
นิยายสปินออฟ EX5 บท "แสงสายัณห์สีชาด" พาร์ท 2: เจ้าหญิงและสุนัข
. เด็กสาวผู้แสนงดงามในชุดเดรสสีแดงโลหิตก้าวย่างอย่างสง่าผ่าเผยบนพรมแดงที่มีมีบริวาร 6 คนยืนต้อนรับอยู่รอบข้าง
พอผ่านเข้าไปสู่ห้องรับประทานอาหารก็มีบริวารอีก 9 คนรอเธออยู่ บริวารดึงเก้าอี้ให้เด็กสาวนั่งลง จากนั้นก็เริ่มตระเตรียมอาหารและอุปกรณ์เครื่องใช้ให้พร้อม
เด็กสาว: วันนี้ข้าพเจ้ามีกำหนดการอะไรบ้าง?
บริวาร: ได้เตรียมห้องของนายหญิงให้พร้อมสำหรับการเรียนหนังสือหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว แล้วก็ ท่านวินเซนต์เชิญชวนให้ท่านรับประทานมื้อกลางวันด้วยกัน
เด็กสาว: เรียนหนังสืองั้นหรือ? หวังว่าอาหารมื้อนี้จะไม่จืดชืดน่าเบื่อเหมือนอย่างบทเรียนพวกนั้นนะ แต่ที่ว่าท่านพี่จะมานี่ถือเป็นข่าวดี ข้าพเจ้ากำลังรอคอยโอกาสที่จะเอาคืนความอับอายต่อการพ่ายแพ้ในเกมหมากชาทรันจ์อยู่เลย
บริวารโค้งคำนับอย่างมีมารยาทต่อวาจาหยิ่งจองหองของเด็กสาวแล้วกลับไปรวมตัวที่แถวกับบริวารคนอื่น
. อาหารมื้อเช้าจานแรกของเด็กสาวที่ถูกนำมาเสิร์ฟคือซุปร้อนในถ้วย แน่นอนว่าเด็กสาวไม่สามารถรับประทานมันได้โดยทันที
สาวใช้: ขออนุญาตนะคะ นายหญิง
เด็กสาว: หึ
พอได้รับสัญญาณยินยอม สาวใช้ก็หยิบช้อนขึ้นมาตักซุปใส่ปากตัวเองก่อนเพื่อเป็นการ “ลองยาพิษ” ซึ่งเป็นกิจวัตรสามัญในชีวิตประจำวันของชนชั้นสูง
เด็กสาวเห็นกิจวัตรนี้มาบ่อยจนชินชาแล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายที่ไม่สามารถกินอาหารที่ปรุงสดใหม่ร้อนๆ ได้ แต่ก็เข้าใจในความจำเป็นของมัน
พอผ่านไปสักพักแล้วเห็นว่าสาวใช้ไม่มีอาการอะไร เด็กสาวก็เริ่มตักซุปมาซดกินบ้าง
เธอรีบตักช้อนถัดมาทันที คงเพราะอยากให้มื้ออาหารมันเสร็จไปไวๆ ขอเพียงแค่รักษามารยาทบนโต๊ะอาหารไว้ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิเธอ
เด็กสาว: อ่อก…!
ทันใดนั้นเอง ช้อนก็หลุดจากมือของเด็กสาวพร้อมเสียงประหลาดที่เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอ
มือข้างหนึ่งของเด็กสาวดึงผ้าปูโต๊ะจนข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว ส่วนมืออีกข้างกำลำคอของตัวเองไว้เหมือนพยายามหายใจ
ดวงตาสีชาดของเด็กสาวมีเลือดคั่ง โลหิตเริ่มไหลออกมาจากจมูกและปากของเธอด้วยเช่นกัน เหล่าบริวารต่างพากันตกตะลึงทำตัวไม่ถูก
มีเพียงแต่ “คนลองยาพิษ” ที่ยืนแน่นิ่งและมีเลือดไหลออกมาจากศีรษะเหมือนกับเด็กสาวผู้เป็นนาย
สาวใช้: สะ…สำเร็จ
สาวใช้ “มือสังหาร” เผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่ร่างจะล้มลง เสียชีวิตคาที่ เธอฝืนทนไม่ให้ยาพิษที่ตนตั้งใจกลืนเข้าไปออกอาการได้นานมากพอที่นายหญิงจะหลงกล
เด็กสาว: อั่ก…
สุดท้ายตัวเด็กสาวเองก็ล้มลงจากเก้าอี้ ชักดิ้นชักงออย่างทรมานและเสียชีวิตตามมือสังหารของเธอไปติดๆ
. ความเงียบงำเข้าครอบงำห้องรับประทานอาหารที่ทั้งมือสังหารกับเป้าหมายกลายเป็นศพ บริวารที่เหลือต่างก็แน่นิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนตามกันไป
??: อะไรกัน มือสังหารก็ตายไปด้วยงั้นหรือ?
