
บทที่ 7 ตอนที่ 100 "หอรบพลิกผันพันตา"
เมื่อตอนที่ได้เผชิญหน้ากับ “มังกรเทพ” วอลคานิก้า เป้าหมายของเอมิเลียเป็นเพียงการผ่าน “ด่านทดสอบ” ของหอสังเกตการณ์เพลอาเดส
เอมิเลียจึงรอดตัวมาได้ด้วยการต่อสู้แบบตั้งรับและยื้อเวลาจนสัมผัสแผ่นโมโนลิธบนยอดหอคอยได้
ทว่า ในคราวนี้ เอมิเลียจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อโค่น “มังกรเมฆา” เมโซเรย์อาที่อยู่ในสถานะชราภาพไม่ต่างจากวอลคานิก้า
. เอมิเลียเปิดฉากกระโจนตัวเข้าหามังกรหนวดเฟิ้มที่ลอยอยู่กลางเวหา เจ้ามังกรที่ดวงตาขาวโพลนตะปบกรงเล็บสวนใส่กลางอากาศทันที
เอมิเลีย: คุณทหาร!
ก่อนที่เล็บมังกรจะฉีกเธอขาดเป็นสองซีก ทหารน้ำแข็งที่กระโดดมาพร้อมกันก็ใช้แขนของเขาเป็นแท่นเหยียบให้เอมิเลียกระโจนตัวเพิ่มความสูงขึ้นไปอีก
หลังทหารน้ำแข็งถูกตะปบจนแหลก เอมิเลียก็เสริมปลายรองเท้าด้วยน้ำแข็งแหลมคมที่เพิ่มขนาดให้ใหญ่แล้วเตะเข้าใส่ใบหน้าเมโซเรย์อาอย่างจัง ทว่า…
เอมิเลีย: ไม่สะทกสะท้านเลย!
ถึงเอมิเลียจะใส่แรงเตะแบบไม่ออมมือ แต่มังกรเมฆาก็ไม่ได้แผลเลยแม้แต่น้อย
เอมิเลียรีบกลับตัวกลางอากาศและประกบขากับทหารน้ำแข็งอีกคน อาศัยแรงถีบจากทหารน้ำแข็งในการผลักตัวเธอให้ลงพื้นแบบเร่งด่วนและหลบการโจมตีสวนของมังกรได้แบบฉิวเฉียด
. [เมโซเรย์อา: ――ข้า เมโซเรย์อา ข้าขอตอบรับเสียงเพรียกหาของบุตรีผู้เป็นที่รักและจักกลายเป็นสายลมแห่งวิมาน]
ถึงแม้จะพูดแค่ประโยคเดียวซ้ำๆ แต่เมโซเรย์อามองเอมิเลียเป็นศัตรูแน่นอน มันถึงได้คอยจ้องมองและเล็งโจมตีใส่เธอไม่หยุดหย่อน
เอมิเลีย: ――มาเดลิน! ฟังกันหน่อยสิ!
มาเดลิน: หนวกหูย่ะ! อย่าเหลิงมาชวนมังกรผู้นี้คุย!
ถึงแม้จะสูญเสียอาวุธประจำตัวอย่างคมดาบปีกบินไป กรงเล็บของเผ่ามนุษย์มังกรก็ยังคงมีพลังทำลายสูง
มาเดลิน: ไอ้มนุษย์… ไอ้มนุษย์… ไอ้มนุษย์!!
ถึงแม้สนามรบจะถูกลดอุณหภูมิอย่างรุนแรง แต่อุณหภูมิในร่างของมาเดลิน เอสชาร์ตกลับสูงจนน่าเหลือเชื่อ หิมะถึงกับระเหยเป็นไอก่อนที่จะสัมผัสตัวเด็กสาว
เอมิเลีย: ――ไอซิเคิลไลน์!
ในเมื่อกลยุทธ์ “เลียนแบบพัค” ไม่ได้ผล เอมิเลียจึงเปลี่ยนแผนมาใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
เอมิเลีย: เอาความหนาวเย็นทั้งหมดทั้งมวลไปกิน!
