เริ่มตอนมาด้วยมุมมองของอัล วินเซนต์มีท่าทีไม่พอใจต่อสถานการณ์ แต่เขาก็ตัดสินใจว่าจะทำตามแผนเดิมต่อ ถึงแม้ว่าจำนวนคนจะน้อยลงก็ตาม
ฝ่ายอัลนั้นหงุดหงิดและอยากจะไล่ตามพวกสุบารุไป แต่ก็ไม่มีวิธีการที่จับต้องได้ไปคัดค้านวินเซนต์อยู่ดี ส่วนมีเดียมก็ยังช็อคเรื่องรุยจนอ้ำอึ้งผิดกับทุกที
อัลเป็นกังวลเรื่องสุบารุที่ทำอะไรตามอำเภอใจด้วยความคิดแบบเด็ก ส่วนรุยนั้นเป็นเรื่องรองลงมา
อัล: จะปล่อยพี่น้องไว้กับไอ้เด็กเวรนั่นไม่ได้
. ฝั่งสุบารุกับรุยก็ถูกศัตรูไล่ตามไม่เลิก การคาดคะเนของวินเซนต์ที่ว่าโอลบาร์ตกับทันซ่าร่วมมือกันน่าจะถูกต้อง
ไม่งั้นพวกเผ่ามีเขาคงไม่รู้ว่านัตสึมิ = โชตะสุบารุ และไล่ฆ่าถูกคนแบบนี้
รุย: อาอู อูอาอู!
สุบารุ: หยุดก่อน รุย! แบบนั้นมันเกินไปแล้ว!
รุยเข้าต่อสู้กับมนุษย์กวางหนุ่มที่ตามมาและซัดเขาจนหมอบ แต่เธอดันไม่ยอมยั้งมือหลังศัตรูสลบไปแล้ว สุบารุเลยต้องดึงตัวเธอออกมาก่อน
รุย: อาอู…
สุบารุ: อาอูอะไรของเธอ! โจมตีมากขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตายพอดีหรอก! คนพวกนี้ก็แค่หวาดกลัวเท่านั้นเอง ทำแบบนั้นไม่ดีเลยนะ!
. สุบารุไตร่ตรองถึงการไปรวมตัวกับทาริตต้า แต่ก็เปลี่ยนใจ เพราะต้องอธิบายกับเธอว่าทำไมถึงไม่อยู่กับพวกวินเซนต์อีก สุบารุจึงตัดสินใจจูงมือรุยออกตามโอลบาร์ตต่อ
สุบารุ: ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ใกล้ชั้นไว้ ชั้นเองก็ไม่อยากให้เธอตายเหมือนกัน ตอนนี้น่ะยัง…
รุย: อา~ อู~
หลังจากนั้นสุบารุกับรุยก็ตามหาเรื่อยเปื่อยแบบหลงทางและเจอศัตรูเป็นพักๆ
สุบารุที่ไม่อยากให้รุยพลั้งมือฆ่าใครเพิ่มอีก เลือกห้ามไม่ให้เธอต่อสู้ รุยจึงต้องให้โชตะสุบารุขึ้นขี่หลังแล้วแบกหนีแทน
. ถ้าหากยิ่งยืดเยื้อเกมนี้ออกไป สุดท้ายพวกศัตรูที่ได้บัฟตาลุกเป็นไฟก็จะไล่ตามทั้งสองคนทันอยู่ดี แต่แล้วตอนนั้นเอง
ชายหนุ่ม: ทั้งสองคน มาทางนี้สิ
สุบารุ: เอ๋?
รุย: อาอู?
