
รูทตะกละพาร์ท 10 : พบกันอีกครั้ง
ออตโต้: ――อึก
โลหิตที่สาดกระจายไปบนฟ้าทำให้ออตโต้กัดฟันและความคิดในหัวพลุ่งพล่าน
เขาสาปแช่งความเย็นชาของตัวเองที่ยังสามารถประเมินสถานการณ์อย่างเยือกเย็นได้แม้ว่าคนที่เป็นเหมือนน้องชายพึ่งจะถูกระเบิดร่างไปต่อหน้า
ถึงสถานการณ์จะเสียเปรียบเช่นนี้ ออตโต้ก็ยังคงคิดหาทางหนีและเปิดใช้ [พรจิตวิญญาณแห่งถ้อยคำ] ของเขาเพื่อไขว่คว้าหาความหวังที่จะช่วยฝ่าฟันความยากลำบากไปได้อย่างทุกที
สุบารุ: เสียใจด้วยนะ น้ำท่วมขนาดนี้กระทั่งพวกหนูก็คงจมน้ำตายไปหมดแล้ว นายไม่เหลือใครให้สื่อสารด้วยแล้วล่ะ
เสียงเรียกนั้นดังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาในโลกที่เงียบงัน ออตโต้กลั้นหายใจชั่วขณะแล้วหันไปดูตามทิศที่เสียงดังมา
. ออตโต้: ――เปลี่ยนไปมากจนจำไม่ได้เลยนะครับ คุณนัตสึกิ
สุบารุ: งั้นเหรอ? ทางชั้นก็ไม่ได้เข้าใจตัวเองอะไรดีขนาดนั้นหรอกนะ…
ออตโต้: ถ้าไปส่องกระจกดูก็จะเข้าใจอย่างแจ่มชัดเองครับ อ้อ จริงด้วยสิ ตามที่คุณเอคิดน่าเธอเล่าไว้ คุณเสียความทรงจำไปนี่นา เพราะงั้นก็เลยไม่เข้าใจตัวเองเหรอครับ?
สุบารุ: ฮ่าฮ่า อาจจะใช่นะ ถ้าให้ขยายความ สมมติว่าตัวเองแตกต่างออกไปเสียทุกด้านชั้นก็คงจะตัดใจยอมแพ้ได้อยู่หรอกนะ…
อีกฝ่ายเกาแก้มไปพลางหัวเราะให้กับคำยั่วยุของออตโต้ จิตใจของออตโต้ตอนนี้มีทั้งความเยือกเย็นและความเดือดดาลผสมปนเปกัน
. เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรดี แต่สุดท้ายออตโต้ก็กำจัดความลังเลและตะโกนออกไป
ออตโต้: คุณน่ะคือ…
สุบารุ: ไม่ต้องบอกก็รู้ ชื่อของชั้นคือนัตสึกิ สุบารุ ยาจกยิ่งกว่าใครในใต้หล้าไงล่ะ
ออตโต้: …
สุบารุ: ได้ยินเรื่องของนายมาเยอะเลยล่ะ ชื่อเสียงโด่งดังเอาเรื่อง ในที่สุดเราก็ได้พบกันสักทีนะ ออตโต้
บุคคลที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนนัตสึกิ สุบารุฉีกยิ้มกว้างและเริ่มหัวเราะออกมาไม่หยุด
――ดวงตาข้างซ้ายไร้ประกายและมืดบอด เส้นผมกลายเป็นสีขาวไปหมดด้วยเหตุอะไรก็มิอาจทราบได้ เขาคนนี้ไม่ใช่นัตสึกิ สุบารุที่ออตโต้เคยรู้จักอีกแล้ว
. ตลอดการเดินทางตามหาความทรงจำมาปะติดปะต่อ ก็มีออตโต้เป็นคนแรกที่พูดประโยค “นายเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย” ออกมาตรงๆ สุบารุจึงถอนหายใจออกมาด้วยความไม่พอใจ
สุบารุ: พูดตามตรงนะ มันลำบากเอาเรื่องเลยล่ะ
ออตโต้: …เรื่องอะไรเหรอครับ?
สุบารุ: จุดประสงค์ของชั้นคืออะไรก็น่าจะได้ยินมาจากเอคิดน่าแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่ว่าความทรงจำหายไปชั้นเลยเสียสติแล้วออกอาละวาด… อะไรแบบนั้นน่ะ
ออตโต้: ถ้าเรื่องนั้นก็รู้สิครับ ทราบมาว่าคุณยึดติดกับการเอาความทรงจำคืนมาด้วย
สุบารุ: จำไม่เห็นได้เลยว่าเคยพูดแบบนั้นไปด้วย… เอาเหอะ ก็ถือว่าเดาได้ดี พวกนายทุกคนนี่มากความสามารถอย่างที่คิดเลย คนที่ไร้ความสามารถน่ะมีแค่ชั้นคนเดียวนี่แหละ
สุบารุพึมพำคำดูถูกตัวเองพลางเอามือลูบดวงตาข้างซ้าย
. ออตโต้: ขอถามได้ไหมว่าตาข้างนั้นเป็นอะไรไป?
สุบารุ: ตา…อ้อ ตาข้างซ้ายนี่เหรอ ก็แค่มองไม่ชัดนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่ตอนที่เกิดอาการ “ช็อคกิ้ง” ขึ้นมาก็ดันเอาหัวโขกมากไปหน่อยล่ะนะ ส่วนผมนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก อยู่ดีๆมันกลายเป็นแบบนี้เอง น่าขำเนอะ?
ออตโต้: ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า น่าขำจริงๆด้วย พอใจหรือยังครับ?
สุบารุ: ไม่ได้ใกล้เคียงเลย หนทางมันยังอีกยาวไกลกว่าที่ชั้นจะพอใจ ไกลมากจนรู้สึกสลดใจเลย
ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันแห้งๆ แรกเริ่มเดิมทีสุบารุกับออตโต้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เขารู้เรื่องนั้นผ่านสายตาของเอมิเลีย เบียทริซและคนอื่นๆในฝ่าย
. [เอมิเลีย: สุบารุกับออตโต้คุงนี่สนิทกันเหมือนทุกทีเลยนะ เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆเลยล่ะ]
[เบียทริซ: ก็นะ ปกติสุบารุก็แกล้งออตโต้เป็นประจำอยู่แล้ว ขนาดตอนนี้ก็รู้สึกว่าเรื่องนั้นจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่เลยล่ะนะ]
พอได้ฟังคำอธิบายของเอมิเลียกับเบียทริซจากด้านข้างของออตโต้ สุบารุก็พยักหน้าและเกริ่นนำว่า “เอาล่ะ”
สุบารุ: รอคอยที่จะได้ “พบกันอีกครั้งเป็นรอบแรก” กับนายมานานมากเลยล่ะ แต่ชั้นก็รู้ดีว่ายิ่งให้เวลากับไอ้เวรตะไลแบบนายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายขึ้นเท่านั้น โทษทีนะ แต่ขอจบเรื่องเลยละกัน