เอมิเลียวาดแนวเส้นเยือกแข็งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ารอบตัวมาเดลินที่พุ่งตัวเข้ามาหา จากนั้นก็รวบรวมความหนาวเย็นที่กระจายอยู่ทั่วปราการให้เหลือแค่ที่จุดเดียว
ผลลัพธ์ทำให้กระทั่งร่างกายที่มีอุณหภูมิสูงของเผ่ามนุษย์มังกรถูกแช่เย็นถึงกระดูกจนอุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งในพริบตา
ระหว่างที่มาเดลินกำลังถูกแช่เย็นเป็นก้อนน้ำแข็ง เอมิเลียก็คอยจับตาดูเมโซเรย์อาอยู่ตลอดและภาวนามิให้มันเข้ามาขัด
ทว่า เจ้ามังกรกลับเอาแต่บินวนไปมาและแลดูจะไม่สนใจชะตากรรมของเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย
. เอมิเลียเริ่มตั้งข้อสังเกตต่อพฤติกรรมของมังกรเมฆา ตั้งแต่ที่มาเดลินอัญเชิญเมโซเรย์อาออกมา ทั้งสองยังไม่เคยต่อสู้พร้อมกันเลย
แทนที่จะรุมเอมิเลีย มาเดลินกับเมโซเรย์อากลับเอาแต่สลับรอบกันโจมตีอย่างน่าประหลาด
มาเดลิน: กะ…แก…
เอมิเลีย: ขอโทษด้วยนะ มาเดลิน อยากคุยกับเธอให้ดีกว่านี้อยู่หรอก แต่ในเมื่อไม่ยอมฟังกัน ตอนนี้ช่วยยอมเงียบไปก่อนนะ!
การเยือกแข็งเสร็จสมบูรณ์ มาเดลินถูกแช่แข็งไปถึงแกนกลาง ทั้งโลหิต เนื้อหนัง กระดูกกลายเป็นก้อนน้ำแข็งสีขาวไปหมด
ปัญหาที่เหลืออยู่ยังคงเป็นเมโซเรย์อา แถมตอนนี้เอมิเลียยังต้องคอยควบคุมอุณหภูมิของมาเดลินให้ต่ำไว้เพื่อกันไม่ให้เธอหลุดจากน้ำแข็ง
สรุปคือเอมิเลียตกอยู่ในสถานะที่ต่อสู้กับเมโซเรย์อาต่อได้ยากลำบาก
. เอมิเลีย: ถ้ายังคิดจะสู้ต่อ ทางฉันก็ยังมีความคิดเหลืออยู่นะ
นั่นคือการบลัฟของเอมิเลียที่หวังว่าถ้าหากมังกรฟังเข้าใจ มันอาจจะยอมถอยกลับไปแค่นี้ ปกติเอมิเลียแทบไม่เคยโกหก เธอคงติดนิสัยสุบารุกับออตโต้มา
[เมโซเรย์อา: ――ข้า เมโซเรย์อา ข้าขอตอบรับเสียงเพรียกหาของบุตรี…]
เอมิเลีย: …เอ๊ะ?
[เมโซเรย์อา: ตอบรับเสียงเพรียกหา… ของบุตรี… ผู้เป็นที่รัก… ]
อยู่ดีๆ เสียงพูดของเมโซเรย์อาก็ขาดตอนไป แถมมันยังส่ายหัวไปมาราวกับว่ากำลังรู้สึกเจ็บปวดบริเวณศีรษะอยู่
แล้วหลังจากนั้นมังกรเมฆาก็จดจ้องลงมายังเอมิเลียจากท้องนภาด้วยสายตาที่มิได้ว่างเปล่าเป็นครั้งแรก
เอมิเลีย: ในที่สุดก็ยอมฟังสินะ…
[เมโซเรย์อา: บอกไปแล้วนี่ ไอ้มนุษย์]
เอมิเลีย: เอ๋?
