
รูทโทสะพาร์ท 13 : โลกที่ไร้สีสัน
. หลังจากที่ทั้งสองหลบหนีออกมาจากห้องโถงรับแขก [ราชาผู้ล้างบาง] เด็กหนุ่ม บอส เจ้านาย เขาคนนั้น “นัตสึกิ สุบารุ” ก็เผยรอยยิ้มออกมาระหว่างที่วิ่งอยู่ในปราสาทกับฮาลิเบล
สุบารุ: …ถ้าจับเฟลท์มาเป็นตัวประกันน่าจะได้ผลดีหรือเปล่านะ?
ถ้าทำแบบนั้นการเคลื่อนไหวของไรน์ฮาร์ดอาจจะถูกผูกมัดไว้
――ไม่สิ ทำแบบนั้นคงเป็นการเรียกโทสะของไรน์ฮาร์ดจนต้องปะทะกับ [นักดาบเทวา] ที่อารมณ์เดือดดาล
เขาเคยจำลองซิมูเลชั่นสถานการณ์ที่แพนเดโมเนี่ยมกำลังพังทลายนี้ในหัวราวกับว่ารู้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้น
สุบารุ: ได้เล่นเป็นบอสใหญ่ของโลกใต้ดินนี่มันก็รู้สึกสนุกอยู่เหมือนกันล่ะนะ…
เขาย้อนคิดถึงเส้นทางที่ผ่านมา สร้างความทุกข์ทรมานไปแค่ไหน กุมจุดอ่อนของผู้คนไว้แค่ไหน ถูกเกลียดชังแค่ไหน ปกครองและคร่าชีวิตผู้คนตามอำเภอใจแค่ไหน
――ไม่สิ เขาไม่เคยฆ่าตามอำเภอใจและไม่ได้เล่นสนุก
ที่เขาพยายามอย่างหนักทั้งที่ไร้ความหมายก็เพียงเพราะว่า “สุบารุนั้นกลัวผู้คนเป็นอย่างมาก” ผู้คนที่ภายนอกทำเป็นยิ้มให้แต่เก็บซ่อนเล่ห์เหลี่ยมไว้ภายใน
การที่ผู้คนสามารถเก็บซ่อนความจริงไว้และมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากมายนั้นทำให้สุบารุหวาดกลัว
แทนที่จะมาคอยแยกแยะว่ามนุษย์คนไหนน่าเชื่อถือบ้างเหมือนคนบ้า สุบารุตัดสินใจสรุปมนุษยสัมพันธ์ให้ง่ายลงตามความคิดที่ว่า “มนุษย์ทุกคนล้วนพูดโกหก”
ต่อให้ต้องมองว่าโลกทั้งใบนี้มีแต่ผู้คนที่เกลียดสุบารุ เขาก็ไม่มีปัญหา ยังไงซะ ผู้คนก็ต้องมีจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก ความมั่งคั่ง ความฝัน ความหวัง เพราะงั้น――
สุบารุ: ถ้าหากสามารถกุมจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ไว้ในมือได้คงจะดีน้า~
สุบารุจะได้ไม่ต้องสงสัยใครอีก ในโลกสีขาวดำ ในโลกที่ไร้สีสันขาดความน่าเชื่อถือใบนั้น เขาจะสามารถอยู่อย่างสุขสบายบนความเกลียดชังของผู้คน
กระทั่งฮาริเบลที่อยู่ข้างตัวสุบารุในตอนนี้ก็เป็นสีโมโนโครม(เอกรงค์) มีเพียงสีขาวและสีดำอยู่บนร่างของเขา
และไม่ใช่แค่ฮาริเบลเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สิ่งของ ภาพวาด อุปกรณ์ อัญมณี ศิลามนตรา เมื่อมองผ่านสายตาสุบารุทุกอย่างล้วนกลายเป็นสีขาวดำ
เขาแยก “โลหิตกับน้ำ” หรือ “พิษกับน้ำซุป” ไม่ออกแล้วด้วยซ้ำ
ในโลกที่เป็นสีขาวดำใบนี้มีเพียง “เอมิเลีย” “เบียทริซ” และอีกบุคคลหนึ่งที่ยังคงมีสีสันอยู่
สุบารุเชื่อมั่นว่าผู้ที่มีสีสันเหล่านั้นคือของจริง ส่วนทุกอย่างที่เหลือล้วนเป็นของปลอม
มีแค่ของจริงที่มีสีสันเท่านั้นที่มีสิทธิ์กำหนดชะตาชีวิตว่าจะให้นัตสึกิ สุบารุอยู่หรือตาย
สุบารุ: …อุตส่าห์คาดหวังในตัวไรน์ฮาร์ดนิดหน่อยล่ะนะ
เขานึกว่าหากเป็นคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันก่อนที่โลกที่จะไร้สีสัน คนผู้นั้นจะยังหลงเหลือสีสันอยู่ ไม่จางหายไป
แต่แล้วไรน์ฮาร์ดผู้เคยมีสีเด่นชัดก็กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อสีเทาสกปรก ไม่ต่างอะไรจากคนที่เคยเจอเป็นครั้งแรก สุดท้ายไรน์ฮาร์ดก็ยังเป็นบุตรของมนุษย์ กระทั่งเขาก็คงใช้ชีวิตอยู่ในคำโกหกเท่านั้นเอง
เฟรเดริก้า: ――นายท่าน!
