
รูทโทสะพาร์ท 3 : อัสนีสีฟ้า
. กว่าเขาจะสังเกตเห็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการล่มสลายมันก็สายไปเสียแล้ว
――รอสวาลย่างก้าวอยู่ภายในคฤหาสน์ที่น่าขนลุกของเขา อากาศหนาแน่นที่เท้าเยือกเย็นจนส่งเสียงดัง ลมเย็นที่มาสัมผัสโดนเองก็ทำให้เขากระตุกคอ
ทุกวันนี้ทั้งการแต่งหน้าและการเลือกเสื้อผ้าเขายกให้เป็นหน้าที่ของเฟรเดริก้าหมด
เธอคนนั้นช่างขยันขันแข็งที่จะชดใช้หนี้บุญคุณที่เธอได้รับจากสถานที่แห่งนี้ ทั้งๆ ที่มันสายไปแล้ว หัวใจที่ควรจะไร้ความรู้สึกไปแล้วของเขาจึงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
――สาเหตุก็เพราะเส้นทางที่จะนำรอสวาลไปสู่ความปรารถนาที่เฝ้าหวังมาอย่างยาวนานถูกตัดขาดไปเสียแล้ว
รอสวาล: รัม…เรม…
จุดเริ่มต้นอาจจะมาจากการสูญเสียสองพี่น้องโอนิ การมีอยู่ของสองคนนั้นเป็นกุญแจสำคัญต่อแผนการลับของเขา
แต่พอรู้ตัวอีกทีรอสวาลก็เหลือตัวคนเดียว ในเมื่อเส้นทางสู่จุดหมายที่เฝ้าหวังมาสี่ร้อยปีถูกตัดขาด เขาจึงหมดสิ้นแรงใจที่จะลุกขึ้นสู้ต่อด้วยตัวเอง
รอสวาล: ――รัม
ชื่อสั้นๆ ที่เขาพึมพำออกมานั้นคือสาเหตุหลักของความเสียใจ ทั้งที่เคยคำนวณถึงความเป็นไปได้ที่มันจะลงเอยแบบนี้ไปแล้วแท้ๆ
ในเมื่อเส้นทางถูกตัดขาดไป อย่างน้อยรอสวาลก็อยากให้เธอคนนั้นได้รับชีวิตของเขาไป อยากที่จะมอบชีวิตของเขาให้เธอได้ล้างแค้น
――แต่เธอดันมาตายจากไปก่อน จนกลไกในแผนนั้นพังทลาย
ที่รอสวาลมาเดินอยู่ในโถงทางเดินของคฤหาสน์เองก็เป็นเรื่องประหลาด เขาควรจะหมดสิ้นเหตุผลที่จะลุกขึ้นยืนหรือก้าวเดินไปแล้วแท้ๆ
[เฟรเดริก้า: นายท่านคะ ช่วยกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนเถอะค่ะ เพื่อที่สองคนนั้นจะได้――]
เฟรเดริก้าที่ต้องรับหน้าที่ดูแลรอสวาลที่หมดอาลัยตายอยากวิงวอนเช่นนั้นอยู่บ่อยๆ ความทุ่มเทและความดื้อรั้นของเธอทำให้เขายังคงลุกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ในคฤหาสน์เยือกแข็งแห่งนี้ได้
พอมองออกไปนอกหน้าต่างเขาก็เห็นโลกที่กำลังถูกเยือกแข็งและเด็กสาวผมทองที่กำลังต่อต้านมัน
เกิดความรู้สึกขึ้นมาในหัวว่าเขาจะต้องปกป้องเธอ รอสวาลจึงกางแขนออกเพื่อรวบรวมมานาเตรียมร่ายเวทมนตร์――
รอสวาล: …อึก!
ในวินาทีต่อมา รอสวาลทำการหลบประกายแสงจากคมดาบที่เล็งมายังลำคอของเขาได้อย่างฉิวเฉียด
เซซิลุส: ――โห คาดไม่ถึงเลยว่าจะหลบได้ นี่หรือว่า ท่านปรมาจารย์เวทมนตร์แห่งราชสำนักจะไม่ได้เชี่ยวชาญแค่เวทมนตร์ แต่ยังรู้ศิลปะการต่อสู้ด้วยงั้นเหรอ?
