
รูทโทสะพาร์ท 4 : บุคคลนั้น
. เวทมนตร์ “ข้ามประตู” สามารถเชื่อมต่อประตูทางเข้าคลังหนังสือต้องห้ามไปยังประตูบานอื่นได้
ถึงเบียทริซจะภูมิใจในความอเนกประสงค์ของมัน แต่มนตร์บทนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน ซึ่งหากเงื่อนไขการทำงานถูกเปิดเผย ก็อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงได้
ดังนั้น การมีอยู่ของคลังหนังสือต้องห้ามและมนตร์ข้ามประตูจึงเป็นความลับที่จะปล่อยให้คนนอกล่วงรู้มิได้เด็ดขาด
ใช่แล้ว เพราะว่าคนนอกไม่ควรจะล่วงรู้ได้เลยนี่แหละ ผลลัพธ์มันก็เลยลงเอยเช่นนี้อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
เบียทริซ: ช่างน่าย้อนแย้งเหลือเกินกระมัง
ทันทีที่ลูกบิดประตูหน้าของคลังหนังสือต้องห้ามถูกใครบางคนสัมผัส เบียทริซก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะต้องเข้ามาหาเธอได้แน่ๆ
วิธีผนึกเวทมนตร์ “ข้ามประตู” ก็คือการเปิดประตูบานอื่นที่เป็นตัวเลือกทิ้งไว้ จนเหลือการเชื่อมต่ออยู่แค่ประตูบานเดียว
คนที่ช่วยเหลืออีกฝ่ายจะคงเป็นพี่ชายคนสำคัญของเธอ กระนั้นเบียทริซก็ไม่ได้มีความแค้นเคืองใดๆ ต่อพี่ชาย เธอจึงเผชิญหน้ากับผู้ที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว
สุบารุ: ――โย่ เบียทริซ
ที่อีกฝั่งของบานประตูมีชายคนนั้นโบกมือทักทาย ใบหน้าของเด็กหนุ่มในความทรงจำกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอมันไม่สอดคล้องกันราวกับว่าเป็นคนละคน
เพราะงั้นน้ำเสียงและท่าทีที่คุ้นเคยนั้นจึงทำให้เบียทริซสั่นกลัว
เบียทริซ: นาย…สายตาแบบนั้นมันอะไรกันยะ?
แววตาของเขาเปลี่ยนไป เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ที่ทั้งดำมืด เย็นชา และน่าขนลุก ขอบตาก็ดำเหมือนคนอดหลับอดนอน แก้มผอมตอบ นิ้วมือซีดเหมือนคนตาย
เขาสวมชุดสีดำมิดชิด เกือบทั้งร่างให้บรรยากาศมืดมน สิ่งเดียวที่เด่นชัดบนตัวคือผ้าพันคอสีส้ม
เบียทริซรู้ดีว่าหลัง “เหตุการณ์นั้น” เวลาก็ผ่านพ้นไปได้สักพักแล้ว แต่เวลาแค่นั้นมันทำให้มนุษย์คนนึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
เบียทริซ: นายนี่ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปเยอะเลยกระมัง
สุบารุ: ส่วนทางเธอเองก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ หมดช่วงวัยเจริญเติบโตไปแล้วเหรอ? ปกติผ่านไปสองปีคนเราก็ควรจะโตขึ้นหน่อยนะ
เขาตอบติดตลกกลับมา ส่วนทางเบียทริซก็ได้แต่ครุ่นคิดเรื่องสองปีที่ผ่านไป
สำหรับวิญญาณอย่างเธอ สองปีมันก็แค่ประเดี๋ยวเดียว แต่สองปีของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเขาจากคนใกล้ตายให้กลับมาล้างแค้นเช่นนี้
สุบารุ: ยังจำได้ไหม เบียทริซ? ที่ตรงนี้ เราเคยกินข้าวพร้อมหน้ากันด้วยสินะ
เบียทริซ: ――จำไม่เห็นจะได้เลยย่ะ ไม่เคยกินข้าวด้วยกันกับนายเสียหน่อยกระมัง
ทั้งสองประจันหน้ากันอยู่ ณ ห้องรับประทานอาหารที่ชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ มนุษย์คนนั้นนั่งอยู่บนโต๊ะทานข้าวที่มีผ้าขาวคลุมไว้
คำตอบของเบียทริซทำให้เด็กหนุ่มลูบนิ้วไปตามขอบตาดำของตนเอง
สุบารุ: …อา จริงด้วยนะ แหงล่ะว่าเธอไม่รู้เรื่องนั้น อื้ม เมื่อกี้ชั้นจำผิดเอง เหมือนทุกที…ชั้นผิดเอง เป็นความผิดชั้น…เหมือนทุกที