ตอนนั้นเองเด็กสาววัยประมาณ 12 ปี อีกคนก็โผล่มาที่ประตูทางเข้าห้องรับประทานอาหาร แถมเธอยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเด็กสาวที่พึ่งตายไปอีกต่างหาก
เพียงแต่ว่า หากเทียบกันดูแบบดีๆ เด็กสาวคนใหม่นี้มีความงดงามเหนือชั้นไปยิ่งกว่า “ตัวตายตัวแทน” ของเธออย่างชัดเจน
เธอคนนี้ต่างหากคือ “พริสก้า เบเนดิกต์” นายหญิงตัวจริงของเหล่าบริวารในห้องนี้
บริวาร: ท่านพริสก้า… ดะ…ดีจังที่ท่านปลอดภัย
พริสก้า: หึ ความอ่อนไหวของเจ้าช่างน่าเบื่อหน่าย คิดว่าข้าพเจ้าจะติดกับลูกเล่นจืดชืดพรรค์นี้งั้นหรือ? แต่การหาตัวตายตัวแทนที่มีฝีมือมันก็มิได้ง่ายเลย
การมีตัวตายตัวแทนเป็นเรื่องปกติของบุคคลสำคัญ ทว่า ตัวพริสก้าเองก็ไม่ได้ปรารถนาให้ตัวตายตัวแทนของเธอต้องมาตายอย่างทรมานเช่นนี้
. พริสก้าเรียกตัวหัวหน้าข้ารับใช้ซึ่งเป็นหญิงสาวที่แก่กว่าเธอราว 20 ปีมาตำหนิ เธอคนนี้เป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดตัวบริวารผู้รับหน้าที่ดูแลนายหญิงประจำวันนี้
พริสก้า: เจ้าคนเขลา คิดว่าข้าพเจ้ามอบตำแหน่งนั้นให้แก่เจ้าทำไมกัน?
หัวหน้าข้ารับใช้: ทำไมหรือเจ้าคะ นายหญิง…?
พอได้ฟังคำถามนั้น พริสก้าก็เผยรอยยิ้มแสนโหดร้ายที่ไม่เหมาะสมจะอยู่บนหน้าของเด็กสาววัยเยาว์ออกมา จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า…
พริสก้า: ถ้าหากข้าพเจ้าแต่งตั้งคนไร้น้ำยามาดูแลความปลอดภัย ใครบางคนที่โง่เขลายิ่งกว่าเจ้าก็จะใช้โอกาสนี้ในการเก็บข้าพเจ้าทิ้งไง พอเผยธาตุแท้กันออกมาแล้วก็ถือเป็นโอกาสอันดีในการถอนรากถอนโคนให้หมด
ทันใดนั้นเอง บริวารทุกคนนอกเหนือจากหัวหน้าข้ารับใช้ก็พากันชักอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าออกมาอย่างพร้อมเพรียง
พริสก้ากระชากคอเสื้อของหัวหน้าข้ารับใช้แล้วเหวี่ยงเธอกระเด็นไปทางคมมีดของนักฆ่าที่อยู่ใกล้สุด
พอถูกมีดบาด หญิงสาวก็ตาขาวโพลน ตายคาที่โดยที่ยังไม่ทันได้ร้องตะโกน เป็นข้อบ่งชี้ว่าเหล่ามือสังหารใช้อาวุธอาบยาพิษชนิดออกฤทธิ์เร็วทุกคน
. พริสก้ากระโดดถอยหลังไปยืนบนโต๊ะอาหารแล้วเหวี่ยงผ้าปูโต๊ะไปยังอดีตกลุ่มบริวารที่แท้จริงแล้วเป็นนักฆ่าแฝงตัวมา
พอผ้าปูโต๊ะบดบังทัศนวิสัยชั่วขณะ พริสก้าก็เตะมีดเงินบนโต๊ะไปเสียบคอมือสังหารชายที่อยู่ใกล้สุด แถมยังถีบซ้ำให้มีดปักลึกกว่าเดิม
มือสังหารยังพยายามง้างมีดอาบยาพิษในมือตน พริสก้าจึงพุ่งตัวเข้าประชิด แล้วแย่งมีดมาเสียบหัวใจมือสังหารอีกคนจนตายคาที่
มือสังหาร: แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวเอง!
พริสก้า: แต่แค่นั้นก็เกินมือพวกเจ้าแล้ว เศษขยะเช่นพวกเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าพเจ้าเอาจริงไปมากกว่านี้
พริสก้าถีบเก้าอี้ให้หมุนไปปัดมีดหลุดจากมือของนักฆ่า จากนั้นก็ร่นระยะเข้าประชิดเพื่อใช้นิ้วมือจู่โจมดวงตาของศัตรูทันที ตามด้วยการกระทืบซ้ำที่คอ
. เด็กผู้หญิงตัวนิดเดียวรับมือนักฆ่าผู้ใหญ่เป็นกลุ่มได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ศัตรูก็ยังเหลืออีกหลายคนและพริสก้าก็เบื่อหน่ายที่จะสู้กับเหล่ากากเดนไปมากกว่านี้แล้ว
เหล่ามือสังหารเตรียมตัวเข้ารุมเด็กสาวโดยยอมแลกได้กระทั่งชีวิตของตน พวกเขาหวังแค่ให้อาวุธอาบยาพิษของคนใดคนหนึ่งบาดผิวหนังของเธอได้
พริสก้า: พวกเจ้านี่ช่างโง่เขลาเหลือเกิน คิดว่าข้าพเจ้าที่มองการซุ่มโจมตีของพวกเจ้าออกจะมาที่นี่คนเดียวงั้นหรือ?
