re zero IF-TSUGIHAGU แปลไทย

รูทตะกละพาร์ท 6 : ข่าวร้ายที่กลับมาสู่พริสเทล่า

. เอคิดน่า: ――นัตสึกิ สุบารุกลายเป็นบ้าและลงมือฆ่าเอมิเลีย ยุลิอุสกับคนอื่นๆ ที่ติดตามเขาไปหมดแล้ว ตัวฉันเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็หนีมาถึงที่นี่ได้ไงไม่รู้เหมือนกัน

รายงานจากอนาสตาเซีย(?)ทำให้ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ถึงกับขมวดคิ้ว

เอคิดน่า: เข้าใจดีว่ามันคงทำใจเชื่อได้ยากสำหรับพวกนาย ตัวฉันเองก็ปวดใจมากเหมือนกันที่ต้องกลับมารายงานเรื่องนี้ แต่ถ้าคำนึงถึงความอันตรายของเขาแล้ว พวกเราจะมัวมาหนีความจริงไม่ได้นะ

ไรน์ฮาร์ต: ท่านอนาสตาเซียขอรับ ต่อให้ท่านจะกล่าวเช่นนั้นก็เถอะ…

เอคิดน่า: ――ตัวฉันน่ะคือเอคิดน่า กระทั่งตอนนี้เองอานาก็ยังคงหลับไหลอยู่ในร่างกายนี้ ถึงจะฟังดูแย่ต่อเธอ แต่อยู่แบบนั้นต่อไปอาจจะดีกับตัวเธอกว่าก็ได้

ไรน์ฮาร์ต : …เป็นเรื่องที่ทำใจเชื่อได้ยากจริงๆขอรับ

. เอคิดน่าและไรน์ฮาร์ต วาน แอสเทรียสนทนากันอยู่ที่เมืองประตูกั้นน้ำพริสเทลล่า

เหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการคัดสรรกษัตริย์มารวมตัวกันที่นี่เพื่อรอคอยรายงานจากพวกสุบารุและเอมิเลียที่เดินทางไปยังทิศตะวันออกหลังจบการต่อสู้ครั้งใหญ่

พวกเขาควรจะไปที่นั่นเพื่อยืมเชาวน์ปัญญาของ [นักปราชญ์] มาช่วยฟื้นฟูภัยพิบัติที่ลัทธิบูชาแม่มดก่อไว้ ทุกคนถึงได้มารอฟังข่าวดีด้วยความเป็นกังวล

แต่แล้วพวกเขาที่เชื่อมั่นในตัว [นัตสึกิ สุบารุ] กลับได้รับข่าวว่าเขากลายเป็นบ้าไปเสียนี่

ไรน์ฮาร์ต: ถึงอย่างไรนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะพยักหน้ายอมรับได้ง่ายๆเลย

เอคิดน่า: ถึงจะทำใจเชื่อไม่ได้มันก็ยังเป็นความจริงอยู่ดี ตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมที่พวกนายรู้จักแล้ว นัตสึกิ สุบารุสูญเสียความทรงจำไปและเขาก็กำลังยึดติดในการเอามันคืนมา แต่เพื่อการนั้นแล้ว เขาดันเลือกวิธีการที่เลวร้ายที่สุด

ไรน์ฮาร์ต: แล้ววิธีการที่เลวร้ายที่สุดนั้นคือ…?

เอคิดน่า: [หนังสือคนตาย] ที่อยู่ในหอสังเกตการณ์เพลอาเดส… มันคือหนังสือที่ใช้อ่านความทรงจำและช่วงชีวิตของมนุษย์ที่ตายไปแล้วได้ น่าเสียดายที่ตัวฉันยังไม่ทันได้ลองอ่านสักเล่ม ก็เลยยังไม่ทราบประสิทธิภาพของมันดีเหมือนกัน

. รายงานเรื่องหนังสือประหลาดทำให้ทุกคนสับสนยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับอาการสูญเสียความทรงจำซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเดินทางแต่แรกดี แต่ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์นี้

ออตโต้: ――คุณนัตสึกิแค่คนเดียวทำแบบนั้นไม่ได้แน่ๆ ถ้าเป้าหมายคือการอ่าน [หนังสือคนตาย] แล้วเขาทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ?

ไรน์ฮาร์ต: ออตโต้ นายเชื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?

ดวงตาสีน้ำเงินของดาบศักดิ์สิทธิ์เบิกกว้างต่อผู้ตั้งคำถามอย่างเย็นชา ทางด้านออตโต้ก็พยักหน้าและตอบกลับว่า “ใช่ครับ”

ออตโต้: ท่านอนาสตาเซีย… ตอนนี้ควรเรียกว่าคุณเอคิดน่าสินะครับ? หล่อนไม่มีเหตุผลให้โกหกพวกเราหรอกครับ ทั้งประหลาดและไร้เหตุผลเกินกว่าจะเป็นการกุเรื่อง ที่จริงแล้วการที่เธอกลับมาคนเดียวแบบนี้แปลว่าต้องมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ไรน์ฮาร์ต: ถึงจะแบบนั้น…แต่ว่า

ออตโต้: ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับ ไอ้เรื่องพรรค์นี้น่ะ

ออตโต้กำหมัดและกล่าวด้วยเสียงสั่นเทา ชัดเจนว่าอารมณ์มากมายกำลังท่วมท้นตัวเขาไปหมด

