webnovel arc7 chapter101

บทที่ 7 ตอนที่ 101 "ความรักคือเปลวเพลิง"

อาราเคียนั้นไร้ซึ่งความภักดีต่อจักรวรรดิ ไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ได้ถูกผลักดันด้วยโทสะหรือความประสงค์ร้าย เธอต้องการเพียงแค่พาตัวนายหญิงกลับคืนมาเท่านั้น

ทำไมเด็กสาวที่มีความปรารถนาแสนเล็กน้อยถึงได้แข็งแกร่งเหนือกว่าแม่ทัพเทวะคนอื่นที่มีปณิธานยิ่งใหญ่กว่าตัวเธอได้น่ะเหรอ?

สิ่งที่ทำให้อาราเคียแข็งแกร่งเป็น “ลำดับ 2” ได้นั้น สาเหตุหลักมาจากสถานะ “ผู้เสพวิญญาณ” ของเธอ

การนำวิญญาณเข้าสู่ร่างกายของผู้เสพวิญญาณไม่ต่างอะไรจากการฝืนรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ ผลกระทบย่อมมิใช่น้อยๆ

หากกินวิญญาณอัคคี อุณหภูมิร่างกายก็จะสูงขึ้นจนอันตราย หากกินวิญญาณวายุ อวัยวะภายในก็เสี่ยงที่จะแหลกเละ

หากกินวิญญาณวารี การไหลเวียนของเลือดก็อาจจะผิดปกติ และหากกินวิญญาณปฐพีก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับผืนโลกจนอาจสูญเสียร่างกายเดิมไปเลย

ความเสี่ยงดังกล่าวทำให้มีผู้ที่พยายามจะกลายเป็นผู้เสพวิญญาณหลายคนสูญเสียสถานภาพการเป็นมนุษย์ไปตลอดกาล

เดิมทีแล้ว ผู้เสพวิญญาณนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ทาง “แม่มด” ผู้หนึ่งที่มีพลังอำนาจทำให้ทุกสิ่งหลงรักเธอ แม้กระทั่งมหาวิญญาณผู้เงียบงันก็ยังหลงเสน่ห์

หลังแม่มดคนดังกล่าวตาย ผู้เสพวิญญาณก็ไม่เหลือจุดประสงค์ในการมีอยู่อีกต่อไป จนกระทั่งในยุคหลัง มีชาววอลลาเคียกลุ่มหนึ่งพยายามจะคืนชีพผู้เสพวิญญาณกลับคืนมา

――และเด็กสาวนาม “อาราเคีย” ก็คือผลสำเร็จของโครงการที่ว่านั่น

. ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณจะผูกสัมพันธ์กับวิญญาณเพื่อ “ยืมพลัง” ต่างจากอัศวินสานุศิษย์แห่งกุสเทโก้ที่ “ผูกมัด” วิญญาณให้อยู่ใต้อาณัติเพื่อใช้พลัง

ส่วนผู้เสพวิญญาณนั้นลัดขั้นตอนด้วยการกินวิญญาณเพื่อนำพลังมาใช้เลย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องกินวิญญาณตนใหม่เพื่อเติมพลังอยู่เรื่อยๆ จนเสี่ยงที่จะสูญเสียความเป็นมนุษย์

สองคุณสมบัติที่จำเป็นคือต้องมีร่างกายที่เป็นภาชนะรองรับวิญญาณได้และจิตใจที่สามารถคงสติเป็นมนุษย์อยู่ได้หลังรับวิญญาณเข้าร่าง ที่สำคัญคืออีโก้ต้องทั้งไม่ต่ำและไม่สูงเกินไป

ดังนั้น ผู้เสพวิญญาณจึงมักจะมี “เสาหลัก” ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้มั่นคง และผู้เสพวิญญาณจะใช้พลังของตนเพื่อ “เสาหลัก” ที่ว่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ พอจักรพรรดิ “ไดรเซ็น วอลลาเคีย” ได้รับเด็กสาวที่เป็นความสำเร็จหนึ่งเดียวของโครงการคืนชีพผู้เสพวิญญาณ เขาจึงส่งเด็กสาวไปเป็นพี่น้องอุปถัมภ์ของบุตรสาวคนหนึ่ง

ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าจักรพรรดิไดรเซ็นตัดสินใจเช่นนั้นทำไม มันอาจจะเป็นความปรารถนาของกลุ่มที่คืนชีพผู้เสพวิญญาณกลับมาก็ได้

แต่ที่แน่ๆ เด็กสาวนาม “อาราเคีย” นั้นเติบโตมาเป็นผู้เสพวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้เสพวิญญาณในอดีตกาลที่เคยต่อกรกับแม่มดเสียอีก

. ณ ปราการที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงฉาน อุณหภูมิสูงขึ้นจนแค่หายใจปอดก็แทบไหม้และน้ำตาระเหยหายไปทันที

