได้

พอได้ฟังคำประกาศของฮอร์เน็ต ดวงตาสีดำของอัลก็เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ดำมืดที่ทำให้ทุกคนที่ได้จ้องมันขนลุกจนแข็งกระด้างได้ง่ายๆ

อัล: พวกแม่งทุกคนให้ค่าความตายกันเกินไปละ โง่เง่าสิ้นดี ――ความตายไม่ใช่คำตอบของชีวิตหรือสิ่งล้ำค่า มันมอบแค่ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจวะ?

กระทั่งฮอร์เน็ตยังถูกดวงตาที่มืดมนและลึกไม่เห็นก้นดุจขุมนรกคู่นั้นสะกดให้อ้ำอึ้งไปชั่วขณะ

. อาราเคียที่รักษาตัวเองจนกลับมาเคลื่อนไหวได้ขอช่วยต่อสู้ร่วมกับอัล เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงอีกต่อไป ไม่งั้นอาราเคียคงไม่มีหน้ากลับไปเจอนายหญิงอีก

เสียงของเธอคนนั้นปลุกเร้าจิตวิญญาณของอาราเคียให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง

อาราเคีย: ฉันยัง…เป็นขององค์หญิง!

พอได้เห็นความมุ่งมั่นของเด็กสาว อัลก็ไม่คิดจะหักห้ามเธออีกต่อไป เขาจับอาวุธในมือให้แน่นและประกาศต่อหน้าฮอร์เน็ตว่า…

อัล: ขอย้ำอีกทีละกัน ฮอร์เน็ต ว่าทำไมเธอจะแพ้ชั้น

ฮอร์เน็ต: ฉันเนี่ยนะจะแพ้? แพ้อัลจังเนี่ยนะ?

อัล: เออสิ ไม่มีใครชนะชั้นได้ ――ดาวมันแย่ว่ะ

. หลังพริสซิลล่าประกาศเป้าหมายที่แท้จริงของการปฏิวัติไปทั่วเกาะผ่านอุปกรณ์สื่อสาร เหล่าทาสดาบก็เริ่มแตกเป็นสองฝั่ง

บัลรอยใช้ประสาทสัมผัสเฉียบคมของเขาตรวจจับได้ว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่นบนเกาะ หากปล่อยไว้สักพักพวกทาสดาบก็น่าจะกำจัดกันเองไปเกือบหมด

แต่พริสซิลล่ามองว่าหลังปล่อยไปสักพัก พวกที่มีหัวคิดสักหน่อยจะเริ่มจับคนใหญ่คนโตเป็นตัวประกันเพื่อเจรจาโดยไม่สนเป้าหมายของอูบิรูคอีกต่อไป

บัลรอยและไมลซ์ช่วยกันคุ้มกันพริสซิลล่าจนเธอเดินกลับไปถึงห้องเจ้าของเกาะได้ เด็กสาวไม่รอช้าและเตะบานประตูเข้าไปโดยทันที

พริสซิลล่า: หลีกทางไป พวกสามัญชน ข้าพเจ้ามาเพื่อรับตัวสามีกลับ

ทาสดาบ: หวา!?

โจร่าห์: พริสซิลล่า!?

พริสซิลล่าเดาะลิ้นไม่พอใจที่สามีลืมตัวว่าเธอปลอมเป็นเซรีน่าอยู่ จากนั้นเธอก็หยิบแจกันมาเขวี้ยงใส่เก้าอี้ที่โจร่าห์นั่งอยู่จนเขาล้มหงายหลัง

พริสซิลล่า: จัดการเลย บัลรอย

บัลรอย: ขอรับกระผม นายหญิง

หลังโจร่าห์ล้มไปพร้อมกับเก้าอี้ พวกทาสดาบก็เสียจังหวะในการใช้ตัวประกัน บัลรอยอาศัยจังหวะนั้นพุ่งตัวเข้าประชิดทาสดาบ 6 คนในห้องทันที

พวกทาสดาบเตรียมชักอาวุธรับมือการแทง แต่หอกคู่ใจของบัลรอยฟันกวาดเป็นครึ่งวงกลม ทาสดาบ 3 คนจึงถูกปาดท้องจนไส้ทะลักในพริบตา

. อีกสองคนที่เหลือกระโจนใส่บัลรอย คนหนึ่งเป็นนักสู้มือเปล่าที่สวมถุงมือติดตะปูแหลม อีกคนเป็นมนุษย์สัตว์ร่างใหญ่ที่ใช้ขวาน

