webnovel arc7 chapter104

บทที่ 7 ตอนที่ 104 "หอรบโกลาหล(ส่วนแรก)"

ตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก วินเซนต์รู้สึกว่าอูบิรูคไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขายังคงทำหน้าระรื่นไม่ทุกข์ร้อนอยู่เสมอแม้จะได้เห็นคำทำนายหายนะแบบไหนก็ตาม

วินเซนต์: การที่มาเผชิญหน้าข้าอยู่เช่นนี้เองก็เป็นเหตุการณ์ที่เจ้ามองเห็นเมื่อนานมาแล้วงั้นหรือ?

อูบิรูค: ไม่หรอกน่าๆ แบบนั้นก็อวยกันเกินไปครับ ผมอ่ะไม่ได้เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อะไรแบบนั้นเสียหน่อย

วินเซนต์: ถ้ายังเอาแต่พูดจาไร้สาระ ลิ้นนั่นคงไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้

อูบิรูค: ไม่ไหวๆ น่ากลั๊วน่ากลัว ขนลุกจนท้องไส้ปั่นป่วนอีกแล้วครับ

ถึงแม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่อูบิรูคกลับแสดงท่าทีแค่ยักไหล่เหมือนไม่ได้เกรงกลัวต่อคำขู่เลยสักนิด

. การที่วินเซนต์รู้จักกับอูบิรูคผู้เป็นถึง “นักอ่านดารา” ของจักรพรรดิ ทำให้เซรีน่ายิ่งสงสัยในตัวตนเบื้องหลังหน้ากากอสูรเข้าไปใหญ่

ความเคลือบแคลงใจทำให้วินเซนต์กับเซรีน่าถึงขั้นปะทะฝีปากกัน ฝ่ายหนึ่งขู่ว่าจะใช้กำลังบังคับถอดหน้ากาก อีกฝ่ายเตือนว่าอย่าลองดี

แต่แล้วพอสถานการณ์กำลังระอุใกล้ถึงจุดเดือด อูบิรูคก็ได้ออกปากช่วยห้ามมวยไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก

เนื่องจากการปล่อยให้เซรีน่ากับวินเซนต์มีปากเสียงจนฆ่ากันเองควรจะส่งผลดีต่ออูบิรูคที่อยู่ฝั่งจักรวรรดิมากกว่า

เซรีน่า: หากยืนอยู่เคียงข้างองค์จักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคียอย่างสมเกียรติจริง หน้าที่ของแกควรจะเป็นการโจมตีฉันกับชายผู้บัญชาการทัพกบฏคนนี้ หากไม่จุ้นจ้าน ชายคนนี้คงตายไปแล้ว ไม่ใช่ว่าแบบนั้นจะเข้าทางแกกว่าเหรอ?

วินเซนต์: ใครอนุญาตให้สังหารข้ากัน? อยากตายนักเจ้าก็ตายไปเองสิ

เซรีน่า: ขอโทษที ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับนักอ่านดาราคนนี้อยู่ อย่าพึ่งสะเออะมาขัด

วินเซนต์: …

อูบิรูค: ช่างเป็นภาพที่น่าทึ่งและน่าสนใจจังเลยนะ แต่อย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นสิ ผมอ่ะไม่มีอาวุธนะครับ

เซรีน่า: ไร้อาวุธก็ใช่ว่าจะวางใจได้ รีบบอกเหตุผลที่ฉันควรวางมือจากด้ามดาบมาซะ น่าจะรู้นี่ว่าฉันไม่ลังเลที่จะสังหารศัตรูที่ไม่ต่อต้าน

อูบิรูค: ――ไม่ฟันหรอก คุณน่ะไม่มีทางฟันผม

ยามที่อูบิรูคตอกกลับคำขู่ของเซรีน่าด้วยประโยคสั้นๆ สีสันก็พลันหายไปจากใบหน้าของชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ทำตัวร่าเริงอยู่ตลอด

. เซรีน่ารู้สึกขนลุกต่อตัวตนของอูบิรูค ไม่สิ เธอรู้สึกขนลุกต่อตัวตนของ “นักอ่านดารา”

การเผชิญหน้าพวกเขาเหมือนเป็นการเผชิญกับบางสิ่งที่ไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น

เซรีน่า: …คนอย่างแกน่ะ ไม่ใช่ว่าควรฆ่าทิ้งเสียตั้งแต่ตรงนี้เรอะ?