ผู้ที่ยังคงสามารถยืนอยู่ในสนามรบแห่งนี้ได้จึงเหลือแค่ยอร์น่ากลับพริสซิลล่าเท่านั้น แต่กระทั่งสองคนนี้ก็ยังมีเวลาจำกัด

วิชา “วิวาห์ดวงวิญญาณ” ของยอร์น่าและพริสซิลล่านั้นทำให้สิ่งของมีค่ารับความเสียหายแทนเจ้าของได้

ทว่า ในตอนนี้ยอร์น่าก็สูญเสียปิ่นปักผมไปเป็นอันที่ 4 แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอสูญเสียเครื่องประดับผมไปจนหมด

ยอร์น่ารู้สึกปวดใจทุกครั้งที่เธอสูญเสียของขวัญจากชิ้นส่วนร่างกายที่ชาวเมืองเคออสเฟลมอุตส่าห์มอบให้เธอ

. อาราเคียเปิดฉากจู่โจมต่อด้วยห่าฝนหอกวารีจากฟากฟ้า หอกแต่ละเล่มเป็นน้ำที่ถูกบีบอัดจนมีแรงดันสูง แค่โดนแบบเฉี่ยวๆ ก็อวัยวะขาดได้ง่ายๆ

ระหว่างที่หลบหอกน้ำ ยอร์น่าก็สังเกตได้ว่าอาราเคียจงใจกระหน่ำยิงใส่พริสซิลล่าหนักกว่าตัวเธอถึงสองเท่าเป็นอย่างน้อย

พริสซิลล่าสามารถใช้ดาบแสงตะวันฟันตอบโต้ห่าฝนหอกน้ำได้ก็จริง แต่เธอเองก็สูญเสียอัญมณีไปเยอะจากศึกนี้แล้วเช่นกัน

พริสซิลล่า: ต่อให้ข้าพเจ้าจะต้องแขนขาขาดก็ยอมรับได้งั้นหรือ? ――ช่างเป็นความหวังที่มิน่ายลเสียจริงนะ

หนึ่งในหอกน้ำเสียบทะลุหน้าอกของพริสซิลล่า ส่งผลให้อัญมณีเม็ดหนึ่งบนสร้อยคอของเธอแตกเป็นชิ้นแทน

. ยอร์น่ามองดูพริสซิลล่าที่จดจ้องไปยังอาราเคียบนท้องฟ้าและสังเกตเห็นความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างผ่านดวงตาของลูกสาว

ยอร์น่า: นึกเสียใจงั้นหรือเจ้าคะ พริสซิลล่า? ――ที่แม่ทัพชั้นเอกอาราเคียกลายเป็นแบบนี้?

พริสซิลล่า: น่าขำสิ้นดี ――โลกใบนี้ถูกสรรค์สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ข้าพเจ้า

พริสซิลล่าตัดบทและกระโจนตัวเข้าไปสู้กับอาราเคียต่อ ยอร์น่าสัมผัสได้ว่าลูกสาวเธอเก็บซ่อนอารมณ์เอาไว้

นั่นทำให้ยอร์น่ารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ตัวเธอในร่างก่อนเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่คลอดพริสซิลล่า เธอเลยไม่มีโอกาสได้อยู่ดูแลลูกสาว

ในตอนนี้แม่ลูกได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ในฐานะตัวตนเก่าอย่าง “แซนดร้า” และ “พริสก้า” แต่เป็น “ยอร์น่า” และ “พริสซิลล่า” แทน

――สิ่งสำคัญคือการที่ทั้งสองได้มาพบเจอและอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง

. อาราเคีย: องค์หญิง…

หลังพึมพำเสร็จ อาราเคียก็โจมตีสวนใส่พริสซิลล่าที่พุ่งเข้ามาด้วยเวทมนตร์หลากธาตุ เสกสายน้ำและสายฟ้าออกมาฟาดกระหน่ำใส่อดีตนายหญิงพร้อมกัน

ทันใดนั้นเอง ประกายแสงจากดาบแสงตะวันของพริสซิลล่าก็เปล่งประกายยิ่งกว่าที่เคย คมดาบที่เฉียบคมกว่าเดิมฟาดฟันสายน้ำและสายฟ้าจนหายไป

พริสซิลล่า: นี่มัน…

วายุเพลิงพัดพาเข้าล้อมรอบเธอต่อโดยไม่ให้พักหายใจ แต่พริสซิลล่าก็ตวัดดาบปัดเป่าพายุไฟทิ้งได้อย่างง่ายดาย

เมื่อได้โอกาส พริสซิลล่าลองเอื้อมมือไปสัมผัสบริเวณดวงตาเพื่อทดสอบดู แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถสัมผัสด้วยมือได้ก็ตาม