ทั้งสองเป็นนักสู้สายประชิดที่หลงคิดว่าพอเข้าคลุกวงในแล้วพวกตนจะได้เปรียบบัลรอยที่ใช้หอกยาว

บัลรอย: คิดว่าพลหอกจะใช้เป็นแค่หอกเหรอ? คิดตื้นไปแล้วครับ

บัลรอยต่อยหมัดซ้ายใส่ชายคนแรกจนฟันหน้าหัก แถมเขายังหงายหลังไปโดนขวานของมนุษย์สัตว์ที่จามเข้ามาจนดับดิ้นคาที่

มนุษย์สัตว์จามขวานทะลุหัวพรรคพวกต่อโดยไม่สนใจ เขากะจะใช้พละกำลังมหาศาลของอมนุษย์ผ่าร่างบัลรอยไปด้วยในทีเดียว

บัลรอย: ชั้นไวกว่าอยู่ดี

ทว่า บัลรอยปล่อยหอกจากมือขวาเพื่อใช้วิชาดัชนีแทงตาของมนุษย์สัตว์จนบอด แล้วระหว่างที่มันหงายหลัง บัลรอยก็รับหอกด้วยมือซ้ายแล้วแทงใส่ลำคอศัตรูเพื่อปิดฉาก

ทาสดาบคนสุดท้ายรีบชักมีดออกมาจ่อคอโจร่าห์เพื่อใช้เป็นตัวประกัน ทว่า…

ทาสดาบ: อย่าขยับนะโว้ย! ลองเข้ามาแค่ก้าวเดียว――

ไมลซ์: เล่นมันเลย ไกอุส!

พอไมลซ์ตะโกนคำสั่ง มังกรบินคู่หูของเขาก็บินทะลุหลังคาห้องลงมาเขมือบหัวทาสดาบแล้วลากเหยื่อผู้โชคร้ายกลับขึ้นไปกินด้านบน

เลือดของทาสดาบคนสุดท้ายไหลท่วมโจร่าห์จนเขากรีดร้องตกใจเพราะนึกว่าเป็นเลือดตัวเอง

. พวกพริสซิลล่ากวาดสายตาดูรอบห้องเจ้าของเกาะและพบว่าอูบิรูคผู้เป็นตัวการใหญ่ของการปฏิวัติไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว …ไม่สิ เผลอๆ ก็ยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ

พริสซิลล่า: น่าจะหนีออกนอกเกาะไปแล้ว

บัลรอย: สะพานชักยังไม่ถูกเอาลงเลย ไม่น่าหนีไปไหนได้หรอกมั้ง

พริสซิลล่า: หนีไม่ได้ง่ายๆ ก็จริง แต่มันก็พอมีหนทางอยู่ องค์จักรพรรดิเองก็มีอุปกรณ์ลับในนครหลวงที่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งในพริบตาได้เหมือนเวทมนตร์อยู่เช่นกัน

บัลรอย: อุหวา! ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องได้รู้แล้วต้องตายแหงๆ

พริสซิลล่าเดินออกไปยังระเบียงเพื่อรับสายลม เธอได้ยินเสียงของดาบปะทะกันดังไปทั่วเกาะกินุนไฮฟ์ โดยเฉพาะที่บริเวณสะพานชัก

พริสซิลล่า: ว่ากันว่า สุนัขที่จนตรอกจะกัดสู้ ฝ่ายใดจะเป็นผู้ปราชัยในท้ายที่สุดกันแน่นะ?

. เมื่ออาราเคียมาร่วมต่อสู้ อัลก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเธอด้วยจนหัวแทบระเบิด เขายังไม่รู้ความสามารถของเธอดีพอจะต่อสู้ให้เข้าขากันเลย

อัลไม่เคย “จำลอง” การต่อสู้ร่วมกับผู้เสพวิญญาณมาก่อน ที่แน่ๆ อัลมองว่าท่าทางการต่อสู้แบบคลานสี่ขาเหมือนสัตว์ป่าของอาราเคียมันดูลามกแปลกๆ ไหนคู่ต่อสู้จะยังเป็นสาวงามไร้แขนอีก

ฮอร์เน็ตเริ่มหมุนควงแขนดาบเป็นคอมโบแห่งความตายอีกครั้ง แต่หลังโดนท่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน อัลก็เริ่มจับทางได้บ้าง

อัล: อึก! โดน่าาาา!