ตอนนั้นเองที่เอมิเลียสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด สายตาของเจ้ามังกรเปี่ยมไปด้วยความรุ่มร้อนราวกับเด็กสาวที่เธอต่อสู้ด้วยเมื่อครู่
[เมโซเรย์อา: มังกรผู้นี้ไม่คิดจะเสวนากับแก]
เอมิเลีย: มาเดลิ――
มังกรเมฆาพ่นลมหายใจที่กลายเป็นลำแสงสีขาวกระหน่ำยิงใส่เอมิเลียแบบไร้ความปรานี
. เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ณ ศึกที่ปราการที่ 3 เนื่องจากวินเซนต์ได้ส่งกำลังรบจากไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอยไปช่วยเสริมทัพทันที
หน่วยรบมังกรบินของเซรีน่าเข้าประจันหน้ากับฝูงมังกรบินใต้อาณัติของมาเดลิน เอสชาร์ต
ว่ากันด้านจำนวน ฝูงมังกรบินป่านั้นกินขาด แต่ฝ่ายนักขี่มังกรบินดึงความสามารถของมังกรบินคู่หูออกมาได้ดีกว่าและคอยใช้อาวุธปาดปีกของมังกรบินป่าให้ร่วงสู่พื้น
แม่ทัพซีคูร์ ออสมันที่รอดชีวิตมาได้ภาวนาให้เบียทริซปลอดภัยและควบม้าลมกรดเลดี้นำทัพมุ่งหน้าสู่ส่วนหน้าอกของโมโกร ฮากาเนะต่อ
ใจจริงซีคูร์อยากที่จะมุ่งหน้าไปช่วยเหลือเบียทริซก่อน แต่เขาก็รู้ภาระหน้าที่ในฐานะแม่ทัพของตนดี
――ซีคูร์จึงทำได้แต่เพียงภาวนาให้ความสุขที่เขาพอจะมีเหลืออยู่ถูกโอนถ่ายไปให้เด็กสาวคนนั้นแทน
. เนื่องจากทีแรกซีคูร์กะจะเสียสละตัวเองและลดความเสียหายต่อพรรคพวก เขาจึงสั่งให้เผ่าชูดราคถอยทัพไปยิงคุ้มกันจากแนวหลัง
นั่นทำให้ทาริตต้าผู้มีสายตาเฉียบคมได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด สองพี่น้องหัวหน้าเผ่ารู้สึกเจ็บใจที่พวกตนโดนดูถูกและแอบเคืองการตัดสินใจเสียสละของซีคูร์
ทาริตต้า: เอาคำบ่นของพวกเราไปส่งตรงให้ซีคูร์ถึงที่กันเลยดีกว่า
มิเซลด้า: หุหุ ตอบได้ดีน้อง ไม่ยอมให้ซีคูร์กับจามาลแย่งผลงานไปหรอก ――ได้ยินแล้วใช่ไหม สหายเอ๋ย!!
มิเซลด้าชูมีดพร้าขึ้นฟ้าและตะโกนเรียกขวัญกำลังใจของเพื่อนร่วมเผ่าเพื่อเตรียมบุกไปเสริมทัพต่อกรกับโมโกร ฮากาเนะ
??: ――ดูท่าจะเป็นกลุ่มที่หึกเฮิมน่าดูนะ
ตอนนั้นเองก็มีเสียงของบุคคลแปลกหน้าดังมาจากหลังพุ่มไม้ ทาริตต้ารีบชักธนูเตรียมทันที แต่พอได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของอีกฝ่าย พวกทาริตต้าก็รู้สึกเบาใจลง
ทว่า พอได้มองดูดีๆ แล้ว คนที่โผล่มาเป็นเด็กสาวผมสีชมพูที่หน้าตาคล้ายบุคคลที่เผ่าชูดราครู้จัก แต่ก็ไม่เชิงคนเดียวกัน
รัม: …? โดนมองด้วยสายตาประหลาดซะแล้ว สงสัยว่ามาโผล่จากไหนเหรอ? กระโดดลงมาจากมังกรบินไงล่ะ
ทาริตต้า: ปะ…เปล่าค่ะ พวกฉันไม่ได้สงสัยเรื่องนั้น แต่หน้าของเธอน่ะ เหมือนกับเด็กสาวที่พวกเรารู้จักเป๊ะเลย
รัม: …งั้นเหรอ? แล้วพวกเธอสนิทกับเด็กที่หน้าเหมือนคนนั้นหรือเปล่าล่ะ?