เสียงเรียกเบาบางนั้นดังมาจากข้างหลังรอสวาล ผู้พูดเป็นชายผมน้ำเงินที่พุ่งตัวผ่านโถงทางเดินเยือกแข็งด้วยความเร็วที่แทบจะเกิดประกายไฟ
เซซิลุส: การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ไม่ใช่อะไรที่ฝึกฝนครึ่งๆ กลางๆ จะทำได้ ขอชื่นชมจากใจจริง
กิโมโนสีฟ้ากับรองเท้าโซริที่เขาสวมทำให้ดูแปลกตา ที่เอวเหน็บดาบไว้สองเล่ม หนึ่งในนั้นถูกชักออกมาและเจ้าของกำลังใช้มันเคาะไหล่เล่น
ใบหน้าได้รูปของเขาเข้ากันกับรอยยิ้มขี้เล่นเหมือนเด็กที่ซุกซน ผมที่ไว้ยาวถูกมัดรวบไว้ทำให้ระบุเพศได้ยาก
แต่ถึงจะดูงดงามเพียงใด แค่การถูกจ้องด้วยดวงตาของชายหนุ่มก็มากพอที่ทำให้อีกฝ่ายเห็นนิมิตของความตาย รู้สึกราวกับว่าจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ
เซซิลุส: ถ้าคุณเป็นผู้มากฝีมือกว่าแค่เรื่องเวทมนตร์ ผมก็รู้สึกโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเลยล่ะ เพราะถ้าเกิดงานจบง่ายเกินไปมันก็ไม่เข้าทางผมน่ะครับ ไม่สิ ถ้าเป็นคำสั่งยังไงผมก็ต้องทำอยู่ดี แต่แค่ไม่อยากถูกมองเป็นพวกตัวร้ายน่ะนะ
รอสวาล: พูดมากตามข่าวลือเลยน้า~
เซซิลุส: เอ๋! ข่าวลือเกี่ยวกับผมเหรอครับ? แหม~ เขินเลยนะเนี่ย~ กระทั่งที่นี่เองตัวผมก็เป็นคนดังเหรอ? แฮะๆๆ น่าเสียดายที่ดันเป็นข่าวลือแปลกๆ ล่ะเนอะ
ชายหนุ่มพูดพลางเกาหัวและเผยรอยยิ้มเขินอาย
ระหว่างที่มองดูชายคนนั้น สติที่เชื่องช้าของรอสวาลก็ถูกเรียกกลับมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่เผาไหม้เขาจากบริเวณแขนซ้าย
เซซิลุส: จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่รีบรักษาแขนข้างนั้น เดี๋ยวเลือดจะไหลหมดตัวเอานะครับ?
รอสวาล: ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
ถึงแม้รอสวาลจะหลบการโจมตีที่เล็งใส่ลำคอมาได้ แต่แขนซ้ายของเขาก็ยังถูกตัดขาดเกือบถึงโคนไหล่และร่วงอยู่บนพื้นราวกับแขนตุ๊กตา
พอได้ฟังคำแนะนำของชายหนุ่ม รอสวาลก็เผยรอยยิ้มแล้วใช้มือข้างที่เหลือร่ายเวทอัคคีใส่บาดแผลเพื่อห้ามเลือด ความเจ็บปวดจากการปิดแผลฉุกเฉินนั้นกัดกินถึงสมองของเขา
พอเห็นรอสวาลทนมันมาได้โดยที่สีหน้าแทบไม่เปลี่ยนชายหนุ่มก็เบิกตากว้างเป็นประกาย
เซซิลุส: นึกว่าผู้ใช้เวทมนตร์จะมีแต่พวกตาขาวซะอีก อาเนียเองก็เป็นแบบนั้น …อ้อ เผื่อสงสัย อาเนียคือคนรู้จักของทางผมเองแหละ
รอสวาล: เข้าใจแล้วล่ะ เซซิลุส เซ็กมุนต์คุง
เซซิลุส: …
รอสวาล: นักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดจากจักรวรรดิวอลลาเคีย หนึ่งใน [เก้าแม่ทัพเทวะ] ใช่ไหมล่ะ? ฉายา [อัสนีสีฟ้า] ของแม่ทัพอันดับหนึ่งมันดังกระฉ่อนมาถึงลูกุนิก้าเลยล่ะนะ
เซซิลุส: ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก
ในเมื่อไม่มีเหตุผลให้ปกปิดตัวตนอีกต่อไป “เซซิลุส เซ็กมุนต์” จึงตอบกลับอย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งทำให้รอสวาลถึงกับถอนหายใจออกมา
รอสวาล: จะว่าไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกาน~นะ? ในเวลาที่ผู้ขึ้นครองบัลลังก์ของราชอาณาจักรลูกุนิก้ายังไม่ได้ถูกตัดสินเช่นนี้ ทำไมทางจักรวรรดิวอลลาเคียถึงได้ละเมิดสนธิสัญญากันล่ะ?