หลังใช้มีดตั้งรับการโจมตีครั้งหนึ่งจนสะเทือนไปทั่วร่าง อัลก็รีบร่ายเวทมนตร์ปฐพีเสกให้พื้นหินขยายตัวขึ้นมาโจมตีและบดบังทัศนวิสัยของฮอร์เน็ต

อาราเคียใช้จุดบอดที่อัลสร้างลอบโจมตีฮอร์เน็ตด้วยร่างที่ลุกเป็นไฟ ทว่า ฮอร์เน็ตก็มองออกและตอบโต้ด้วยการฟันแขนดาบลงพื้นจนหินกระเบื้องพังทลาย

. พื้นที่บริเวณหน้าสะพานชักกลายเป็นหลุมในพริบตา ร่างของอัลร่วงหล่นลงสู่ชั้นล่างสุดของเกาะ โชคดีที่อาราเคียถีบกำแพงกระโดดมาช่วยประคองเขาลงจอด

ฮอร์เน็ตที่ร่วงลงมาด้วยกันฟันกวาดฝุ่นควันด้วยแขนดาบ จากนั้นก็สีดาบเข้าด้วยกันเกิดเป็นเสียงแหลมแสบหู

ฮอร์เน็ต: ทีนี้สถานที่สู้ก็กว้างขึ้นแล้วนะจ๊ะ อัลจัง หวังว่านายจะช่วยทำให้ฉันสนุกขึ้นไปอีก

อัล: …ถ้าเกิดชั้นเล็งโจมตีใส่ขา มีโอกาสประมาณ 60% ที่เธอจะพังพื้นด้านล่าง

ฮอร์เน็ต: …? ว่าไงนะจ๊ะ?

อัล: พอพื้นพัง คุณหนูจะช่วยชั้นทุกครั้งแบบ 100% เธอนี่จงรักภักดีน่าดู ถ้าเกิดชั้นเข้าไปบวกตอนเธอควงดาบ ก็จะโดนขยี้หัว ถ้าเกิดชั้นยืนดูเฉยๆ ก็จะถูกฟันขาด แล้วถึงชั้นจะลองหนี ก็มีโอกาส 70% ที่คุณหนูจะเข้าใจไม่ตรงกัน

ฮอร์เน็ต: …

อัล: ลองผิดลองถูกมาตั้ง 730 ครั้ง เธอฆ่าชั้นไปทั้งหมด 730 ครั้งในคืนนี้ ――ไม่สิ ถ้านับตอนสู้กันที่ลานประลองด้วยก็เป็น 792 ครั้ง

ฮอร์เน็ตยืนฟังอัลเงียบๆ โดยไม่เอ่ยแทรกหรือหัวเราะเยาะว่าเขาพูดจาเพ้อเจ้ออะไรอยู่ เธออาจจะสัมผัสได้ว่าอัลไม่ได้พูดโกหกหรือสมองเพี้ยนไปแล้ว

อัล: หรือว่าเธอเองก็เห็นเหมือนกัน? มัจจุราชที่ติดตามตัวชั้นอยู่น่ะ

ฮอร์เน็ต: …ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นจ๊ะ ที่พูดมาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉันยังฆ่านายไม่ได้สักครั้งเลยนะ อัลจัง ――แต่ว่า ถ้าได้ฆ่านาย 800 ครั้งมันคงเหมือนฝันที่เป็นจริงเลย

. ฮอร์เน็ตโน้มตัวมาด้านหน้าด้วยความตื่นเต้นเพื่อเตรียมใช้ท่าระบำแขนดาบ มันเป็นท่าโจมตีมรณะที่มีรูปแบบการโจมตีหลากหลาย

หนทางรับมือที่ดีที่สุดคือต้องไม่ปล่อยให้เธอใช้มันแต่แรก เพื่อการนั้นแล้วอัลจึงได้…

ฮอร์เน็ต: เอาล่ะ อัลจัง เราเสียเวลาคุยกันมากไปละ เตรียมใจไว้ให้ดี

อัล: ไม่ได้เสียเวลาเลย ――ที่ชวนคุยทั้งหมดก็เพื่อถ่วงเวลา

ฮอร์เน็ต: …อะ…อะไรกัน?

ทันใดนั้นเอง ฮอร์เน็ตก็เข่าทรุดลง ดวงตาของเธอแดงก่ำ แถมหายใจเร็วและแรงเหมือนชีวิตถูกกัดกิน

จักรพรรดินีทาสดาบพยายามมองหาสาเหตุของอาการผิดปกติด้วยอาการลุกลี้ลุกลน

อัล: พิษไงล่ะ

ฮอร์เน็ต: พ…พิษเหรอ?

