
รูทตะกละพาร์ท 2 : เสียงของผองเพื่อน
[เอมิเลีย: นี่สุบารุ น่าจะได้เวลาทานมื้อเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ?]
เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น นัตสึกิ สุบารุที่กำลังเดินอยู่บนถนนสายหลักก็หยุดลูบท้องตัวเอง เวลาเลยเที่ยงวันไปแล้วและเขาก็รู้สึกหิวจริงๆ
ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สังเกตก็เพราะว่าเขาเอาแต่ตั้งใจเดินบนถนนที่ยาวไม่จบสิ้น ถึงขนาดว่าแค่คิดถึงจุดหมายปลายทางก็ชวนให้หดหู่แล้ว
สุบารุ: การพักมันก็สำคัญจริงๆล่ะเนอะ โทษทีนะ เอมิเลียตันเหนื่อยหรือเปล่า?
[เอมิเลีย: ไม่หรอก ฉันสบายมากจ้ะ แต่ว่าสุบารุที่ต้องเดินตลอดทางนี่สิที่น่าห่วงมากกว่า ถ้านายไม่เป็นไรก็แล้วไปอยู่หรอก…]
สุบารุ: ไม่เลยๆ ท้องชั้นก็ร้องอยู่เหมือนกัน หิวจนไส้จะขาดเลยเนี่ย เฮ้อ เกือบไปแล้วๆ
[เอมิเลีย: จริงเหรอเนี่ย? แบบนั้นท่าทางจะอันตรายมากๆเลยนะ…]
พอได้ยินคำตอบเวอร์ๆของเขา เด็กสาวผมเงิน “เอมิเลีย” ก็วางมือป้องปากแล้วขำออกมาเบาๆ
หน้าตาของเธอนั้นงดงามที่สุดในโลก แถมเสียงของเธอยังไพเราะเหมือนกระดิ่งเงินอีก สุบารุอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มยามเธอโน้มเข้ามาใกล้
. [เบียทริซ: อย่าไปแกล้งเอมิเลียแบบนั้นสิ ถึงจะท้องร้อง “จ๊อกๆ” ขนาดไหนไส้มันก็ไม่ขาดขึ้นมาจริงๆหรอก]
สุบารุ: โอ๊ะโอ
และที่ข้างๆของทั้งคู่ก็มีเบียทริซที่กอดอกอยู่ด้วยท่าทางสำรวมอยู่ พอเธอเห็นสุบารุหรี่ตามองมา เด็กสาวในชุดเดรสสวยงามก็ขมวดคิ้วพลางกล่าวนำว่า “มีอะไรหรือไง?”
[เบียทริซ: หน้าแบบนั้นของสุบารุมันชวนให้รู้สึกแปลกๆ เป็นอะไรของนายหรือไง?]
สุบารุ: ตอนเธอพูดว่า “จ๊อกๆ” น่ะน่ารักชะมัดเลย ช่วยพูดอีกทีหน่อยสิ
[เบียทริซ: งื้ออออ บ้าบอ! ชอบสนใจเรื่องแปลกๆหรือไง!]
. สุบารุกับเอมิเลียมองตากันแล้วหัวเราะเบียทริซที่โมโหจนหน้าแดงจนเธอทำแก้มป่องยิ่งกว่าเดิม
ถึงจะอยากชมว่าเธอน่ารักแต่นั่นคงทำให้เบียทริซอารมณ์บูดกว่าเดิม สุบารุจึงพับแขนเสื้อขึ้นข้างหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ”
สุบารุ: ไหนๆเอมิเลียตันก็อุตส่าห์เป็นห่วงแล้ว งั้นก็มาทานมื้อเที่ยงกันเถอะ วันนี้ชั้นจะแสดงฝีมือให้ดูเอง อยากกินอะไรกันบ้างล่ะ?
[เอมิเลีย: อา ถ้างั้นฉันอยากให้ใช้มายองเนสจังเลย ดูสิ แรมน่าจะพึ่งทำมายองเนสใหม่พอดีใช่ไหมล่ะ?]
