webnovel arc7 chapter107

บทที่ 7 ตอนที่ 107 "จิชา โกลด์"

. วินเซนต์: เจชา ทริม เจ้าสามารถตายเพื่อข้าได้หรือไม่?

นั่นคือสิ่งแรกที่หนุ่มน้อยวัย 12 ปี เอ่ยถาม “เจชา ทริม” วัย 14 ปี ตอนที่ทั้งสองได้พบกันครั้งแรก หลังจากที่เจชาพึ่งจะบอกชื่อของตนไป

หนุ่มน้อยผู้เย่อหยิ่งมีผมสีดำและตาสีดำซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะที่หายากในวอลลาเคีย เช่นเดียวกับเจชาที่เกิดมาผมดำเช่นกัน แต่ดวงตาของเขาเป็นสีอื่น

ตัวตนที่แท้จริงของหนุ่มน้อยคือ “องค์ชายวินเซนต์ อาเบลุกซ์” บุตรชายของจักรพรรดิไดรเซ็น วอลลาเคีย

วินเซนต์มีชื่อเสียงจากเหตุการณ์ “ปาฏิหาริย์แห่งอาเบลุกซ์” ที่ข้ารับใช้ตระกูลอาเบลุกซ์รวมหัวกับตระกูลอื่นเพื่อก่อกบฏต่อผู้เป็นนาย

ทว่า วินเซนต์ในวัยแค่ 11 ปีกลับแสดงทักษะความเป็นผู้นำในการรวมพลข้ารับใช้และทหารที่เหลืออยู่จนชนะพวกกบฏได้และฆ่าล้างโคตรพวกมันทั้งตระกูล

ที่เด็กหนุ่มธรรมดาอย่างเจชาจับพลัดจับพลูมาพัวพันกับคนสำคัญถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเขาดันไปช่วยหาวิธีใช้แผ่นไม้งัดรถมังกรที่ล้อติดหล่มให้หลุด

จากนั้นเจชาถูกวินเซนต์เชิญขึ้นรถมังกรไปที่คฤหาสน์ และถูกถามคำถามสุดโต่งสำหรับคนแปลกหน้าว่า “สามารถตายเพื่อเขาได้ไหม?”

เจชาไตร่ตรองคำตอบอยู่นาน ปกติแล้วถ้าถูกบุคคลระดับองค์ชายถามเช่นนั้น คำตอบเดียวที่ถูกต้องควรจะเป็น “ได้ขอรับ” แต่จิชากลับก้มหัวและเลือกตอบว่า――

เจชา: ――ขอประทานอภัยอย่างสูง แต่เกรงว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะน้า

. เจชาสาปแช่งความหัวรั้นของตัวเอง นิสัยนี้แหละที่ทำให้เขาเคยมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตที่บ้านเกิดจนถูกขับไล่ออกมา

ต่อหน้าวินเซนต์ผู้พึ่งมีประสบการณ์ถูกข้ารับใช้ทรยศเมื่อไม่นานมานี้ การกระทำอันโง่เขลาของเจชาจะทำให้เขาถูกกุดศีรษะก็ไม่แปลกเลย

แต่ถ้าหากต้องโกหกหัวใจและความภาคภูมิของตัวเองล่ะก็ ในฐานะชายชาวจักรวรรดิ เจชาขอเลือกตายเพราะความดื้อรั้นนี้ดีกว่า

วินเซนต์: ย่อมได้ จากนี้ไป จงรับใช้ข้าโดยคงเจตนารมณ์นั้นไว้

เจชา: …ว่าไงนะครับ?

ทว่า วินเซนต์กลับไม่ติดใจการปฏิเสธแบบหยาบคายของเจชา แถมยังคิดจะรับเขามาเป็นข้ารับใช้อีกด้วย

ตามที่เจชาทราบมา วินเซนต์เป็นคนที่โหดเหี้ยมกับผู้ต่อต้าน ถึงขั้นจับพวกหน่วยรบแนวหน้าของกบฏมาฉีกร่าง แล้วตั้งโชว์ไว้ข้างถนนเป็นตัวอย่าง

ความตั้งใจของวินเซนต์คือการใช้ความตายของศัตรูให้เป็นประโยชน์ในการข่มขวัญกบฏที่เหลืออยู่ เพราะเขาเชื่อมั่นว่า “ผู้คนสมควรได้ตายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”

เจชารู้สึกทึ่งต่อความเจ้าเล่ห์ของเด็กชายที่อายุเพียง 12 ปี บางทีการที่ข่าวลือแพร่สะพัดว่าเขาเป็น “องค์ชายนองเลือด” อาจจะเป็นความต้องการของวินเซนต์ด้วยเช่นกัน

วินเซนต์: คิดว่าข้าต้องการสิ่งใดจากเจ้ากันล่ะ?

คำถามที่สองมันกำกวมและตอบยากยิ่งกว่าเดิม เจชาสงสัยว่าคนธรรมดาอย่างเขาจะไปช่วยอะไรองค์ชายที่ต้องเข้าร่วมพิธีคัดเลือกจักรพรรดิในอนาคตได้

เจชา: ที่เราทำได้มีแค่ช่วยเอารถลากออกจากหล่มเองแท้ๆ น้า

วินเซนต์: ก็ย่อมได้

เจชา: โฮ่โฮ่ นี่ใจคอท่านคิดจะทำรถติดหล่มอีกในอนาคต จนต้องยืมกำลังของเราไปช่วยครั้งแล้วครั้งเล่าเหรอครับ?

