webnovel arc7 chapter54

บทที่ 7 ตอนที่ 54 "แดนอุดมคติเคออสเฟลม"

สุบารุร้องไห้ดีใจที่ผ่านลูปนรกมาได้ เขาขอบคุณรุยที่เป็นตัวช่วยสำคัญ เธอก็เลยน้ำตาไหลออกมาตาม

ยอร์น่าเองก็เข้ามาสวมกอดเพื่อปลอบประโลมเด็กทั้งสองคน ปล่อยพวกเขาหลั่งน้ำตาให้เต็มที่ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่สุบารุกับรุยยังคงเกาะหลังโอลบาร์ตอยู่

หลังจบเรื่องสุบารุบ่นว่าเขารู้จักคนน่ากลัวคนหนึ่งที่คล้ายกับโอลบาร์ตด้วย (ท็อดด์)

เหมือนกันทั้งลูกเล่นเยอะและไม่ลังเลที่จะลากคนนอกมาเกี่ยว โอลบาร์ตเลยแนะนำให้สุบารุรีบฆ่าคนที่ว่าทิ้งเพราะปล่อยลอยนวลไว้มีปัญหาแน่นอน

สุบารุ: คุณโอลบาร์ต เรื่องวิชาที่คุณใช้กับพวกชั้นเนี่ย…

โอลบาร์ต: โอ้ นั่นสินะ แน่นอนว่าถึงข้าจะตายไป วิชาก็จะไม่คลาย ไม่สิ อาจจะพอมีวิธีอื่นอยู่ แต่ก็ไม่เคยเห็นใครคลายได้เลยล่ะน้อ

สุบารุ: ว่าแล้วเชียว…!

โอลบาร์ต: เอาเหอะ มันก็คล้ายกับหลักประกันแหละนะ วิชานี้เป็นความลับกระทั่งในหมู่บ้านของข้า ถึงได้กำจัดศพไม่ให้เหลือร่องรอยตลอด จะได้ไม่มีใครล่วงรู้

ถ้าศึกนี้จบโดยโอลบาร์ตถูกยอร์น่าฆ่าตาย พวกสุบารุอาจจะต้องเป็นเด็กไปตลอดกาล โชคดีที่เลี่ยงผลลัพธ์นั้นมาได้

ยอร์น่า: ผู้เฒ่าโอลบาร์ตยอมรับว่าพ่ายแพ้เกมสินะเจ้าคะ?

โอลบาร์ต: โอ้ ยอมสิๆ พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์เลย โชคดีที่ไม่ตายด้วย แต่ก็เป็นความพ่ายแพ้ที่ผิดคาดอยู่น้อ

ยอร์น่า: ผิดคาดเหรอเจ้าคะ?

โอลบาร์ต: คนที่จะต่อกรกับข้า ทีแรกนึกว่าต้องเป็นหัวหน้าของไอ้หนูพวกนี้เสียอีก

. ยอร์น่าเองก็อยากเจอตัวผู้ส่งจดหมายเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้นเธอขอถามโอลบาร์ตก่อนว่าเอาทันซ่าไปซ่อนไว้ที่ไหน

เนื่องจากว่าปราสาทรูริแดงทั้งหลังไม่ต่างจากส่วนหนึ่งของร่างกายยอร์น่า เธอจึงสัมผัสได้ว่าทันซ่าไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ (เพราะงี้ยอร์น่าถึงโผล่มาหารุยกับสุบารุที่แอบวาร์ปเข้ามาได้ทันที)

ยิ่งได้รู้จักยอร์น่า สุบารุก็ยิ่งไม่อยากให้เธอกับชาวเมืองเคออสเฟลมมาพัวพันกับศึกนี้ พวกเขาแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในโลกที่ปราจากการเหยียดเผ่าพันธุ์ ต้องการอิสระ ความยุติธรรม ความเท่าเทียม

มันไม่ต่างอะไรจากอุดมคติของเด็กสาวสุดที่รักของสุบารุเลย ดังนั้น การเอาตัวยอร์น่าไปจากเมืองนี้มันจะดีจริงๆเหรอ?

