ระหว่างที่ทาริตต้าออกไปดึงความสนใจ พวกสุบารุห้าคนที่เหลือก็ใช้จังหวะนั้นแอบหลบหนีไปตามตรอกของเมือง
สามคนที่ตัวหดลงหารองเท้าไซซ์เหมาะๆใส่ไม่ได้ จึงต้องเอาผ้ามาผูกถูไถไปก่อน
วินเซนต์อธิบายว่าวิชาวิวาห์ดวงวิญญาณคือการแบ่ง “โอโด” ที่เป็นรากฐานของตนเองให้แก่ผู้อื่น เป็นการเชื่อมต่อกันที่คล้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณกับวิญญาณก็ว่าได้
วินเซนต์มองว่าวิชานี้มันบ้าบอคอแตกมากๆ โอโดคือดวงวิญญาณ คือรากฐานของตัวบุคคล มันจึงน่าแปลกที่ยอร์น่าสามารถฉีกแบ่งโอโดของตัวเองให้ผู้คนทั้งเมืองได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไร
สุบารุลองนึกเทียบดูว่าถ้าเป็นเพื่อนในกลุ่มปัจจุบัน เขาจะกล้าแบ่งวิญญาณตัวเองให้ใครบ้าง อัลกับมีเดียมพอได้ แต่เขาไม่กล้าแบ่งให้วินเซนต์แน่ๆ
แล้ว “รุย” ล่ะ? ตลอดทริปนี้ เธอเป็นเด็กดี ไม่ทำตัวเป็นตัวถ่วงหรือส่งเสียงโวยวายเรียกศัตรูเลย
แต่ถ้าไม่มีเรมอยู่ สุบารุอาจจะทิ้งรุยให้ตายไปนานแล้ว เขาตัดสินใจไม่ได้ว่าไว้ใจเธอแค่ไหน
. อัลมองว่าตัวการที่สั่งคนพวกนี้มาทำร้ายพวกเขาเป็นได้แค่ยอร์น่าเพียงคนเดียว
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคงมีแต่ต้องยอมทิ้งทั้งเกมเล่นซ่อนแอบกับโอลบาร์ตและการเจรจากับยอร์น่า แล้วจำใจหนีออกเมืองเคออสเฟลมมือเปล่า
สุบารุค้านว่ายังมีความเป็นไปได้ที่พวกชาวเมืองอาจจะแค่ยืมพลังมา แล้วทำแบบนี้ลับหลังยอร์น่าอยู่
เรื่องนั้นสามารถยืนยันได้ด้วยการจับตัวศัตรูตาไฟลุกสักคนหนึ่งมาถาม แต่โชคร้ายที่กำลังรบของพวกสุบารุเหลือแค่ทาริตต้าเพียงคนเดียว
สุบารุระดมสมองคิดย้อนไปตั้งแต่ตอนที่มาถึงเมืองเคออสเฟลม เพื่อหาหนทางแก้ไขวิกฤติ---
อัล: สารภาพตามตรง! “วิชาวิวาห์ดวงวิญญาณ” พี่สาวยอร์น่าเป็นศัตรูจริงไหม? คุณปู่โอลบาร์ตโกหกรึเปล่า? จะเรื่องไหนก็ไม่รู้ทั้งนั้นแหละโว้ย!
แต่แล้วตอนนั้นเอง อัลที่ปกติใจเย็นก็โวยวายขึ้นมาแล้วเตะกำแพงด้วยความหัวร้อน จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาวินเซนต์
อัล: ทำไงดี อาเบลจัง? แบบนี้ร่วมมือกันต่อไม่ไหวหรอกนะ ที่จริงแล้ว ตัวชั้นมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าการช่วยอาเบลจังคืนสู่บัลลังก์อยู่ เพราะงั้น…
วินเซนต์: แกต้องการอะไรก็ไม่เกี่ยวกับชั้น แต่มันก็พอมีวิธีการทดสอบอยู่
อัล: ทดสอบอะไรล่ะ?
วินเซนต์: ทดสอบว่าความถึกของพวกมันเป็นเพราะ “วิชาวิวาห์ดวงวิญญาณ” จริงหรือไม่ไงล่ะ
วินเซนต์ชี้นิ้วออกไปยังถนนที่มีชาวเมืองเคออสเฟลมเดินพลุกพล่านอยู่ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มเดียวกับพวกที่เข้ามาโจมตีพวกเขา
วินเซนต์: สุ่มคนที่ผ่านไปผ่านมาสักคนมาทำร้ายดู เท่านี้เราก็จะรู้แล้วว่าวิชาวิวาห์ดวงวิญญาณของยอร์น่า มิชิกุเระส่งผลกับคนทั้งเมืองหรือไม่
. สมองของสุบารุชาไปหมดทันทีที่ได้ยินข้อเสนอของวินเซนต์ เขาคิดว่าคงไม่มีใครบ้าพอจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นจริงๆ
แต่ว่าอัลนั้นกลับเห็นพ้องกับวิธีการของวินเซนต์อย่างเต็มที่ ทั้งสองถกกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมการสุ่มเลือกผู้โชคร้าย
สุบารุ: เรื่องแบบนั้นมัน---
วินเซนต์: ---ถ้าอยากปฏิเสธ จะให้ทำไงต่อ? เสนอทางเลือกอื่นมาสิ
สุบารุ: …อึก มะ…ไม่เห็นต้องทำร้ายใครเลย มันควรจะมีทางเลือกอื่นอยู่…
วินเซนต์: ถ้ามี ก็ว่ามาสิ หากเป็นความคิดที่ดีพอก็จะรับฟังไปพิจารณา ---แต่ว่า จะคาดหวังให้แกในตอนนี้คิดออกคงเป็นไปไม่ได้
สุบารุ: เรื่องนั้นน่ะ!