อูบิรูค: อา โหดร้ายจังเลย ผมอ่ะเจ็บจี๊ดเลย คิดว่าไงครับ?

วินเซนต์: ข้าเองก็มักจะคิดเหมือนกับเซรีน่า ดราครอยอยู่หลายครา ทว่า ชายคนนี้กลับยังรอดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ นั่นแหละคือความจริง

อูบิรูคเป็นจำพวกที่ไม่รู้กาละเทศะจนมักเผลอก้าวก่ายผู้คนในจักรวรรดิวอลลาเคีย นั่นทำให้เข้าตกเป็นเป้าการระบายโทสะจนเสี่ยงตายอยู่บ่อยครั้ง

แต่ที่อูบิรูคยังอุตส่าห์รอดชีวิตมาได้จนถึงปัจจุบันนั้นก็เป็นเพราะ…

อูบิรูค: มันเป็นเจตจำนงของดวงดาวไงครับ “โอ้ อูบิรูคเอ๋ย… มันยังเร้ว~เร็วเกินไปที่เจ้าจะตาย”

“อูบิรูคไม่มีทางตาย”

ชายหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจราวกับว่าชีวิตของเขาถูกปกป้องไว้โดยดวงดาวที่เป็น “ผู้สังเกตการณ์” ตัวตนสูงส่งผู้มองดูโลกใบนี้อยู่จากเบื้องบน

. วินเซนต์ถอนหายใจแล้วกลับมาจดจ่อกับสถานการณ์ตรงหน้า สองชายหนุ่มเมินเฉยต่อเซรีน่าที่มึนงงแล้วเริ่มเสวนากันต่อ

อูบิรูค: คุณลงจากเวทีไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่สิ เรียกว่าถูกบังคับลงจากเวทีน่าจะเหมาะกว่า ยังคิดที่จะกลับขึ้นไปอยู่อีกไหมครับ?

วินเซนต์: ขอบอกไว้เลย

อูบิรูค: ว่าไงครับ?

วินเซนต์: ข้าน่ะมิเคยคิดจะสละเวทีดังที่เจ้ากล่าวไว้เลย ――อย่างเจ้าน่ะคงไม่อาจจะเข้าใจได้ “นักอ่านดารา” เพราะตัวเจ้ามิเคยขึ้นไปอยู่บนเวทีเลยสักครา

วินเซนต์เชื่อมั่นว่าการที่เจ้าตัวตลกอูบิรูคมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขานั้นแปลว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว”

เซรีน่า: ตอนนี้เอาไงต่อดี ยังไงหมอนี่ก็เป็นพรรคพวกของฝ่าบาทแน่ ตัดหัวส่งคืนไปให้ดีไหม?

วินเซนต์: จักรพรรดิไม่สะทกสะท้านหรอก หรือไม่ก็เขาอาจจะไม่พอใจเล็กน้อยที่ไม่ได้เป็นคนสั่งตัดคอเอง แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ ที่สำคัญ…

เซรีน่า: ที่สำคัญ?

วินเซนต์เว้นวรรคเล็กน้อยเพื่อหันมาจดจ้องเซรีน่า ดราครอยที่เอ่ยขัดขึ้นมา

วินเซนต์: เจ้าน่ะมีบทบาทสำคัญต้องเล่นอยู่ ――เป็นบทบาทที่มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ทำได้ในสนามรบแห่งนี้

. ท่ามกลางสนามรบที่พื้นแข็งตัวจนลื่นเพราะอากาศเย็น แถมยังหนาวเย็นยะเยือกทะลุผิวหนัง กลับมีอยู่เด็กน้อยอยู่คนหนึ่งที่วิ่งพล่านไปทั่วได้ด้วยความเร็วสูง

[เมโซเรย์อา: แก แก แก――]

เซซิลุส: อะฮ่าฮ่าฮ่า! แทนที่จะเรียกว่า “แก” ทำไมไม่เรียกชื่อ “เซซิลุส เซ็กมุนต์” ล่ะครับ! เรียกให้ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วสนามรบเลยยิ่งดี…

[เมโซเรย์อา: ――เซซิลุส เซ็กมุนต์!!]