วินเซนต์: ใช่แล้ว เส้นทางของข้ามันเต็มไปด้วยหล่ม ถึงอย่างไรมันก็หลีกเลี่ยงทั้งหมดมิได้ แต่ถ้าหากติดหล่มโดยออกไม่ได้ก็มีเพียงความตายที่รออยู่ สิ่งจำเป็นคือการหาวิธีออกจากหล่มยามที่เข้าไปติด

ยิ่งได้คุย เจชายิ่งเข้าใจว่าวินเซนต์เป็นตัวตนสุดยอดไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยิ่งสงสัยว่าทำไมวินเซนต์ถึงต้องการตัวเขาที่พูดจาเสียมารยาทอยู่บ่อยๆ ขนาดนั้น

หลังเงียบไปสักพัก เจชาก็สังเกตเห็นว่าวินเซนต์กำลังจดจ้องเขาโดยที่หลับตาลงข้างหนึ่ง

เจชา: ดูท่าองค์ชายจะหลับตาสองข้างพร้อมกันไม่ได้สิน้าครับ

วินเซนต์: ใช่แล้ว

เจชา: ว่าไงนะครับ?

วินเซนต์: ถ้าสงสัยว่าทำไมข้าถึงไม่ลงทัณฑ์เจ้าล่ะก็ นี่แหละคือเหตุผลล่ะ

คำตอบนั้นทำให้เจชาเข้าใจว่าหนุ่มน้อยวัย 12 ปีผู้แสดงศักยภาพของราชวงศ์วอลลาเคียแบบผิดวัยคนนี้ เป็นจำพวกที่คาดหวังให้คนรอบตัวฉลาดเหมือนตนอย่างไร้เดียงสา

. นาม “จิชา โกลด์” คือชื่อใหม่ที่เจชา ทริม ได้รับมาจากองค์ชายวินเซนต์ หลังเข้ารับใช้ตระกูลอาเบลุกซ์อย่างเป็นทางการ

เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อเลี่ยงไม่ให้ครอบครัวที่บ้านเกิดมีปัญหา ถึงแม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้ปกป้องเจชาตอนที่เขาถูกไล่ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาพอจะช่วยคนเหล่านั้นได้

มันเหมือนตลกร้ายที่วินเซนต์เลือกมอบนามสกุล “โกลด์” ให้จิชา เนื่องจาก “โกลด์” คือชื่อตระกูลของข้ารับใช้ที่เคยทรยศจนวินเซนต์จับฆ่าล้างโคตรไป

แต่ในขณะเดียวกัน การเก็บคนตระกูลโกลด์ที่เหลือรอดไว้ข้างกายอย่างน่าอัปยศก็ยิ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักของข่าวลือ “องค์ชายนองเลือด” ดังที่วินเซนต์ต้องการเช่นกัน

ด้าน “จิชา” ก็ค่อนข้างพอใจกับชีวิตใหม่ที่เขาไม่ถูกชิงชังเพราะทำไร่ไถนาและล่าสัตว์ไม่เป็นอีกต่อไป แถมยังมีหนังสือมากมายให้อ่าน

หน้าที่ของจิชาคือการช่วยวินเซนต์คิดหาหนทางแก้ปัญหาต่างๆ มากมายที่ยากกว่าการเอารถลากขึ้นจากหล่มหลายเท่า เขาจึงจำเป็นต้องรอบรู้ไปทุกแขนงวิชา

หลังเด็กหนุ่มสองคนช่วยกันแก้ปัญหามากมายในอาณาเขตโดยปราศจากผู้ใหญ่ช่วยชี้แนะ ความหวาดกลัวและความจำยอมของผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความเคารพ

แต่ในขณะเดียวกัน วินเซนต์ก็เป็นคนที่เข้มงวดต่อผู้ที่ทำตามหน้าที่ของตนไม่ได้หรือใช้ความสามารถไม่เต็มที่

วินเซนต์: จิชา เจ้าเรียนรู้เรื่องการควบคุมอุทกภัยมามากพอแล้วสินะ เช่นนั้นก็ปลดเจ้าขุนนางท้องถิ่นไร้ความสามารถนั่นออกจากตำแหน่งเสีย ขุดคุ้ยเรื่องฉ้อโกงในอดีตของมันแล้วกุดศีรษะทิ้งไปเลย

มันไม่ใช่ว่าเขาเกลียดคนไร้ความสามารถ แต่วินเซนต์นั้นยึดถือคติว่าผู้คนสมควรที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้เหมาะสมกับภาระหน้าที่ที่ตนแบกรับอยู่

. ที่วินเซนต์เป็นคนยึดติดอยู่กับความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ก็เนื่องจากว่ามันมีสิ่งที่ผลักดันเขาอยู่

วินเซนต์: ――มีชายผู้น่าชิงชังอยู่ผู้หนึ่ง นามว่า “สไตรด์ วอลลาเคีย”

จิชา: สไตรด์ วอลลาเคีย เหรอครับ? สงสัยว่าเราจะยังร่ำเรียนมาไม่พอ เป็นชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

วินเซนต์: เจ้ามิได้ขาดความรู้หรอก เพราะมันเป็นเรื่องที่หากรู้เข้าก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้เลย จะทำไมเสียอีก ก็ตัวตนของชายคนนี้ถูกลบเลือนให้หายไปจากราชวงศ์วอลลาเคียล่ะนะ

ต่อให้สละสิทธิ์ในการคัดเลือกจักรพรรดิ เชื้อพระวงศ์ก็ไม่ได้ถูกขับไล่จากตระกูลหรือลบประวัติให้หายไปแต่อย่างใด แต่สไตรด์ วอลลาเคียกลับได้รับบทลงโทษที่ไม่ควรจะมีอยู่

จิชา: ว่าแต่ ถ้าหากเขาเป็นตัวตนที่ไม่มีใครรู้จัก แล้วท่านวินเซนต์ล่วงรู้ได้อย่างไรกัน? ไปได้ยินมาจากคนใหญ่คนโตที่ปากพล่อยงั้นเหรอ?