วินาทีที่เด็กสาวเอ่ยประโยคนั้นจบ เหล่ามือสังหารทั้งสิบสี่คน ทั้งคนที่ยังรอดอยู่และคนที่กลายเป็นศพแล้วก็ถูกเปลวเพลิงสีเขียวเผากลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา
พริสก้า: หึ ช่างตระการตา ความงดงามของเปลวเพลิงที่มิเคยถดถอย ขนาดว่าใช้ชีวิตของพวกกากเดนนี่เป็นเชื้อเพลิง ข้าพเจ้าขอชมเชย
เด็กสาวสุนัข: เป็นเกียรติ อย่างยิ่งค่ะ
ผู้ตอบรับคือเด็กสาวคนหนึ่งที่ปรากฏกายมายืนแทรกกลางระหว่างพริสก้ากับมือสังหารที่กลายเป็นธุลี เธอมีอายุใกล้เคียงกับพริสก้า
เด็กสาวมีหูสัตว์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามนุษย์สุนัขอยู่บนศีรษะ เส้นผมเป็นสีเงินซะส่วนใหญ่และแต้มสีแดงบางจุด
ในมือของเด็กสาวถืออาวุธเป็นกิ่งไม้ที่เหมือนเก็บมาจากข้างทาง แถมเธอยังสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นอย่างน่าประหลาด
. เด็กสาวสุนัข: กำจัดเสร็จสิ้น น่ายินดีที่ท่านปลอดภั―― เอิ่กก
พริสก้า: เดี๋ยวก่อน นี่เจ้าเรอใส่ข้าพเจ้างั้นหรือ?
เด็กสาวสุนัข: งั้นเหรอคะ? ฉันเปล่าน―― เอิ่กกก
พริสก้า: เจ้าคนเขลา นั่นแหละที่เขาเรียกว่าเรอ
หลังพริสก้าตบหัวเด็กสาวเบาๆ อีกฝ่ายก็เรียก “เศษเสี้ยววิญญาณ” ลอยออกมาสถิตบนฝ่ามือ
วิญญาณคือสิ่งมีชีวิตที่ต้องใช้มานาในการสร้างกายเนื้อ ผู้มีความสามารถบางคนสามารถทำสัญญากับวิญญาณเพื่อใช้เวทมนตร์ได้ แต่วิธีการของเด็กสาวผู้นี้ต่างออกไป…
เด็กสาวสุนัข: งั่ม
พริสก้า: ไม่ว่าจะได้เห็นกี่ครั้งก็ยังแปลกตา “ผู้เสพวิญญาณ” เขมือบอาหาร ――อาราเคีย เจ้าทำตามคำสั่งได้ดีมาก
เด็กสาวนาม “อาราเคีย” โยนเศษเสี้ยววิญญาณเข้าปากแล้วเริ่มเคี้ยวแบบหน้าตาเฉย เธอมีความสามารถพิเศษในการช่วงชิงพลังของวิญญาณผ่านการกลืนกินแทนทำสัญญา
ตัวตนสุดพิเศษที่มีความสามารถเฉพาะทางหาใครเหมือนได้ยากนี้ทำให้พริสก้าประเมินค่าอาราเคียสูงเป็นพิเศษ
. อาราเคียเดินไปดูศพของเด็กสาวตัวตายตัวแทนที่นอนตายด้วยสีหน้าทรมาน พริสก้าก้มลงเพื่อปิดเปลือกตาของเด็กสาวเพื่อเปลี่ยนให้สีหน้าของเธอดูสงบขึ้น
พริสก้า: ใบหน้าของเจ้าถูกมองผิดว่าเป็นข้าพเจ้าในครั้งนี้ เจ้าไม่สมควรที่จะถูกใครเห็นในสีหน้าเช่นนั้น
อาราเคีย: เด็กสาวคนนี้… เป็นใครกัน?
พริสก้า: คนที่มีประโยชน์ต่อข้าพเจ้า อย่างน้อยเธอก็มีค่าเช่นนั้นกระมัง ข้าพเจ้าจะส่งเธอกลับไปให้ครอบครัวซึ่งจะได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสม รางวัลที่เหมาะสมแก่ผู้ที่แทนที่ข้าพเจ้าได้สำเร็จ
เมื่อพริสก้าลุกขึ้นยืน ความสนใจต่อเด็กสาวตัวตายตัวแทนก็เริ่มจางหายไปและหันเหไปสู่สิ่งอื่นต่อทันที
พริสก้า: ข้าพเจ้าให้ท่านพี่ช่วยเก็บกวาดน่าจะดี
. (อ่านต่อในพาร์ทหน้า)