ทหารมาเรียกพวกสุบารุไปขึ้นแสดง ทาริตต้าตื่นตัวจนรู้สึกเกร็ง สุบารุเลยปลอบใจด้วยคำว่า “แค่ดูชั้นไว้ก็พอ”
ที่ห้องโถงจัดแสดงมีทหารยศแม่ทัพอยู่ราวๆ 30 คน รวมไปถึง “ซีคูร์ ออสมัน” เป้าหมายของพวกเขาอยู่ด้วย
ซีคูร์เป็นชายตัวเตี้ย(สูงประมาณคูนา)ที่มีผมทรงแอโฟร ท่าทางไม่ได้ดูแข็งแกร่งเลย
ความหยิ่งยะโสของวินเซนต์ที่ไม่ยอมคุกเข่าต่อหน้าแม่ทัพทำให้มีเสียงบ่นอยู่บ้าง แต่พอเปิดผ้าคลุมหน้าออกและเริ่มการแสดง เหล่าผู้ชมก็ได้แต่หลงใหลไปตามกัน
ถึงจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่วินเซนต์ก็หลอกให้ซีคูร์ส่งมาดาบมาและใช้มันยึดตัวแม่ทัพฝ่ายศัตรูมาได้สำเร็จ
มีแม่ทัพบางส่วนพยายามจะขัดขืน คูนาเลยเขวี้ยงมีดที่แอบหยิบมาจากจานอาหารเข้าใส่แขนขาของพวกเขา
หนึ่งในนั้นมีคนที่เก่งพอจะจับมีดขอคูนาไว้ได้ แต่เขาก็ถูกทาริตต้ายิงธนูปักไหล่แทน (ทาริตต้าเกือบยิงให้ตาย แต่ฟล็อปห้ามทัน) ดาบของแม่ทัพคนนั้นหมุนควงไปตัดวิกของวินเซนต์จนหลุด
ซีคูร์ที่เหมือนจะรู้ตัวจริงของวินเซนต์สั่งห้ามไม่ให้ลูกน้องทำอะไรต่อ
ถึงเขาเป็นแม่ทัพที่ไร้ความดุดัน แต่ซีคูร์ก็เป็นนักกลยุทธ์ที่รอบคอบและเกลียดความเสียหายที่ไม่จำเป็น เขามักจะทำพวกพ้องตายน้อยมากจนมีฉายาเก่าว่า “จอมปอดแหก” ก่อนจะมาเป็น “เสือผู้หญิง”
วินเซนต์ชื่นชมและเชื่อมั่นในนิสัยนั้นของซีคูร์ถึงได้เลือกใช้แผนนี้
หลังซีคูร์ประกาศยอมแพ้ วินเซนต์ก็สั่งให้สุบารุไปเผาธงบนหลังคาเพื่อเป็นสัญญาณเรียกทีมมิเซลด้าให้เข้ามาช่วยริบอาวุธของพวกทหาร
การยึดเมืองปราการกัวราลเสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการแล้ว
ตัดมาทางท็อดด์กับจามาลที่เดินตรวจตราเมืองอยู่ พวกเขาสังเกตเห็นหญิงสาวผมดำจุดไฟเผาธงหมาป่าดาบของทางจักรวรรดิ
ท็อดด์: ---นัตสึมิ ชวาร์ซ …นี่หรือว่าจะเป็นนายเองเหรอ?
ท็อดด์เชื่อมโยงเรื่องราวในหัวและรู้ตัวการจริงของเรื่องทั้งหมดนี้ เขารู้สึกสั่นกลัวขึ้นมาที่ศัตรูที่กล้าใช้แผนฉุกละหุกขนาดนี้
ท็อดด์ตอบโต้ยังไงอีกฝ่ายก็หาทางแก้ได้ตลอด นี่เขาเป็นเป็นอัจฉริยะด้านการสงครามหรือไงกัน?
ดูเหมือนว่าท็อดด์จะมี “ดวงตาพิเศษ” บางอย่างที่ทำให้มองเห็นสุบารุบนหลังคาได้ชัดเจนจากระยะไกล
ท็อดด์ห้ามจามาลที่คิดจะกลับไปที่ศาลากลาง เพราะเขาคิดว่าสุบารุคงฆ่าพวกแม่ทัพซีคูร์ตายหมดแล้ว เขาไม่คิดจะปล่อยให้จามาลไปตายเปล่า
ท็อดด์ตัดสินใจหนีออกจากเมืองทางช่องโหว่กำแพงก่อนที่พวกชูดราคจะโผล่มา จามาลไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามน้องเขยไป
ท็อดด์: ตอนนี้ขอจำชื่อนายไว้ว่า “นัตสึมิ” ก่อนละกัน ---คุณอัจฉริยะแห่งการสงครามเอ๋ย
การเผาธงหมาป่าเป็นการประกาศการยึดศาลากลางไปทั่วทั้งเมือง จนทหารยามยอมปล่อยให้พวกมิเซลด้าเข้ามาสมทบอย่างง่ายดาย
เหล่าทหารถูกมัดเรียงกันไว้ที่ห้องจัดแสดง ทั้งมิเซลด้า โฮลี่ มีเดียมและเรมต่างร่วมแสดงความยินดีที่แผนการสำเร็จ
(ฟล็อปกับวินเซนต์เปลี่ยนชุดกลับแล้ว แต่สุบารุยังแต่งหญิงค้างไว้อยู่ ไม่ว่างเปลี่ยนกลับ)
สุบารุแวะเข้าไปดูห้องส่วนตัวข้างหลังซึ่งมีวินเซนต์กับซีคูร์ที่กำลังคุกเข่าอยู่
ซีคูร์ซาบซึ้งที่วินเซนต์จำฉายาเก่าของเขาได้ เขาจึงถวายความภักดีและจะยอมทำตามที่วินเซนต์ว่าทุกอย่าง
ตอนนี้วินเซนต์จึงได้รับกำลังทหารเพิ่มขึ้นมามาก
แต่พอซีคูร์พูดถึงกำลังเสริมจากเมืองหลวงขึ้นมา วินเซนต์ก็เปลี่ยนเข้าโหมดอารมณ์จริงจัง
วินเซนต์: ปิดประตูเข้าเมืองเดี๋ยวนี้! อย่าปล่อยให้ใครผ่านเข้ามากระทั่งคนส่งสาร!
