re zero IF-TSUGIHAGU แปลไทย

รูทตะกละพาร์ท 3 : คนรู้จัก

ความรู้สึกว่าตัวเองไม่สมบูรณ์นั้นคอยกัดกินประสาทของเขาอยู่เรื่อยมา แน่นอนว่ามันไม่ใช่เมนทอลลิตี้(สุขภาพจิต)ที่ดี แต่สภาพจิตใจและดวงวิญญาณของนัตสึกิ สุบารุตอนนี้ก็อยู่ในสภาพหลุดลุ่ยเช่นนั้น

ชอล่า: ท่านอาจารย์คะๆ นี่เราจะไปที่ไหนกันต่อเหรอคะ?

สุบารุ: นั่นสินะ…

ชอล่าที่เดินอยู่ข้างเขาฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี สุบารุจึงคิดไปพลางมองดูถนนด้านหน้า

[แรม: ตอนนี้เราควรไปทางตะวันตกก่อนไม่ใช่เหรอ? กำลังหาถิ่นฐานที่มีผู้คนอยู่ใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าอยากออกห่างผู้คนก็ให้เลี้ยวขวา แล้วจากนั้นก็โดดลงไปในน้ำตกใหญ่ได้เลย]

สุบารุ: ท่านพี่ให้คำแนะนำซะสยองเชียวนะครับ… ขอรับไว้แค่ความรู้สึกก็แล้วกัน

ถึงจะให้แอดไวซ์(คำแนะนำ)ดีๆ แต่ก็ไม่พลาดที่จะจิกกัดสมกับเป็นแรม สุบารุตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางตะวันตกตามเธอว่า

. สุบารุ: ชั้นจะไปทางตะวันตกต่อนะ… แต่ว่าเธอล่ะจะเอายังไงต่อ?

ชอล่า: เอ๊ะ? เค้าก็ต้องคอยติดตามเคียงข้างท่านอาจารย์อยู่แล้วสิคะ? เราต้องแยกห่างกันมาตั้งนานขนาดนั้น แค่ออกห่างท่านอาจารย์สักวินาทีเดียวก็ทำใจยากแล้วค่ะ ช่วยดูแลชอล่าคนนี้ที่จะคอยเฝ้าดูคุณตั้งแต่อรุณสวัสดิ์จนถึงอรุณสวัสดิ์ทีนะคะ

สุบารุ: ตั้งแต่อรุณสวัสดิ์จนถึงอรุณสวัสดิ์เหรอ…สยองเฟ้ย! แบบนั้นมันก็ทั้งวันเลยไม่ใช่เรอะ!

ชอล่า: ทุกวันและทุกคืนด้วยค่า

พอได้ยินคำเตือนล่วงหน้าแบบฉบับสต็อกเกอร์ที่ดุดันเช่นนั้น สุบารุก็สั่นกลัวจนทำหน้าเหยเก

สุบารุที่จมอยู่ในความรู้สึกผิดจนหมองหม่นกับชอล่าที่ทำตัวเปิดเผยไม่มียั้ง ความเป็นไมนัส(ขั้วลบ)และพลัส(ขั้วบวก)ของทั้งสองช่วยทำให้เกิดความสมดุลในเทนชั่น(ความตึงเครียด)

. ถึงสุบารุจะรู้สึกว่าเขาได้พฤติกรรมของชอล่าช่วยไว้ไม่น้อย แต่ทางชอล่าไม่น่าจะได้รับเมอริต(ผลประโยชน์)อะไรจากการติดตามเขามาแท้ๆ

ชอล่า: ขอแค่ท่านอาจารย์ยังเป็นท่านอาจารย์คนเดิม แค่นั้นก็ดีที่สุดสำหรับเค้าแล้วนะคะ

สุบารุ: …ให้ตายสิ หยั่งไม่ถึงเลยน้า นี่เธอตั้งใจจะติดตามกันไปตลอดเลยจริงๆเหรอเนี่ย?

