โอลบาร์ต ดันคลูเค็นเสนอเงื่อนไขการปลดปล่อยพวกสุบารุจากสถานะตัวหดด้วยการเล่น “วิ่งไล่จับ” ซึ่งสุบารุก็ระแวงว่าเกมไล่จับของชิโนบินี่เล่นกันถึงตายหรือเปล่า
โอลบาร์ตปฏิเสธว่าถ้าเล่นกันโหดแบบนั้นจริง หมู่บ้านชิโนบิคงล่มสลายไปด้วยมือของเขาเองเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าสุบารุเชื่อไม่ลงเท่าไหร่เพราะพวกเขาพึ่งโดนตาแก่คนนี้ฆ่ายกทีมมา
วินเซนต์มองว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่นไปตามเกม เพราะยังไงโอลบาร์ตก็ได้ข้อมูลจากฝั่งเขาอยู่ดี
. โอลบาร์ตอธิบายว่ากติกาเหมือนเกมวิ่งไล่จับทั่วไปนั่นแหละ แต่เขาขอเป็นฝ่ายหนี
สุบารุมองว่าแบบนั้นเล่นยังไงก็ไม่ชนะ เพราะความแตกต่างด้านกายภาพของโอลบาร์ตกับฝ่ายเขาสูงเกินไป
โอลบาร์ตจึงยอมปรับกติกาให้เล็กน้อย
โอลบาร์ต: ถ้างั้นตอนเล่นไล่จับเนี่ย พวกเจ้าไม่ต้องจับตัวข้า ขอแค่หาข้าเจอก็ชนะเลยเป็นไง? แต่ว่า ต้องเล่นสามรอบนะ
สุบารุ: สามรอบ…
โอลบาร์ต: ข้าซ่อนสามรอบ แล้วพวกเจ้าก็หาให้เจอสามรอบ ถ้าทำไม่ได้ก็แพ้ไป แต่แบบนั้น มันกลายเป็นเกมวิ่งไล่หาแทนซะงั้น… ฟังดูแปลกดีแท้น้อ
สุบารุ: “เล่นซ่อนแอบ” สินะ?
โอลบาร์ต: โอ้ เป็นชื่อที่เหมาะดี ขอใช้เลยละกัน …ถ้าเลือกเล่น “วิ่งไล่จับ” ก็จับข้าให้ได้แค่รอบเดียวพอ แต่ถ้าเลือกเล่น “ซ่อนแอบ” ก็ต้องหาข้าให้เจอสามรอบ ---ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเกมไหนมีโอกาสชนะมากกว่าจริงไหมน้อ?
. สุบารุแทบจะไม่ลังเลที่จะเลือกซ่อนแอบ เพราะความต่างด้านกำลัง แต่ตอนนั้นเอง---
อัล: มีน้ำใจดีนี่ แนะนำให้ด้วยว่าเกมไหนพวกชั้นมีโอกาสชนะเยอะกว่า สงสัยจริงว่ามีอะไรในก่อไผ่รึเปล่า
โอลบาร์ต: เฮ้ยๆ อย่าเข้าใจผิดว่าข้าเป็นตาแก่ที่สนแต่เรื่องเอาชนะสิ เจ้าหนุ่ม ฝั่งข้าน่ะอยากให้พวกเจ้าชนะด้วยซ้ำ รู้ไหมน้อ? ที่เล่นกันนี่ก็เพื่อประเมินว่าพวกเจ้าดีพอให้ยอมเสียเวลาคุยไหม
อัลไม่ปักใจเชื่อคำอธิบายนั้น 100% แต่วินเซนต์กับสุบารุก็เห็นตรงกันว่าพวกเขาไม่มีเวลาเหลือมากพอมาทำความเข้าใจวิธีคิดของโอลบาร์ต
สุดท้าย วินเซนต์ในฐานะผู้นำกลุ่มจึงตัดใจเลือกเกม “เล่นซ่อนแอบ” โดยขอตั้งกติกาให้ชัดเจนสามข้อ
-
ทั้งสองฝั่งห้ามทำร้าย/โจมตีกัน
-
จำกัดที่ซ่อนให้อยู่ในเมืองเท่านั้น
-
โอลบาร์ตต้องบอกใบ้ที่ซ่อนแต่ละครั้งให้พวกสุบารุรู้
โอลบาร์ตรับปากด้วยว่าจะไม่ไปซ่อนในที่ที่พวกสุบารุเข้ามาไม่ได้ เกมซ่อนหาตามคำใบ้นี้จะเป็นบททดสอบที่วัดปัญญาของพวกสุบารุ ไม่ใช่ความแข็งแกร่งทางกาย
. สุบารุ: แล้ว ฮินต์(คำใบ้)ของที่ซ่อนแรกคืออะไร?