รุย: อู~!!! อู! อู! อา อู!
วินเซนต์รีบแจกแจงคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่แล้วตอนนั้นเองรุยก็ส่งเสียงร้องโหวกเหวกขึ้นมา ราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างอยู่
เรมเข้ามาถามจนรุยชี้นิ้วไปทางมุมหนึ่งของห้องที่ไม่มีอะไรอยู่เลย แต่วินเซนต์ก็ออกคำสั่งให้มิเซลด้าโจมตีทันที
เธอยิงธนู 4 ดอกไปยังพื้นที่ว่างเปล่า (สุบารุคิดว่ามิเซลด้านี่แหละคือนักล่าที่ฆ่าเขาตายในลูปแรก วัดจากความแรงธนู)
อาราเคีย: แค่นั้นน่ะ ฆ่าฉัน ไม่ได้หรอก
พอสิ้นน้ำเสียงไร้อารมณ์นั้น ร่างของมิเซลด้าก็ลุกเป็นไฟ
หลังจากที่คูนากับโฮลี่รีบคว้าขวดน้ำมาใช้ดับไฟให้มิเซลด้าเสร็จ เด็กสาวอมนุษย์สายพันธุ์สุนัขก็ปรากฏกายออกมา
เธอแต่งตัวด้วยผ้าน้อยชิ้น มีผิวสีน้ำตาล ผมสีเงินและสวมผ้าปิดตา
วินเซนต์: เจ้าเองรึ อาราเคีย
อาราเคีย: ไม่ได้เจอกันนานนะคะ ใต้เท้า
เธอคนนี้คือ “อาราเคีย” ลำดับที่ 2 ของเก้าแม่ทัพเทวะแห่งจักรวรรดิวอลลาเคีย
หรือก็คือบุคคลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของประเทศนี้
สาวชูดราคราว 17 คนรีบเข้าล้อมอาราเคียและง้างธนูขึ้นมา สุบารุเองก็ไปหยิบดาบของทหารมาไว้ก่อน
อาราเคีย: ถึงจะพยายามไปก็เปล่าประโยชน์
อาราเคียเรียกพายุหมุนมาพัดโหมกระหน่ำกลางห้องโถงได้ในพริบตา ทุกคนต่างปลิวว่อนไปชนกำแพงและเพดานจนหมดสภาพ
ที่สุบารุไม่ได้หมดสติไปก็เพราะได้ซีคูร์เอาตัวเข้ามาบังให้
สุบารุกวาดสายตาไปรอบๆแต่กลับไม่พบเรม เขาหันไปเจอวินเซนต์แทน
วินเซนต์ยืนพิงระเบียงประจันหน้าอยู่กับอาราเคียแม้ว่าจะมีเลือดไหลออกจากหน้าผากและแขนข้างนึงดูจะใช้การไม่ได้แล้ว
วินเซนต์: เป็นแค่หุ่นเชิดทำตัวซะยิ่งใหญ่เชียว นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเข้าร่วมฝ่ายข้าเพราะอะไร?
อาราเคีย: ใต้เท้าโกหก ข้าถูกหลอก เพราะงั้นจะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด
วินเซนต์: ---นั่นก็เป็นฝีมือจิชางั้นหรือ?
พออาราเคียขยับตัวเข้ามาใกล้ วินเซนต์ก็ส่งสัญญาณให้เรมที่ซ่อนตัวอยู่โค่นเสาลงมาทับเธอ แต่อาราเคียกลับใช้เวทดินแก้ทางอย่างง่ายดาย
อาราเคียดูออกทันทีว่าเรมเป็นเผ่าโอนิและบ่นว่าอย่ามาขวางเพราะเธอไม่อยากจะทำร้ายพวกพ้อง (น่าจะเพราะเป็นอมนุษย์ไม่ก็เผ่าหายากเหมือนกัน)
เรมพยายามจะหยิบเศษหินมาปา อาราเคียสวนด้วยการโบกไม้ที่ถือเล็กน้อยเพื่อเป่าทั้งเศษหิน เพดานและกำแพงรอบตัวเรมทิ้งไปหมด
สุบารุฝืนลุกขึ้นมาเพื่อจะเอาตัวเข้าไปขวางก่อนที่ร่างของเรมจะปลิวหายไป
สุบารุเตรียมพร้อมรับความตายที่จะมาเยือนแต่มันกลับมาไม่ถึงเสียที พอลืมตาขึ้นมาที่เบื้องหน้าของเขาก็มีใครบางคนยืนอยู่
สาวงามที่มายืนอยู่ตรงหน้าทำให้ดวงตาของอาราเคียและสุบารุเบิกกว้าง
ในมือของเธอมีดาบสีแดงที่พึ่่งฟันผ่าการโจมตีของอาราเคียทิ้งไป ดวงตาสีแดงคู่นั้นหยิ่งยะโสราวกับจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอ
พริสซิลล่า: ไม่จำเป็นต้องเอ่ยนามของเจ้าขึ้นมาหรอก แต่ถ้าจะเอ่ยนามของข้าพเจ้าก็ไม่ว่ากัน
“พริสซิลล่า บาริเอล” กล่าวเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มสีเลือด
จบตอน