คนที่เรียกให้หยุดเป็นชายหนุ่มร่างผอมที่ไม่มีเขาบนหัว แต่ถึงอย่างนั้นสุบารุก็เลือกระแวงคนแปลกหน้าไว้ก่อน
ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังรถขนสินค้าที่มีจอดอยู่บนถนนและมีถังบรรจุอยู่ท้ายรถ ซึ่งมีช่องว่างให้เข้าไปซ่อนได้
ชายหนุ่ม: ทั้งสองคนตัวเล็กแบบนี้ น่าจะเข้าไปซ่อนได้พอดีเลยนะครับ
สุบารุ: ตะ…แต่ถึงจะเข้าไปซ่อนในนั้น…
ชายหนุ่ม: ไม่มีเวลาแล้วนะ ดวงดาราน่ะโคจรอยู่ตลอด จะเลือกคว้ารอบการโคจรนี้เอาไว้หรือปล่อยผ่านก็ได้ แต่แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับพวกเธอเลยครับ
สุบารุ: …
ชายหนุ่ม: แต่ว่าน้า~ ผมอ่ะมองว่ายอมทำตามจะดีที่สุดนะครับ
ชายหนุ่มโบกมือและยิ้มอย่างเป็นมิตร สุบารุไม่มั่นใจว่าสามารถเชื่อรอยยิ้มนั้นได้ไหม แต่ที่แน่ๆคือเขาไม่มีเวลาแล้ว
. มนุษย์วัว: พวกนั้นมาทางนี้แน่ๆ! …เฮ้ย นายตรงนั้นน่ะ! เห็นเด็กสองคนผ่านมาทางนี้บ้างไหม?
ชายหนุ่ม: เอ๋? นั่นถามผมหรือเปล่าครับ? ขออภัยด้วยครับ ผมอ่ะพึ่งจะจอดพักที่นี่เอง…
มนุษย์วัว: เพราะงั้นถึงได้ถามไงเล่าว่าเห็นใครผ่านมาช่วงที่พักอยู่ไหม… อา ช่างมันเถอะ!
อมนุษย์กลุ่มหนึ่งไล่ตามพวกสุบารุมาเจอชายหนุ่มที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างรถขนสินค้า เพราะเขามัวแต่ชักช้า มนุษย์วัวเลยเดินไปเช็คที่หลังรถ
มนุษย์วัว: นี่ ในรถขนอะไรมาน่ะ?
ชายหนุ่ม: น่านซี่ คิดว่าขนอะไรมาล่ะครับ? คิดว่าผมอ่ะหน้าตาเหมือนพ่อค้าขายอะไรเหรอครับ?
มนุษย์วัวรำคาญความอ้อมค้อมของชายหนุ่ม เขาจึงใช้มือผลักถังในรถให้ล้มระเนระนาดต่อกันไป
พอเห็นว่าไม่น่ามีใครซ่อนอยู่โดยไม่ถูกถังล้มทับได้ กลุ่มอมนุษย์มีเขาก็ยอมจากไปโดยที่ไม่ได้ช่วยตั้งถังให้ใหม่เลย
พอเห็นทางสะดวกแล้ว ชายหนุ่มก็ก้มลงไปทักทายสุบารุกับรุยที่ซ่อนอยู่ใต้รถขนสินค้า
ชายหนุ่ม: ดีนะที่พวกเธอไม่ได้ซ่อนอยู่หลังรถ ไม่อย่างงั้นกระดูกคงหักทั้งร่างไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นคงแย้~แย่นะครับ
สุบารุ: …อย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิ
. สุบารุคลานออกมาจากใต้รถแล้วปัดฝุ่นที่เปื้อนตัวเขากับรุยออก
สุบารุ: ว่าแต่ ทำไมถึงได้ช่วยล่ะ?
ชายหนุ่ม: ทำไมถึงได้ช่วยเหรอครับ? อืม~ อืม นั่นสิน้า อา เอาเป็นว่าทนดูเด็กสองคนถูกไล่ล่าไม่ได้ก็แล้วกันครับ
สุบารุ: พอบอกว่า “เอาเป็นว่า” แล้วมันฟังดูเหมือนพึ่งคิดสดๆเลยนะ…
ชายหนุ่ม: ไม่เนียนเลยสิน้าเนี่ย
ชายแปลกหน้าคนนี้ไม่มีลักษณะของอมนุษย์อย่าง เขา หูสัตว์ เกร็ดหรือกรงเล็บปรากฏให้เห็นเลย ถือว่าแปลกตาสำหรับเมืองเคออสเฟลมที่เต็มไปด้วยอมนุษย์
สุบารุ: นายคือ…
อูบิรูค: อ้อ ผมอ่ะชื่อว่า “อูบิรูค” ครับ ก็เข้าใจอยู่หรอกที่จะไม่ไว้ใจกัน แต่ก้อ~ไม่มีเหตุผลอะไรให้บอกจริงๆแหละครับ
สุบารุ: หมายความว่าไงที่ว่า “ไม่มีเหตผลอะไรให้บอก” ?