วินเซนต์: เจ้านี่พูดจาหยาบคายไม่สนสถานะทางสังคมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ――บันทึกยังไงเล่า

จิชา: บันทึก?

วินเซนต์: บันทึกของสไตรด์ วอลลาเคีย พบมันซ่อนอยู่ในคลังหนังสือของพระราชวังแก้วผลึก ทว่า มันมีแต่เรื่องเพ้อฝันบันทึกไว้จนจับใจความแทบไม่ได้

จิชาแทบไม่เคยเห็นวินเซนต์แสดงความเกลียดชังขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเป็นต่อบุคคลที่เขาไม่เคยเจอตัว มันทำให้จิชาอดไม่ได้จะที่ถามต่อ

จิชา: ในนั้นมีอะไรเขียนไว้กันแน่ครับ? ขอเราดูหน่อยได้ไหม?

ว่ากันตามตรงจิชาไม่ได้สนใจตัวเนื้อหามากนัก แต่สงสัยใคร่รู้ว่าสิ่งใดกันที่ทำให้เจ้านายจอมยุ่งยากของเขามีใบหน้าทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้

วินเซนต์: ให้เจ้าดูมิได้หรอก ――“ผู้สังเกตการณ์” บ้าบออะไรกัน มีแต่กวีนิพนธ์เพ้อฝันไร้ค่าทั้งนั้น

. เวลาผ่านไปถึงตอนที่จิชาอายุ 18 ปี มีหนุ่มน้อยที่เด็กกว่าจิชาประมาณ 6-7 ปีนามว่า “เซซิลุส เซ็กมุนต์” ไปต้องตาวินเซนต์เข้า เขาจึงถูกดึงตัวมาเป็นบริวารเพิ่มอีกคน

เซซิลุส: ที่ทึกทักเอาเองว่าทุกอย่างมันต้องมีเหตุผลเนี่ยมันก็คิดมากเกินไปไหมครับ? ไม่มีใครเขาสมคบคิดกันจนคิ้วย่นอย่างฝ่าบาทกับเจชาหรอกนะ

จิชา: ――เรียกให้มันถูกหน่อย เราชื่อว่า “จิชา” ครับ

เซซิลุส: โอ๊ะ โทษทีครับ! การเรียกชื่อนักแสดงผิดมันช่างเสียมารยาท! สำนึกผิดอย่างสุดซึ้งเลยครับ จิชาจิชาจิชาจิชาจิชาจิชาจิชาจิชา!

ขอเพียงเป็นคนที่มีความสามารถและพร้อมจะใช้ทักษะที่ตนมีอย่างคุ้มค่า วินเซนต์ก็จะช่วยสนับสนุนโดยไม่สนใจชาติตระกูล

เจ้าหนูเซซิลุสเองก็เป็นนักสู้ที่เปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจและทักษะการต่อสู้แบบไร้ข้อกังขา แต่จิชาก็อดไม่ได้ที่จะรำคาญความกระดี๊กระด๊าของเขาในบางครั้ง

. จิชาเองก็ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มาใช้ป้องกันตัวและคุ้มกันเจ้านายเช่นกัน แต่สุดท้ายสิ่งที่เขาถนัดกว่าการขยับร่างกายตัวเองก็คือการใช้สมองสั่งการผู้อื่น

หลังจิชาได้พบเจอวินเซนต์ผู้เป็นตัวตนเหนือสามัญสำนึกในด้านสติปัญญาและกลยุทธ์ เขาก็ได้พบเซซิลุสที่เป็นตัวตนเหนือสามัญสำนึกด้านการสู้รบเพิ่มอีกคน

จิชา: ยิ่งสงสัยไปใหญ่เลยว่าท่านวินเซนต์… ว่าฝ่าบาทต้องการอะไรจากตัวเรากันแน่

เซซิลุส: โอ๊ะ คิดมากอีกแล้วสินะครับ จิชา งั้นเดี๋ยวผมช่วยตอบให้เอง มันคือไอ้นั่นไงครับ ――“ลางใบ้อนาคต” ไงล่ะครับ!

พอได้ยินเข้า จิชาก็ถึงกับกรอกตามองบนด้วยความเอือมระอา

เซซิลุส: หรือว่าจะไม่รู้จักลางใบ้อนาคต คืองี้นะครับ ลางใบ้อนาคตคือการกระจายข้อมูลสำคัญไว้ในเนื้อเรื่องโดยที่ผู้ชมอาจจะไม่เข้าใจความหมายทันที…

จิชา: รู้หรอกน่าว่าลางใบ้อนาคตคืออะไร แต่เพราะไม่เข้าใจว่าจะพูดถึงเพื่ออะไร เราถึงได้ทำหน้าแบบนี้ไงเล่า

เซซิลุส: อา งั้นเองเหรอ! ถ้างั้นก็ยิ่งง่ายเลยครับ บอกแล้วใช่ไหม? ฝ่าบาทกับจิชาเอาแต่คิดมากว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องมีความหมาย ――ถ้าทุกอย่างมีความหมายจริงๆ ล่ะก็! ถ้างั้นทุกอย่างที่อธิบายไม่ได้ในตอนนี้ก็คือลางใบ้อนาคตของสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลังไงครับ! น่าตื่นเต้นอะไรอย่างงี้!

ทุกวันนี้จิชาก็ยังไม่เข้าใจสาเหตุที่วินเซนต์เลือกตนมาเป็นข้ารับใช้ข้างกาย คำพูดของเซซิลุสเลยช่วยให้เขาอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย

หรือว่าบางทีตัวตนของเขาจะเป็นลางใบ้อนาคตบางอย่าง?