ในระหว่างที่สุบารุกำลังลังเล โอลบาร์ตก็เฉลยที่ซ่อนของทันซ่าออกมาว่ามันไม่ใช่ที่ลึกลับซับซ้อนอะไรเลย

. ฉากตัดไปยังห้องพักกว้างขวางในโรงแรมกลางเมืองเคออสเฟลม ที่นั่นวินเซนต์ มีเดียมและอัลกำลังประจันหน้าอยู่กับทันซ่าและคาฟม่า อิรูลุคซ์ “แม่ทัพแมลงศึก”

คาฟม่า: พวกเอ็งรู้ตัวบ้างไหมว่าล่วงล้ำเข้ามาที่ไหน!? ---ตอบมา! แล้วถ้าตอบไม่ถูกใจ กระดูกพวกเอ็งไม่เหลือแน่!

อัล: นี่ อาเบลจัง เอาจริงเหรอ?

วินเซนต์: แกต้องถามอีกสักกี่ครั้งถึงจะยอมรับได้กันล่ะ?

อัล: ถ้านายไม่รีบเข้ามาที่นี่ก่อนที่ชั้นจะทำใจยอมรับได้ ก็คงไม่ถามเยอะแบบนั้นหรอกเฟ้ย แบบว่า เสียสติไปแล้วรึไง! บ้าเอ๊ย ทำไมชั้นถึงได้ตามเข้ามาด้วยล่ะเนี่ย…!?

วินเซนต์: เหตุผลมันชัดเจนอยู่แล้ว ---แกในตอนนี้น่ะตาขาวเกินกว่าที่จะอยู่ตัวคนเดียว

วินเซนต์แทงใจดำจนอัลเถียงไม่ออก มีเดียมไม่พอใจการใช้คำพูดของวินเซนต์ เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่สุบารุกับรุยกลัวจนหนีไป แต่เธอก็รู้สึกผิดพอๆกัน

. ฝั่งวินเซนต์ในตอนนี้ไม่มีใครพร้อมสู้เลย แต่ต่อให้ทาริตต้าอยู่ด้วย หรืออัลกับมีเดียมตัวเท่าเดิม วินเซนต์ก็ประเมินว่าชนะได้ยากอยู่ดี

เพราะถึงแม้คาฟม่าจะมียศแค่ระดับแม่ทัพชั้นสอง แต่ฝีมือของเขาแกร่งเทียบขั้นแม่ทัพเทวะได้เลย โชคดีที่ยอร์น่าสั่งห้ามทำร้ายพวกตนไว้ก่อนหน้านี้

วินเซนต์: เพราะงั้น ทางนี้ก็ไม่คิดจะมีเรื่องเช่นกัน ลดแขนลงซะ คาฟม่า อิรูลุกซ์

คาฟม่า: เอ็ง…บ้าปะเนี่ย? ไม่ตอบคำถามของทางนี้ แถมยังมีหน้ามาสั่งตามใจชอบอีก คิดว่าตัวเองเป็นราชารึไงกัน!?

วินเซนต์: ---ก็เดาเกือบถูกนะ

คาฟม่า: เอ็งนี่! ---ทนเรื่องเด็กบ้าบออะไรนี่ไม่ไหวแล้ว! ไม่สนแล้วว่าเมื่อวานจะว่ายังไง…

จิชา: ---หุบปาก คาฟม่า อิรูลุกซ์ …พวกมันไม่ได้มาร้าย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในสถานการณ์นี้

พอลายสักบนแขนคาฟม่าสั่นไหว เสียงของ “จักรพรรดิตัวปลอม” ผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านในสุดของห้องก็หักห้ามเขาไว้