สุบารุ: คร้าบๆ ถ้าเป็นคำสั่งของเอมิเลียตันก็ยินดีอยู่แล้ว! โชคดีที่แรมทำสำรองไว้เพียบเลย ในที่สุดยัยนั่นก็เข้าถึงความยั่วยวนใจของมายองเนสสักที…
[แรม: ――รบกวนเลิกพูดจาโง่ๆ ทีเถอะ]
สุบารุ: อุหวา!?
ระหว่างที่สุบารุกำลังวางกระเป๋าลงเตรียมตั้งแคมป์พักข้างถนนหลัก ดวงตาสีชมพูก็จ้องลงมายังเขาจากข้างหลังด้วยสายตาไม่พอใจ หญิงสาวในชุดเมดยืนกอดแขนอย่างสง่าผ่าเผย
. สุบารุ: ทักทายกันแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเลยนะ แรม ขอพูดให้จบก่อนได้ไหมเนี่ย
[แรม: เหอะ! เลิกทำให้ขำทีค่ะ ที่แรมช่วยทำมายองเนสน่ะเพราะเป็นการรับคำสั่งตามหน้าที่หรอก คิดว่าแรมจะเชื่อมั่นในเครื่องปรุงรสที่สีขาวและรสเปรี้ยวแบบนั้นเหรอ? น่าขยะแขยง]
สุบารุ: น่าขยะแขยงก็เว่อร์ไป! ยังไงซะเธอก็คงจะปฏิเสธพลังทำลายของการทามายองเนสบนมันฝรั่งนึ่งไม่ได้หรอก! อย่ามาโกหกเรื่องรสชาตินั้นนะเฟ้ย!
มันฝรั่งอุ่นๆจากเตาที่ปรุงรสด้วยเกลือแล้วผสมมายองเนสลงไป มันคือรสชาติต้องห้ามจากสวรรค์ที่คนรักมายองเนสควรได้ลิ้มลองสักครั้ง
. ความเข้ากันได้ของมันฝรั่งกับมายองเนสนั้นทำให้สุบารุที่นึกถึงมันน้ำลายสอ เอมิเลียกับเบียทริซข้างๆเองก็ตาเป็นประกายราวกับว่ากำลังนึกภาพเดียวกันอยู่
สุบารุ: ดูการตอบรับจากนักชิมผู้น่ารักสองคนนี้สิ! เห็นแล้วยังกล้าสบประมาทมายองเนสอีกเหรอ!
[แรม: …นั่นสินะ บารุสุพูดถูก ความวิเศษของมันฝรั่งนึ่งก็คือการที่แม้แต่เครื่องปรุงประหลาดอย่างมายองเนสก็สามารถเพิ่มคุณค่าให้มันได้นี่แหละ]
สุบารุ: ไม่ใช่แบบนั้นสิเฟ้ย ตรงข้ามกันต่างหาก! ไม่สิ จะเรียกว่าตรงข้ามก็ไม่ถูก ท่านพี่ต่างหากล่ะที่ปากแข็งน่ะ!
สุดท้ายแรมก็ไม่ยอมพูดว่ามายองเนสนั้นสุดยอดกว่ามันฝรั่งนึ่งจนสุบารุได้แต่กำหมัดเขย่าไปมาให้กับความดื้อด้านนั้น เอมิเลียที่ยิ้มแห้งๆอยู่จึงได้สอดเข้ามาด้วยการเกริ่นนำว่า “เอาน่าๆ”
[เอมิเลีย: ใจเย็นนะสุบารุ ฉันน่ะชอบทั้งมายองเยส มันฝรั่งนึ่ง แล้วก็มันฝรั่งนึ่งราดมายองเนสด้วยจ้ะ อีกอย่างแรมเขาก็ปากไม่ค่อยตรงกับใจอย่างงี้แหละ]
[แรม: …ท่านเอมิเลีย รบกวนอย่าพูดเองเออเองแทนแรมอย่างนั้นสิคะ ที่ท่านเอมิเลียพูดเนี่ยมันจะทำให้อายุเป้าหมายของแรมน้อยลงเอานะคะ]
[เอมิเลีย: เอ๊ะ ขอโทษจ้า แต่ว่าอายุเป้าหมายนี่มันคืออะไรเหรอ…?]