ชอล่า: แน่นอนค่า! “จนกว่าความตายจะพรากสองเราจากกัน” ไงคะ! จะปล่อยให้ความรักที่เก็บฟูมฟักมาระหว่างที่เราแยกห่างกันเสียเปล่าไม่ได้หรอกค่า~ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะไม่ขอออกห่างท่านอาจารย์ค่ะ เค้ายอมให้มีลูกด้วยกันจนตั้งเป็นทีมเบสบอลเลยก็ได้นะคะ

สุบารุ: อย่าขว้างลูกเร็วเรื่อยเปื่อยจนชวนขนลุกแบบนั้นสิเธอ…

ชอล่ายืดอกโชว์ส่วนเว้าโค้งที่มีอยู่มากและมองมายังเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย สุบารุได้แต่เอามือกุมหน้าด้วยความรู้สึกสับสนในใจ

มันก็ออกจะบอกยากว่าการแสดงออกตรงๆของชอล่านี่เป็นการอ่อยหรือเปล่า แต่ทางสุบารุก็ไม่ได้ไม่ชอบขนาดนั้น ถ้าตัดความประหลาดของเธอออกไปชอล่าก็เป็นสาวสวยทรงสเน่ห์คนหนึ่ง

แต่ที่นัตสึกิ สุบารุไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยวนของชอล่าก็เป็นเพราะว่าตัวเขาในตอนนี้ขาดอารมณ์ที่สมบูรณ์อย่างมนุษย์ปกติทั่วไป

. [เอมิเลีย: สุบารุน่าจะทำตัวดีกับชอล่ากว่านี้หน่อยนะ เธออุตส่าห์ทุ่มเทขนาดนั้น น่าสงสารออก]

ตอนนั้นเองเสียงกระดิ่งเงินของเอมิเลียก็ดังมาจากด้านข้าง สุบารุหลับตาลงข้างหนึ่งต่อหน้าเอมิเลียที่กำลังทำแก้มป่องอย่างน่ารักน่าชัง

สุบารุ: …ถึงเอมิเลียตันจะพูดงั้นก็เถอะ แต่นั่นก็แรงไปหน่อยไหม? ก็นึกว่าเอมิเลียตันจะเข้าใจดีว่าชั้นรู้สึกยังไง

[เอมิเลีย: อืม… นั่น…สินะ คงงั้นแหละ ขอโทษทีจ้า แน่นอนว่าฉันเองก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่า ถ้ามัวแต่ยึดติดไปตลอดมันก็ไม่ดีนะ ก็ในเมื่อ…]

สุบารุ: ก็ในเมื่ออะไรเหรอ?

[เอมิเลีย: ก็ในเมื่อฉันน่ะไม่อยู่แล้――]

ถึงเขาจะไม่อยากได้ยินเธอพูดต่อ แต่การขัดเอมิเลียพูดก็ไม่ต่างจากการขัดประกาศิตของพระเจ้าสำหรับสุบารุ

. สุบารุ: โอ๊ะโอ

แต่กระนั้นแล้วก็มีปัจจัยภายนอกมาช่วยขัดให้แทน เสียงของล้อที่ใกล้เข้ามาจากทางถนนหลักเตือนให้สุบารุรู้ว่ามีรถลากมังกรกำลังวิ่งมาหา เขาจึงรีบดึงแขนชอล่าให้ทั้งเขาและเธอพ้นจากเส้นทางวิ่งของรถลาก

ชอล่า: ว้าย ท่านอาจารย์รุกหนักจัง…

สุบารุ: ออกไปเลย

ชอล่าฉวยโอกาสเข้ามากอด สุบารุจึงสะบัดเธอออกไปจนชอล่าเข้าไปชนกับต้นไม้ใกล้ๆและร้องดัง “อ๊า~” ขึ้นมา ระหว่างที่ชอล่าจมูกแดงบวมอยู่ สุบารุก็รอให้รถลากมังกรขับเลยไป

. เรกิน: หืม?