จิชาลองขอให้เซซิลุสเลิกเรียกชื่อเขาห้วนๆ เพราะตนแก่กว่าหลายปี แต่เซซิลุสอ้างว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกันแล้ว เลยไม่อยากเติม “คุณ” ให้ดูห่างเหิน

จิชาอึ้งไปเพราะเขาไม่เคยมีใครที่นับได้ว่าเป็นเพื่อนมาก่อน สุดท้ายจิชาจึงยอมรับให้เซซิลุสเรียกเขาแบบห้วนๆ ต่อไป

จิชา: ――ดูท่าว่าเราเอง ก็คงต้องรอให้ถึงวันที่ลางใบ้อนาคตมันจะสมเหตุสมผลสินะ

. หลังจากนั้นอีก 6 เดือน “พิธีคัดเลือกจักรพรรดิ” ที่วินเซนต์ อาเบลุกซ์จะต้องเข้าร่วมก็ได้เริ่มขึ้น

สุดท้ายวินเซนต์ อาเบลุกซ์ก็สามารถเอาชนะเหล่าพี่น้องเชื้อพระวงศ์ และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 77 แห่งจักรวรรดิวอลลาเคีย “วินเซนต์ วอลลาเคีย”

ทั้งเซซิลุสและจิชาต่างมีผลงานในการช่วยส่งเสริมต่อชัยชนะในครั้งนี้ของวินเซนต์

ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จิชาแทบไม่เคยเห็นวินเซนต์ยิ้มเลย ยิ่งหลังวินเซนต์ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ โอกาสที่จะได้เห็นเขาแสดงรอยยิ้มออกมายิ่งเลือนหายไป

จิชา: ตอนที่ถูกขอให้หาวิธีช่วยท่านพริสก้า เรานี่แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย

ช่วงท้ายของพิธีคัดเลือกจักรพรรดิ เหลือตัวเต็งแค่ “วินเซนต์ อาเบลุกซ์” กับ “พริสก้า เบเนดิกต์”

จิชารู้สึกโล่งใจที่เจ้านายยังมีด้านอ่อนโยนที่แสดงความหวงแหนต่อน้องสาว เขาจึงช่วยสนับสนุนแผนการรักษาชีวิตขององค์หญิงพริสก้าทันที

วินเซนต์ อาเบลุกซ์ไม่อาจฆ่าน้องสาวผู้เป็นที่รักได้ เขาจึงขึ้นครองบัลลังก์ทั้งที่พิธีกรรมไม่สมบูรณ์ ยอมเสี่ยงที่จะถูกเปิดโปงจนอาจสูญเสียความเชื่อใจของประชาชน

จิชารู้สึกยินดีจากใจจริงที่วินเซนต์เลือกตัดสินด้วยความปรารถนาส่วนตนแทนที่จะเป็นตรรกะ และรู้สึกภาคภูมิที่วินเซนต์มอบหมายหน้าที่ “ยกล้อออกจากหล่ม” ในครั้งนั้นให้แก่เขา

จิชา: ลางใบ้อนาคตงั้นเหรอ? เอาเหอะ ถึงจะน่าหงุดหงิดแต่เรื่องที่เซซิลุสพูดไว้มันก็ถูกเผง แต่ถ้าเรายอมรับมีหวังหมอนั่นทำตัวเหลิงแน่ๆ คงต้องเก็บไว้เป็นความลับตลอดกาลล่ะครับ

วินเซนต์: สังเกตมาสักพักแล้ว ช่วงนี้คิดอะไรเยอะเหลือเกินนะ พอสีสันเลือนหายไป สิ่งที่สั่งสมมาทั้งหมดจากการรับใช้เราผู้นี้ก็หายไปด้วยงั้นหรือ?

จิชา: เหลือเชื่อจริงๆ ตั้งแต่เฉียดตายมาก็ร่างกายก็รู้สึกดีมากๆ

หลังจบพิธีคัดเลือกจักรพรรดิก็มีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป กรณีวินเซนต์ เขาเปลี่ยนมาใช้สรรพนาม “เราผู้นี้” แทนตัวเอง

ส่วนจิชานั้น สีผมเขากลายเป็นสีขาวซีดเหมือนกับสีผิวราวกับว่าสีสันทั้งร่างจางหายไป แถมจิชายังเปลี่ยนสีเสื้อผ้าที่สวมกับย้อมพัดเหล็กคู่ใจให้เป็นสีขาวตามด้วย

หลังจากที่เฉียดตาย “ทักษะ(โน)” ประหลาดในร่างของจิชาได้ตื่นขึ้นมา พลังนี้ทำให้จิชาสามารถย้อมสีของร่างตนเองเพื่อปลอมแปลงรูปลักษณ์เป็นผู้อื่นได้

จิชาเลือกที่จะปิดทักษะ(โน)เป็นความลับเอาไว้ก่อน ไม่บอกแม้กระทั่งวินเซนต์ เผื่อไว้เป็นไพ่ตายยามฉุกเฉิน

. ทั้งจิชาและวินเซนต์ต่างกังวลว่าหลังจากนี้จักรวรรดิวอลลาเคียจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด เนื่องจากพิธีคัดเลือกจักรพรรดิได้จบลงในแบบที่แตกต่างจากทุกที

ที่แน่ๆ จิชาเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องภายในราชวงศ์วอลลาเคียจนไม่มีโอกาสได้ถอยหลังกลับไปมีชีวิตแบบสามัญชนปกติอีกแล้ว