เซซิลุส: อ้อ เรื่องนั้นเข้าใจผิดแล้วครับ ตอนนี้ผมพักงานจากการเป็นเก้าแม่ทัพเทวะอยู่ หรือควรเรียกว่าว่างงานกันนะ? ยังไงก็เถอะ งานนี้ไม่เกี่ยวกับทางจักรวรรดิ ตอนนี้ผมเป็นแค่ประชาชนธรรมดา… ที่บังเอิญเป็นนักดาบพเนจรผู้แข็งแกร่งที่สุดด้วยแค่นั้นเอง
รอสวาล: …
เซซิลุส: นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ การกระทำของผมไม่เกี่ยวอะไรกับทางจักรวรรดิทั้งสิ้น แน่นอนว่าแม้แต่ตอนนี้เองหัวใจของผมก็ยังคงภักดีต่อใต้เท้า …ผมก็แค่…มีเหตุผลส่วนตัวเท่านั้นเอง
เซซิลุสยืนยันเช่นนั้นพลางออกท่าออกทางให้ดูยิ่งใหญ่
การกระทำของเขามันเกินเหตุจริงๆ ถ้าหากยังขึ้นตรงต่อจักรวรรดิ รอสวาลจึงหรี่ดวงตาสองสีลงก่อนเอ่ยถาม
รอสวาล: ถ้างั้นก็ยิ่งน่าสงสัยไปใหญ่เลยนะ นายถึงกับยอมสละตำแหน่งแม่ทัพของจักรวรรดิเพื่อมาที่นี่ มีเหตุผลอะไรที่ผลักดันให้นายยอมทำขนาดนี้กาน~นะ?
เซซิลุส: เหตุผลก็ง่ายๆ… “เส้นทางไปสู่ดาบสุราลัย” เขาสัญญาว่าจะทำให้เข้าใกล้มันอีกก้าว
รอสวาล: ดาบสุราลัย?
พอเห็นรอสวาลขมวดคิ้วสงสัย เซซิลุสก็ตอบกลับว่า “ใช่” ชายผู้นี้มีความสุขและเพลิดเพลินไปกับโทสะและความเศร้าโศกของเหยื่อที่เขาฆ่า
แต่ในขณะนี้ดวงตาของ “อัสนีสีฟ้า” เปี่ยมล้นไปด้วยสีสันและความร้อนที่ยากจะหยั่งถึง
เซซิลุส: มันเป็นเป็นความปรารถนาที่ไม่เคยเล่าให้คนเป็นๆ ฟังเลยแท้ๆ ครับ แต่กลับถูกเขาเดาออกและยื่นมือเข้ามาช่วย …ก็เลยต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้
รอสวาล: น่าตกใจนะเนี่ย นายดูไม่เหมือนคนที่จะยอมเป็นหุ่นเชิดของคนอื่นเลยนะ
เซซิลุส: การถูกคนอื่นหลอกใช้กับการยอมรับเวทีที่โชคชะตาเตรียมไว้ให้น่ะมันต่างกันอยู่นะครับ ว่าไหม? ตัวผมน่ะยอมรับบทเป็นตัวแสดงนำของโลกใบนี้ นอกจากนั้นแล้ว มันก็เป็นหน้าที่ของนักแสดงในการแสดงความสามารถเล่นนอกบท จริงไหม?