“หน้ากาก” ของจักรพรรดิตัวปลอมสมบูรณ์แบบจนวินเซนต์ยังแอบชมในใจ เหมือนทั้งหน้าตา น้ำเสียง ท่าทาง และอุปนิสัย

บุคคลเดียวในโลกที่ลอกเลียนวินเซนต์ได้แนบเนียนเช่นนี้คือแม่ทัพเทวะลำดับ 4 “แมงมุมขาว” จิชา โกลด์

. วินเซนต์เดาทางถูกว่าโอลบาร์ตจะเอาทันซ่ามาซ่อนไว้ในที่พักของจิชา เขาเลยบอกอีกฝ่ายว่ามีธุระกับแค่ทันซ่าคนเดียว

พอได้ข้อมูลจากคาฟม่า จิชาก็เข้าใจสถานการณ์กระจ่างทันทีและบอกทันซ่าว่าเขาจะไม่ช่วยปกป้องเธอ แต่จงสู้ศึกที่ตัวเองเลือกจนถึงที่สุด

ทันซ่าที่ได้รับการปลุกใจทางอ้อมขอบคุณจักรพรรดิปลอมแล้วหันมามองพวกวินเซนต์ด้วยสายตาพร้อมสู้ ทำเอาอัลสะดุ้ง

ทันซ่าร้องขอพวกวินเซนต์ไม่ให้ลากยอร์น่าไปเกี่ยวพันกับสงคราม เพราะนายหญิงมักจะเอาตัวเองไปเสี่ยงตายเพื่อปกป้องผู้อ่อนแอเสมอ

วินเซนต์อดสงสัยไม่ได้ทันซ่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเด็กสาวมนุษย์กวางที่เสียชีวิตไปก่อนหน้าและเป็นต้นเหตุการก่อกบฏของยอร์น่าครั้งหนึ่ง

. ยอร์น่านั้นมีความฝันอยู่ ความฝันที่ทันซ่ารู้ดีว่าพวกตนไม่อาจช่วยทำให้เป็นจริงได้

พอได้เห็นยอร์น่าแสดงสีหน้าเหมือนหญิงสาวมีความรักตอนที่อ่านจดหมาย ทันซ่าก็รู้ทันทีว่านายหญิงของเธอจะไม่ปฏิเสธ เธอจึงลงมือขัดขวางพวกวินเซนต์ด้วยตัวเอง

วินเซนต์: ---งดงาม

วินเซนต์ถึงกับพึมพำออกมาเช่นนั้น แม้ว่าเสียงจะส่งไปไม่ถึงหูใครเลยก็ตาม

. ทันซ่าพร้อมที่จะตายเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากว่ามันจะส่งผลให้พันธมิตรระหว่างยอร์น่ากับวินเซนต์ไม่เกิดขึ้น

แต่วินเซนต์ก็ตอกกลับว่ายอร์น่า มิชิกุเระหลีกเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวพันกับสงครามครั้งนี้ไม่ได้อยู่ดี ตำแหน่งที่เธอเลือกมันส่งผลเช่นนั้น

ทันซ่า: คุณน่ะ รู้เห็นอะไรอยู่กันแน่…?

วินเซนต์: ชั้นไม่คิดจะบอกคนอื่นเรื่องที่ตัวเองรู้เห็นหรอก แต่ถ้าหากว่ามันเป็นไปได้ก็ต้องหาหนทางรับมือไว้ ต่อให้คนอื่นจะคิดอย่างไรก็ตาม

สายตาของวินเซนต์เปลี่ยนเป้าหมายจากทันซ่าและจดจ้องไปยังจักรพรรดิตัวปลอมที่นั่งเงียบอยู่แทน

วินเซนต์: แก่นแท้ของชั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่มีทางเปลี่ยนมันได้ ถ้าหากหนทางถอยกลับถูกแผดเผา ก็เหลืออยู่แค่เส้นทางเดียว ---จงสลักมันลงไปในดวงจิต

