กลุ่มนัตสึมิตั้งแคมป์ไฟพักยามค่ำคืน มีเดียมอาสาเป็นคนดูแลรุย เธอเอาเด็กสาวนั่งตักและคอยลูบหัวให้สงบ
มันคือสกิลที่มีเดียมได้ติดตัวจากการเติบโตขึ้นในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ผู้ใหญ่เอาแต่ทุบตีเด็ก
พอไม่มีใครช่วยเหลือ สองพี่น้องเลยต้องดูแลกันเอง รวมถึงเด็กเล็กคนอื่นๆ
วินเซนต์ถามว่ามีเดียมว่าเธอกับพี่ชายเป็นคนจากที่ไหน ทำเอาอีกฝ่ายตกใจ
แต่มีเดียมก็ตอบว่าบ้านเกิดของเธอเป็นเมืองเล็กๆทางตะวันตกชื่อว่า “เอบลีค(エイブリーク)”
. วินเซนต์บอกว่าเขาจะจำชื่อเมืองไว้ นัตสึมิเลยเข้าใจทันทีว่าหมอนี่ฟังความเห็นประชาชนเพื่อเตรียมไว้เป็นเรื่องที่จะทำในอนาคตนั่นเอง
วินเซนต์บ่นว่าเขาไม่มีปัญหากับรสนิยมส่วนตัว แต่สุบารุที่เป็นเสาหลักจะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังการปลอมตัว(เป็นนัตสึมิ)ไม่ได้ เสาหลักที่เป็นแบบนั้นมีแต่จะเอนเอียงเข้าสักวัน
หลังคุยจบวินเซนต์ก็เดินกลับเข้าไปพักผ่อนในรถลาก ทิ้งให้นัตสึมิ รุยกับมีเดียมนั่งอยู่รอบกองไฟกันสามคน
คืนนั้นนัตสึมิเลยได้มีเดียมช่วยลูบหัวปลอบใจด้วยฝ่ามือใหญ่ๆของเธอ หลังที่ผ่านมาเจอแต่ปัญหาน่าปวดหัว
. หลังมีเดียมกับรุยไปนอน ทาริตต้าที่เป็นยามเฝ้าเห็นนัตสึมิทำเล็บแล้วสงสัยขึ้นมาว่าเขาไปหัดทำเรื่องแบบนี้มาจากไหน
นัตสึมิก็เลยเล่าอดีตอันเลวร้ายเกี่ยวกับการแต่งหญิงไปโรงเรียนครั้งแรกให้ทาริตต้าฟัง แน่นอนว่าไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย
ก่อนที่จะได้พบกับเอมิเลียที่ตรอกนั้น สุบารุก็คิดจริงๆว่าชีวิตของเขามีชะตาจะได้พบเจอแต่เรื่องเลวร้าย
เธอคือคนแรกที่มอบความสุขในต่างโลกให้แก่เขา ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะเหลืออยู่เพียงแค่ในความทรงจำของสุบารุคนเดียวก็ตาม
. ทาริตต้าสลับมาเล่าเรื่องของตัวเองให้นัตสึมิฟังบ้าง ทาริตต้านั้นเป็นน้องสาวที่อยู่ใต้เงาพี่สาวมาโดยตลอด
มันไม่ใช่แค่เพราะมิเซลด้าแก่กว่า 3 ปีด้วย ถ้าหากพี่สาวเคยทำอะไรได้ตอนอายุ 10 ขวบ พอทาริตต้าอายุถึง 10 ขวบบ้าง เธอก็ยังไม่สามารถทำสิ่งที่พี่สาวเคยทำได้ในวัยนี้อยู่ดี
เรื่องราวของทาริตต้ามันคล้ายกันกับเรื่องราวของเรมและตัวเขาเองจนนัตสึมิอดปวดใจไม่ได้
ทาริตต้า: ทำไมท่านพี่ถึงอยากให้ฉันเป็นหัวหน้าต่อล่ะ? ฉันไม่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติเหมาะสมหรอกนะ
[เพื่อนบ้าน: สมกับที่เป็นลูกของคนๆนั้นจริงๆ]
การถูกคาดหวังเพราะมีสายเลือดเดียวกันกับคนๆหนึ่ง และการรู้สึกด้อยค่าที่ตัวเองไม่ดีเท่าคนในครอบครัวที่น่านับถือคนนั้น นัตสึมิเข้าใจความรู้สึกเป็นอย่างดี