ภาษาเข้าใจยากของแรมทำให้เอมิเลียงุนงง แต่ว่าทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันด้วยบรรยากาศหงุดหงิด ต่างฝ่ายต่างมีความรักใคร่และความเชื่อใจต่อกันที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เอมิเลียและแรมนั้นสนิทกันเกินกว่าเจ้านายและลูกน้องทั่วไป พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนแต่ก็ดีเลิศและดูเหมือนว่าจะมีเพียงสุบารุที่เข้าใจดี
. สุบารุ: ถึงจะรู้สึกไม่ดีต่อท่านพี่ แต่คำพูดของเอมิเลียตันนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด นั่นแหละคือสไตล์ของปาร์ตี้นี้แหละ ฉะนั้นมื้อเที่ยงวันนี้มากินมายองเนสเยอะๆ กันเถอะ!
[เอมิเลีย: เย้~ ดีจัง]
เอมิเลียปรบมือดีใจ ส่วนแรมก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ไม่ทักท้วงไปมากกว่านั้น ในฐานะมายองเลอร์สุบารุจะตัดสินอย่างไม่ลำเอียงเอง
สุบารุ: แน่นอนว่าเบียโกะที่รักมายองเนสเหมือนชั้นเองก็ดีใจใช่ไหมล่ะ?
[เบียทริซ: ปฏิเสธไม่ได้หรอก แต่ว่าที่พูดจาเหมือนมองออกทะลุปรุโปรงนี่น่าหงุดหงิดชะมัด ขอบอกเลยว่าทำให้เบตตี้หายโกรธไม่ง่ายแน่ เอาอาหารอร่อยๆมาชดเชยเรื่องนั้นซะ]
สุบารุ: หึหึ รับทราบครับผม
หลังโค้งคำนับคำขอของเบียทริซ สุบารุก็เริ่มเตรียมมื้ออาหาร พออยู่นอกสถานที่แบบนี้คงเตรียมอาหารอย่างประณีตไม่ได้ ถึงจะสามารถใช้เวทไฟกับเวทน้ำช่วยได้ระดับหนึ่งก็เถอะ แต่ว่า…
[เอมิเลีย: ขอโทษนะ สุบารุ ดันช่วยอะไรไม่ได้เลยแบบนี้]
สุบารุ: ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เวลาแบบนี้นี่แหละที่ชั้นจะได้แสดงความสามารถให้ดู จริงไหม? ที่จริงจะตกหลุมรักชั้นอีกครั้งเพราะความสร้างสรรค์อันน่าทึ่งนี้ก็ได้นะ
[เอมิเลีย: โธ่ ตาบ้าคนนี้นี่]
. หลังต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันสุบารุก็กลับมาสำรวจวัตถุดิบที่มีอยู่ในกระเป๋า อาหารคือพลังงานที่จำเป็นในแต่ละวัน เขาจึงจะเตรียมอาหารอร่อยๆ ให้เพื่อนร่วมทางทุกคนพอใจ
แค่ได้เห็นเพื่อนๆชื่นชอบอาหาร คนทำอย่างเขาก็มีความสุขแล้ว พอคิดเช่นนั้นสุบารุก็อยากย้อนไปบอกคุณแม่ของเขาว่าอาหารแต่ละมื้อของเธออร่อยขนาดไหน
[เอมิเลีย: ฮื้ม ฮืม ฮืม~ ]
สุบารุชำเลืองมองดูพวกเอมิเลียที่กำลังช่วยเตรียมอาหาร หนึ่งในนั้นฮัมเพลงออกมาด้วยแบบผิดคีย์
. [เมลี่: ตายจริง~ วันนี้เป็นคิวคุณพี่ชายทำอาหารเหรอค้า~ น่ากังวลนิดหน่อยนะเนี่ย~]
ตอนนั้นเองเมลี่ก็โผล่มาชำเลืองดูเขาด้วยสายตาแบบเกินอายุพลางใช้นิ้วลูบเปียผมสีน้ำเงินของเธอเล่น แต่สุบารุก็ขมวดคิ้วจ้องกลับมา
สุบารุ: น่ากังวลเหรอ กังวลอะไรกัน เด็กที่พูดจาแบบนั้นจะอดกินข้าวเอานะ
[เมลี่: ไม่เอาค่า แบบนั้นก็ทำเกินเหตุไปนะค้า~ อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไรคุณพี่ชายก็ราดมายองเนสหมดเลย จริงไหมล่า~? ฉันน่ะไม่ค่อยชอบอะไรแบบนั้นเลยล่ะน้า~]
สุบารุ: วะ…ว่าไงนะ? …นี่เธอเองก็เข้าไม่ถึงสเน่ห์ของมายองเนสเหมือนกันเหรอ!?