จิชา: ---ขอให้เป็นเช่นนั้นต่อไปก็แล้วกัน

หลังจักรพรรดิตัวจริงกับตัวปลอมปะทะฝีปากกันจนห้องพักร้อนระอุ วินเซนต์หันกลับมาเรียกทันซ่าให้เงยหน้าขึ้น

วินเซนต์: แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้มีเจตนาจะใช้งานเธอ(ยอร์น่า)อย่างเสียเปล่าอยู่แล้ว ถึงจะต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ชั้นก็จะใช้ทรัพยากรที่มีค่าอย่างดีที่สุด ---เพราะผู้คนสมควรได้ตายอย่างคุ้มค่า

สุดท้ายทันซ่าก็เลยยอมยกเลิกคำสั่งโจมตีของเผ่ามีเขาและฝากฝังให้วินเซนต์ช่วยดูแลท่านยอร์น่าของเธอพร้อมหลั่งน้ำตา

. หลังจบเรื่องทันซ่า อาการของอัลก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น แต่อย่างน้อยเขาก็ออกมาเดินถนนด้านนอกได้แบบไม่ต้องระแวงแล้ว

วินเซนต์เดาทางได้จากรีแอคชั่นของทันซ่าว่าสถานที่ซ่อนตัวแห่งที่สองของโอลบาร์ตคือปราสาทรูริแดง พวกเขาเลยจะไปรวมตัวกับสุบารุที่นั่น

อัล: ยังไงก็ต้องให้ตาแก่นั่นขยายร่างกลับ …หลังร่างกายกลับเป็นเหมือนเดิมก็น่าจะหายห่วงได้ ทีนี้พี่น้องกับยัยเปี๊ยกนั่นจะได้…

อัลอยากให้สุบารุได้สมองแบบตอนโตกลับมา เขาจะได้ตัดสินใจเรื่องรุยได้อย่างรอบคอบกว่านี้ ทว่า ก็มีคนเห็นต่างอยู่

วินเซนต์: ไม่ว่าแกจะคิดยังไง ชั้นก็ไม่คิดจะปล่อยให้คลายวิชาของโอลบาร์ตง่ายๆหรอกนะ

อัล: หา? // มีเดียม: เอ๋?

วินเซนต์: ถ้าให้เจาะจงหน่อย แกกับมีเดียมน่ะไม่เป็นไร แต่ชั้นไม่คิดจะคลายวิชาบนตัวนัตสึกิ สุบารุหรอกนะ ถ้าจะให้ดี เขาควรอยู่ในร่างนั้นต่อไปอีกสักพัก

อัล: ยะ…อย่ามาพูดบ้าๆนะโว้ย! หมายความว่าไงวะ! พูดบ้าอะไรออกมา!?

มีเดียม: ทำไปเพื่อรังแกสุบารุจินเหรอ? อาเบลจินจ้องแต่จะทำให้สุบารุจินกลัวเพื่อหลุดปากอยู่ได้! เพราะงั้นใช่ไหม? ถ้ามีอะไรอยากถาม ถามกันแบบปกติก็ได้นี่! เพราะงั้น เรื่องแบบนี้น่ะ…

วินเซนต์: ---เกรงว่านั่นจะเป็นไปไม่ได้ …เจตนาของชั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องที่มีเดียมเข้าใจผิด มันก็แค่เรื่องที่จำเป็นต้องทำ

อัล: จำเป็น!? จำเป็นอะไรวะ! ทำไมถึงแค่พี่น้อง… ทีชั้นกับคุณหนูมีเดียมล่ะ!