เซซิลุส: น่านแหละๆ!

หนุ่มน้อยหายวับไปโดยที่เหลือไว้เพียงภาพติดตาในใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วพริบตาต่อมา รองเท้าโซริของเขาก็ตวัดเข้าใส่จากด้านข้างจนมังกรเมฆาคอเอียง

เอมิเลีย: เด็กคนนั้น…สุดยอดเลย…

ความเร็วของเซซิลุสนั้น กระทั่งเอมิเลียยังมองตามไม่ทัน เขาสามารถหยอกล้อกับศัตรูที่เป็นถึงมังกรได้อย่างง่ายดาย

เรียกได้ว่าเซซิลุสครองสนามรบแห่งนี้ไว้ราวกับเป็น “เวทีใหญ่” ดังที่เจ้าตัวได้ประกาศไว้

. [เมโซเรย์อา: ――อึก! คนอย่างแก! ริอ่านเป็นศัตรู! ของมังกรผู้นี้!]

เซซิลุสใช้กำแพงน้ำแข็งของเอมิเลียเป็นจุดยืนในการกระโจนตัวหลบทั้งกรงเล็บและหางของมังกรที่กระหน่ำโจมตีเข้ามา

แถมพอหางมังกรปักใส่กำแพง เซซิลุสก็วิ่งไต่หางขึ้นไปบนหลัง จากนั้นก็ซัดเมโซเรย์อาให้ร่วงลงมาสู่พื้นด้วยลูกเตะที่รวดเร็วจนเห็นภาพติดตาเหมือนว่าเขามีหลายขา

ร่างมังกรกระแทกพื้นรุนแรงจนผืนหิมะแตกกระจาย เป็นจังหวะดีให้เอมิเลียโจมตีซ้ำ เธอจึงเตรียมการร่ายเวทเสกก้อนน้ำแข็งยักษ์ร่วงลงมาทับเมโซเรย์อาต่อ

ทว่า เซซิลุสก็โผล่มาตรงหน้าเอมิเลียแล้วใช้นิ้วแตะปลายจมูกเพื่อหยุดเธอไว้เสียก่อน

เซซิลุส: ฟังนะครับ เมื่อกี้ผมพึ่งจะช่วยคุณไว้ตอนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายแบบฉิวเฉียดใช่ไหมครับ? จากนั้นก็เริ่มดวลเดี่ยวกับมังกรแท้… หลังจากนี้ต้องทำอะไรคุณน่าจะพอรู้ใช่ไหม? ใช่แล้วล่ะ เชื่อมั่นในชัยชนะของผมแล้วช่วยอวยพรไงล่ะครับ! นั่นแหละคือบทบาทของเจ้าหญิงครับ

เอมิเลีย: เอ่อ… แต่ว่าฉันไม่ใช่เจ้าหญิงหรอกนะ แต่ก็ไม่เชิงว่าไม่เกี่ยวข้องกับราชาหรอกนะ

เซซิลุส: เจ้าหญิงที่ว่าเป็นแค่คำเปรียบเปรยครับ ที่จริงมันหมายถึงโฉมงามประจำเรื่องที่ตกหลุมรักตัวผมซึ่งเป็นวีรบุรุษผู้ได้ช่วยเธอไว้ ไม่คิดเหรอครับว่าบทบาทนี้มันเหมาะกับคนสวยอย่างคุณดีเลย?