ความเชื่อมั่นอันแรงกล้านั้นคือปรัชญาที่เซซิลุสสั่งสมมาจากชัยชนะมากมาย
รอสวาลที่ยึดติดในเรื่องเดียวมากว่า 400 ปีและเชื่อมั่นในความคงเส้นคงวานั้นรู้ดีว่าไม่อาจเปลี่ยนความคิดนั้นได้ เขาออกจะชื่นชมในปรัชญานั้นด้วยซ้ำ
เซซิลุส: ทางผมเองก็ดูท่าจะไม่ได้เกลียดคุณเหมือนกัน ออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่ว่า นี่เป็นหน้าที่ที่ผมได้รับมา… ปรมาจารย์เวทมนตร์แห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้า รอสวาล L เมเธอร์ส ขอรับหัวของคุณไปล่ะนะ
เซซิลส์เก็บดาบคาตานะที่ถือเข้าฝัก แล้วชักดาบอีกเล่มออกมาแทน คมดาบคาตานะที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยพลังอันล้นเหลือถูกเผยออกมาให้ได้ยล
เซซิลส์: ――คาตานะเล่มที่หนึ่ง [ดาบมายา] มาซายูเมะ
รอสวาล: ดาบมนตราที่จะกัดกินดวงจิตของผู้ใช้ทุกการฟาดฟันงั้นหรือ? ――เซซิลุสคุง ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม?
ท่ามกลางบรรยากาศที่เยือกเย็นและคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด รอสวาลยกนิ้วขึ้นมาถามคำถามแบบไม่สนใจ
เซซิลุส: มีอะไร อยากถามจุดอ่อนของผมเหรอครับ? จุดอ่อนก็คือผมเป็นพวกไม่ฟังคนอื่น แถมยังเป็นพวกหุนหันพลันแล่นถึงจะอายุเกิน 20 ไปแล้วก็เถอะ เรื่องนั้นเป็นวาระประชุมในรัฐสภาของจักรวรรดิเป็นประจำเลย
รอสวาล: ผู้จ้างวานของนายชื่อว่าอะไร?
คำถามนั้นทำให้เซซิลุสขมวดคิ้ว เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและตั้งท่าถือดาบคาตานะในองศาต่ำ
เซซิลุส: นินทาชาวบ้านน่ะมันไม่ดีนะ นิสัยเสีย แต่เพราะงั้นผู้คนถึงได้เรียกเขาลับหลังว่า [ราชาผู้ล้างบาง] นั่นแหละ …แต่กับคุณ ผมถูกกำชับมาว่าให้บอกชื่อจริงไป
เซซิลุสเลียริมฝีปากเตรียมพร้อมก่อนจะเอ่ยนามออกไป
เซซิลส์: ――――
ทันทีที่นามนั้นดังมาถึงหูของรอสวาล ร่างของเซซิลุสก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงราวกับว่าเขาหายไปจากโลกนี้ รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดสมฉายา [อัสนีสีฟ้า]
ระยะห่างระหว่างชายสองคนไร้ความหมายไปในทันที แต่ในวินาทีนั้นรอสวาลกลับยิ้มออกมา
รอสวาล: เป็นนายจริงๆ ด้วยสินะ
วิถีดาบของ [ดาบมายา] ไปถึงคอของเขาก่อนที่คำพูดจะหลุดออกมาเสียอีก
ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงไป รอสวาลก็ได้แต่รำพึงในใจว่าเหล่าเด็กสาวในคฤหาสน์จะปลอดภัยไหม เหล่าเด็กสาวที่มาเกี่ยวพันกับความปรารถนาอันยาวนานของเขาจนต้องทนทุกข์ทรมาน
――เขาไม่มีทั้งสิทธิ์หรือเวลามากพอที่จะกล่าวขอโทษ เพราะทุกอย่างมันมืดสนิทไปหมดแล้ว