โอลบาร์ต: ก่อนอื่นเลย… ข้าจะไปซ่อนอยู่ที่ “หลังเปลือกตา” ใกล้โรงแรมแห่งนี้
พอกล่าวจบผู้เฒ่าใจมารก็เดินจากไปแบบชิวๆ เผยช่องโหว่ให้เห็นเพื่อล่อให้พวกสุบารุโจมตี แต่ทุกคนก็ฝืนทนไว้ได้
พวกสุบารุที่อยู่ในห้องพักตัดสินใจประชุมหารือกันก่อน อัลดูจะหงุดหงิดที่สุบารุยอมตามเกมของโอลบาร์ต ไม่ลองรุมกระทืบเขาดูก่อน แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่านี่คือทางเดียว
สุบารุอยากจบเกมให้ได้ภายในสองชั่วโมง เพราะเขาต้องการเวลาแต่งหญิง 30 นาทีก่อนไปพบยอร์น่า
. ดูเหมือนกระทั่งวินเซนต์ก็ยังประหลาดใจในแรงจูงใจของโอลบาร์ตที่หมายหัวของจักรพรรดิเพื่อเกียรติยศและชื่อเสียงหลังความตาย
สุบารุ: แต่ว่าคุณโอลบาร์ตเนี่ยบื้อกว่าที่คิดนะ ทะเยอทะยานขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือนาย
วินเซนต์: พูดอะไรของแก? หน้ากากอันนี้มีคุณสมบัติบิดเบือนการรับรู้ของผู้อื่น มันช่วยปิดบังตัวตนของผู้สวมได้
สุบารุ: ห๊ะ…! อย่าบอกนะว่า “ปกปิดการรับรู้” งั้นเหรอ!? แต่ว่า เดิมทีหน้ากากนั่นมันมาจากหมู่บ้านชูดราคไม่ใช่เรอะ…?
ทาริตต้า: คะ…ค่ะ ใช่แล้วค่ะ มีเรื่องเล่าว่าในอดีต ตอนที่จักรพรรดิกับเผ่าชูดราคผูกมิตรกัน จักรพรรดิจะสวมหน้ากากนี้เข้ามาในป่าเพื่อไม่ให้ใครจดจำได้…
(วินเซนต์ด่าสุบารุว่าที่ผ่านมาคิดว่าตูใส่หน้ากากเล่นๆรึไง)
. สุบารุถามวินเซนต์ว่าเปลวเพลิงแห่งดาบตะวันมันคืออะไรกันแน่และมันยังปกป้องวินเซนต์อยู่หรือเปล่า
ที่ผ่านมามีอยู่สองลูปที่สุบารุคิดว่าวินเซนต์ไม่รอดแน่ๆ (ลูปท็อดด์เผาป่ากับลูปโอลบาร์ตสังหารหมู่) แต่เขาก็ยังไม่เคยได้เห็นวินเซนต์ตายต่อหน้า
ทว่า วินเซนต์ไม่ยอมอธิบายอะไรทั้งนั้น แถมถามกลับด้วยว่า “หลังรู้แล้วคิดจะแปรพักตร์รึยังไง?”
สุบารุจึงยอมแพ้แค่นั้นแล้วตะโกนนำทีมออกตามหาโอลบาร์ต เหมือนว่าอินกับการเล่นซ่อนแอบมากๆ
สุบารุเปิดประตูห้องพักออกไป รอให้สมาชิกทุกคนออกมาจากนั้นก็ปิดประตูเสียงดัง
---แล้วจู่ๆเขาก็รีบหันกลับมาเปิดประตูใหม่ทันที พร้อมชี้นิ้วเข้าไปในห้องที่ควรจะไม่เหลือใครอยู่แล้ว
สุบารุ: เจอตัวแล้ว คุณโอลบาร์ต
โอลบาร์ต: คั่กคั่กคั่กคั่ก! เฮ้ยๆ ต้องเป็นคนนิสัยแบบไหนถึงรู้ตัวทันทีเลยเนี่ย? โดนเจอตัวเร็วขนาดนี้ ข้าก็เขินหมดสิน้อ!