อูบิรูค: เหตุผลเดียวที่เลือกช่วยทั้งสองคนไว้ก็เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ควรทำเท่านั้นแหละครับ
อูบิรูคเป็นชายหนุ่มผมยาวสีเทาท่าทางเจ้าสำอาง สุบารุเดาว่าอาชีพของเขาคือ “พ่อค้า” จากชุดนักเดินทางที่ดูมีราคาและรถขนสินค้า
สุบารุ: จะบอกว่านั่นเป็นสัญชาตญาณของพ่อค้าเหรอ?
อูบิรูค: พ่อค้า… อ๊ะ เพราะเจ้านี่เหรอครับ? ฮ่าฮ่าฮ่า ผิดแล้วครับ ผมอ่ะไม่ใช่พ่อค้าหรืออะไรทำนองนั้นหรอก รถคันนี้ก็ไม่ใช่ของผมเหมือนกัน
สุบารุ: เอ๊ะ! แต่ตอนที่คุยกับคนพวกนั้น…
อูบิรูค: ผมอ่ะไม่เคยบอกว่าเป็นพ่อค้าสักหน่อย แน่นอนว่าไม่ได้เคลมรถคันนี้เป็นของตัวเองด้วย รถคันนี้มันแค่บังเอิ๊ญบังเอิญมาจอดอยู่ตรงนี้เองครับ บางทีอาจจะเป็นรถของร้านค้าตรงนั้นล่ะมั้งครับ? หรือว่าร้านตรงนู้นนะ? หรืออาจจะเป็นร้านตรงโน้นก็ได้
. พอรุยดึงแขนเสื้อเรียก สุบารุก็รู้ตัวว่ายังต้องรีบตามหาโอลบาร์ตต่อ เขาเลยขอตัวลาแค่นั้น
สำหรับสุบารุที่สมองกลายเป็นเด็ก ตอนนี้เขามองคนแปลกหน้าทุกคนเป็น “ผู้ใหญ่อันตราย” ถึงแม้ว่าอูบิรูคจะดูไม่มีความเกี่ยวข้องกับทันซ่าหรือโอลบาร์ตก็ตาม
แต่อยู่ดีๆอูบิรูคก็วิ่งมาขวางหน้าแล้วพูดถึงความดีงามของ “การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” ขึ้นมา
แถมพอถามกลับว่าอูบิรูคต้องการให้พวกสุบารุช่วยกลับหรือไงกัน เจ้าตัวก็หัวเราะบอกว่าแค่หลุดปากไม่ได้สำคัญอะไรหรอก
ระดับความเป็น “ผู้ใหญ่อันตราย” ของอูบิรูคในหัวสุบารุสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาเลยคิดหาทางที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกันไปนานกว่านี้
. อยู่ดีๆ อูบิรูคก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วบอกว่าคำมี “เรื่องสำคัญ” ต้องคุยกับสุบารุ ทำเอารุยต้องยกฝ่ามือขึ้นมาขู่
รุย: อู-!
อูบิรูค: ตายแล้วๆ นี่โดนเกลียดรึเปล่าเนี่ย ปกติผมเข้ากับผู้หญิงได้ดีแท้ๆ แต่ถ้าเป็นคนที่มีคนอื่นอยู่แล้วมันก็ต่างไปสินะครับ
สุบารุ: …คุณอูบิรูค อย่าไปทำให้รุยอารมณ์เสียล่ะ ยัยนี่น่ะ แบบว่า แกร่งผิดจากรูปลักษณ์ที่เห็นนะ
อูบิรูค: เข้าจาย~ล่ะ ชื่อคุณรุยสิน้าครับ
สุบารุ: คุณอูบิรูค! เรื่องสำคัญที่จะคุยคืออะไร? ถ้าไม่มีอะไรจะคุย พวกชั้นก็ขอตัวก่อนนะ!