จักรพรรดิวินเซนต์ได้นำระบบ “เก้าแม่ทัพเทวะ” กลับมาใช้ เขาทำการกวาดล้างพวกขุนนางที่ยศสูงเพียงเพราะสายตระกูลและมอบโอกาสให้ผู้แข็งแกร่งที่ไม่เคยมีโอกาสได้ไต่เต้า

คำจำกัดความของ “ผู้แข็งแกร่ง” ถูกเปลี่ยนไป เริ่มไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถในการสู้รบเพียงอย่างเดียว

และด้วยการประเมินแบบใหม่นี้ จิชาจึงได้ยืนอยู่บนตำแหน่งแม่ทัพเทวะ “ลำดับสี่” ตามหลังเซซิลุส เซ็กมุนต์ อาราเคีย และโอลบาร์ต

ทีแรกจิชาก็กังวลว่าตัวเขาไม่เหมาะสมที่แบกรับภาระของผู้แข็งแกร่ง “ลำดับสี่” ของจักรวรรดิ แต่หลังได้พูดคุยกับเซซิลุส จิชาก็ทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงและตำแหน่งนี้ได้

. อูบิรูค: ――แหมๆ หวัดดีคร้าบ แม่ทัพเอกจิชา วันนี้เป็นวันดีเนอะว่าไหมครับ

ความเปลี่ยนแปลงเดียวที่ทำให้จิชารู้สึกกังวลใจ ก็คือตัวตนของนักอ่านดารานาม “อูบิรูค” ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกพระราชวังแก้วผลึกตามใจชอบ

การมาเยือนของอูบิรูคยังไม่ได้ส่งผลเลวร้ายอะไรในทันที แต่หลายปีถัดมา ลางสังหรณ์ของจิชาก็กลายเป็นจริง

อูบิรูค: ลิขิตสวรรค์ได้แจ้ง “มหาภัยพิบัติ” มาแล้ว ฝ่าบาท น่าเสียดายนะครับ

ที่ผ่านมาคำทำนายของอูบิรูคหรือที่เขาเรียกมันว่า “เสียงกระซิบของดวงดาว” นั้นทำนายการจลาจลและภัยธรรมชาติในประเทศได้อย่างแม่นยำมาโดยตลอด

จิชาเคลือบแคลงใจในตัวอูบิรูคเสมอมา แต่วินเซนต์เป็นประเภทที่ใช้งานทุกคนโดยไม่เกี่ยง ขอแค่มีประโยชน์ แม้จะเป็นคนน่าสงสัยอย่างอูบิรูคหรืออดีตศัตรูอย่างเบลสเต็ตซ์ ฟอนดัลฟอนก็ตาม

จิชา: ถ้าถึงขนาดเรียกว่า “มหาภัยพิบัติ” แสดงว่าคงกำจัดไม่ได้ง่ายๆ โชคดีที่ทั้งเซซิลุสกับแม่ทัพเอกอาราเคียว่างอยู่… เอาเหอะ ถ้าปล่อยให้สองคนนั้นอยู่แยกกันจะอันตราย ส่วนใหญ่เลยว่างอยู่แล้ว…

อูบิรูค: ――มันคือความพินาศนะครับ แม่ทัพเอกจิชา

จิชา: หือ?

อูบิรูค: คืองี้นะครับ สิ่งที่กำลังจะมาคือความพินาศครับ แม่ทัพเอกจิชา “มหาภัยพิบัติ” น่ะคือแห่งหมากแห่งความวินาศที่จะทำให้จักรวรรดิวอลลาเคียล่มสลาย มันคือสิ่งที่นำพาความพินาศที่กระทั่งแสงตะวันยังสาดส่องไม่ถึง แต่จะว่าไปแล้ว ――เดิมที “ดาบตะวัน” ก็ใช้งานอย่างสมบูรณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ใช่ม้า?

ทันทีที่อูบิรูคพูดจาลามปาม จิชาก็เคลื่อนย้ายจากข้างหลังวินเซนต์ไปโผล่กลางห้องแล้วใช้พัดเหล็กหวดลำคอของอูบิรูคจนล้มลง จากนั้นก็เตรียมฟาดศีรษะซ้ำ

วินเซนต์: ――หยุดเลย จิชา ฆ่าไปก็ไม่มีความหมาย

จิชา: แต่ว่า ฝ่าบาทครับ เจ้านี่มันล่วงรู้เรื่องที่ไม่ควรจะทราบ นี่หรือว่าฝ่าบาทเป็นคนบอกไปเอง?

วินเซนต์: เจ้าคนเขลา เราผู้นี้ไม่มีทางหลุดปากบอกตัวตลกหรอก บางที ถ้าเป็นเจ้าก็คงจะเรียนรู้เรื่องนั้นมาจากดวงดาวสินะ

อูบิรูค: โอ๊ย ฮ่าฮ่า ถูกต้องนะครับ ว่าแต่เมื่อกี้ผมอ่ะพึ่งหวิดตายไปสินะเนี่ย?

จิชาถอนหายใจและเก็บพัดเหล็กที่หยุดไว้กลางคันก่อนถึงหัวอูบิรูค ส่วนอีกฝ่ายยังคงกระดี๊กระด๊าได้และชื่นชมทักษะในฐานะนักรบของจิชาอีกต่างหาก

. จิชายังคงมีเรื่องค้างคาใจและสัมผัสได้ว่าวินเซนต์รู้อะไรบางอย่าง เขาจึงตัดสินใจถามออกไป

จิชา: ฝ่าบาท ท่านดูจะไม่ประหลาดใจต่อคำทำนายของท่านอูบิรูคเลย ขออนุญาตถามความจริงหน่อยได้ไหม?

