พริสซิลล่ากับวินเซนต์กำลังจ้องตากันเขม็งจนสุบารุไม่กล้าทักให้ใครสักคนมาช่วยอัลหน่อย
ทาริตต้าที่ตามมาทีหลังเข้าใจผิดว่าพริสซิลล่าคือศัตรู เธอเลยชักธนูใส่ พริสซิลล่าเองก็พร้อมบวกเต็มที่ โชคดีที่วินเซนต์สงบศึกได้ก่อน
วินเซนต์: จะล้มทาริตต้าน่ะต้องเปลืองแรงกว่าที่เจ้าคิดนะ บอกเลยว่าไม่ง่าย
พริสซิลล่า: ถึงเจ้าจะว่าเช่นนั้น คิดว่าข้าพเจ้าจะยอมปล่อยผ่านการลบหลู่ครั้งนี้ไปเหรอ?
วินเซนต์: ก็ไม่ปฏิเสธหรอก แต่ว่านะ พริสซิลล่า… เจ้าน่ะชัก “ดาบแสง” ออกมากี่รอบแล้วล่ะ?
ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุอะไร คำถามนั้นทำให้พริสซิลล่าไม่เอาเรื่องต่อ ทาริตต้าเองก็หันเหความสนใจไปหาพี่สาวของเธอที่อยู่ในสภาพปางตายเช่นกัน
. สุดท้ายสุบารุ(ที่โดนพริสซิลล่าสั่ง)กับมีเดียมก็ช่วยกันดึงอัลที่เกาะระเบียงไว้ด้วยแขนข้างเดียวอยู่นานกลับขึ้นมา
สุบารุเป็นคนฉีกผ้าม่านมามัดเป็นห่วงหย่อนลงไปคล้องอัล ส่วนมีเดียมเป็นคนออกแรงดึงส่วนใหญ่
ช่วงที่อาราเคียอาละวาด มีเดียมเอาตัวปกป้องฟล็อป อูตาคาตะและรุยไว้ เธอก็เลยหัวกระแทกหมดสติไป ตอนนี้เธอเลยกระตือรือร้นทำหน้าที่ช่วยคนเจ็บเป็นการทดแทน
. สุบารุสงสัยว่าพวกอัลมาโผล่ที่วอลลาเคียได้ยังไง แต่อัลก็ดูออกว่าจริงๆแล้วสุบารุอยากรู้วิธีกลับลุกุนิก้ามากกว่า
สุบารุ: ถ้างั้น นายมีคำตอบของคำถามนั้นรึเปล่าล่ะ? วิธีที่จะกลับไปยังราชอาณาจักรลุกุนิก้าที่อยู่อีกฟากหนึ่งของชายแดนจักรวรรดิ…
อัล: โทษที ไม่รู้หรอก แค่อยากทำให้นายตื่นเต้นดู โทษทีน้า
สุบารุ: เอ็งนี่มั…!
อัล: เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งโกรธ! ขอขยายความนิด การจะออกจากจักรวรรดิตอนนี้น่ะไม่ง่ายเลย ขาเข้าก็ว่าไปอย่าง แต่ขาออกนี่ยากโคตรๆ
สาเหตุก็เนื่องจากว่าที่ชายแดนคงจะมีการคุมเข้มเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศของวินเซนต์
. จากคำอธิบายของอัล มันชัดเจนว่าอัลรู้ว่า “อาเบล = วินเซนต์” เช่นกัน สุบารุเลยถามข้อมูลเพิ่มเติม
แต่อัลก็แนะนำให้สุบารุไปถามจากพริสซิลล่าเอาแทน แม้ว่าเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ๊แกจะยอมตอบหรือเปล่า
. อัลกับสุบารุตามมาเข้าร่วมประชุมที่มีพริสซิลล่า วินเซนต์ ซีคูร์กับลูกน้องและคูนากับเผ่าชูดราคบางส่วนรายล้อมอยู่รอบโต๊ะกลม
ตอนที่สุบารุลังเลว่าจะนั่งตรงไหนดีก็มีคนเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวออกมาให้
ซีคูร์: คุณหญิงนัตสึมิ ถ้าไม่รู้จะนั่งตรงไหน มานั่งข้างฉันก็ได้นะครับ
สุบารุ: เอ่อคือว่า ป่านนี้น่าจะดูออกแล้วใช่มั้ยว่าชั้นแค่แต่งหญิงน่ะ?