. ทาริตต้าหวังว่าเธอจะได้คำตอบมาจากการเดินทางในครั้งนี้ คำตอบที่จะทำให้เธอพร้อมรับสืบทอดตำแหน่งจากมิเซลด้าอย่างจริงจัง
นัตสึมิให้คำแนะนำว่าถ้าหากทาริตต้าคิดว่าการขึ้นเป็นหัวหน้ามันเกินตัวเธอ การยอมแพ้แล้วให้คนอื่นเป็นแทนก็ไม่ผิด
อย่างน้อยนัตสึมิก็จะไม่กล่าวโทษเธอถ้าหากเลือกถอยหนีแน่ๆ
หลังเงียบฟังสักพัก ทาริตต้าก็เกริ่นถึง “ความผิดพลาด” และ “การชดเชย” ของตัวเธอ แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดต่อ
. อัลเข้ามาทักพวกนัตสึมิว่าถึงเวลาเปลี่ยนกะเฝ้ายามแล้ว
พวกเขาเปลี่ยนกะเฝ้ายามกันทุก 3 ชั่วโมง โดยมีเพียงรุยกับวินเซนต์ที่ไม่ต้องรับหน้าที่นี้
ก่อนจาก นัตสึมิฝากอัลช่วยให้คำปรึกษาชีวิตกับทาริตต้าต่อ ถ้าหากว่าเธออยากถามอะไร
ทำเอาอัลบอกว่า “ปกติชั้นเป็นคนเอาแต่หนีปัญหา จะไปให้คำปรึกษาชีวิตคนอื่นได้ยังไง?”
. ไม่ว่าทาริตต้าจะเลือกหนีปัญหาหรือต่อสู้กับมันซึ่งๆหน้า นัตสึมิก็พร้อมที่จะรับฟังคำตอบของเธอ คำตอบอาจจะได้รับในวันพรุ่งนี้ก็ได้
นัตสึมิบอกลาและกลับเข้าไปที่รถลาก ด้านในรถมีการใช้ผ้าม่านแบ่งฝั่งหน้าให้ผู้ชายนอนและฝั่งหลังให้ผู้หญิงนอน
นัตสึมิสังเกตว่าทั้งสองฝั่งนอนหลับกันเงียบเชียบไม่มีใครกรนเลย (มีเดียมฝึกสกิลมานี้มาเพื่อเอาตัวรอด)
นัตสึมิ: …ขนาดตอนหลับก็ยังหน้าตาชวนโมโหไม่เปลี่ยนเลยนะคะ แกล้งเขียนหน้าสักหน่อยดีไหมน้า?
วินเซนต์: ---คิดจะจ้องหน้ากันอีกนานไหม?
นัตสึมิ: ---อึก
ตามธรรมเนียมของราชวงศ์วอลลาเคีย พวกเขาจะลืมตาไว้ข้างหนึ่งอยู่เสมอแม้ยามนอนหลับ
นัตสึมิเองก็เคยได้ยินจากในหนังมือสังหารเก่าๆว่าบางคนฝึกนอนลืมตาไว้เพื่อพร้อมรับมือการลอบสังหารอยู่เสมอ
. นัตสึมิเดือดขึ้นมาเพราะที่ข้างนอกก็มีอัลกับทาริตต้าเฝ้ายามอยู่ เขาไม่เข้าใจว่าวินเซนต์จะยังรู้สึกระแวงทำไมอีก
สุบารุ: —นายยังต้องระแวงใครอยู่อีก?
วินเซนต์: …
สุบารุ: ฝ่าฟันกันมาตั้งขนาดนี้ ยังหลับตาสองข้างต่อหน้าพวกชั้นไม่ลงอีกงั้นเหรอ?
สุบารุโมโหจนเผลอหลุดจากวิธีพูดจาแบบนัตสึมิตามปกติ แต่วินเซนต์ก็ยังคงกอดอกและจ้องหน้าเขาแบบลืมตาข้างเดียวไม่เปลี่ยน
วินเซนต์: อย่าคิดจะมาเปลี่ยนตัวตนของคนอื่นตามใจชอบ รู้ที่ต่ำที่สูงหน่อย ---นครแห่งมารอยู่ไม่ไกลแล้ว แกน่ะก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ ไม่ได้ขออะไรมากกว่านั้น และไม่ยอมให้ทำเกินที่ขอหรอก
สุบารุ: เอางั้นเหรอ? …เออ ได้สิวะ! ชั้นจะกรนดังจนแกนอนไม่ได้เลยคอยดู!
คืนนั้นสุบารุเลือกที่นอนไกลจากวินเซนต์ที่สุดเท่าที่จะหาได้ จุดหมายปลายทางอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
จบตอน