อูบิรูค: ---ผมอ่ะไม่ได้คิดที่จะออกมาเดินเล่นในเมืองวันนี้เลยครับ
สุบารุ: เอ๋?
อูบิรูค: แต่ม่ายรู้ว่าคิดยังไงถึงได้เลือกออกมาเดินเตร็ดเตร่ไร้จุดหมาย คงมีอะไรสักอย่างดลบันดาลใจให้รู้สึกแบบนั้น ก็เลยออกมาเดินเล่น แล้วมาหยุดฆ่าเวลาข้างรถคันนี้ แล้วหลังจากนั้น… เธอสองคนก็โผล่มากระโดดข้ามหัวผมนี่แหละครับ
สุบารุ: …นายแค่ออกมาเดินเล่น หยุดพัก แล้วพวกชั้นก็โผล่มางั้นเหรอ?
อูบิรูค: อืม จะว่าอย่างงั้นก็ได้อยู่ แต่ว่าน้า ผมอ่ะมองว่าเรียกแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน--- ทั้งหมดนี้คือการชี้นำของดวงดาราไงล่ะ
สุบารุ: ดวงดารา… โชคชะตาอะไรแบบนั้นเหรอ…?
. สุบารุนึกว่าอีกฝ่ายมีเรื่องซีเรียสอะไรจะพูด แต่กลายเป็นว่าอูบิรูคเป็นเพียงชายประหลาดที่พูดจาโรแมนติกเท่านั้น
อูบิรูค: นี่หรือว่าจะรำคาญผมงั้นเหรอครับ?
สุบารุ: เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ถึงเรื่องสำคัญของคุณอูบิรูคดันไม่สำคัญอะไรเลยก็ไม่ติดใจหรอก เพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
อูบิรูค: ได้ยินแบบนั้นก็เจ็บอยู่เหมือนกันน้า ความปากคอเราะรายนั่นทำให้นึกถึงเพื่อนเก่าของผมขึ้นมาเลยนะครับเนี่ย
สุบารุ: เพื่อนของคุณอูบิรูค…?
อูบิรูค: อะฮ่าฮ่า ไม่ได้ล้อเล่นนะ
ในชั่วขณะนั้น สุบารุสัมผัสได้ถึงความรู้สึกซับซ้อนของอูบิรูคต่อตัว “เพื่อนเก่า” คนที่เขาเอ่ยถึง
. อูบิรูคเล่าว่าเขามีอาชีพเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา เลยอยากจะช่วยให้คำแนะนำกับพวกสุบารุ ในเมื่อโชคชะตาพาพวกเขาสามคนมาพบกัน
คำพูดคำจาของหมอนี่ฟังดูเหมือนพวกนักต้มตุ๋นที่สุบารุเคยเห็นในทีวี ระดับความเป็นผู้ใหญ่น่าสงสัยเลยพุ่งสูงขึ้นไปอีก
สุบารุคิดแผนสำรองขึ้นมาว่าจะใช้รุยซัดหมอนี่ให้หมอบไปเลย ถ้าหากว่าเขาคิดจะตะโกนเรียกพวกอมนุษย์มีเขากลับมาทางนี้
สุบารุ: โทษทีนะ แต่อย่ารู้เลยว่าพวกชั้นก็กำลังเผชิญกับเรื่องอะไรอยู่ เดี๋ยวคุณอูบิรูคก็ได้เข้ามาพัวพันด้วยพอดี แถมคุณอูบิรูคไม่น่าจะรับมือไหวด้วย
อูบิรูค: อ้อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เรื่องที่ว่าจะให้คำปรึกษาน่ะ พอดีว่าตัวผมอ่ะเป็นที่ปรึกษาที่ไม่จำเป็นต้องถามรายละเอียดอะไรเลย
สุบารุ: มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะนั่น!?