วินเซนต์: ---แกน่ะ กลัวการเสียสละเป็นพิเศษ
. คำพูดของวินเซนต์ตอกย้ำความอ่อนหัดของสุบารุ เขากลัวการเสียสละ กลัวการทำให้คนอื่นบาดเจ็บและตาย ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู
ถ้าหากไม่อยากให้มีคนเจ็บและคนตาย เขาก็ต้องมีพลังหรือปัญญาที่มากพอที่จะสร้างผลลัพธ์นั้นขึ้นมาได้ แต่สุบารุก็ขาดสิ่งนั้นไป จึงทำได้แค่ยึดถือในอุดมคติ
สุบารุ: ถ้าอย่างงั้น ชั้นขอเป็นคนที่เจ็บเองดีกว่า!
อัล: พี่น้อง!?
มีเดียม: สุบารุจิน!
สุบารุสัมผัสได้ว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมา เขาเลยชิงวิ่งหนีออกจากตรอกไปยังถนนด้านนอก โดยไม่สนใจคำเรียกของเพื่อนสองคน
. สุบารุ: มานี่สิ! ชั้นอยู่ตรงนี้!
สุบารุกางแขนออกแล้วยืนตะโกนกลางถนน ดึงดูดความสนใจของชาวเมืองที่สัญจรไปมา
ถ้าหากเขาเสียสละตัวเอง สุบารุก็จะสามารถได้ข้อมูลมาโดยที่ไม่มีใครอื่นต้องเจ็บตัว
แต่สุบารุดันรู้สึกละอายใจกับการกระทำชั่ววูบของตัวเองจนอยากเดินกลับไปในตรอก
ตอนนั้นเอง ก็มีคนแปลกหน้ามาแตะไหล่แล้วบอกให้รอก่อน คนที่เข้ามาทักเป็นเด็กชายผมสั้นสีขาววัยประมาณเดียวกันกับสุบารุในปัจจุบัน
เด็กชาย: ขอโทษนะ
สุบารุ: เอ๋?
แล้วอยู่ดีๆเด็กคนนั้นก็เขวี้ยงร่างของสุบารุปลิวขึ้นฟ้าไป ด้วยพละกำลังจากแขนข้างเดียว ที่ดวงตาข้างขวาของเด็กชายมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ด้วย
. สุบารุลอยขึ้นสู่กลางเวหา จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมา เตรียมโหม่งพื้นโลกด้านล่างด้วยความเร็วสูง เขากำลังจะตายอีกครั้ง
สุบารุ: ว้ากกกกก!
มีเดียม: อัลจิน!
อัล: รู้แล้วล่ะน่า!
เขาได้ยินเสียงบางอย่างถูกฟัน ตามด้วยเสียงอะไรสักอย่างล้มต่อกันเป็นทอดๆ
อัลกับมีเดียมใช้เตนท์ของร้านค้าบริเวณนั้นเป็นเบาะรองสุบารุที่ร่วงลงมานั่นเอง
สุบารุเด้งลงไปกลิ้งกับพื้น แต่ก็รอดชีวิตมาได้ ส่วนอัลกับมีเดียมก็โดนเตนท์ที่ล้มกระแทกจนบาดเจ็บไปด้วย
เด็กชาย: เมื่อกี้นึกว่าจะจบซะแล้วเชียว…
ใบหน้าของเด็กชายผู้มีดวงตาลุกเป็นไฟบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
สุบารุ: นายมัน…
เด็กชาย: มันจำเป็นต้องทำ เพราะว่านครแห่งนี้… เพราะว่าพวกผมจะสูญเสียท่านหญิงไปไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนั้นเองที่สุบารุพึ่งรู้ตัว ว่าใบหน้าของทุกคนที่ดวงตาลุกเป็นไฟ ล้วนแต่เป็นใบหน้าที่เจ็บปวดเหมือนเด็กชายคนนี้
. เด็กชาย: ขอโทษด้วยนะ จะไม่ขอให้ยกโทษให้กันหรอก
เด็กชายผมขาวส่ายหน้าทิ้งความลังเลแล้วเดินเข้ามาหาเขาต่อ สุบารุพึ่งได้สังเกตว่าเด็กคนนี้มีเขาขนาดเล็กแบบแกะอยู่
เด็กชายเผ่ามนุษย์แกะเดินเข้าถึงตัวสุบารุ แล้วตวัดมือข้างหนึ่งใส่---
รุย: อู—!!
แต่แล้วเด็กสาวผมทองก็เข้ามาบังสุบารุไว้ เธอโดนตบกระเด็นออกไปไกล เลือดสาดกระเซ็นออกมา
จบตอน