เมดผมยาว “เฟรเดริก้า” ตะโกนเสียงดังและวิ่งเข้ามาหาสุบารุจากฝั่งตรงข้ามของโถงทางเดิน
ความไร้สีทำให้แยกออกยาก แต่สุบารุแอบถูกใจเธออยู่ลับๆ และมองว่าใบหน้าของเธอมีเอกลักษณ์จึงจดจำได้ง่าย
เฟรเดริก้า: ――เตรียมตัวตายได้เลย!
ประกาศก่อนเข้ามาเอาชีวิตอย่างมีมารยาท ช่างน่ารักเสียจริง แต่แน่นอนว่าการกระทำของเฟรเดริก้าไม่มีทางถูกมองข้ามโดยผู้แข็งแกร่งที่สุดจากคารารากิไปได้
เฟรเดริก้า: อ๊ะ…อึก!
มีดสั้นในมือถูกปลดออก จากนั้นร่างของเฟรเดริก้าก็ถูกฮาริเบลผลักกระแทกกำแพง หญิงสาวทำได้แต่เพียงเอียงคอมองตัวการ
เฟรเดริก้า: ทำไมกันล่ะคะ ท่านฮาริเบล!? ถ้าใช้โอกาสที่สถานการณ์กำลังวุ่นวายอย่างในตอนนี้ ชายคนนั้นก็จะ…!
ฮาริเบล: “ก็จะสามารถฆ่าเขาได้” ความคิดแบบนั้นน่ะผมเข้าใจดี เหล่าเด็กๆ ที่ถูกกุมจุดอ่อนไว้ย่อมอยากเป็นอิสระด้วยการฆ่าคุณซู แต่ถึงจะเข้าใจก็เถอะ…
ดวงตาของฮาริเบลที่หรี่ลงจับจ้องไปยังเฟรเดริก้าจนลำคอของเธอสั่นไหว
ฮาริเบล: น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ติดตามเขาเพราะถูกกุมจุดอ่อนไว้ แต่คอยติดตามเพื่อตอบแทนพระคุณของคุณซูต่างหากล่ะ
เฟรเดริก้า: พระคุณงั้นเหรอ!? พระคุณ จากชายคนนี้เนี่ยนะ? …รบกวนเลิกพูดจาไร้สาระสักทีเถอะค่ะ!
ถึงจะถูกตรึงไว้กับกำแพง ดวงตาแดงก่ำของเฟรเดริก้าก็จ้องเขม็งมายังสุบารุ ฟันที่แหลมคมงอกยาวยิ่งกว่าเดิม นิ้วมือเรียวบางของหญิงสาวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอุ้งมือที่หนาและแข็งแกร่งของสัตว์ร้าย
เฟรเดริก้า: ไม่ว่ายังไงก็จะต้อง … อึก!?
ฮาริเบล: คุณซู?
พอเฟรเดริก้าที่กำลังดิ้นรนด้วยความเดือดพล่านรู้ตัวอีกที สุบารุก็มายืนอยู่ข้างๆ ตัวเธอแล้ว ถึงฮาลิเบลจะลองทักท้วง แต่สุบารุก็ไม่หยุดที่จะเดินเข้าไปใกล้
เฟรเดริก้าที่ดวงตาเบิกกว้างจึงตวัดแขนข่วนใส่ลำคอของเขา กรงเล็บของเธอเกี่ยวไปโดนผ้าพันคอจนหลุด
เฟรเดริก้า: ――เฮือก
เสียงหลุดออกมาจากลำคอของเฟรเดริก้าทันทีที่เธอเห็นมัน ฮาริเบลที่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเองก็ตกใจเล็กน้อย
――บนลำคอของนัตสึกิ สุบารุมีร่องรอยของนิ้วมืออยู่เด่นชัด
สุบารุ: ไม่ได้หรอกนะ เฟรเดริก้า ใครจะไปยอมตายเพราะคนสีขาวดำอย่างเธอกัน
สุบารุยื่นหน้าเข้าไปใกล้เฟรเดริก้าที่ตัวแข็งทื่อและยืนกรานเช่นนั้น เขาแอบหวังว่าในสถานการณ์ชี้ขาดแบบนี้ เฟรเดริก้าอาจจะได้สีสันคืนมา แต่สุดท้ายเธอก็ยังเป็นแค่สีขาวดำ
สุบารุ: คุณฮาริเบล… พาตัวเฟรเดริก้าหนีไปที
ฮาริเบล: …คุณซูครับ ไม่แน่ว่าคนทรยศที่พาตัว [นักดาบเทวา] มาที่นี่อาจจะเป็น…
สุบารุ: รู้อยู่แล้วน่า