เอมิเลีย: อา ขอโทษด้วยนะ ฉันน่ะ ตัดสินใจแล้วว่าคนที่จะรักคือใคร

เซซิลุส: อ้าว งั้นเหรอครับ? ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้แหละนะครับ เชิญต่อได้เลย

ในเมื่อเซซิลุสไม่ห้ามแล้ว เอมิเลียจึงเสกก้อนน้ำแข็งยักษ์ร่วงไปกระทุ้งใส่ท้องของเมโซเรย์อาที่นอนหงายอยู่จนมันคำรามเสียงดัง

. เอมิเลียเตรียมจะโจมตีซ้ำอีกรอบ แต่เซซิลุสรีบคว้าตัวเธอพาวิ่งหนีโดยทันที

พริบตาต่อก็เกิดสายลมปะทุขึ้นคว้านผืนดินจุดที่ทั้งสองเคยยืนอยู่จนเป็นรู เรียกได้ว่าทั้งคู่หลบการโจมตีสวนของเมโซเรย์อาไปได้อย่างฉิวเฉียด

เซซิลุส: อย่างที่คิด ศัตรูระดับมังกรแท้นี่ไม่ใช่งานง่ายเลยจริงๆ แต่ก็มีโอกาสให้ได้แสดงฝีมืออยู่เรื่อยๆ ช่วงหลังนี่ฟรัสเทรชั่น(ความหงุดหงิด)พุ่งสูงเพราะได้เจอแต่ศัตรูง่อยๆ งานนี้แหละเหมาะเหม็งเลย

เอมิเลีย: ขะ…ขอบคุณนะ…ที่ช่วยไว้

เซซิลุส: อย่าคิดมากๆ ด้วยความยินดีครับ! ในเมื่อเป็นสาวงามที่มีคนอื่นในใจอยู่แล้ว ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการซื้อใจ รบกวนช่วยเชิญผมไปร่วมงานแต่งด้วยนะครับ!

. เอมิเลียไม่มีเวลาคิดถึงคนสำคัญในใจเธอในตอนนี้ เธอจึงหันมาตั้งสมาธิกับปัญหาตรงหน้าก่อน

เอมิเลีย: เอานี่ไปใช้ เซซิลุส!

เซซิลุส: เอาไปใช้? ถึงจะพูดงั้นก็เถอะ แต่จะให้ใช้อะไร… โอ้!

เอมิเลียก้มตัวลงแตะพื้นแล้วใช้เวท “ไอซ์ แบรนด์ อาร์ตส์” เสกอาวุธน้ำแข็งมากมายขึ้นมา ทั้งดาบ หอกและขวาน เรียงเป็นแถวยาวตั้งแต่ตรงหน้าเซซิลุสไปถึงเมโซเรย์อา

เซซิลุส: นี่มันช่างวิจิตรตระการตาเหลือเกิน! ดีจังนะครับเนี่ย เท่สุดๆ เลย! ที่จริงแล้วผมก็ตั้งใจจะใช้แค่เฉพาะดาบเลื่องชื่อหรือดาบมนตราอยู่หรอกนะครับ…

เอมิเลีย: ถ้างั้น นี่ก็ใช้ไม่ได้เหรอ?

เซซิลุส: เปล่าหรอก แค่พูดลอยๆ ในเมื่อเป็น “รูล(กฎ)” ของตัวเอง แอบเปลี่ยนสักหน่อยจะเป็นอะไรไป! กวัดแกว่งอาวุธสู้กับมังกรแท้มันตระการตากว่าเยอะเลยเนอะครับ!

ว่าแล้วเซซิลุสจึงโน้มตัวไปหยิบดาบน้ำแข็งขึ้นมาสองเล่ม เอมิเลียรู้ตัวช้าไปหน่อยว่ามือของเจ้าหนุ่มน้อยอาจจะไม่สามารถถืออาวุธน้ำแข็งของเธอได้

เอมิเลีย: พอมาคิดดูแล้ว พริสซิลล่าก็ไม่เคยบอกว่ามันเย็นเหมือนกัน…

เซซิลุส: สบายใจได้เลย กลบข้อเสียทำนองนั้นด้วยริวโฮได้อยู่แล้ว ดังนั้นผมกับคนในหน่วยรบน่ะไม่เป็นไรหรอก! อันที่จริงผมก็เข้ากันไม่ค่อยได้กับที่พวกบอสกำลังทำอยู่ เลยต้องมาด้นสดเอาเอง แต่นั่นแปลว่าตัวผมเนี่ย “สเปเชี่ยล” อย่างแท้จริงแน่เลยครับ!

