
รูทเย่อหยิ่งพาร์ท 8 : คฤหาสน์ของโลภะ
. ทางเข้าออกของคฤหาสน์ถูกปิดไว้หมด ประตูถูกตอกตะปูไว้จากด้านใน ส่วนหน้าต่างก็ถูกปิดไว้ด้วยแผ่นไม้
ถ้าเขาเป็นคนช่างสังเกตพอก็คงจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคฤหาสน์ไปแล้ว แต่สุบารุมั่นใจว่าชายคนนี้จะไม่ทันสังเกตเห็นมันถึงได้ดำเนินแผนตามนี้
คฤหาสน์ทั้งหลังถูกเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ไฟที่ลามไม่หยุดยั้งกลืนกินทั้งข้าวของเครื่องใช้ภายในและคร่าชีวิตบรรดาหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานในคฤหาสน์หลังนั้น ร่างของพวกเธอมอดไหม้เป็นเขม่าดำจนแยกไม่ออกว่าเคยเป็นมนุษย์
มันเป็นการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อน แต่เชื่อหรือไม่ว่าเหล่าหญิงสาวที่ถูกเผาตายเองก็ปรารถนาเช่นนี้แหละ?
. เรกุลุส: อะไรวะ อะไรวะเนี่ย นี่มันเกิดเชี่ยอะไรขึ้นวะเนี่ย!!
ภายในคฤหาสน์ที่โหมไหม้และกำลังพังทลาย ชายคนหนึ่งสบถดังไปทั่วอย่างน่าสมเพชเพราะเขาตามสถานการณ์ไม่ทัน
เรกุลุส: หมายเลข 99! หมายเลข 114! หมายเลข 123 ก็ได้! อยู่ที่ไหนกัน!? หายหัวไปไหนกันวะ!? นี่คิดว่าผมเป็นใคร!? ผู้หญิงอย่างพวกเธอนี่มันไร้ความรับผิดชอบและเห็นแก่ตัวสิ้นดี ใครอนุญาตให้พวกเธอพากันไปตายแล้วทิ้งผมไว้กัน!?
ชายหนุ่มผมขาวในเครื่องแบบสีขาวแหกปากเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ใบหน้าดาษดื่นของเขาบิดเบี้ยวเหมือนปีศาจ
. ชายหนุ่มเดินอยู่กลางคฤหาสน์ที่ลุกเป็นไฟโดยไม่กลัวตาย ที่ตะโกนเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เพราะเขากลัว แต่เพราะความโกรธต่อบรรดาภรรยาที่เขาคิดว่าเป็นตัวการเผาคฤหาสน์
เรกุลุส: เจ้าพวกน่าชิงชังที่ก้าวก่ายสมบัติส่วนตัวอันน้อยนิดของผม ละเมิดสิทธิของ――
เอลซ่า: ――ถ้าช่วยหุบปากที่ไม่น่าฟังนั่นจะขอบคุณมากค่ะ
เรกุลุส: อะ
เรกุลุสรับลูกเตะเข้าเต็มหน้าจนกระเด็นไปตามทางเดิน หลังทะลุกำแพงมานอนดูเพดานด้วยความงุนงงเขาก็พึมพำขึ้นต่อ
เรกุลุส: นี่มันอะไรกั…
เอลซ่า: ไฟนี่ถือเป็นจดหมายลาตายจากบรรดาภรรยาของคุณค่ะ ถ้าให้พูดตรงๆนี่ก็คือจุดจบของความรักที่เกี่ยวพันกันด้วยความกลัวค่ะ
หญิงสาวในชุดดำที่เตะเขาเดินตามมาหาถึงห้อง นอกจากรอยยิ้มยั่วยวนแล้วเอกลักษณ์ของเธอก็คือมีดคูคริในมือ
. เรกุลุส: ยัยหัวขโมย! นี่คิดว่าผมเป็นใครกัน!? แกจะได้รู้สำนึกในความโง่เขลาเบาปัญ---