สุบารุขัดคำพูดของฮาลิเบล ถึงไม่บอกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเฟรเดริก้าต้องแอบทำอะไรแบบนั้นเพื่อยุติเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ
――ไม่สิ ต่อให้เฟรเดริก้าจะไม่หักหลัง แต่สุดท้ายคนอื่นที่ทนต่อการถูกปฏิบัติแบบเธอไม่ไหวก็คงจะทำแบบนี้อยู่ดี
สุบารุ: ไม่ต้องกลับมาอีกนะครับ คุณฮาริเบล ชั้นน่ะ จะไปยุติเรื่องนี้ในแบบของชั้นเอง
ฮาริเบล: …
สุบารุ: ถ้าอยากจะตอบแทนพระคุณของชั้น เท่านี้ก็ดีพอแล้วครับ แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อกันก็ได้ …เพราะว่าชั้นก็แค่เล่นขี้โกงเท่านั้นเอง
สุบารุส่ายหน้าและเผยรอยยิ้มเบาบางให้ฮาริเบลที่ยังคงไร้สี ฮาริเบลอาจจะรู้สึกจริงใจต่อเขาจริงๆ ก็ได้ แต่เมื่อสูญเสียสีสันไปแล้ว มันคงไม่อาจจะกลับมาได้อีก
โลกใบนี้คงจะไม่ยอมคืนสีสันให้กับสุบารุที่สูญเสียสิทธิ์ในการเชื่อใจไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เหลือให้เขายึดติดมีแค่เพียง――
ฮาริเบล: กับคุณซูแล้ว อยากจะเป็นเพื่อนกันจริงๆนะ
สุบารุ: …ถ้าตอนนั้นชั้นไม่ได้หนีออกมา เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นไปได้อยู่แหละ
ฮาริเบลยอมรับความต้องการของสุบารุและทิ้งท้ายสั้นๆก่อนจากลา สุบารุเองก็ไม่คิดจะยืดเยื้อไปกว่านั้น เขาอยากดูเท่ต่อหน้าคนที่อาจจะเป็นเพื่อนกันได้จนถึงที่สุด
สุบารุ: เฟรเดริก้า
เฟรเดริก้า: …
พอถูกเรียกเฟรเดริก้าที่หมดใจสู้ไปแล้วก็ค่อยๆ หันมามองเขา แม้แต่ตัวสุบารุเองก็รู้สึกลังเลว่าจะบอกต่อเรื่องที่เขาได้ฟังมาไปให้เธอทราบอย่างไรดี
สุบารุ: “อาหารอร่อยทุกมื้อเลยนะ” เธอฝากบอกมาน่ะ
บางทีเฟรเดริก้าคงจะไม่เข้าใจประโยคแปลกๆ นั้น จนถึงท้ายที่สุดแล้ว นัตสึกิ สุบารุก็ยังคงเป็นปีศาจร้ายในสายตาเธอ
ถึงจะไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่อยากเห็น แต่พอนึกย้อนถึงสิ่งที่เขาทำมา ได้แค่นั้นก็ดีพอแล้ว
สุบารุ: เอาล่ะ ชั้นควรไปไหนต่อดีนะ?
ฮาริเบลกับเฟรเดริก้าจมหายไปในเงามืด นัตสึกิ สุบารุจึงถูกทิ้งไว้ลำพังท่ามกลางความฝันที่กำลังพังทลาย
การต่อสู้ระหว่างเซซิลุสกับไรน์ฮาร์ดยังคงทำให้แพนเดโมเนี่ยมสั่นไหวไม่หยุด แต่เขาก็สามารถบอกได้จากเสียงที่ได้ยินอยู่ไกลๆ ว่ายังมีศัตรูคนอื่นอีกมากมายที่ฉวยโอกาสนี้เข้ามาล้างแค้น
ศัตรู ศัตรู มีแต่ศัตรูเต็มไปหมด การใช้ชีวิตของเขาสร้างแต่ศัตรู… สุบารุเดินมาถึงทางแยกที่ทำให้เขาลังเล
ถ้าไปทางขวาก็จะเจอห้องนอนของเอมิเลีย ที่ที่คนอ่อนแออย่างเขาคอยพึ่งพา แต่ถ้าไปทางซ้าย คนอ่อนแออย่างเขาก็จะสามารถไปพึ่งพาเธอคนนั้น――
สุบารุ: ――เอ๋?
ตอนที่กำลังลังเลกับตัวเลือกทั้งสอง ใครคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาแทงสีข้างของสุบารุจากทางฝั่งซ้ายด้วยวัตถุมีคม
. ภาพประกอบวาดโดยคุณลิล