แต่แล้วรถลากมังกรก็หยุดจอดเลยหน้าพวกสุบารุไปหน่อย ถึงตอนนี้จะยังกลางวันแสกๆแต่ถนนเส้นนี้ก็เปล่าเปลี่ยวจนสุบารุต้องเพิ่มความระแวดระวังขึ้น เขาคิดว่าอาจจะกำลังเจอเข้ากับกลุ่มโจร

เรกิน: ――นั่นใช่คุณนัตสึกิ สุบารุหรือเปล่าครับ?

เสียงเรียกชื่อจากชายหนุ่มร่างสูงที่อายุใกล้เคียงสุบารุทำให้เขาผ่อนความตื่นตัวลง

ชายหนุ่มที่ลงมาจากที่นั่งคนขับและตรงเข้ามาหาสุบารุมีผมสีเทามัดรวบเป็นหางม้า ถึงหน้าตาจะอ่อนโยนแต่ร่างกายก็กำยำพอสมควรเหมือนเป็นคนที่ทำงานที่ต้องใช้แรงงานระดับหนึ่ง

. สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสุบารุก็คือชายหนุ่มคนนี้จำหน้าเขาได้และรู้จักชื่อของเขา

เรกิน: อา ใช่คุณนัตสึกิจริงๆด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ

สุบารุ: อา เอ่อคือ…

เขาทักทายอย่างคุ้นเคยเหมือนเป็นคนรู้จัก แต่ก็ดูท่าจะไม่ได้สนิทกันนัก สุบารุพยามมองขอความช่วยเหลือ แต่ทั้งเอมิเลีย เบียทริซและคนอื่นๆต่างก็ส่ายหัวเหมือนไม่รู้จักชายหนุ่ม

สุบารุก็อยากใช้วิชาประจำตัว “เนียนคุยไปเหมือนว่ารู้จัก” อยู่หรอก แต่มันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำแบบนั้นไม่ได้

พอเห็นสุบารุทำท่าทางสับสน ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

เรกิน: โอ๊ะ อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้เหรอครับ? นี่ผมเองครับ “เรกิน ซูเวน” น่ะ… พี่ชายผม “ออตโต้ ซูเวน” คอยช่วยเหลือคุณอยู่ เราเคยเจอกันที่หมู่บ้านมาแล้วครั้งนึงไงครับ

สุบารุ: เรกินเหรอ… อ้อ น้องของออตโต้คนนั้นนี่เอง!

เรกิน: เรียกว่า “ออตโต้คนนั้น” นี่มันเหมือนว่าเป็นเรื่องของคนอื่นคนไกลเลยนะครับ

. สุบารุฝืนยิ้มและตบมือเหมือนนึกออกต่อหน้าเรกินที่เขาจำไม่ได้ แต่อย่างน้อยสุบารุก็รู้จักออตโต้ผู้ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับเรกินสมกับที่เป็นพี่น้องกันเลย

สุบารุ: โทษทีๆ ไทม์มิ่งที่นายทักเมื่อกี้มันเป็นตอนที่กำลังมีเรื่องให้คิดเต็มหัวอยู่พอดี ก็เลยนึกชื่อไม่ออกทันที อะไรประมาณนั้นน่ะ

เรกิน: ไม่เป็นไรครับ คุณมีตำแหน่งที่งานยุ่งขนาดนั้นมันก็ช่วยไม่ได้หรอก ข่าวคราวเรื่องการคัดสรรกษัตริย์เนี่ยมันดังมาถึงหูผมที่อยู่แถวบ้านนอกด้วยซ้ำ …พี่ชายคงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ใช่ไหมครับ?