มิเซลด้า: อย่างน้อยก็พูดเต็มปากได้ว่าพวกเราถูกคอกัน
รัม: งั้นเหรอ ถ้างั้น รัมก็คงสนิทกับพวกคุณได้ไม่ยาก
รัมมองปราดเดียวก็รู้ว่าเผ่าชูดราคมีแต่นักรบหญิงผู้กล้าแกร่ง ไม่มีใครขี้ขลาดตาขาว ดังนั้น สาเหตุพวกเธอมาอยู่ไกลจากสนามรบแบบนี้จึงเดาได้ไม่ยากเลย
รัม: พวกผู้ชายเอาแต่บอกว่า “เป็นห่วงเธอจริงๆ น้า~” กับ “อยู่แนวหลังไว้เถอะน้า~” แต่ขอบอกไว้เลย ――เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องสอดค่ะ
ทาริตต้า: เห็นด้วยเลยค่ะ
มิเซลด้า: ถึงจะพึ่งเจอกันครั้งแรก แต่มั่นใจเลย ――เธอนี่เป็นนักรบไม่ต่างจากเรมแน่ๆ
รัมเอ่ยพลางชักไม้คทาออกมาเตรียม เผ่าชูดราคเองก็พร้อมที่จะแสดงศักยภาพของพวกเธอที่โดนดูถูกไว้ออกมาให้เห็นเช่นกัน
. ตัดไปทางปราการที่ 4 การ์ฟีลกำลังพยายามสวนกลับการโจมตีตอดของศัตรูที่แต่ละหมัดสะเทือนถึงอวัยวะภายใน แถมยังเร็วจนเขาจับทางไม่ได้
โอลบาร์ต: เถรตรงเกินไปแล้วน้อ เจ้าคาฟม่ามันอาจจะยอมเล่นด้วย แต่ข้าน่ะไม่คิดจะวัดกับศัตรูตรงๆ หรอกน้อ
การ์ฟีลพยายามยื่นมือไปคว้าหัวศัตรู แต่ตาเฒ่าก็จมหายไปในพื้นตรงหน้า แล้วพริบตาต่อมาการ์ฟีลก็สัมผัสได้ว่าศัตรูเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ด้านหลังเขาแทนแล้ว
โอลบาร์ต: เอ้า โดนหลอกอีกแล้ว
แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่การ์ฟีลใช้หลังมือโจมตีสวนไปขยี้จนแหลกดันเป็นเพียงศพที่ถูกโยนมาหลอก
โอลบาร์ตใช้จังหวะทีเผลอโผล่ขึ้นมาจากหลุมใต้พื้นที่เดิมแล้วแตะไหล่การ์ฟีลพร้อมฉีกยิ้มโชว์ฟันเต็มปากให้ดู
แค่แตะเฉยๆ? มีโอกาสให้โจมตีแท้ๆ แต่ดันแค่หยอกล้อ? ――ไม่มีทาง สิ่งที่ตาเฒ่าโอลบาร์ตทำไม่เคยไร้ความหมาย
การ์ฟีล: อ๊ากก!
