พริสซิลล่ารู้ว่าสุบารุกำลังทำสีหน้าโง่เง่าด้วยความมึนงงโดยที่ไม่ต้องหันหลังมาดู กลับกันฝั่งอาราเคียนั้นรู้สึกตื้นตันที่ได้เห็นพริสซิลล่าอีกครั้งจนหลุดปากเรียกเจ้านายเก่ารัวๆ
อาราเคีย: ท่าน…หญิง… ท่านหญิง… ท่านหญิง… ท่านหญิง…
พริสซิลล่า: หุบปาก
ขนาดสุบารุที่ไม่ค่อยรู้เรื่องก็เข้าใจว่าสองคนนี้รู้จักกัน แต่พออาราเคียพยายามเข้าใกล้เหมือนอยากเข้ามากอด พริสซิลล่าก็ตวัดดาบแสงแล้วสร้างกำแพงไฟขวางไว้
พริสซิลล่าผิดหวังในตัวอาราเคียที่ยังมองโลกแง่ดีว่าทั้งคู่จะกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนได้ อาราเคียเลยเตรียมใจพร้อมสู้อีกครั้ง
แต่คราวนี้อาราเคียกระโดดข้ามกำแพงไฟแล้วเล็งเป้าหมายกลับไปที่ “วินเซนต์” ที่ยังคงยืนพิงระเบียงอยู่แทน
สุบารุเรียกพริสซิลล่าให้ช่วยวินเซนต์ แต่เธอก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิด แถมหัวเสียที่สุบารุเรียกชื่อเธอแบบไม่ได้รับอนุญาตแทน
แต่แล้ววินเซนต์ก็เป็นคนแก้สถานการณ์เองด้วยการกระทืบพื้นให้ระเบียงที่เกือบพังอยู่แล้วให้ร่วงลงไปพร้อมกับอาราเคียที่พุ่งเข้ามาหา ส่วนเจ้าตัวก็รีบคว้าผ้าม่านเอาไว้
อาราเคีย: ลูกเล่นแบบเด็กๆ! …ตายซะเถอะค่ะ ใต้เท้า!
แต่ทางอาราเคียก็เปลี่ยนช่วงล่างตั้งแต่เข่าลงมาให้กลายเป็นเปลวเพลิงแล้วใช้มันเป็นไอพ่นในการลอยตัวกลางอากาศ
จากนั้นก็เล็งไม้คทากลับไปหาวินเซนต์ที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนผ้าม่าน
ตอนนั้นเองบุคคลที่สามก็แทรกตัวผ่านเสาหินมาตวัดดาบมังกรฟ้าใส่อาราเคียทีเผลอ จนเธอต้องรีบบล็อคเอาไว้แล้วและเสียโอกาสในการเก็บวินเซนต์ไป
อัล: ให้ตายสิ พี่น้อง นี่ไม่รู้เลยว่าเป็นนายจนกระทั่งได้ยินเสียงตะกี้นี่แหละ
สุบารุ: …อัลเหรอ?
อัล: ว่าไง พี่น้อง ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่อีกฟากหนึ่งของชายแดนแบบนี้ ที่จริงก็อยากถามเรื่องแฟชั่นนั่นกับฉลองที่ได้เจอกันอยู่หรอกนะ…
(อนึ่ง สุบารุยังแต่งหญิงค้างไว้อยู่)
อัลหันไปทักทายอาราเคียด้วยความคิดถึงว่าเธอโตมาสวยอย่างที่คิดไว้ แต่ฝั่งอาราเคียกลับจำเขาไม่ได้ซะงั้น
อาราเคียดูจะแปลกใจที่อัลสามารถเบี่ยงเบนการโจมตีของเธอได้ แต่อัลก็บอกออกมาตรงๆว่าเขา “ไม่ได้ลองแค่ครั้งเดียว”
แปลว่าอัลใช้พลังไปแล้ว แถมแม้กระทั่งสุบารุก็ยังไม่รู้ตัวเลย
อัลทำการต่อสู้กับอาราเคียเพื่อปกป้องวินเซนต์ต่อ สุบารุสังเกตได้ว่าที่อาราเคียไม่ยอมใช้เวทใหญ่แบบก่อนหน้านี้ก็เพราะตอนนี้มีพริสซิลล่าอยู่ด้วย
สุบารุลองใช้สายตาอ้อนวอน แต่พริสซิลล่าที่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็ปฏิเสธ เรมเลยลองขอแบบสุภาพดูบ้าง