เอมิเลีย: ซาเปเชี่ยว…? ――นี่ เซซิลุส! คำที่นายพูดนั่นน่ะ ได้เรียนมาจากสุบารุหรือเปล่า?

เซซิลุส: คุณสุบารุเหรอครับ? เกรงว่าจะผิดคนนะครับ คนที่สอนคำศัพท์เหล่านี้ให้ผมก็คือบอสน่ะครับ แต่ชื่อของบอสน่ะไม่ใช่คุณสุบารุหรอกนะ

. เอมิเลียท้อใจเล็กน้อยหลังเซซิลุสปฏิเสธว่าคนสอนคำศัพท์เขาคือคนอื่น แต่เธอก็รีบตบแก้มตัวเองเรียกสติแล้วหยิบหอกน้ำแข็งขึ้นมา

เอมิเลีย: ปรับอารมณ์ใหม่… มาสู้กับเมโซเรย์อาด้วยกันเถอะ!

เซซิลุส: ปรับอารมณ์ได้เจ๋งมากครับ จะว่าไปแล้วยังไม่ได้รู้จักชื่อเลยนะครับ

เอมิเลีย: ฉันเหรอ? ฉันชื่อเอมิเลีย… ไม่ใช่สิ เอมิลี่! ชื่อเอมิลี่!

เซซิลุสกับเอมิเลียแบ่งหน้าที่กัน จากนั้นเซซิลุสก็ถีบพื้นเพื่อพุ่งตัวไปหาเมโซเรย์อาทันที

[เมโซเรย์อา: โอหังนักนะ!]

เมโซเรย์อาใช้กรงเล็บขยี้ภูเขาน้ำแข็งที่ทับร่างอยู่ทิ้ง เพื่อหันมาเล็งเซซิลุสที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ แต่เอมิเลียก็ขว้างหอกน้ำแข็งใส่จมูกเพื่อขัดเสียก่อน

. หอกน้ำแข็งปักไม่ทะลุเกร็ดมังกรและกระดอนกลับก็จริง แต่แรงปะทะส่งผลให้หัวมังกรเอนหลังไป เซซิลุสอาศัยจังหวะนั้นรีบกระโจนตัวพุ่งเข้าไปเติมต่อทันที

เซซิลุส: อย่ากระพริบตาเสียล่ะ เดี๋ยวจะพลาดเอา!

ดาบน้ำแข็งคู่ของเซซิลุสมีแสงสีขาวส่องประกายขึ้นมา เขาใช้ดาบเรืองแสงกระหน่ำแทงใส่มังกรเมฆา การแทงแต่ละครั้งนั้นสามารถเจาะเกล็ดหนาของมังกรแท้ได้

เอมิเลียคิดว่าความสามารถทางกายและทักษะการใช้อาวุธของเธอเองก็ไม่เลว แต่มันเทียบกันไม่ติดกับเซซิลุสเลย

เผลอๆ เซซิลุสน่าจะมีศักยภาพที่เขาอาจจะเติบโตจนแข็งแกร่งพอๆ กับ “เรด แอสเทรอา” ที่เอมิเลียได้เจอที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดสเลย

เอมิเลีย: แต่ขอให้นิสัยไม่แย่เหมือนเรดเถอะนะ

ระหว่างที่เซซิลุสกำลังดึงความสนใจของเมโซเรย์อา เอมิเลียก็รีบตรงดิ่งไปยังเป้าหมายของเธอ ซึ่งก็คือร่างของมาเดลิน เอสชาร์ตที่นอนจมหิมะแน่นิ่งไม่ไหวติง

เอมิเลีย: ――มาเดลิน! นี่ไม่ใช่เวลามัวมาหลับนะ! ตื่นมาช่วยโน้มน้าวเมโซเรย์อาที!

. จบตอน