ระหว่างที่คำนึงถึงความเป็นไปได้ ไหล่ของการ์ฟีลก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาทันที แล้วพอลองสังเกตดูใหม่ ที่ไหล่ของเขาก็มีรอยมือสีแดงของชิโนบิเฒ่าประทับค้างไว้ด้วย
รอยฝ่ามือนั้นมีทั้งเลือดและควันไหลซึมออกมา เนื้อหนังและกระดูกของเขากำลังเจ็บแสบราวกับถูกเผาไหม้
. การ์ฟีลคาดเดาว่ามันคือยาพิษ เขาจึงอ้าขากรรไกรแล้วเขมือบหัวไหล่ของตัวเองทิ้งเพื่อฉีกเอาเนื้อและกระดูกส่วนที่ติดพิษออกไป
ทว่า บาดแผลของการ์ฟีลก็ถูกสมานอย่างรวดเร็ว หัวไหล่ที่ถูกฉีกไปงอกขึ้นมาใหม่ด้วยการเร่งให้ร่างกายรักษาตัวเอง
โอลบาร์ต: ตัดสินใจได้ดี แต่บ้าบิ่นเสียจริงน้อ
โอลบาร์ตไม่รอช้า เขาเตะซ้ำใส่จมูกของการ์ฟีลทันที เด็กหนุ่มกระเด็นไปไกลจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือแรงเตะของตาเฒ่าร่างแคระ
หากไม่ใช่คนที่ถึกอย่างการ์ฟีล ลูกเตะของโอลบาร์ตคงแรงพอที่จะขยี้ศีรษะให้แหลกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
การ์ฟีลที่นอนแผ่ราบกับพื้นรีบลุกตัวขึ้นมาและบิดดั้งจมูกที่โดนถีบหักไปก่อนหน้าให้กลับเข้าที่
โอลบาร์ต: …ให้ตายซี่ ความฆ่ายากนี่ก็ถือเป็นอาวุธสินะ ไม่ได้พูดเปรียบเปรย แต่สื่อความตามนั้นเลย เจ้านี่ยุ่งยากเสียเหลือเกินน้อ ไอ้หนุ่ม
การ์ฟีล: ――หุบปากไป ตาแก่ ยังไหวอยู่โว้ย
. การ์ฟีลยังเหนื่อยจากการสู้คาฟม่าไม่หาย แต่ทางโอลบาร์ตก็ต้องเร่งงานเพราะปราการที่เขาจากมาเกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน
ทีแรกการ์ฟีลงงว่าตาเฒ่าพูดถึงอะไร โอลบาร์ตเลยแนะนำให้การ์ฟีลเงี่ยหูฟังดู ซึ่งพอลองทำตาม การ์ฟีลก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขบวนของหน่วยรบกลุ่มใหญ่
โอลบาร์ต: เอาจริงเรอะเนี่ย? กล้ามากที่เปิดช่องว่างต่อหน้าข้า
มันคือกับดัก พอการ์ฟีลหลงกลเปิดช่องว่าง โอลบาร์ตก็รีบเขวี้ยงวัตถุระเบิดมาระเบิดใส่ข้างศีรษะเขาทันที ร่างของการ์ฟีลถูกเปลวเพลิงกลืนหายไป
โอลบาร์ต: เท่านี่ก็…
การ์ฟีล: ย้ากกกกกกก!!
ทว่า การ์ฟีลเองก็เสี่ยงเดิมพันเช่นกัน เขาตั้งใจเปิดช่องว่างแล้วอาศัยจังหวะที่โอลบาร์ตเผลอโล่งใจใช้เปลวเพลิงบดบังสายตาเพื่อเข้าประชิดตัว
แต่ชิโนบิแขนเดียวก็ยังอุตส่าห์บิดแขนสองข้างของการ์ฟีลจนหักแล้วโจมตีสวนด้วยการเตะเสยคางได้อีก
. ระหว่างที่เหยียบหน้าการ์ฟีลไว้ โอลบาร์ตก็กล่าวว่ากำลังเสริมของคาฟม่าได้มาถึงแล้ว ที่เหลือจึงมีเพียงแค่การกำจัดการ์ฟีลทิ้งเสีย
การ์ฟีลพยายามใช้แขนที่หักคว้าตัวโอลบาร์ต แต่ตาเฒ่าก็กระโดดหลบได้ก่อน
โอลบาร์ต: ต่อให้เป็นเจ้า ถ้าหัวขาดก็น่าจะตายจริงไหมน้อ?