อูบิรูค: เอ่อ มันไม่ใช่คำทำนายของผมแต่เป็น… อุ

จิชา: ขออภัย แค่ตักเตือนว่าอย่าให้มีครั้งหน้าอีก

พออูบิรูคเอ่ยแทรกขึ้นมา จิชาก็เขวี้ยงพัดเหล็กของไปปักใส่กำแพงด้านหลัง แก้มของอูบิรูคโดนพัดบาดจนเลือดไหลซึมออกมา เขาจึงยอมเงียบปากไป

วินเซนต์: ลางบอกเหตุแห่งหายนะน่ะ ได้ข้อมูลมาจากหมอนั่นแล้ว มันมีเสียงกระซิบของผู้สังเกตการณ์ที่กล่าวว่า “มหาภัยพิบัติ” ที่กำลังมาถึงจะนำพาการล่มสลายมาสู่จักรวรรดิ

ทีแรกจิชาก็สงสัยว่าทำไมวินเซนต์ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ แต่เขาก็นึกออกว่า “ผู้สังเกตการณ์” คือสิ่งที่วินเซนต์เคยกล่าวถึงจากบันทึกของ “สไตรด์ วอลลาเคีย” ผู้ถูกเนรเทศ

จิชา: ฝ่าบาท ท่านคิดว่าผู้สังเกตการณ์ที่ว่าคือ “ดวงดาว” ที่ท่านอูบิรูคพูดถึงหรือเปล่า?

วินเซนต์: …เราผู้นี้เองก็คิดเช่นนั้น เรื่องที่เจ้าอูบิรูคพูดมามันเหมือนกับประกาศที่ได้เห็นมาจากผู้สังเกตการณ์

จิชา: ――เช่นนั้น ท่านคิดว่าสไตรด์ วอลลาเคียเองก็เป็น “นักอ่านดารา” เช่นกันหรือเปล่า?

วินเซนต์: เรื่องนั้นมีความเป็นไปได้สูง แต่เขานั้นต่างออกจากพวกที่เรียกตัวเองว่า “นักอ่านดารา” และหากได้อ่านเนื้อหาของบันทึกล่ะก็ สไตรด์ วอลลาเคียนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้สังเกตการณ์

จิชารู้สึกขุ่นเคืองที่วินเซนต์แบกรับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไว้คนเดียวโดยไม่คิดจะบอกกระทั่งคนสนิทอย่างเขา

ตอนนั้นเองที่อูบิรูคเสนอตัวขอเป็นคนพูดสิ่งที่วินเซนต์ไม่อยากพูดออกมาเอง

วินเซนต์: ไม่ต้องอวดอ้างนัก ขอแนะนำให้ไตร่ตรองคำพูดให้ดีก็แล้วกัน

อูบิรูค: ซาบซึ้งในความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ถ้างั้น ขอสรุปให้ฟังเลยแล้วกัน “มหาภัยพิบัติ” ที่จะนำพาความพินาศมาสู่จักรวรรดินี่นะครับ ――จะมีความตายของฝ่าบาทวินเซนต์ วอลลาเคียเป็นสัญญาเริ่มต้นแห่งลิขิตสวรรค์ล่ะครับ

. หลังอูบิรูคจากไปก็เหลือเพียงจักรพรรดิและข้ารับใช้คนสนิทอยู่ในห้องทำงานเพียงสองคน

ก่อนหน้านี้จิชาเคยลองใช้ทักษะ(โน)ปลอมแปลงรูปลักษณ์เป็นวินเซนต์ แต่อูบิรูคก็ไม่เคยหลุดปากบอกอะไรเขาเลย

วินเซนต์เฉลยว่าที่เขาไม่เคยบอกจิชาก่อนหน้านี้ ก็เพราะถ้าหากจิชารู้เรื่องคำทำนายเข้า จิชาก็คงเอาแต่คิดหาวิธีช่วยวินเซนต์อย่างเปล่าประโยชน์

จิชา: การคำนึงถึงชีวิตของฝ่าบาทเป็นสิ่งสำคัญสุดก็เป็นเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้วนี่ครับ ทำไมถึงคิดว่ามันเปล่าประโยชน์กัน?

วินเซนต์: ลองนึกย้อนถึงลิขิตสวรรค์ที่เจ้า “นักอ่านดารา” เคยท่องให้ฟังจนถึงตอนนี้ดู

นอกจากเรื่องมหาภัยพิบัติที่วินเซนต์ปิดบังไว้แล้ว จิชาทราบเกี่ยวกับคำทำนายอื่นของอูบิรูคดี ซึ่งคำทำนายเหล่านั้นมันมีจุดร่วมอยู่อย่างหนึ่ง

จิชา: ――ในแต่ละเหตุการณ์ ถึงระดับของความเสียหายจะแตกต่างกัน แต่มันเกิดขึ้นเสมอ

วินเซนต์: ถูกต้องแล้ว แม้จะทราบลางบอกเหตุล่วงหน้า แต่เราไม่เคยขัดขวางเหตุการณ์ใดได้เลย ไม่ว่าจะภัยจากมนุษย์หรือภัยธรรมชาติ เหตุการณ์แรกจะเกิดขึ้นเสมอ ถึงแม้ว่าจะสามารถจัดการความเสียหายหลังจากนั้นได้ก็ตาม

สรุปแล้ว หากอิงจากคำทำนายล่าสุดของอูบิรูค มันก็แปลว่า

วินเซนต์: “มหาภัยพิบัติ” ที่หมอนั่นพูดถึงจะมีความตายของเราผู้นี้เป็นสัญญาณเริ่มต้น

จิชา: ――อึก เช่นนั้นก็ต้องปกป้องชีวิตของฝ่าบาทอย่างเต็มกำลัง มาขัดขืนลิขิตสวรรค์ของนักอ่านดารากันเถอะครับ!