. ตอนมาถึงคฤหาสน์รอสวาลครั้งแรก เบียทริซแกล้งใช้เวทเงาขังสุบารุไว้ในลูปห้องโถง แต่สุดท้ายสุบารุก็รู้ตัวว่าจุดสตาร์ทนั่นแหละคือเส้นชัย
ประสบการณ์ข้างต้นประกอบกับคำใบ้ “หลังเปลือกตา” ทำให้สุบารุรู้แต่แรกว่าโอลบาร์ตจะแอบสวนพวกเขาเข้ามาซ่อนหลังประตูห้องพัก
สุบารุนึกขอบคุณเบียทริซ แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดแปลกๆแบบไม่ทราบสาเหตุ แล้วก่อนที่จะทันได้คิดว่ามันคืออะไรนั้น---
โอลบาร์ต: ถ้างั้นก็ ข้าคงต้องขอแก้มือใหม่ด้วยการรีบไปหาที่ซ่อนแห่งที่สองล่ะน้อ
สุบารุ: อะ อื้อ นั่นสินะ แล้วฮินต์(คำใบ้)ต่อไปคืออะไร?
โอลบาร์ต: อืม… สถานที่ซ่อนต่อไป… “ก้นบึ้งที่มีทิวทัศน์ดี” ละกันน้อ
ชิโนบิเฒ่าปล่อยให้พวกสุบารุงงกับคำใบ้แล้วพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างห้องพัก รอบนี้สุบารุเองก็ไม่ทราบคำตอบเช่นกัน
. เกมซ่อนหาในรอบสองกลายเป็นเกมแข่งกับเวลาอย่างแท้จริง
คำใบ้ว่า “ทิวทัศน์ดี” ฟังดูเหมือนเป็นที่สูง แต่ “ก้นบึ้ง” ก็ดูเหมือนใบ้ว่าเป็นหลุมบนพื้น ฟังดูขัดแย้งกันเอง
วินเซนต์นึกแผนการบางอย่างออก แต่เขาจำเป็นต้องใช้กำลังคนเลยสั่งให้ย้ายไปยังสถานที่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาเยอะ อย่างเช่นโรงเตี๊ยม
พวกสุบารุจึงเดินไปถามพนักงานหน้าโรงแรมว่าโรงเตี๊ยมอยู่แถวไหน แล้วมุ่งหน้าออกไปยังถนนของเมืองเคออสเฟลม
ตอนนั้นเอง สุบารุก็ได้ไอเดียใหม่---
สุบารุ: แทนที่จะแห่กันไปที่ร้าน เราแยกกลุ่มกันดีกว่าไหม? กลุ่มหนึ่งไปตามหาคุณโอลบาร์ต ส่วนอีกกลุ่มไปที่ร้านกับอาเบล---
ระหว่างที่กำลังพูดอยู่ สุบารุก็เหลือบไปเห็นประกายแสงสีแดงแตกกระจายอยู่ที่สุดขอบสายตา
…จากนั้นเขาก็เสียชีวิตลง
. โอลบาร์ต: โอ้ เป็นชื่อที่เหมาะดี ขอใช้เลยละกัน
สุบารุ: อุเหว๋?
หลังได้เห็นแสงสีแดงที่ทำให้แสบตา พริบตาต่อมาสุบารุก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอีกครั้ง จนเผลอส่งเสียงประหลาด
โอลบาร์ต: คั่กคั่กคั่ก! ส่งเสียงอะไรของเจ้าน่ะ? กำลังชมอยู่เลยว่าตั้งชื่อได้ดี
สุบารุ: …คุณ…โอลบาร์ต? …จะ…เจอตัวแล้ว คุณโอลบาร์ต
โอลบาร์ต: …? อะไรล่ะนั่น คิดว่าเริ่มเกมไปแล้วหรือไงกันน้อ?
สุบารุ: เอ๋? …โกหกน่า
แทนที่จะอยู่กลางถนนของนครแห่งมารที่แสนวุ่นวาย สุบารุกลับมาอยู่ที่ห้องพักก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมกับโอลบาร์ตแทน
สุบารุ “ตายแล้วกลับมา” ในระหว่างที่กำลังเล่นเกมที่เขาไม่ควรจะตายได้เลยแท้ๆ
จบตอน
Death Count: 9