อัล: ได้แนวคิดมาจากหนังเก่าเรื่องนึง ว่ากันว่าพิษนี่แหละฆ่าคนได้มากกว่าอาวุธไหนๆ

จุดที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือหลุมทิ้งศพประจำเกาะกินุนไฮฟ์ อัลได้คุยกับอาราเคียเรื่องผู้ชมบางคนซื้อศพทาสดาบไปใช้ก่อนหน้านี้ เขาจึงคิดแผนนี้ขึ้นมาได้

อัล: ก่อนหน้านี้ชั้นได้สู้ชิโนบิคนหนึ่งที่มี “หัตถ์พิษ” ท่าทางหมอนั่นจะชโลมพิษไว้ทั่วทั้งร่าง ชั้นเลยขอให้คุณหนูช่วยเผาศพเขา

ฮอร์เน็ต: …หะ!?

อัล: พิษถูกสายลมพัดลอยมา แล้วเธอก็สูดมันเข้าไป

พิษเริ่มออกอาการรุนแรงขึ้น จักรพรรดินีทาสดาบตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชราวกับว่าเธอกำลังคุกเข่าต่อหน้าอัลกับอาราเคีย

อัล: โล่งอกไปทีที่แก๊สพิษมันได้ผล ลองผิดลองถูกอยู่ตั้งหลายรอบกว่าเธอจะร่วงลงมาตรงจุดนี้พอดีหลังพื้นพัง โชคดีที่ไม่ติดขัดอะไร

ฮอร์เน็ต: ไม่นะ… ไม่เอาสิ พิษเนี่ยนะ? นายใช้พิษ…กับฉันคนนี้เนี่ยนะ? เล่นสกปรก…

อัล: เล่นสกปรก? นี่เธอล้อเล่นใช่มั้ย? การเอาตัวรอดบนเกาะทาสดาบมันไม่มีอะไรผิดถูกทั้งนั้นแหละ เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้เรอะ ยัยอ่อนหัด?

. อัลไร้ความปรานีต่อฮอร์เน็ตน้ำตาเริ่มกลายเป็นเลือด ผู้แข็งแกร่งไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไป เพราะฝ่ายอัลตั้งใจที่จะเล่นโกงให้เต็มที่เพื่อเป็นผู้มีชัย

อัล: ถ้าแก๊สพิษไม่ได้ผลก็คงลำบากน่าดู ชั้นคงต้องวิ่งพล่านไปทั่วเกาะ อาจจะลองทำให้สะพานชักหล่นทับเธอ… ชั้นมีไอเดียสำรองอยู่ไม่ถึง 10 อย่าง แถมไม่รู้ว่ามันจะได้ผลมั้ยด้วย

ฮอร์เน็ตสัมผัสได้ว่าอัลไม่ได้โกหก พริบตาที่เธอเลือกคู่ต่อสู้เป็นอัล ความฝันที่จะได้ต่อสู้แบบอลังการสมศักดิ์ศรีก็ดับสลายไปหมด

ฮอร์เน็ตทำใจยอมรับความเป็นจริงว่านี่คือจุดจบของเธอ อย่างน้อยเธอจึงอยากร้องขออัลเป็นครั้งสุดท้ายให้ตัวเธอได้ตายสมเกียรตินักรบ

ฮอร์เน็ต: อัล…จัง… ฆ่าฉันที…

อัล: อยากให้ชั้นเผด็จศึกด้วยมือตัวเองเรอะ? ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะ ――แต่ใครจะไปรู้ว่าคนใกล้ตายจะทำอะไรบ้างถ้าดันไปเข้าใกล้ ชั้นจะยืนรอเธอตายอยู่ตรงนี้แหละ

อัลปลดผ้าที่ยึดมีดสั้นไว้กับมือเขาและถอยหลังเพิ่มระยะห่างออกไปอีก ฮอร์เน็ตที่จมลงสู่ความสิ้นหวังพยายามคลานตามเขาเหมือนแมลงใกล้ตาย

และสุดท้ายจักรพรรดินีทาสดาบจะสิ้นชีพลงโดยไม่ได้รับจุดจบอย่างที่เธอใฝ่ฝันไว้

อัล: เตือนแล้วนะ ฮอร์เน็ต ว่าสู้กับชั้นมันน่าเบื่อ

. (อ่านต่อได้ในพาร์ทต่อไป)