[เมลี่: ไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนโลกจะแตกแบบนั้นเลยนะค้า~]
เมลี่ได้แต่ถอนหายใจให้อาการตกใจแบบเว่อร์วังของสุบารุ
. [ยุลิอุส: ถึงยังไงแบบนั้นมันก็เกินไปหน่อยนะ คุณหญิงเมลี่เธอก็แค่ตามความพิเรนทร์ของนายที่ผสมมายองเนสเข้ากับวัตถุดิบทุกอย่างไม่ทันเท่านั้นเอง]
สุบารุ: อึก…
หนุ่มหล่อคนหนึ่งเดินอย่างสง่างามเข้ามาร่วมวงสนทนา ยุลิอุสนั่นเอง เขากล่าวเห็นด้วยกับเมลี่แล้วฉีกยิ้มใส่สุบารุ
[ยุลิอุส: ขอเสริมด้วยว่าฉันเองก็เห็นด้วยกับคุณหญิงเมลี่ ตัวมายองเนสน่ะมันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่พอเอาไปใส่เสียซะทุกอย่าง ความประทับใจแรกมันก็เสื่อมลงไปหมดเลย หัดระวังไว้หน่อยสิ]
สุบารุ: คนอะไรเหน็บแนมได้น่ารำคาญจริงน้า นี่มันเป็นเรื่องของชั้นกับเมลี่ ไม่ต้องเข้ามาสอดหรอกน่า
[ยุลิอุส: การรักษาบรรยากาศของกลุ่มให้ดีเองก็เป็นหน้าที่ของฉันในฐานะสมาชิกคนหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเมินเฉยเมล็ดพันธุ์แห่งความไม่ลงรอยกัน เดี๋ยวมันก็กลายเป็นดอกตูมแล้วบานสะพรั่งจนต้องมาเสียใจภายหลังพอดี หน้าที่ของฉันคือการแนะนำก่อนที่มันจะกลายเป็นแบบนั้น แต่นายดันตอบรับแบบนั้นเนี่ยนะ?]
สุบารุ: ต่อให้ชั้นจะพูดอะไรก็รู้วิธีตอกกลับไปหมดเลยนะ เอ็งเนี่ย!
ยุลิอุสจี้จุดความคิดตื้นเขินของสุบารุด้วยการพูดแบบอ้อมค้อมจนอีกฝ่ายหงุดหงิด เอมิเลียที่มองดูสองหนุ่มอยู่ก็หลุดหัวเราะดัง “หุหุ” ออกมา
สุบารุ: เอมิเลียตัน?
[เอมิเลีย: สุบารุกับยุลิอุสนี่สนิทกันมากๆเหมือนเคยเลยนะ]
พอเห็นเอมิเลียยิ้มพอใจสุบารุก็ไหล่ตก ส่วนยุลิอุสเองก็หลับตาลงแล้วลูบผมหน้าม้าตัวเองเล่น
มีแค่ไทม์มิ่งนี้แหละที่สองหนุ่มดูใจเห็นตรงกัน ต่างจากเอมิเลียที่มองว่าสุบารุกับยุลิอุสสนิทกันดีผ่านดวงตาสีม่วงครามคู่นั้น
. สุบารุ: คือว่านะ เอมิเลียตัน ถึงจะพูดงี้ประจำเลยก็เถอะ แต่แบบว่านั่น…
[เอมิเลีย: แบบว่าอะไรเหรอ?]