อูบิรูค: เอาน่าๆ ถ้าคิดว่าหลอกกัน ก็แค่ส่งมือมาก็พอ
อูบิรูคคว้ามือซ้ายของสุบารุมาดูอย่างอ่อนโยน นิ้วของเขาเรียวบางเหมือนผู้หญิงจนสุบารุแปลกใจ
ทางรุยเองก็ไม่ได้มองว่าการกระทำนั้นอันตราย เลยไม่ได้โจมตีด่วนอูบิรูค แต่เธอก็จ้องเขม็งไปที่คอของเขาเช่นกัน
หลังใช้เวลาดูมืออยู่ไม่นานนัก อูบิรูคก็แปะฝ่ามือของเขาลงบนใบหน้าของสุบารุ
อูบิรูค: ---คำตอบที่กำลังตามหาอยู่น่ะ มันอยู่ในตัวเธออยู่แล้ว
สุบารุ: …
คำพูดกำกวมของอูบิรูคทำให้สุบารุนึกถึงหมอดูในทีวีที่หลอกแหกตาชาวบ้านด้วยคำทำนายแบบกว้างๆที่ใครฟังก็อินไปด้วย
สุบารุ: จะเป็นใครก็กำลังตามหาคำตอบอะไรสักอย่างอยู่ทั้งนั้นแหละ…
อูบิรูค: อืม~ มันไม่น่าใช่เรื่องใหญ่ระดับชีวิตคนอะไรแบบนั้นหรอก น่าเสียดายที่ตัวผมอ่ะสามารถมองเห็นการโคจรของดวงดาราในระดับใหญ่แบบนั้นได้
สุบารุ: ฟังดูเหมือนโหราศาสตร์เลยนะ…
. ทันใดนั้นคำทำนายที่ฟังดูไม่สลักสำคัญอะไรของอูบิรูคก็ทำให้สุบารุฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และเขาก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเอง
สุบารุ: “ก้นบึ้งที่มีทิวทัศน์ดี”
รุย: อูอาอู?
สุบารุ: อาจจะพอจะเดาออกแล้วล่ะ …การให้คำปรึกษาดูเหมือนว่าจะได้ผลนะ
อูบิรูค: โอ้ โล่งอกไปที ทางผมเองก็สบายใจขึ้นเหมือนกัน เวลาช่วยคนอื่นทั้งทีก็อยากช่วยให้เรียบร้อยดีหน่อย ไงต่อล่ะ?
สุบารุ: อื้อ ต้องรีบไปแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ คุณอูบิรูค ---ไปกันเถอะ รุย!
รุย: อาอูอาอู!
สุบารุคว้ามือของรุยไว้แล้วเริ่มออกวิ่ง แต่ว่าเขาหยุดแล้วหันกลับมาพูดกับชายประหลาดที่บังเอิญเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย
สุบารุ: คุณอูบิรูค ขอแนะนำเพื่อตัวคุณเอง แต่กลับไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่บ้างก็ดีนะ! หัดทำตัวดีๆแล้วเลิกต้มตุ๋นคนอื่นด้วย!
. อูบิรูค: เลิกหลอกต้มตุ๋นคนอื่นงั้นเหรอ แรงใช่เล่นน้าเนี่ย
หลังเด็กชายและเด็กสาวจากไป ชายหนุ่มที่ถูกไว้ทิ้งกลางถนนก็หัวเราะแห้งๆอยู่คนเดียว
อูบิรูค: ถ้าไม่รีบกลับไปที่ห้องโดยด่วน ท่านคาฟม่าได้หัวเสียแน่เลย คงแย่น่าดูถ้าเป็นแบบนั้น เพราะงั้นกลับดีกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…
อูบิรูคหลับตาลงข้างหนึ่งแล้วชำเลืองไปทางที่เด็กชายคนเมื่อครู่วิ่งจากไป
อูบิรูค: ---ผมเป็น [นักอ่านดารา] แท้ๆ แต่กลับอ่านไม่ออกเลยว่าดวงดาราปรารถนาอะไรอยู่กันแน่
จบตอน