เบียทริซ: นี่มันเกิดอะไรขึ้น… ไม่สิ เรื่องนั้นไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้วย่ะ
หัวใจของเบียทริซลังเลเพียงชั่วขณะก่อนที่เธอจะยกฝ่ามือขึ้นต่อหน้ามนุษย์ผู้นั้น
นี่ไม่ใช่ความภาคภูมิใจในฐานะบรรณารักษ์ของคลังหนังสือต้องห้าม แต่เป็นความรู้สึกรับผิดชอบอันริบหรี่ต่อหน้าที่ที่ไม่มีใครต้องการนั้น
เบียทริซ: บางทีมันอาจจะสมควรแล้วที่นายอยากจะแก้แค้นกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น เบตตี้เองก็มีหน้าที่ของเบตตี้อยู่ย่ะ เพื่อการนั้นแล้ว…
เธอกล่าวเช่นนั้นพร้อมขยับเท้าย่นระยะห่าง สีหน้าของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเขาอัดอั้นความรู้สึกบางอย่างไว้อยู่
สุบารุ: ไม่เอาน่า เบียทริซ ――สัญญากันไว้แล้วว่าจะปกป้องชั้นไม่ใช่เหรอ?
เบียทริซ: …อ๊ะ
ทันใดนั้นเบียทริซก็หยุดนิ่งไป สาเหตุไม่ได้มาจากคำว่า “สัญญา” ที่เขาพูดขึ้นมา มันไม่ใช่ปัญหาที่จิตใจ แต่เป็นร่างกายของเธอที่แน่นิ่งขยับไม่ได้เลย
ฮาลิเบล: ขออภัยด้วย แต่เท่านี้เธอก็ขยับตัวไม่ได้แล้ว
มีคนโผล่ออกมาจากเงาข้างตัวของเธอ เขาเป็นชายมนุษย์สัตว์สายพันธุ์หมาป่าร่างสูง สวมกิโมโนสีดำท่าทางกระเซิง
ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมคาบไปป์คิเซรุอยู่ ดวงตาไร้อารมณ์ดวงเล็กของเขาจดจ้องมาทางเบียทริซ
เบียทริซ: นี่มัน…
สุบารุ: พันธนาการเงา ศาสตร์น่าพิศวงของชิโนบิน่ะ คิดซะว่าเป็นวิชานินจาก็ได้ อย่าห่วงไปเลย อีกไม่นานก็จบแล้ว …ยังไงซะเธอก็เป็นผู้มีพระคุณของชั้นล่ะนะ
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาอันมืดมนนั้นไร้ความกระวนกระวายและไม่ได้แฝงไปด้วยเจตนาอยากแก้แค้นอย่างที่เธอคิด
ดวงตาของมนุษย์คนนั้นมีแสงสลัวราวกับว่าหัวใจเขากำลังถูกฉีก
สุบารุ: เมื่อตอนนั้น เพราะได้เธอช่วยให้ชั้นหนีรอดไปแท้ๆ ตอนนี้ชั้นถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ เรื่องนี้แหละที่อยากบอกเธอมาตลอดเลย
เบียทริซ: มาไม้นี้งั้นเหรอเนี่ย…สงสัยว่านายจะเป็นผู้ชายที่น่ารำคาญจริงๆ กระมัง …น่ารำคาญเสียจริง
สุบารุ: ขอโทษด้วยนะ แต่ว่า… เธอเองก็รู้ตัวแล้วสินะ เบียทริซ
พอเห็นเบียทริซกัดฟัน เขาก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
เบียทริซรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นรอยยิ้มแบบนั้นตอนเธอให้เขาหลบภัยอยู่ในคลังหนังสือต้องห้าม จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยื่นมือออกมาหา
สุบารุ: ――เธอกับชั้น พวกเราน่ะเหมือนกัน
หางตาของเด็กหนุ่มตกลง แววตาของเขากลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนตอนที่เขายังอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ ตอนที่เขายังไม่เปลี่ยนไป
สุบารุ: เมื่อตอนนั้นเตรียมใจตายไปแล้วแท้ๆ แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้และช่วยชั้นไว้ ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายครา… กระทั่งตอนนี้เองก็ยังจำอาทิตย์ตกดินในวันนั้นได้ดี
เบียทริซ: นายน่ะ…
สุบารุ: รู้สึกซาบซึ้งมากเลยล่ะ เบียทริซ …ทำไมเมื่อตอนนั้นถึงได้ไม่ฆ่าชั้นกันล่ะ?