“นั่นเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว” คือสิ่งสุบารุพยามจะบอกเอมิเลียที่เอียงคอสงสัย
สุบารุ: แบบว่า…
[เอมิเลีย: ――――]
แต่พอสุบารุปากแข็งจนคำพูดไม่ออกมาเอมิเลียที่ยิ้มอยู่ก็หยุดเคลื่อนไหว และไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น เหล่าเพื่อนทุกคนที่กำลังช่วยทำอาหารหรือพูดคุยอยู่หยุดนิ่งไม่ไหวติง
――ราวกับว่าเวลาของโลกได้หยุดลงเพื่อรอคำพูดต่อไปของสุบารุ
. แต่สายลมก็ยังพัดผ่าน พืชพันธุ์เขียวขจีก็ยังส่งกลิ่น แถมน้ำที่ต้มก็ยังเดือดปุดๆ อยู่
――ห้วงเวลาไม่ได้หยุดลง มีแต่เพียงพวกเอมิเลียที่หยุดนิ่งไป เหมือนกับว่าสุบารุกำลังรอให้อิมเมจของพวกเธอตามเขาทันและปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ชอล่า: ท่านอาจารย์ค้า~! ไปดูทางข้างหน้ามาเรียบร้อยแล้วค่า~!
ตอนนั้นเองบุคคลภายนอกก็โผล่เข้ามาในโลกที่เงียบงัน คนนอกที่ว่ากระโจนเข้าหาสุบารุที่กำลังนั่งก่อไฟอยู่บนหินก้อนใหญ่อย่างกระตือรือร้น
ชอล่า: ชอล่ากลับมาแล้วค่า! ท่านอาจารย์คะ ขอคำชม ขออ้อมกอดและขอความรักให้เค้าหน่อยสิคะ!
สาวงามร่างสูงคนหนึ่งหันมาทางสุบารุและกล่าวเช่นนั้น เธอแต่งกายแบบเปิดโชว์ผิวขาวเนียนและส่วนเว้าโค้งแบบไม่เขินอาย ผมยาวสีน้ำตาลถูกมัดรวบไว้และมีรอยยิ้มประดับใบหน้าไร้กังวล ――เธอคือ “ชอล่า” นั่นเอง
. สุบารุ: …
แต่การที่ชอล่าเสนอหน้าเข้ามาก็ทำให้เอมิเลียที่กำลังยิ้มอยู่และเพื่อนๆคนอื่นที่หยุดนิ่งสลายหายไป สุบารุจึงขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
ชอล่า: อะ…เอ๋? มะ…มีอะไรหรือเปล่าคะ ท่านอาจารย์? นี่หรือว่าเค้าทำอะไรพลาดไปอีกแล้วเหรอคะ?
สุบารุ: …เปล่า ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงเลย ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก
ชอล่า: งั้นเหรอคะ? ถ้างั้นก็หมดห่วงแล้วค่า! อ๊ะ นี่ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์กำลังเตรียมอาหารอยู่สินะคะ! ท้องเค้าร้องจ๊อกๆอยู่เลยค่า~
หลังทำหน้ากังวลอยู่ครู่เดียว พอสุบารุเปลี่ยนใจชอล่าก็เข้ามาโอบกอดเขา หลังสัมผัสที่นุ่มนวลจากร่างเธอดันเข้าใส่ข้อศอกและไหล่ สุบารุก็สะบัดเธอทิ้งพลางกล่าวว่า “เฮ้ ปล่อยนะ”
ชอล่า: อ๊า! ท่านอาจารย์ใจร้ายจังเลย… แต่ว่าแค่นี้เค้าไม่ท้อใจหรอก จะคอยเล็งจู่โจมอยู่แบบนั้นจนได้ทั้งฮาร์ต(หัวใจ) ดวงจิตและสัญชาตญาณความเป็นชายของท่านอาจารย์มาครองเลยค่า
สุบารุ: ว่าไงดี เหมือนว่าเธอเล็งมาแต่ตรงกลางเลยนะ… แล้วก็อย่ามาจับแขนคนอื่นเขาตอนที่ทำกับข้าวอยู่สิ ถ้าแขนโดนบาดหรือไหม้ขึ้นมาจะทำยังไง?
ชอล่า: ถ้าเป็นแบบนั้น เค้าก็จะเลียส่วนที่เป็นแผลอย่างอ่อนโยนให้เองนะค้า! เลียแบบทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมปล่อยเลยค่า!