ซีคูร์: ถ้าคุณเลือกแสดงตัวเป็นหญิง ฉันก็จะแสดงตัวอย่างชายครับ ความเป็นชายชาตรีในมุมมองของฉันคือการปฏิบัติตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าสตรีเสมอ แม้ว่าจะเป็นแค่การสวมบทบาทก็ตาม
(คอนเฟิร์มว่าสุบารุยังไม่เลิกแต่งหญิงในตอนนี้ ถึงแม้ว่าผมกับเมคอัพที่เซ็ตมาจะกระเจิงไปหมดละก็ตาม)
. พริสซิลล่าประเมินว่าวินเซนต์ที่มีกำลังรบแค่ทหารของซีคูร์กับเผ่าชูดราคนั้นยังไม่เพียงพอจะต่อต้านจักรวรรดิหรอก วินเซนต์ก็เลยถามกลับว่าพริสซิลล่ามีกำลังรบแค่ไหนบ้าง
พริสซิลล่า: กองทหารส่วนตัวของข้าพเจ้า(หน่วยกระเบื้องแดง)ไม่ได้อยู่ที่จักรวรรดิด้วยกัน นอกเหนือจากนั้น ข้าพเจ้าก็มีแค่ตัวตลกสวมหมวกเหล็ก(อัล) นักดาบขี้เมา(ไฮน์เคล)และไพร่ที่มีดีแค่ความน่ารัก(ชูลท์)เท่านั้นเอง
. สุบารุหันมาถามสาเหตุที่พวกพริสซิลล่าถ่อถึงมาที่นี่ ซึ่งเธอก็ตอบว่า “เพื่อมาคุยกับวินเซนต์ อาเบลลุกซ์”
สุบารุ: มาคุยกับอาเบลเหรอ? แล้วเธอรู้ได้ไงว่าอาเบลจะมาอยู่ที่นี่?
พริสซิลล่า: บัลลังก์จักรพรรดิที่เมืองหลวงรุปกาน่าน่ะมีกลไกสำหรับการเคลื่อนย้ายอยู่ ถ้ามากฝีมือพอจะรู้ทันความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เขาก็น่าจะใช้กลไกนั้นหลบหนีมายังสุสานที่ใช้ฝังจักรพรรดิมารุ่นต่อรุ่นได้ทัน
(สรุปก็คือบัลลังก์มีกลไกเวทเทเลพอร์ตที่จะพาจักรพรรดิหนีศัตรูทางการเมืองมาที่สุดขอบประเทศได้)
. พริสซิลล่ายอมใช้ชื่อเล่น “อาเบล” ตามสุบารุ วินเซนต์ก็มองว่าเหมาะดีเพราะตอนนี้เขาเสียตำแหน่งจักรพรรดิไป
พริสซิลล่าเยาะเย้ยว่าวินเซนต์นั่งบัลลังก์จนเหิมเกริกทำให้ลืมวิธียืดหยัดสู้ไปแล้วจนสถานการณ์ตึงเครียดอีกครั้ง แต่อัลก็ขัดขึ้นมาแบบไม่ดูเวลาอีกครั้งหนึ่ง
อัล: เห็นแบบนี้ ท่านหญิงเขาก็มุมน่ารักอยู่เหมือนกันนะ พอรู้ว่าต้องไปที่กัวราล เธอก็รีบซิ่งมังกรบิน(มาหาพี่ชาย)แบบด่วนจี๋จนมังกรแทบจะไม่ไหวเลย ถึงได้รอดูการพบเจอแบบซาบซึ้งของทั้งคู่อยู่…โอ๊ย!?