เบียทริซ: ――อึก
คำพูดนั้นเปี่ยมไปด้วยทั้งความรู้สึกขอบคุณและความขุ่นเคือง ถึงพันธนาการบนร่างจะถูกปลดออก แต่เบียทริซก็หมดแรงที่จะขัดขืนแล้ว
อารมณ์บนใบหน้าของเด็กหนุ่มมีทั้งความสุขและความเศร้าโศกปนกันอยู่ ความสิ้นหวังของเขาเป็นผลลัพธ์จากการกระทำของเธอ
สุบารุ: เบียทริซ ชั้นรู้สึกซาบซึ้งต่อเธอมากเลยล่ะ บางทีชั้นอาจจะชอบเธอก็ได้ เมื่อตอนช่วงเวลานั้นก็มีแค่เธอคนเดียวนี่แหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยชั้นไว้จริงๆ
เบียทริซ: …เป็นการสารภาพที่เลวร้ายที่สุดเลยย่ะ
สุบารุ: ก็จริงแหละ
ในดวงตาของเด็กหนุ่มร่างผอมที่กำลังยิ้มอยู่นั้น เบียทริซสังเกตเห็นอารมณ์ที่เธอคุ้นเคยดี
มันคือโรคร้ายนามว่า “ความสิ้นหวัง” ที่อาศัยอยู่ในหัวใจของทั้งคู่และคอยกัดกินความหวังอยู่เรื่อยมา
สุบารุ: ฮาริเบล ขอคุไน (มีดนินจา)
มนุษย์สัตว์ผู้ยืนฟังอยู่เงียบๆถึงกับขมวดคิ้วและขยับไปป์คิเซรุขึ้นลง
ฮาริเบล: …เอาจริงเหรอ?
สุบารุ: ขอคุไน
พอมนุษย์หมาป่าแกว่งแขนซ้ายขึ้นตามคำสั่ง แท่งเหล็กสีดำก็ปักลงบนพื้นห้องเสียงดัง มันเป็นเหล็กสีดำมันวาวที่มีไว้เพื่อคร่าชีวิต
สุบารุ: ดีใจมากเลยล่ะที่ยังจำเรื่องสัญญาได้
เบียทริซไม่อยากจะโทษเด็กหนุ่มว่าเขาแค่ใช้ประโยชน์จากสัญญา ความสุขที่แฝงมาในน้ำเสียงของเขาทำให้เธอไม่อยากที่จะขัด
สุบารุ: สีสันพวกนี้เข้ากับเธอจริงๆ สวยมากเลยล่ะ…
ดวงตาของเบียทริซเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ภาพตรงหน้าเริ่มพล่ามัวทั้งที่อยากจะมองดูเขาจนถึงจุดจบ เขาและเธอเป็นคนประเภทเดียวกัน
มันต้องมีเหตุผลอะไรอยู่สิ เหตุผลที่การกระทำของเธอเปลี่ยนเขาไป เหตุผลที่พวกเขาได้กลับมาพบกัน
เช่นว่าเขากลับมาที่นี่ ในตอนนี้ เพื่อปลดปล่อยเบียทริซ――
เบียทริซ: นะ…นายน่ะ…
ลิ้นชาและสั่นเทาจนพูดไม่ค่อยออก แต่การเตรียมใจของเด็กหนุ่มตรงหน้าบ่งบอกว่าเขาพร้อมยอมรับไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมาและพร้อมให้เวลากับเธอเต็มที่
เบียทริซ: ――นายน่ะคือ [บุคคลนั้น] ของเบตตี้หรือเปล่ายะ?
ความหมายของคำถามนั้น เขาคงไม่มีวันเข้าใจ เบียทริซเองก็ไม่ได้หวังคำตอบ แต่ในวาระสุดท้ายนี้เธอก็อยากรอฟังอยู่ดี
สุบารุ: อื้อ
รอยยิ้มและการพยักหน้าของเขาทำให้หัวใจของเบียทริซแตกสลาย รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ คำพูดเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและคมมีดที่ยกขึ้นสูงเองก็เปี่ยมไปด้วยคำอวยพร
สุบารุ: ชั้นคือ [บุคคลนั้น] ของเธอเองแหละ
น้ำตาไหลท่วมแก้มแดงๆของเด็กสาวในช่วงเวลาสุดท้ายนั้น
. ภาพประกอบวาดโดยคุณ チャング