ทันทีที่โอลบาร์ตประกาศกร้าวเช่นนั้น การ์ฟีลก็รู้สึกเสียววาบไปทั่วไขสันหลังจนต้องกระโดดถอยออกมาตั้งหลัก
??: ――กันหน้าอกไว้
พริบตาต่อมา การ์ฟีลก็ได้ยินเสียงใครบางคนเอ่ยเตือน เขาจึงรีบยกแขนขึ้นป้องกันหน้าอกตามคำแนะนำ
กำปั้นของการ์ฟีลขยี้ใบมีดลับที่โอลบาร์ตเอามาติดไว้แทนแขนข้างที่ขาดไป คมมีดที่เล็งไปยังหัวใจจึงปักเข้าอกเขาได้ไม่ลึกเท่าที่ควร
. การ์ฟีลรอดหวุดหวิดจากการถูกกระซวกหัวใจจนตายคาที่มาได้ แต่เขากลับไม่รู้สึกซาบซึ้งต่อผู้มีพระคุณเอาเสียเลย
การ์ฟีล: …ไอ้เวรตะไลเอ๊ย
รอสวาล: แหม สบถใส่กันเชียวน้า~ อย่างน้อยนึกว่าจะได้รับคำขอบคุณสักหน่อย
การ์ฟีลไม่ชอบขี้หน้าโอลบาร์ต แต่บุคคลด้านหลังนี่ยิ่งเกลียดขี้หน้าที่สุด ตอนนี้การ์ฟีลจึงถูกประกบหน้าหลังโดยสองคนที่เขาเกลียดไปโดยปริยาย
การ์ฟีล: หลังกระทืบตาแก่นี่เสร็จ ก็ถึงตาเอ็งต่อ…
รอสวาล: สุดโต่งเหลือเกินนะ แต่โชคดีแล้วเนอะที่ฉันเป็นคนมาช่วย? คงไม่อยากให้รัมเห็นตัวเองในสภาพนี้ใช่ไหมล่ะ?
“รอสวาล แอล เมเธอร์ส” กำลังเสริมของการ์ฟีลกระโจนตัวลงมาช่วยเขาจากบนฟากฟ้า การ์ฟเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อสู้ร่วมกับศัตรูคู่อาฆาต
การ์ฟีล: แกมาอยู่นี่ก็แปลว่า…
รอสวาล: รัมอยู่ที่สนามรบอื่น พยายามเตือนไม่ให้เข้าร่วมแล้วแต่เธอไม่ฟังกันเลย
การ์ฟีล: …แหงล่ะสิวะ แกก็อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่นะ…
รอสวาล: แน่นอนว่าจะทำตัวให้มีประโยชน์ ที่จริงถือว่าโชคดีด้วยซ้ำ
รอสวาลที่ลบเครื่องสำอางค์ออกเพื่อปลอมตัวจดจ้องไปยัง “ผู้เฒ่าใจมาร” โอลบาร์ต ดันคลูเคนด้วยดวงตาที่ปิดลงข้างหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย
รอสวาล: ――เพราะว่าฉันน่ะเคยฆ่าชิโนบิมาก่อนพอดีล่ะนะ
. ตัดกลับไปทางเอมิเลีย ลำแสงมังกรเมฆาทำให้เธอถึงกับเห็นภาพความตายของตัวเอง กระนั้นเอมิเลียก็ฝืนบังคับให้ร่างกายขยับเพื่อต่อต้าน
เอมิเลีย: ไอซิเคิลไลน์
เอมิเลียรู้ตัวดีว่าหลบไม่พ้น เธอจึงร่ายเวทสร้างโล่น้ำแข็งขึ้นมาเพื่อพยายามเบี่ยงวิถีของลำแสง
ตอนที่เมืองกัวลาล เอมิเลียก็เคยป้องกันลำแสงด้วยวิธีเดียวกันนี้ แต่คราวนั้นเธอได้พริสซิลล่าใช้ดาบแสงตะวันช่วยเบี่ยงลำแสงอีกที
เอมิเลียสัมผัสได้ว่าลำแสงของมังกรมันรุนแรงจนไม่หยุดแค่ที่เป่าร่างเธอแหลกแน่ๆ
หากป้องกันล้มเหลว สนามรบด้านหลังเธอเองก็คงจะได้รับผลกระทบอย่างหนักหนาเช่นกัน
เอมิเลีย: ――พยายามเข้าหน่อยนะ ตัวฉัน