“ญาของแก” แต่ไม่ทันพูดจบ แขนที่เรกุลุสยกขึ้นเตรียมแกว่งก็ถูกตัดขาดตั้งแต่ข้อศอก
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เอลซ่า: อมตะ? ไร้เทียมทาน? ถึงจะจำไม่ได้แล้วว่าเป็นพลังไหน แต่ก็รู้วิธีการทำงานของมันมาแล้วค่ะ ตอนนี้น่ะคุณเป็นแค่แมลงน่าขยะแขยงตัวนึงเท่านั้น
เรกุลุส: …อึก! กับอีแค่โสเภณีอย่างหล่อนน่ะ――
เอลซ่าไม่ปล่อยเขาพูดจบ เธอเตะอัดเป้ากางเกงเสยร่างเรกุลุสจนลอยขึ้นฟ้าแล้วร่ายรำคมมีดเข้าใส่
แขนทั้งสองข้างถูกตัดจนกุดถึงไหล่ ส่วนขาทั้งนิ้วเท้า ข้อเท้า หน้าแข้ง หัวเข่าและน่องขาล้วนถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เรกุลุส: ผมน่ะ…
เอลซ่า: น่าทึ่งที่อยู่ในสภาพนั้นแล้วยังพูดได้อีกนะคะเนี่ย
เอลซ่าเตะร่างของชายหนุ่มที่เหลือแค่ส่วนลำตัวกระเด็นทะลุหน้าต่างที่มีแผ่นไม้ปิดไว้ออกไปนอกคฤหาสน์
. เขาร่วงลงมาจากความสูงชั้นสอง เลือดมากมายที่เสียไปพร้อมแขนขาคงทำให้เขาสิ้นใจในไม่ช้า
เรกุลุส: นี่มันเรื่องโง่เง่าจนเกินทน …ผมน่ะ ผมคือตัวตนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ไม่ต้องการอะไรมากมาย รู้จักพอเพียง ใช้ชีวิตอย่างถ่อมตนและปราศจากความโลภ… แล้วทำไมคนอย่างผมถึงต้องมาโดนอะไรแบบนี้จากมนุษย์ที่ล้มเหลวอย่างพวกแก――
สุบารุ: ก็เล่นพูดจาดูถูกคนอื่นเป็นปกติแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่จะโดนขอหย่านะครับ
เรกุลุส: หาาา!?
เด็กหนุ่มผมดำผู้สวมผ้าคลุมสีดำ “นัตสึกิ สุบารุ” เดินเข้ามาในระยะมองเห็นของเขา สุบารุถอนหายใจที่ชายคนนี้ดูจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีเลย
. สุบารุ: ไม่นึกมาก่อนเลยว่าทุกคนจะยอมให้ความร่วมมืออย่างดีขนาดนี้นะครับ คุณเรกุลุส
เรกุลุส: ทำไมแก ถึงมาอยู่ที่นี่… ไม่สิ อุบายนี้เป็นฝีมือแกเองสินะ…?
สุบารุ: จะเป็นใครได้อีกล่ะครับ?
สุบารุยักไหล่แล้วแสยะยิ้ม เรกุลุสที่ตามเรื่องทันหัวร้อนเพราะถูกดูหมิ่น
เรกุลุส: ไปตายซะ ไอ้ชาติชั่วนี่! แกรู้ตัวบ้างไหมว่าทำอะไรลงไป!? แกฆ่าพวกภรรยา เหล่าภรรยาที่รักของผม! แกเผาพวกเธอตายไปพร้อมกันคฤหาสน์ต่อหน้าต่อตาผม! แกรู้ตัวบ้างไหมว่าทำเรื่องชั่วช้าและผิดศีลธรรมจรรยาแค่ไหนลงไป!? ไอ้เวรตะไลฆ่าเมียชาวบ้านเอ๊ย!
สุบารุ: เป็นมุมมองที่คาดไม่ถึงจนชั้นพูดไม่ออกเลยแฮะ… ขอบอกเลยว่าก็พวกภรรยาของนายนี่แหละที่ยอมสละชีวิตเพื่อแผนการต่อต้านหัวใจสิงห์ เข้าใจไหม?