[เอมิเลีย: ออตโต้คุงสร้างปัญหาให้เหรอ…เหลือเชื่อไปเลยนะ ทางพวกเราทุกคนนี่แหละที่เป็นฝ่ายได้ออตโต้คุงช่วยไว้หลายเรื่องเลย]

สุบารุ: นั่นสินะ ออตโต้ช่วยฝ่ายเราไว้เยอะเลย… ตามนั้นแหละ ถ้าขาดหมอนั่นไป อะไรๆมันคงไม่เข้าที่เข้าทางมากกว่านี้

เรกิน: งั้น…เหรอครับ ถ้างั้นก็ดีแล้วแหละครับ…

. ถึงจะดูลังเลเล็กน้อยแต่เรกินก็โล่งใจที่ได้รู้สถานะปัจจุบันของพี่ชาย เขาชำเลืองมองสุบารุสลับกับชอล่าที่ยืนอยู่ห่างๆก่อนจะกล่าวต่อ

เรกิน: จะว่าไปแล้วคุณนัตสึกิมาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ? มาเดินถนนหลักโดยไม่มีรถลากมังกรแบบนี้มันคงจะลำบากลำบนน่าดูนะครับ

สุบารุ: อา ก็ถูกของนายนะ ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็อยากใช้รถลากมังกรอยู่เหมือนกัน แต่มันทำแบบนั้นไม่ได้ง่ายๆด้วยหลายๆเหตุผลล่ะนะ ส่วนที่นายถามว่าชั้นกำลังทำอะไรอยู่นี่ก็…

สุบารุหยุดคิดสักครู่เพื่อหาคำที่เหมาะสมมาตอบ

สุบารุ: ตัวชั้นในตอนนี้กำลังทบทวนตัวเองใหม่อยู่… เรียกว่าเป็น “การเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง” ก็คงได้

เรกิน: การเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง…เหรอครับ?

สุบารุ: อื้ม ใช่แล้วล่ะ การเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง… ฮุ ฮ่าฮ่าฮ่า

สุบารุขำให้กับคำพูดของเขาเอง “การค้นหาตัวเอง” นี่มันเป็นประโยคที่วัยรุ่นใช้กันเป็นปกติก็จริง แต่คงไม่มีคำไหนเข้ากันกับสุบารุในตอนนี้ไปมากกว่าคำนั้นแล้ว

. เรกินรู้สึกว่าสุบารุมีท่าทางแปลกๆเลยถามขึ้นมาว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เพื่อแสดงความห่วงใย

เรกิน: นี่หรือว่าจะไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ? ทีแรกก็นึกว่านั่นคือสาเหตุที่ทำให้คุณนัตสึกิจำผมไม่ได้ในทันที แต่ผมก็มักจะโดนจำผิดอยู่บ่อยๆเหมือนกันล่ะนะ…

สุบารุ: ร่างกายชั้นปกติดีจริงๆนะ แต่ถ้าเป็นด้านอารมณ์ก็คงจะหวิดแย่สุดๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็ผ่านมาได้เพราะเรกินนี่แหละ โล่งใจจริงๆที่ได้เจอกับนายที่นี่

สุบารุโค้งคำนับแสดงความขอบคุณจนเรกินรู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิม แต่มันก็ทำให้เรกินมั่นใจมากขึ้นว่าสุบารุมีอาการแปลกๆ เขาจึงแสดงสีหน้าจริงจังออกมาและกล่าวเรียกสุบารุว่า “คุณนัตสึกิ”

เรกิน: ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์หรอกนะ แต่รบกวนช่วยมาที่หมู่บ้านด้วยกันหน่อยครับ ไว้ไปคุยอย่างละเอียดที่คลินิกของผมละกัน คุณน่าจะควรได้พักหน่อยนะครับ

สุบารุ: พูดจาเหมือนเป็นหมอเลยนะนั่น?

เรกิน: ถึงคนไข้ของผมจะเป็นมกรดินกับพวกปศุสัตว์ก็เถอะ แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นหมออยู่นะครับ เรื่องนั้นก็จำไม่ได้เหมือนกันเหรอครับ?