เอมิเลียเสกดาบน้ำแข็งขึ้นมาในมือข้างที่ว่างอยู่ เธอหวังว่าจะสามารถปัดลำแสงเลียนแบบพริสซิลล่าได้ แม้ว่าคุณภาพดาบคงสู้ไม่ได้ก็ตาม
[เมโซเรย์อา: ――หายไปซะ ไอ้มนุษย์]
หลังสิ้นเสียงของมังกรเมฆา กำแพน้ำแข็งก็แตกสลาย แล้วร่างของเอมิเลียถูกลมหายใจมังกรกลืนเข้าไป
. เอมิเลียพยายามใช้ดาบน้ำแข็งต่อต้าน ทว่า ชั่วอึดใจต่อมา ลำแสงของเมโซเรย์อาก็ถูกเบี่ยงวิถีออกไป
ถึงจะรอดจากการโดนเต็มๆ แต่แรงปะทะมหาศาลจากลมหายใจมังกรก็ยังฉีกเสื้อผ้าและเส้นผมสีเงินของเธอจนแทบขาดอยู่ดี
พอเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ เอมิเลียก็พบว่าเมโซเรย์อาถูก “คมดาบปีกบิน” อาวุธประจำตัวของมาเดลินกระแทกหน้าจากด้านข้างจนคอมันเอียง
เอมิเลียจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอขว้างเจ้าคมดาบปีกบินอันนี้ลอยออกไปไกลแบบไม่ได้ตั้งใจ
เอมิเลีย: นี่หรือว่ามันบินวนกลับมาหลังฉันขว้างออกไป?
??: ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! จินตนาการได้สุดยอดไปเลยครับ! แต่น่าเสียดายที่เดาผิดครับ! พอดีเห็นมันปักอยู่อีกฝั่ง ผมก็เลยเตะมันออกมาน่ะครับ!
เอมิเลีย: ว๊าย!?
เอมิเลียสะดุ้งที่อยู่ดีๆ มีคนแปลกหน้ามานั่งยองๆ อยู่ข้างตัวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
――หนุ่มน้อยแปลกหน้าผมสีน้ำเงินมัดทรงหางม้าจดจ้องดาบน้ำแข็งในมือเอมิเลียแบบตาไม่กระพริบ
เซซิลุส: เจ้านี่ ทำออกมาได้งดงามมากเลยนะครับ ผมกำลังหาดาบเลื่องชื่อมาพกติดตัวอยู่พอดี ถ้าวัดแค่ความสวยอย่างเดียว เล่มนี้ก็น่าเก็บเป็นตัวเลือกเลยครับ
เอมิเลีย: เอ่อ… ขอบใจนะ?
เซซิลุส: ไม่ๆ ทางผมสิต้องขอขอบคุณก่อน ――ฟ้าสีครามถูกแบ่งแยกโดยแสงสีชาดและแสงสีขาว! เลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปทางไหน แต่พอรีบวิ่งมาทางนี้ก็ได้พบกับมังกรตัวใหญ่ยักษ์กับสาวงาม! สมกับที่เป็นตัวผม! ดึงดูดเข้ามาแต่เรื่องสุดยอดเนอะ!
เอมิเลีย: เอ่อ…?
เซซิลุส: ไม่คิดงั้นมั่งเหรอ!
เอมิเลีย: …สุดยอดม้ากมากเลยจ๊ะ
เซซิลุส: ใช่ม้า!
พอเอมิเลียยอมตอบเพื่อรักษาน้ำใจ หนุ่มน้อยก็ยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจและขยับมายืนข้างเอมิเลียเพื่อเผชิญหน้ากับมังกรเมฆาอย่างมิเกรงกลัว
เซซิลุส: เวทีใหญ่มาถึงแล้ว! เร่เข้ามาๆ เชิญทุกท่านมารับชมกัน! ได้ฤกษ์เปิดม่านการแสดงของ “อัสนีสีฟ้า” เซซิลุส เซ็กมุนต์ ――อย่าได้กระพริบตาเชียวล่ะ ไม่งั้นจะได้เสียดายไปตลอดชีวิตนะคร้าบ!!
. จบตอน