เรกุลุส: เป็นไป…ไม่ได้
. สุบารุหยั่งไม่ถึงจริงๆที่หมอนี่ยังหน้าด้านตกใจเรื่องนั้นได้ เรกุลุสจับผู้หญิงมาอยู่ในคฤหาสน์แล้วเออออเรียกพวกเธอว่า “ภรรยา” เอาเอง เป็นชีวิตแต่งงานที่แค่การฝ่าฝืนคำสั่งก็กลายเป็นศพได้
ไม่ใช่แค่สร้างฮาเร็มอันเลวร้ายขึ้นมา เรกุลุสยังฝากหัวใจของเขาไว้กับภรรยาเพื่อให้ตัวเองสามารถหยุดการไหลของเวลาจนเป็นอมตะไร้เทียมทานได้
วิธีสังหารบิชอปเรกุลุส คอร์เนียสก็คือการคืนหัวใจให้เขาด้วยการฆ่าภรรยาทุกคนทิ้งให้หัวใจไม่เหลือที่ซ่อนตัว
กระทั่งตัวสุบารุเองยังลังเล แต่บรรดาหญิงสาวที่ถูกคุมขังไว้ที่นี่พร้อมใจกันตายเพื่อช่วยเขา
สุบารุ: เพื่อแลกกับการเอาคืนนาย ทุกคนถึงกับยอมตายเลยนะ กระทั่งชั้นก็ยังไม่เคยได้ยินการข่มขู่ทางวาจาที่เลวร้ายจนถึงขั้นยอมตายมาก่อนเลย
เรกุลุส: ใครจะไปเชื่อคำลวงแบบนั้นกัน… ผมน่ะ ผมน่ะรักพวกภรรยานะ! ฉะนั้นพวกเธอก็ต้องรักผมกลับด้วย! ไม่จริงเหรอ!? ไม่อย่างงั้นมันก็แปลกน่ะสิ! แล้วทำไมกัน! ทำไมยัยผู้หญิงพวกนั้นถึงได้ทำกับผมแบบนี้ได้ลงคอ ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นภรรยาสิ้นดี!
สุบารุ: …นี่คิดอย่างนั้นจริงเหรอเนี่ย เพราะงี้แหละนะพวกแกถึงได้น่ากลัวนัก
สุบารุพึมพำแล้วหันไปดูเงาดำที่กระโดดออกคฤหาสน์มาสู่สวนข้างนอก
. เอลซ่าที่กำลังปัดเขม่าสังเกตเห็นสายตาของสุบารุเลยเอ่ยขึ้นมา
เอลซ่า: ตายจริง นี่เป็นห่วงกันเหรอคะ? สบายมากค่ะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลย
สุบารุ: ใครเขาเป็นห่วงเธอกันหา ว่าแต่สภาพหมอนี่มันอะไรกันเนี่ย? ไม่ได้สั่งให้สับมันเละแบบนี้ซักหน่อย
เขาเลิกคิ้วและชี้ไปที่ร่างไร้แขนขาของเรกุลุส เอลซ่าได้แต่ยักไหล่
เอลซ่า: ถ้าปล่อยให้มีแขนขา เขาต้องโหวกเหวกโวยวายแน่เลย… อีกอย่างไม่ใช่ว่าคุณอยากจะส่งต่อสิ่งที่พวกเธออยากพูดเหรอ?
สุบารุ: …นั่นก็…ถูกของเธอนะ
. ดูเหมือนเอลซ่าก็ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นเป็นเหมือนกัน จะปล่อยให้เรกุลุสตายก่อนที่เขาจะได้รู้ซึ้งถึงความแค้นของเหล่าภรรยาที่เสียสละตัวเองเพื่อแผนการนี้ไม่ได้
เรกุลุส: อ้ากกกกก!
เอลซ่าแทงมีดคูคริเสียบหน้าอกของเรกุลุสแล้วยกร่างท่อนบนที่เหลือให้ลอยขึ้นมาเหมือนเป็นเนื้อเสียบไม้
เอลซ่า: เอาให้ตายทันทีเลยไหม?
สุบารุ: ไม่ล่ะ…
สุบารุยังคงขุ่นเคืองแทนและเห็นใจผู้อื่นได้อยู่ หลังครุ่นคิดวิธีแก้แค้นให้หญิงสาวเหล่านั้นสักพักเขาออกคำสั่งกับเอลซ่า
สุบารุ: โยนมันลงไปในกองไฟที่ไม่ค่อยแรง มาดูหมอนี่ถูกย่างจนตายกัน
เอลซ่า: ค่ะ รับทราบแล้ว
เอลซ่าพยักหน้าโดยไม่ลังเลแล้วเขวี้ยงเรกุลุสลงไปบนกองเศษไม้ที่ยังคุกรุ่นตรงชายขอบของคฤหาสน์ที่ลุกไหม้
เสียงร้องของชายที่ค่อยๆถูกเผาจนตายดังก้องทั่วท้องฟ้ายามราตรี ทั้งคู่ยืนมองจนจบโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน
เอลซ่า: ขนาดเสียงร้องของแมลงยังสงบน่าฟังกว่าเสียงหมอนี่เลยค่ะ
สุบารุเห็นด้วยกับความคิดนั้นของเอลซ่า
. ภาพประกอบโพสต์วาดโดยคุณ おわり