สุบารุ: ――จำไม่ได้ อ้อ จริงด้วยนะ จำไม่ได้…งั้นเหรอ?

เรกิน: คุณนัตสึกิ?

. ถ้าเขาแค่ลืมเลือนไป นัตสึกิ สุบารุคงไม่ต้องมารู้สึกทุกข์ทรมานเพราะความเดียวดายเช่นนี้

สุบารุ: หมู่บ้านของนายอยู่ข้างหน้านี้ใช่ไหม? ชั้นเคยแวะไปด้วยหรือเปล่า?

เรกิน: อะ…อื้ม เคยสิครับ ตอนที่เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยก่อนหน้านี้ คุณกับพี่ชายผมแล้วก็อีกคนหนึ่งไปที่นั่นด้วยกัน…

สุบารุ: ――เข้าใจล่ะ ขอบใจนะ

พอได้ฟังเรื่องที่อยากรู้พอประมาณแล้ว สุบารุก็หันไปหาเรกินที่มีสีหน้าหวาดหวั่นและกล่าวต่อ

สุบารุ: นายกับพี่ชายนี่พูดจาคล้ายๆ กันเลยนะ

เรกิน: เอ๊ะ?

สุบารุ: นายน่ะเป็นคนดีนะ พี่ชายของนายก็ดูท่าจะเป็นคนดีเหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้ “การพบกันอีกครั้ง” ระหว่างทั้งคู่จึงเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นจนไม่อยากคิดถึงเท่าไหร่

. สุบารุ: ――ชอล่า

ชอล่า: ค่า มีอะไรเหรอคะ ท่านอาจารย์?

สุบารุ: อย่าทำให้เขาเจ็บล่ะ

มันเป็นคำสั่งที่สั้นและกำกวม แต่ชอล่าที่เดาใจเขาออกก็พยักหน้าและกล่าวขึ้นว่า “อะราโฮร่าซัสซ่า!” (Ref ถึง Yatterman คู่แฝดอภินิหาร)

สุบารุ: ขอโทษด้วยนะ

ก่อนที่เรกินจะทันได้เข้าใจความหมายของคำขอโทษนั้น ศีรษะของเขาก็ถูกกระสุนแสงเจาะจนระเหิดหายไป

ร่างไร้หัวของเรกินล้มลงบนถนนโดยไม่มีเสียงร้องและไม่มีเลือดไหลสักหยด เรียกได้ว่าเป็นฝีมือการสังหารที่น่าชมเชย

สุบารุ จะเห็นกี่ครั้งก็ยังรู้สึกทึ่งทุกรอบเลยแฮะ

ชอล่า: ก็เพราะอยู่มาตั้ง 400 ปีโดยไม่มีอะไรทำ เลยได้ขัดเกลาทักษะการสไนป์(ซุ่มยิง)สัตว์อสูรจากบนยอดหอคอยวันแล้ววันเล่านี่แหละค่า พอลองมาคิดดูตอนนี้แล้ว วันเวลาแสนน่าเบื่อพวกนั้นมันไม่เหมาะกับหญิงสาววัยออกเรือนเลยว่าไหมคะ?

สุบารุ: หญิงสาววัยออกเรือนอะไรอยู่มาตั้ง 400 ปีแล้ว…?

. ทั้งสองสนทนาเรื่อยเปื่อยไปพลางลากศพไร้หัวของเรกิน แต่พอพวกสุบารุเดินเข้าไปใกล้รถลากมังกร มังกรดินของเรกินก็เริ่มวิ่งหนีไปตามถนนหลัก

กระสุนลำแสงพุ่งผ่านสุบารุไปทันที มันเจาะทะลุร่างของมังกรดิน เผาทำลายอวัยวะภายใน และทะลุออกส่วนหัวจนดับชีวิตมันลงในที่สุด

ถึงจะเป็นการยิงสังหารที่งดงามแต่เขากลับไม่ได้ต้องการเช่นนั้น

สุบารุ: …เฮ้ยนี่

ชอล่า: มะ…ไม่ได้แค้นเคืองอะไรนะคะ! แค่ป้องกันตัวเองค่า! เค้าก็แค่พยามจะหยุดมันเองนะคะ! พอดีว่านิสัยจากความเป็นคิลลิ่งแมชชีน(เครื่องจักรสังหาร)มันแก้ยากน่ะค่ะ!