วินเซนต์: คิดว่าเราผู้นี้มิเคยลองหาหนทางทดสอบความเป็นไปได้นั้นดูงั้นหรือ?

แน่นอนอยู่แล้วว่าวินเซนต์ต้องเคยลองหาวิธียับยั้งคำทำนายอื่นของอูบิรูคลับหลังจิชา แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาล้มเหลวหมด

จิชา: ฝ่าบาทรู้เรื่องลางบอกเหตุแห่ง “มหาภัยพิบัติ” ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

วินเซนต์: ――บันทึกไงล่ะ

ว่าแล้ววินเซนต์ก็หยิบหนังสือเล่มเก่าออกมาจากลิ้นชัก มันคือบันทึกของ “สไตรด์ วอลลาเคีย” ซึ่งจิชาพึ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก

จิชา: ฝ่าบาท ถ้างั้นสิ่งที่ท่านมาจนถึงตอนนี้…

การพบเจอเจชา ทริม / การเดินทางร่วมกัน / การใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ / การรับตัวเซซิลุส เซ็กมุนต์มา / การเข้าร่วมพิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิ / การรักษาชีวิตของพริสก้า เบเนดิกต์ / การเปิดเส้นทางใหม่ในฐานะจักรพรรดิ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่วินเซนต์ วอลลาเคียเตรียมการมา ทั้งหมดก็เพื่อการนี้

วินเซนต์: ――หลังเราผู้นี้ตายไป ต้องมีคนคอยช่วยลดความเสียหายจากความพินาศของ “มหาภัยพิบัติ” ลงให้มากที่สุด เพื่อการนั้นแล้ว ถึงได้แต่งตั้ง “เก้าแม่ทัพเทวะ” ขึ้นมา

จิชา: …

วินเซนต์: ――ต้องเป็นเจ้านั่นแหละ จิชา โกลด์

. หลายวันต่อมา จิชาใช้พัดเหล็กจ่อคออูบิรูคเพื่อเค้นถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์และมหาภัยพิบัติ

อูบิรูค: ต่อให้ร่างของผมจะต้องแหลกสลาย การเติมเต็มให้ลิขิตสวรรค์เกิดขึ้นจริงมันก็สำคัญกว่าอยู่ดีครับ เป้าหมายของผมคือการยับยั้งความพินาศหลังจาก “มหาภัยพิบัติ” เกิดขึ้น

ยามที่อูบิรูคเอ่ยประโยคนั้น รอยยิ้มกับท่าทีเหลาะแหละแบบทุกทีก็เลือนหายไป จิชารู้สึกว่าเขาพึ่งเคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอูบิรูคเป็นครั้งแรก

แต่จิชาก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก แปลว่าจุดประสงค์ของอูบิรูคนั้นตรงกับวินเซนต์ นั่นแหละคือสาเหตุที่วินเซนต์ไม่เคยคิดจะกำจัดอูบิรูค มีเพียงจิชาคนเดียวที่ยังฝืนหาหนทางยับยั้งมัน

ต่อให้จิชาจะกำจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดมหาภัยพิบัติไปหมด อูบิรูคนี่แหละก็จะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้มหาภัยพิบัติเกิดขึ้นอยู่ดี เพื่อให้ลิขิตสวรรค์ของเขาเป็นจริงขึ้นมา

จิชา: เช่นนั้น ควรลบปัจจัยที่ว่าทิ้งด้วยมือเราเองที่นี่เลยดีไหมน้า

อูบิรูค: อยากขอให้หยุดอยู่หรอกแต่คงห้ามไม่ได้ แต่ว่าน้า ขอบอกไว้สักอย่าง ต่อให้จะฆ่าผมไป “นักอ่านดารา” คนถัดไปก็จะปรากฏตัวออกมาอยู่ดีครับ กลไกมันเป็นแบบนั้นแหละครับ

จิชา: …

อูบิรูค: สี่หายนะครั้งใหญ่ที่จะทำลายโลกนี้ โอกาสที่จะยับยั้งหนึ่งในนั้นได้ปรากฏขึ้นมา พวกเราคือบั้นปลายผู้ไร้มลทินและผู้พิทักษ์จากดวงดาวที่มีตัวสำรองมากมายพร้อมจะแทนที่ครับ

“เพื่อที่จะยับยั้งความพินาศที่เกิดจากมหาภัยพิบัตินั้น มหาภัยพิบัติจำเป็นจะต้องเกิดขึ้นก่อน”

นั่นคือความมุ่งมั่นที่จิชามองเห็นผ่านแววตาของอูบิรูคผู้ถูกพัดเหล็กจ่อคอพร้อมโดนปาดให้ขาดอยู่ตลอดเวลา

. อูบิรูครู้สึกชื่นชมวินเซนต์จากใจจริง ที่กระทั่งหลังได้ทราบชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ วินเซนต์ยังอุตส่าห์เตรียมการเพื่อป้องกันความเสียหายหลังความตาย

สัญลักษณ์ “หมาป่าถูกดาบแทง” ของวอลลาเคียสื่อถึงนักรบผู้กล้าแกร่งที่มิเคยหวั่นเกรงแม้จะอยู่ในสภาพเจียนตาย

และวินเซนต์ วอลลาเคียก็คือผู้ที่ใช้ชีวิตได้เหมาะสมแก่การเป็น “ราชาแห่งหมาป่าดาบ” อย่างแท้จริง

ในระหว่างที่สูญเสียจุดยืนไม่รู้จะไปต่ออย่างไร อูบิรูคก็พูดแหย่ให้จิชาลองชวนเซซิลุสไปไล่ฆ่านักอ่านดาราให้หมดประเทศดู

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝันที่ทำให้เป็นจริงไม่ได้ แต่เรื่องนั้นก็ทำให้จิชานึกถึงคำพูดของเซซิลุสเมื่อนานมาแล้วขึ้นมาได้

[เซซิลุส: เรื่องนั้นน่ะให้ฝ่าบาทหรือใครก็ได้จัดการไปสิครับ ถึงจะเป็นดารานำแสดงของโลกใบนี้ แต่จุดอ่อนใหญ่สุดของผมก็คือการที่ผมมีอยู่แค่คนเดียวนี่แหละครับ]

จิชา: ท่านอูบิรูค ขอถามอะไรหน่อย ――ท่านอูบิรูคได้รับลิขิตสวรรค์มาในรูปแบบใดงั้นเหรอครับ?