วินเซนต์: ไม่ผ่านเงื่อนไข แกมีแขนเดียว ส่วนมีเดียมก็ติดเรื่องสีผมกับสีตา

ระหว่างที่ปล่อยให้อัลกับมีเดียมสับสน วินเซนต์ก็ยื่นมือออกไปยังทิศของปราสาทรูริแดงราวกับจะไขว่คว้ามันเอาไว้

วินเซนต์: สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนและเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เพราะฉะนั้น ---นัตสึกิ สุบารุ คงต้องขอให้แกติดตามมาด้วยกัน สู่ท่ามกลางสงครามที่สายลมแห่งการรบราพัดพา

. ตัดกลับมาฝั่งสุบารุ

โอลบาร์ต: เพราะงั้นแหละ ยัยหนูกวางถึงได้อยู่กับใต้เท้าแหละน้อ

สุบารุ: ถ้าไม่ได้อยู่ที่ปราสาทก็คงเป็นที่ห้องพักตัวเองนั่นแหละนะ…

โอลบาร์ต: โอ้ รู้ทันด้วยเรอะ? ถ้างั้นไอ้หนู เอ็งเนี่ยร้ายเอาเรื่องนะ ถามจริง มีสายเลือดราชวงศ์วอลลาเคียหรือเปล่าเนี่ย?

สุบารุ: อย่าพูดแบบนั้นสิ ขนลุกเฟ้ย…

สุบารุยังมีประเด็นค้างคากับเพื่อนๆเรื่องรุย แต่หลังผ่านลูปนรก 10 วินาทีมาได้ ความรู้สึกของสุบารุก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่อยากให้รุยตายและไม่อยากให้รุยฆ่าใครอีก

ยอร์น่าก้มหัวขอโทษที่ชาวเมืองของเธอสร้างเรื่องลำบาก ตอนนั้นเองสุบารุก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ายอร์น่าจูบเขาไปตั้งหลายรอบช่วงลูปนรก เลยเขินจนหน้าแดง

(แน่นอนว่ายอร์น่าไม่มีความทรงจำเรื่องนั้น)

ถึงเขาจะตอบรับเธอด้วยความรักไม่ได้ อย่างน้อยสุบารุก็ไม่อยากให้ยอร์น่าเข้ามาพัวพัน แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องเอาสมองตอนโตกลับมาก่อนเพื่อไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน

. สุบารุแอบเป็นกังวลอยู่เหมือนกันว่าถ้าเขากลับเป็นร่างโตแล้ว ยอร์น่าจะยังใจดีกับเขาอยู่ไหม (เพราะที่ผ่านมาเธอแสดงด้านใจดีต่อเด็กและชาวเมืองเท่านั้น)

เขาเลยปลอบใจตัวเองด้วยการพึมพำว่า---

สุบารุ: ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าความตายหรอก…

ถึงจะเดาไม่ออกว่ายอร์น่าจะคิดยังไง แต่สุบารุรู้สึกว่าร่างเด็กของตัวเองนี่อับโชคมากถึงได้ตายยับแบบนั้น เขาเลยขอให้โอลบาร์ตรีบคืนร่างให้ดีกว่า

สุบารุ: …คือว่า มันจะเจ็บไหมเนี่ย?

โอลบาร์ต: ตอนที่ตัวหดมันเจ็บไหมเล่า? นั่นแหละคำตอบแหละน้อ!

ว่าแล้วโอลบาร์ตก็ยื่นมือมาแตะลิ้นปี่ของสุบารุอย่างแผ่วเบา ถ้าทฤษฎีของวินเซนต์ถูก วิชาของโอลบาร์ตคือการแทรกแซงโอโดซึ่งน่าจะอยู่บริเวณใกล้หัวใจ

ถึงตามเวลาโลกจริงสุบารุจะพึ่งกลายเป็นเด็กแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ประสบการณ์ที่ได้พบในร่างนี้คือความสิ้นหวังระดับสูงสุดเท่าที่สุบารุเคยพบเจอตั้งแต่มาต่างโลก

สุบารุ: จะว่าไปแล้ว…

สุบารุนึกขึ้นได้ว่าประสบการณ์ในช่วงลูปนรกมันต่างจากอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” ของเขาแบบทุกที

คำถามก็คือมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาในตอนนั้น? และพลัง “ตายแล้วกลับมา” ในตัวสุบารุมันหายไปไหน?