สุบารุ: ไม่ได้โกรธเฟ้ย ถึงจะไม่ได้โกรธแต่แบบนี้เราคงหารถลากมังกรมาใช้ไม่ได้อีกแล้ว ทีนี้เมื่อไหร่เราถึงจะได้พัฒนาจากการเดินเท้าสักทีเนี่ย…?

. พอเอาชอล่ามาด้วยมันก็เหมือนกับว่าเขาหมดสิทธิ์ที่จะได้นั่งรถลากมังกรและต้องเดินเท้าไปตลอดทางแล้ว

ชอล่า: เคย-บอก-แล้ว-นี่ อย่างที่พูดเป็นประจำไงคะ ถึงจะไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ถ้าเป็นท่านอาจารย์เค้าก็จะยอมให้ขี่หลังเสมอค่า~ แล้วตอนนั้นเนี่ยต่อให้โดนจับที่แปลกๆเค้าก็ไม่ว่าหรอกนะค้า! สนใจลองหรือเปล่าคะ!?

สุบารุ: ฟังดูแล้วเหมือนจะโดนขอค่าชดเชยคืนทีหลังเลยแฮะ

สุบารุปฏิเสธชอล่าสั้นๆแล้วลากศพของเรกินไปใส่ไว้ในรถลากมังกรไว้ก่อน แน่นอนว่าตัวเขาเองเคลื่อนย้ายมันไม่ไหว

. สุบารุ: ก่อนอื่นก็ลากเอามังกรดินกับรถลากไปซ่อนไว้ในป่าใกล้ๆก่อนแล้วกัน ส่วนชั้นจะลองไปที่หมู่บ้านที่เรกินพูดถึงดู ――รู้ใช่ไหมว่าจะหาชั้นได้ที่ไหน?

ชอล่า: งานหมูๆ ค่า ให้ซ่อนไว้แบบไม่มีทางหาเจอเลยไหมคะ?

สุบารุ: เอาแค่ให้หาไม่เจอสักพักหนึ่งก็พอแล้ว ถ้าซ่อนไว้ได้สักสองสามวันก็น่าจะเหมาะดี

ชอล่ายกมือทำวันทยหัตถ์รับคำสั่งแล้วใช้แขนเรียวบางยกทั้งซากมังกรดินและรถลากขึ้นมาชิวๆ พอเห็นเธอเดินหายเข้าไปในป่าพร้อมรถลาก สุบารุก็มองไปทางหมู่บ้าน

สุบารุ: เอาล่ะ

เขาเริ่มออกเดินไปยังหมู่บ้านของเรกินโดยมีเป้าหมายในใจว่า “ในหมู่บ้านนั้นจะมีกี่คนที่รู้จัก [นัตสึกิ สุบารุ]?”

จะมากหรือน้อยหัวใจของเขาก็รู้สึกหนักหน่วง แต่ถ้าเขาหลีกเลี่ยงเส้นทางที่โหดร้ายนี้ เขาก็จะไม่มีวันเลือกเดินถูกทาง มันคือทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

――ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเอา [นัตสึกิ สุบารุ] คืนมาได้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง

สุบารุ: แค่เอาเขาคืนมาได้ ทุกอย่างก็จะดีเองใช่ไหม?

เพื่อการนั้นแล้วสุบารุจะยอมเลือกทางที่ [นัตสึกิ สุบารุ] ไม่อาจเลือกเดินได้เอง