สุบารุ: ทำแบบนั้นไปก็คงไม่หายบวมอยู่ดี…
. เมื่อเห็นเธอชูแขนอย่างฮึกเหิม สุบารุก็ยักไหล่และหัวเราะออกมาเบาๆ พอเห็นการตอบรับนั้นชอล่าก็ขมวดคิ้วแล้วตะโกนขึ้นว่า “นั่นนั่น!”
ชอล่า: ตะกี้นี้ท่านอาจารย์หัวเราะเหรอคะ? มีอะไรน่าตลกงั้นเหรอคะ?
สุบารุ: ที่ตลกน่ะมันก็เธอนั่นแหละ เธอไง
ชอล่า: เอ๊ะ นั่นคือโพรโพซอล(การขอแต่งงาน)เหรอคะ…!?
สุบารุ : จะไปใช่ได้ไงเล่า!?
คุยไปคุยมาไปโผล่ประเด็นนั้นได้ไงก็ไม่ทราบ สุบารุใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของชอล่าที่แก้มแดงเรื่อเป็นการปฏิเสธและคัดค้าน เธอจึงส่งเสียงโอดโอยออกมาว่า “งื้อ~”
ชอล่า: ก็ปกติแล้วประโยค “เธอนี่เป็นผู้หญิงที่ตลกดีนะ” เนี่ยมันเป็นอะไรที่ชายหญิงที่ตกหลุมรักเค้าพูดกันไม่ใช่เหรอคะ! ที่จริงควรจะพูดต่อว่า “มาเป็นผู้หญิงของชั้นซะ” ไม่ใช่เหรอค้า!?
สุบารุ: ถามจริงนะ นี่เธอไปได้ความรู้แบบลำเอียงพวกนี้มาจากไหนเนี่ย? แพทเทิร์นแบบนั้นน่ะมันเก่าจนขนาดที่บ้านเกิดชั้นยังแทบไม่ใช้กันแล้วเลย…
. ถ้าเป็นกับตัวละครชายในมังงะโชโจกับเกมจีบหนุ่มก็อาจจะมีอีเว้นต์แบบนั้นเกิดขึ้นได้ แต่สุบารุก็ไม่ได้ขำออกมาเพราะกะจะอ่อยเธอ เขาก็แค่คิดว่าการตอบรับของชอล่านั้น――
สุบารุ: ――เรื่องที่เธอพูดเนี่ยมันทั้งเดาทางยากและแปลกใหม่
ชอล่า: …
สุบารุ: เพราะงั้นการพูดคุยกับเธอเนี่ยมันก็แบบว่า… มันก็ไม่เลวเลยนะ เรื่องนั้นไม่ผิดแน่นอน
เวลาที่พูดคุยกับเพื่อนคนอื่น สุบารุมักจะถูกย้ำเตือนถึงความไม่สมบูรณ์ของตัวเขาเอง แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของใครนอกจากตัวสุบารุเอง
สุบารุ: คนที่ผิดน่ะ…มันคือชั้นเสมอ เพราะงั้น…
ชอล่า: หรือก็คือ รอบนี้แหละคือเวลาแห่งการโพรโพสซอล(ขอแต่งงาน)สินะคะ!
สุบารุ: ไม่ใช่เฟ้ย!
อารมณ์ตึงเครียดถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ชอล่ากระดิกแขนขาไปมาและเกริ่นขึ้นว่า “เอ~”
ชอล่า: แต่ๆ “คนที่เข้ามาปัดเป่าช่วงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายทิ้งให้ชั้นก็คือคุณ” เนี่ยน่ะมันคือการขอแต่งตามหลักการเป๊ะๆเลย ไม่จริงเหรอค้า~
สุบารุ: บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ ข้อมูลลำเอียงแบบนั้นเธอไปได้ฟังมาจากที่ไหนล่ะเนี่ย…?
สุบารุเลิกเสวนาประเด็นจริงจังกับชอล่าแล้วกลับมามุ่งเน้นทำอาหารต่อ อาหารที่เตรียมไว้ให้สำหรับสองคน
“สุบารุและชอล่า” ไม่ได้เตรียมไว้ให้เอมิเลีย เบียทริซ แรม เมลี่และยุลิอุสที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนหน้านี้เลย
――ความจริงนั้นทำให้อกของสุบารุรู้สึกปวดร้าวขึ้นมา