กระทั่งการ์ฟีลที่เห็นสีหน้านั้นของลูกพี่ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดปากขึ้นมาว่า “เฮียออตโต้…”

. เอคิดน่า: …ออตโต้คุงคิดถูกแล้ว ถึงแม้ว่านัตสึกิ สุบารุจะสูญเสียความทรงจำจนพฤติกรรมเปลี่ยนไป แต่ถ้ามีแค่เขาคนเดียวเอมิเลียกับยุลิอุสก็คงควบคุมตัวเขาไว้ได้ไม่ยาก คนที่ขัดขวางแผนการนั้นก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาที่ชื่อชอล่า

การ์ฟีล: ชอล่า…? นั่นมันชื่อของ [นักปราชญ์] ที่ควรจะอยู่ในหอสังเกตการณ์ไม่ใช่เรอะ? เจ้านั่นมันทำอะไรกับหัวหน้า… ไม่สิ เริ่มมึนหัวแล้ว นี่สินะที่เขาเรียกว่า “ความลังเลของออสมุนด์”…

เอคิดน่า: น่าเสียดายที่คงไม่มีเวลามารอให้ความสับสนของนายเพลาลง เป็นอย่างที่เดานั่นแหละ ชอล่าคือชื่อของผู้สังเกตการณ์ประจำหอคอย ถ้าเอาตามที่เจ้าตัวพูด เธอก็เอาแต่ย้ำว่า [นักปราชญ์] นั้นไม่ใช่ตัวเธอแต่เป็นอาจารย์ของเธออีกที

ไรน์ฮาร์ต: ถึงจะมีหลายเรื่องที่อยากถามแต่ก่อนอื่น… ชอล่าที่ว่านี่ร่วมมือกับสุบารุใช่ไหม?

การพยักหน้ายืนยันของเอคิดน่าทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นมา

ทั้งการทรยศของวีรบุรุษที่ช่วยเมืองนี้ไว้จากพวกบิชอป มิหนำซ้ำผู้สมร่วมรู้ร่วมคิดของเขายังเป็น [นักปราชญ์] หนึ่งในสามวีรบุรุษในอดีตกาลอีก ช่างเป็นสถานการณ์ที่เหมือนกับการฝันร้ายซ้ำซ้อน

. เอคิดน่า : …ที่ตัวฉันเอาความจริงเรื่องนี้กลับมาเล่าให้ฟังเนี่ยไม่ใช่เพราะอยากจะแก้แค้นนะ

เอคิดน่าก้มหน้าก้มตาและพึมพำออกมาเช่นนั้นท่ามกลางความสับสนวุ่นวายจากรายงานของเธอ

พอไรน์ฮาร์ตเลิกคิ้วและทักขึ้นมาว่า “เอคิดน่า?” สายตารอบข้างก็จับจ้องมายังทั้งคู่

เอคิดน่า: เห็นแก่ความรู้สึกของอานาและช่วงเวลาที่ตัวฉันได้ใช้ไปกับยุลิอุสแล้วมันก็สมควรแก่เหตุที่จะโกรธแค้นนัตสึกิ สุบารุที่ลงมือฆ่าเขาไป… แต่ว่าตัวฉันน่ะเหนื่อยพอแล้วล่ะ

ไรน์ฮาร์ต: เหนื่อยพอแล้วเหรอครับ?

เอคิดน่า: ถ้าต่างฝ่ายต่างเกลียดชังกันแบบนี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นแค่เด็กเข้าตาจนที่แกว่งกำปั้นสั่นๆเข้ามาหา ทางฉันก็ไม่ขอเอาด้วยแล้วล่ะ

. เอคิดน่าส่ายหัวและค่อยๆลุกขึ้นมา ถึงเธอจะมีหน้าตาและน้ำเสียงของอนาสตาเซีย แต่ถ้านี่เป็นตัวจริงคงไม่มีทางได้เห็นสีหน้าอ่อนแอแบบตอนนี้อย่างแน่นอน

เอคิดน่า: ตัวฉันจะขอลงจากเวทีนี้ล่ะนะ แค่การเอาตัวอานากลับมาที่เวทีนี้มันก็โหดร้ายจนแทบทนไม่ได้แล้ว พวกเราทำเรื่องผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ไปเสียแล้วล่ะ

ไรน์ฮาร์ต: แบบนั้นน่ะมัน…

เอคิดน่า: เข้าใจดีว่านายไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ว่านะ เลือกยอมแพ้ไปน่ะดีที่สุดแล้ว ถึงจะชักชวนให้ฉันไม่ยอมแพ้ไปก็มีแต่จะปวดร้าวกันเปล่าๆ ตัวฉันน่ะขอเลิกแค่นี้แหละ

พอได้ยินดังนั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรเพื่อหยุดยั้งเด็กสาวที่หัวใจสลายอีก เอคิดน่ารู้ตัวดีว่าเธอหันหลังหนีผู้คนเหล่านี้

――และยังเลือกลงจากเวทีของการคัดสรรกษัตริย์

เอคิดน่า: ขอให้พวกนายทุกคนโชคดีนะ ――ได้โปรดระวังตัวกันไว้ด้วยล่ะ

และนั่นก็คือรายงานสุดท้ายจากคนๆเดียวที่กลับมาจากหอสังเกตการณ์เพลอาเดสได้อย่างปลอดภัย

――มันก่อให้เกิดความวิตกกังวลอย่างหนักหนาสาหั