――ที่ดวงตาข้างซ้ายของพริสซิลล่ามีเปลวเพลิงแห่งสายใยรักจากยอร์น่าลุกโชนอยู่

เดิมทีวิชาคงคงของยอร์น่ามีไว้เพื่อมอบพลังให้แก่บุคคลที่ยอร์น่าปรารถนาจะปกป้อง หรือก็คือชาวเมืองที่ไร้ความสามารถต่อสู้ และมันมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถมอบพลังให้แก่นักรบได้

ทว่า ตัวตนของพริสซิลล่านั้นเข้าเงื่อนไข “ลูกรัก” ของยอร์น่าที่เธอปรารถนาจะปกป้องโดยไม่เกี่ยงเรื่องความแข็งแกร่ง

. ยอร์น่า: พริสซิลล่า…

พริสซิลล่า: ในที่สุด ก็ยอมรับข้าพเจ้าเป็นลูกแล้วงั้นหรือ ท่านแม่?

ยอร์น่า: คิดเองเออเองแล้ว ――ก็แค่ไม่อยากเป็นแม่ผู้โง่เขลาที่ได้แต่มองดูลูกจากไปอยู่จากด้านหลังเท่านั้นเองเจ้าค่ะ หากเจ้าปรารถนา ข้าน้อยก็จะขอติดตามไปยันนรกด้วยกัน

เมื่อยอร์น่ามายืนอยู่เคียงข้างพริสซิลล่า ดวงตาข้างหนึ่งของเธอก็มีเปลิวเพลิงจากวิชาคงคงของลูกสาวลุกโชนขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ภาพเบื้องหน้าจึงกลายเป็นปรากฏการณ์หายากที่สองผู้ใช้วิชาวิวาห์ดวงวิญญาณเสริมแกร่งให้กันและกัน กลบจุดอ่อนด้านเงื่อนไขยุ่งยาก

อาราเคีย: ทำไมกัน…

เด็กสาวผู้เสพวิญญาณที่ลอยอยู่กลางอากาศเอื้อมมือไปแตะผ้าปิดตาของเธอ จากนั้นก็ฉีกกระชากมันออก

อาราเคีย: ทำไมกัน! ทำไมทำไม… ทำไมเธอถึงได้รับมันจากองค์หญิง!

ภายใต้ผ้าปิดตานั้นมีดวงตาข้างที่บอดสนิทของอาราเคียซ่อนอยู่ และแน่นอนว่าดวงตาข้างนั้นไม่มีเปลวเพลิงลุกโชนเหมือนยอร์น่า

อาราเคีย: องค์หญิงน่ะ…เป็นของฉัน…

พริสซิลล่า: อย่าได้เข้าใจผิดไป อาราเคีย ต่อให้ความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริงขึ้นมา ต่อให้ยอมรับว่าเจ้าเป็นของข้าพเจ้าก็ตาม แต่ข้าพเจ้าน่ะไม่มีทางเป็นของเจ้าหรอก

อาราเคีย: อึก…

ตอนนั้นเอง อยู่ดีๆ ยอร์น่าก็ใช้ไปป์คิเซะรุตีหัวพริสซิลล่าเพื่อตักเตือน การกระทำนั้นทำให้อาราเคียจดจ้องยอร์น่าด้วยสายตาขุ่นเคือง

พริสซิลล่า: ท่านแม่ ตีหัวข้าพเจ้าทำไมกัน?

ยอร์น่า: อย่าพูดจาแบบนั้นสิเจ้าคะ ข้าน้อยไม่ได้เลี้ยงลูกมาให้เป็นคนหัวสูงแบบนี้นะเจ้าค่ะ

พริสซิลล่า: เดิมทีท่านแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงเรามาเสียหน่อย

ยอร์น่า: เช่นนั้นโอกาสที่ว่าก็มาถึงแล้วเจ้าค่ะ

เท่านั้นไม่พอ ยอร์น่าฉีกยิ้มแบบไม่เหมาะกับสถานการณ์ออกมาและจดจ้องไปยังอาราเคียที่กำลังเดือดดาลอยู่บนฟ้า

ยอร์น่า: ในที่สุดก็ยอมมองข้าน้อยเสียทีนะ แม่ทัพชั้นเอกอาราเคีย ――ข้าน้อยมีโอกาสได้แก้ตัวด้วยการสั่งสอนเจ้าไปพร้อมกับพริสซิลล่าเสียทีเจ้าค่ะ

อาราเคีย: พูดอะไร…

ยอร์น่า: สรุปง่ายๆ ก็คือ ――จะไม่ขอเป็นผู้ปกครองที่สั่งสอนลูกแบบขอไปทีเจ้าค่ะ ฉะนั้นเตรียมใจให้พร้อมล่ะเจ้าคะ เด็กน้อยทั้งสอง

ยอร์น่ากล่าวเช่นนั้นอย่างภาคภูมิพลางพ่นควันยาสูบออกมา

. จบตอน