อูบิรูค: ก็หลายแบบแหละครับ แต่ส่วนใหญ่ผมอ่ะจะได้รับมาในรูปแบบคล้ายความฝัน

คำตอบของอูบิรูคทำให้จิชาเกิดความคิดใหม่ขึ้นมา สีสันบนร่างเขาเริ่มจางหายไป แล้วย้อมสีตัวเองขึ้นมาใหม่เป็น…

วินเซนต์(จิชา): ลิขิตสวรรค์ที่ท่านอูบิรูคได้รับมา หากมันคือวินาทีที่ฝ่าบาทเสียชีวิตล่ะก็ ――วินเซนต์ วอลลาเคียที่ตายจะเป็นฝ่าบาทคนไหนกันน้า?

. จิชา โกลด์ หรือ เจชา ทริม ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเขาเป็นข้ารับใช้ที่จงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิอย่างสมบูรณ์

ตอนที่วินเซนต์ออกปากถามว่าตายเพื่อเขาได้ไหม คำตอบของจิชาก็คือ “ไม่ได้”

จิชา “ตายเพื่อ” วินเซนต์ไม่ได้ แต่เขาก็เคารพนับถือวินเซนต์อย่างมากในฐานะประชาชนชาวจักรวรรดิและในฐานะแม่ทัพ

ตั้งแต่ในวันนั้นที่เขาเจอรถมังกรติดหล่ม มองแค่ปราดเดียวก็ดูออกว่านั่นคือรถมังกรของบุคคลสำคัญ ชาวเมืองแถวนั้นเลยไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว

แต่หากไม่มีใครเข้าไปช่วย คนพวกนั้นคงจะโดนหางเลขภายหลังกันหมด กระนั้นที่จิชาเดินเข้าไปหารถมังกรก็ไม่ใช่เพราะเขาห่วงใยชาวเมือง

จิชาก็เพียงแค่อยากลองใช้ศาสตร์การคำนวณที่เคยโดนดูถูกตอนสมัยอยู่บ้านเกิดให้เป็นประโยชน์เท่านั้น

วินเซนต์ วอลลาเคียมอบหมายภาระหน้าที่สำคัญให้จิชารับช่วงต่อหลังเขาตาย เพราะเขาเชื่อมั่นว่าจิชามีความเฉลียวฉลาดเทียบเคียงกับตน

จิชา: ความพินาศที่มหาภัยพิบัติจะนำพามา… มหาภัยพิบัติบ้าบออะไรกัน น่าขำสิ้นดีน้า

สำหรับจิชา มันน่าขำสิ้นดี “มหาภัยพิบัติ” ที่จะนำพาความล่มสลายมาสู่จักรวรรดิจะเกิดขึ้นได้หลังจากที่วินเซนต์ วอลลาเคียตายก่อนเท่านั้น

นั่นแปลว่าไอ้เจ้ามหาภัยพิบัติมันไม่มีน้ำยาทำลายจักรวรรดิตราบใดที่วินเซนต์ยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ต่างอะไรจากการแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย

จิชา: ฝ่าบาทคือจักรวรรดิวอลลาเคีย การเหยียบย่ำแผ่นดินนี้หลังฝ่าบาทตายไปแล้วเรียกว่าเป็น “ความพินาศ” มันน่าขำสิ้นดี นี่มันละครชวนหัวครั้งใหญ่ชัดๆ

จิชาหัวเราะ เขาหัวเราะเยาะ “มหาภัยพิบัติ” ที่ตัวเขาคงไม่มีโอกาสได้อยู่รอดจนเห็นกับตา

“อย่าคิดเชียวว่าอีแค่ความพินาศจากคำทำนายจะสามารถทำลายองค์จักรพรรดิหรือจักรวรรดิของพวกเราได้”

พอมานึกย้อนดูแล้ว มันก็เหลื่อเชื่อที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพียงเพราะจิชาไปช่วยรถมังกรที่ติดหล่มในวันนั้น

จิชา: ――ลางใบ้อนาคตสินะ ถึงจะไม่มีวันยอมรับ เพราะเดี๋ยวเจ้าเซซิลุสจะเหลิงใหญ่ก็เถอะ

. ณ ปัจจุบัน

ลำแสงสีขาวที่เจาะทะลุเข้ามายังห้องบัลลังก์ทำให้โลหิตของเขาสาดกระเซ็นไปโดนชายร่างผอมบางผู้สวมหน้ากากโอนิที่ได้แต่ยืนตะลึงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หน้าอกของเขาถูกเจาะทะลุเป็นรู หัวใจถูกทำลาย ร่างของเขาล้มทรุดลงบนพรมแดง ไม่มีการชักกระตุก ไม่มีคำพูดสั่งเสียหรือลมหายใจออกมาอีกต่อไป

เพราะว่ามันคือลิขิตสวรรค์ที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เขาตายแล้ว เขาสิ้นชีพไปในฐานะ “เจชา ทริม” ในฐานะ “จิชา โกลด์” และในฐานะ “วินเซนต์ วอลลาเคีย”

. จบตอน