[ริษยา: ---เจอตัวแล้ว]

ทันใดนั้นเอง มือขวาของโอลบาร์ตที่แตะหน้าอกสุบารุอยู่ก็ขาดหายไปทั้งข้อมือ

โอลบาร์ต: อุก---

ยอร์น่า: เจ้าหนู---

รุย: อูอาอู!

รุยพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ยอร์น่าดึงตัวเธอไว้ จากนั้นเงามืดดำทมิฬก็กลืนกินส่วนบนของปราสาทรูริแดงทั้งหมดเข้าไป

คาฟม่า: ใต้เท้า! นั่นมัน…

จิชา: …

ตัวอ่อนแมลงในร่างคาฟม่าตื่นกลัวขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน เขาจึงยืนปกป้ององค์จักรพรรดิและมองออกไปทางหน้าต่าง

ทันซ่า: ไม่จริง… ปราสาท… ท่านยอร์น่า…

อัล: อะ…อ้าาาาาาา อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!

มีเดียม: อัลจิน?

ทันซ่าหวาดกลัวถึงชะตากรรมของนายหญิง ส่วนมีเดียมเข้ามาดูอาการของเด็กน้อยปิดหน้า

หายนะที่เกิดขึ้นก็ทำให้อัลร้องตะโกนออกมาดังยิ่งกว่าใครในเมือง ไม่สิ ดังยิ่งกว่าใครในโลก

อูบิรูค: ตายแล้วๆ อะไรกัน… นี่มันไม่ตรงกับที่เขียนไว้นี้ดหน่อยนี่คร้าบ?

ทาริตต้า: พูดอะไรของนาย…?

อูบิรูคพึมพำออกมาในขณะที่มองดูเมืองพังทลาย ส่วนทาริตต้าที่ประจันหน้าเขาอยู่ก็ได้แต่ลังเลว่าควรสนใจชายตรงหน้าหรือเงามืดก่อน

วินเซนต์: ---นี่เองเหรอ ตัวตนที่แท้จริงของสิ่งที่อยู่ในตัวแก?

วินเซนต์ที่จ้องมองเงาดำกำหมัดแน่น กัดริมฝีปากจนเลือดไหล สีหน้าเปลี่ยนไปบิดเบี้ยวพอๆกับหน้ากากอสูรที่เขาสวมปิดใบหน้าอยู่

. รักนะ รักนะ รักนะ รักนะ รักนะ รักนะ รักนะ รักนะ

รักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะ

ความรักต้องสาปที่อยู่นอกเหนือทุกมิติถับถมตัวตนของนัตสึกิ สุบารุ และไม่คิดที่จะจากไปไหน

เขาได้เรียนรู้แล้วว่าโลกไร้ความรักที่เป็นดั่งนรกมันน่ากลัวเพียงใด แต่กระนั้น ในโลกนี้ก็ยังมี “ความรัก” ที่ไม่ควรจะยอมรับอยู่

นี่คือบทลงโทษที่เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวตนนั้นถึงเป็นที่เกรงกลัว มันกลายเป็นเงาทมิฬกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทาง

เงาดำสรรเสริญการได้กลับมาพบพาน การสวมกอด การผูกมัด ชะตากรรม ความโหยหา คำสารภาพ ความเสียใจ ความสงสัย ความลึกลับ ความปลื้มปิติ และความภักดี

ในโลกที่เต็มไปด้วยความรักของเธอผู้นั้น นรกแบบใดกันรอเขาอยู่?

นครมารเคออสเฟลม โลกในอุดมคติของเหล่าผู้ถูกขับไล่ ล่มสลายลงเพราะชะตากรรมของนัตสึกิ สุบารุ

จบตอน