พริสซิลล่า: ไร้สาระ
พริสซิลล่าที่ไม่พอใจใช้พัดตีท้องอัลจนเขาเข่าทรุดลงไป แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธเรื่องที่รีบมาที่นี่เพื่อช่วยวินเซนต์
(มังกรบินน่าจะยืมเซลีน่ามาใช้)
. อัลบอกให้สุบารุทำใจยอมรับไปเถอะ การที่พริสซิลล่ากับวินเซนต์เป็นพันธมิตรกันย่อมดีกับอัลและสุบารุกว่าเยอะ
อีกอย่าง ถ้าหากว่าพริสซิลล่ากับวินเซนต์ต้องเป็นศัตรูกันขึ้นมา อัลก็มั่นใจว่าเขากับท่านหญิงจะเป็นฝ่ายที่ชนะ
สุบารุยังรู้สึกแปลกใจไม่หายที่ปกติอัลจะเป็นคนถ่อมตัวมาก แต่พอเป็นเรื่องพริสซิลล่าทีไร อัลก็จะมีความมั่นใจแบบสุดๆไม่เคยเปลี่ยน
(ตอน Arc 3 อัลก็เคยประกาศแบบนี้ไปรอบต่อหน้าพวกอัศวิน ขุนนางกับผู้เฒ่าปราชญ์ที่พระราชวัง)
. บทสนทนาเปลี่ยนมาเป็นประเด็น “แม่ทัพเทวะ” ศัตรูหลักของพวกเขา
ถ้าให้เปรียบเทียบกัน คนจากลุกุนิก้าที่น่าจะมีฝีมือสูสีกับพวกนั้นก็คงจะมีแต่บุคคลระดับท็อปอย่าง ไรน์ฮาร์ด มาร์คอส ยุลิอุส รอสวาล วิลเฮล์มและการ์ฟีล
สุบารุ: เดี๋ยวสิ ถึงจะมี “เก้าแม่ทัพเทวะ” อยู่กี่คนก็คงจะสู้กับไรน์ฮาร์ดไม่ได้อยู่ดี
วินเซนต์: ---ขอขัดหน่อยว่านั่นไม่จริงเลย
สุบารุ: เอ๋? นี่นายจะบอกว่ายังมีตัวละครติดบัคคนอื่นนอกเหนือจากไรน์ฮาร์ดอยู่อีกเหรอ?
วินเซนต์: ไม่เข้าใจคำศัพท์นั้นเท่าไหร่ แต่ถ้าหมายถึงฝีมือใกล้เคียงกันล่ะก็ มีแม่ทัพ “ลำดับ 1” ที่เหนือกว่าอาราเคียอยู่ หมอนั่นน่ะแหละ
สุบารุ: แล้วแม่ทัพเทวะ…ลำดับที่ 1 นี่…
ซีคูร์: เขาชื่อ “เซซิลุส เซ็กมุนด์”
. ฉายา “อัสนีสีฟ้า” ของเซซิลุสนั้นดังกระฉ่อนจนกระทั่งสุบารุก็ยังรู้จัก (ได้ยินครั้งแรกจากลิเลียน่า)
วินเซนต์ยืนยันว่าถ้าเป็นศัตรูกับเซซิลุสขึ้นมา เผลอแค่พริบตาเดียวก็หัวหลุดจากบ่าได้แล้ว
ซีคูร์กล่าวอ้างอิงถึง “เจ้าสำราญ” จากคารารากิและ “เจ้าชายคลั่ง” จากกุสเทโก้ไว้ด้วย
สุบารุถึงกับขนลุกว่า “เซซิลุส” คนนี้จะเป็นศัตรูที่อันตรายขนาดไหน
. อัลเปลี่ยนประเด็นมาที่อาราเคียซึ่งยังไม่ตายและถูกจับเป็นไว้
ในกลุ่มเริ่มเถียงกันว่าจะเก็บอาราเคียไว้สอบปากคำ(สุบารุ/อัล)หรือควรจะเชือดเธอทิ้งไปเลย(คูนาและเผ่าชูดราค)
ทางพริสซิลล่านั้น No Comment เธอมองแค่ว่าถ้าอาราเคียถูกประหารไปก็แปลว่าเธอชะตาขาดแค่นี้ก็เท่านั้นเอง
สุบารุเผลอด่าพริสซิลล่าด้วยความหัวร้อนไปว่า “ใช่ว่าเธอจะถูกเสมอสักหน่อย!” แล้วเตรียมใจโดนฟันคอขาดตาย
แต่พริสซิลล่าก็เลือกปล่อยผ่านแล้วหันไปโน้มน้าวคูนาให้ใช้ประโยชน์จากอาราเคียก่อนจะประหารทิ้งซะงั้น
. ท้ายที่สุดมติในที่ประชุมก็เป็นเอกฉันท์
อัล: โล่งอกที่พี่น้องไม่โดนเชือดทิ้ง แล้วก็น่าดีใจเหลือเกินที่คุณหนูน่ารักเซ็กซี่ไม่ต้องมาด่วนลาโลก ไว้คุณหนูคนนั้นตื่นเมื่อไหร่ เราก็ค่อยคุยกับเธอกัน
แต่ตอนนั้นเองโฮลี่ก็วิ่งเข้ามาแจ้งข่าวร้ายในที่ประชุม
โฮลี่: เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ! ทหารจักรวรรดิสองคนแอบเข้ามาปล่อยตัวเก้าแม่ทัพเทวะไปแล้ว!
จบตอน