คราวนี้พริสซิลล่าดูจะพอใจและบอกให้จับตาดูความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ไว้
อัลปัดคทาสามง่ามของอาราเคียที่ใช้ไอพ่นไฟบินวนไปวนมาได้แบบต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่เขาประดาบ แรงสะเทือนก็ค่อยๆส่งผลจนอัลเคลื่อนไหวช้าลงอย่างชัดเจน
แต่จังหวะที่อาราเคียกำลังจะปิดฉากนั้นเอง อะไรบางอย่างก็ทำให้เธอเสียการทรงตัว พร้อมกันกับการตะโกนให้สัญญาณของวินเซนต์
อัลรีบตวัดดาบด้านไม่คมเข้าใส่อาราเคียที่ถูกขัดการเคลื่อนไหวกลางอากาศโดยทันที
แต่อาราเคียก็ยกแขนมาตั้งรับไว้ได้ แลกกับการที่ข้อศอกของเธอแตกจนกระดูกแทงทะลุเนื้อออกมาเลย
และในชั่วอึดใจต่อมา อัลก็โดนอาราเคียเตะก้านคอจนปลิวกระเด็นตกระเบียงไป
คนที่เข้ามาขวางอาราเคียต่อก็คือมิเซลด้าที่โดนเล่นงานไปคนแรกก่อนหน้านี้
เธอตวัดมีดเล่มใหญ่ในมือแบบไร้ปรานีไม่เหมือนอัลและกระหน่ำโจมตีอาราเคียแบบกะเอาชีวิต
อาราเคียปัดมีดทิ้งแล้วใช้คทาสามง่ามแทงสวนใส่ท้องมิเซลด้าทะลุไปถึงเครื่องใน แต่มิเซลด้าก็ใช้โอกาสนั้นกุมคทาของอาราเคียไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
พริสซิลล่า: จงยินดีเสียเถอะ เด็กสาวโอนิ คำร้องขอของเจ้าทำให้ข้าพเจ้ายอมลงมือ
พริสซิลล่าย่นระยะห่างได้ในพริบตาแล้วไปโผล่ด้านหลังอาราเคียที่ไร้การป้องกัน
อาราเคียเลือกที่จะไม่ฝืนต่อต้านและรับคมดาบของอดีตนายหญิงเข้าไปเต็มๆหลัง
ทั้งอาราเคียและมิเซลด้าล้มกองตรงนั้นทั้งคู่ เรมรีบคลานเข้าไปหามิเซลด้าเพื่อทำการร่ายเวทรักษาโดยทันที
ส่วนสุบารุก็ช่วยดึงวินเซนต์ที่ห้อยอยู่บนผ้าม่านขึ้นมาและก่อนที่สุบารุจะทันได้ไปช่วยพยาบาลคนเจ็บ พริสซิลล่าก็เข้ามาทักทั้งคู่ก่อน
พริสซิลล่า: จะลุกไปไหนกัน เจ้าคนเขลา? คิดว่าใครกันที่คุมที่นี่ไว้หมดแล้ว?
วินเซนต์: เกรงว่าคนที่คุมสถานการณ์ไว้ได้จะเป็นเจ้านั่นแหละนะ “พริสก้า เบเนดิกต์”
พริสซิลล่า: น่าเสียดาย แต่พริสก้า เบเนดิกต์พ่ายแพ้และสิ้นชีพอย่างไร้ค่าไปแล้ว คนที่อยู่ในหลุมศพจะออกมาพูดอยู่ตรงหน้าเจ้าได้อย่างไร?
วินเซนต์: งั้นหรือ ถ้างั้นเจ้าคือใครและเรียกตัวเองด้วยนามอะไรกันล่ะ?
พริสซิลล่า: “พริสซิลล่า แบริเอล” นั่นแหละนามของข้าพเจ้า จำใส่กระโหลกไว้ให้ดีล่ะ “วินเซนต์ อาเบลลุกซ์”
สุบารุได้แต่นั่งอึ้งไม่เข้าใจเลยว่านี่คือการพบเจออีกครั้งของพี่ชายกับน้องสาวต่างแม่ที่ไม่ได้เจอกันมานานถึง 7 ปี
แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงของอีกคนที่ติดอยู่กับโคมไฟนอกระเบียงดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ
อัล: เฮ้ยยย ใครก็ได้ช่วยที จะหมดแรงอยู่แล้วเนี่ย
จบตอน