webnovel arc7 chapter55

บทที่ 7 ตอนที่ 55 "ท่วงทำนองคลุ้มคลั่งนครมาร"

เงาดำของแม่มดริษยาบดขยี้ปราสาทรูริแดงแหลกราวปราสาททราย

นครมารจมลงสู่ห้วงแห่งความโกลาหล ชาวเมืองพากันแตกตื่นเมื่อได้เห็นหายนะที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

วินเซนต์ + จิชา: ทุกคนเงียบซะ!!

ตอนนั้นเองจักรพรรดิตัวจริงและตัวปลอมก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันและดึงความสนใจของทุกคนในบริเวณนั้นมาที่พวกตน

จิชา: เลิกเฉยเมย! ทุกวินาทีที่ละเลยเจ้าสิ่งนั้น ชีวิตก็ยิ่งสูญเสียไปเรื่อยๆ!

วินเซนต์: เจ้าจอมตะกละนั่นเขมือบปราสาทเข้าไปแล้วยังกลืนกินน่านฟ้าต่ออีก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างจำนวนเหยื่อจะยิ่งเพิ่มขึ้น!

สองจักรพรรดิพูดตรงกันเหมือนต่างฝ่ายต่างรู้ใจ ทั้งสองจ้องตากันสักครู่ ก่อนที่จะออกคำสั่งต่อ

วินเซนต์ + จิชา: ――คาฟม่า อิรุลุกซ์! หยุดเจ้าเงานั่นไว้! ตระหนักไว้เสียว่าความชักช้าของแกจะส่งผลต่อชีวิตของชาวประชาจักรวรรดิ!

คาฟม่า: ――ขอรับ!

คาฟม่าสับสนเล็กน้อยที่มีชายสองคนออกคำสั่งเหมือนกัน แต่เขาก็รับบัญชาแล้วสยายปีกแมลง 6 ข้างออกบินไปยังปราสาทรูริแดง

. จิชาคอนเฟิร์มกับวินเซนต์ว่าเขาพาบริวารมาแค่สามคน [คาฟม่า] [โอลบาร์ต] และอีกคนที่ไม่ค่อยมีประโยชน์(อูบิรูค)

ฝั่งวินเซนต์เองก็ขาดกำลังพล เพราะมีแต่คนกลายเป็นเด็กเช่นกัน

อัล: อา…อา… ทำไมกัน ทำไมกัน ทำไมในเวลาแบบนี้ถึงได้…

มีเดียม: อัลจิน…

อัลยังคงอยู่ในสภาพสั่นกลัว เป็นหมากที่ไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์นี้ วินเซนต์จึงต้องชั่งใจการเดินหมากต่อไปให้ถี่ถ้วน

จิชา: เช่นนั้น ก็เหลือตัวเลือกอยู่ไม่มาก

วินเซนต์: ――ไปรวมตัวกับยอร์น่า มิชิกุเระ ต้องพึ่งพาพลังของนาง

. ย้อนไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ระหว่างที่ทาริตต้ากำลังจัดการหยุดพวกชาวเมืองที่ไล่ล่าเธอ

เนื่องจากชาวเมืองที่ได้พลังคงคงมีหนังหนาฟันแทงไม่เข้า ทาริตต้าจึงต้องเปลี่ยนวิธีมาตัดเส้นเอ็นทิ้งและใช้เสื้อนอกรัดคอให้สลบแทน

ถ้าเอาจริง ทาริตต้าสามารถรัดคอให้ตายได้เลย แต่วินเซนต์ห้ามไว้ก่อนแล้วว่า “ห้ามฆ่าใคร” ราวกับว่าเขาประเมินฝีมือของทาริตต้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ราวกับวินเซนต์รู้เหตุผลที่เธอฝึกใช้เทคนิคการฆ่าที่ไม่ได้เอาไว้ล่าสัตว์นี้จนเชี่ยวชาญ…

อูบิรูค: เหเห~ ช่างเป็นภาพที่ประหลาดตาจริงน้าเนี่ย~

ทาริตต้า: อึก!?

จู่ๆ ชายหนุ่มแปลกหน้าในชุดคลุมยาวสีน้ำเงินก็โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทาริตต้าเลยยกมีดขึ้นมาเตรียมด้วยความระแวง

อูบิรูค: หวาๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ! รอก่อนเถอะนะ! อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจแบบนั้นซี่

ทาริตต้า: นายเป็นใคร?

ชายหนุ่มไม่มีเปลวไฟที่ดวงตาและท่าทางไร้ฝีมือต่อสู้ แต่เขาดันแอบย่องเข้าด้านหลังทาริตต้าได้แบบเงียบเชียบอย่างน่าประหลาด

. อูบิรูค: ตายแล้วๆ ท่าทางไม่เชื่อใจกันใหญ่เลย ผมอ่ะเป็นแค่คนธรรมดาที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้นเองนะครับ…

ทาริตต้า: …คนธรรมดาที่ไหนเขาเห็นภาพนี้แล้วสบายใจอยู่ได้กัน

รอบตัวชายผู้อ้างว่า “ไร้พิษภัย” นั้นเต็มไปด้วยชาวเมืองที่นอนเกลื่อนอยู่ ซึ่งการมองผ่านๆ ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นหรือตาย แต่เขาดันดูไม่ทุกข์ร้อน

ถึงจะชายแปลกหน้าจะหน้าตาดี แต่ความน่าสงสัยมันบดบังเรื่องหน้าตาไปหมด แถมทาริตต้ายังมีฟล็อปอยู่แล้วด้วย

อูบิรูค: เปล่าเลยน้า ไม่ใช่ว่าคุ้นเคยภาพแบบนี้มาจากบ้านเกิดหรอก แค่บอกว่าเป็นภาพที่ประหลาดตาเท่านั้นเอง ――เนอะ คุณทาริตต้า

ทาริตต้าพึ่งเคยเจอชายแปลกหน้าเป็นครั้งแรก แต่อีกฝ่ายกลับเรียกชื่อเธอเหมือนสนิทกันมานาน ทาริตต้าจึงเกร็งมีดในมือและพยายามคิดเหตุผลที่ชายคนนี้รู้ชื่อตน

ทาริตต้า: นี่นายเคยเจอกับครอบครัวของฉันมาก่อนเหรอ?

อูบิรูค: ――? มาที่นี่กับครอบครัวเหรอครับ? อืม~ เท่าที่ได้ยินมา เผ่าชูดราคไม่ค่อยออกจากป่าเท่าไหร่นี่ครับ หรือว่าหัวหน้าเผ่าจะเปลี่ยนนโยบายไปแล้วกันนะครับ?

ทาริตต้า: ทำไมถึงรู้ว่าฉันเป็นเผ่าชูดราค…!

. ความน่าสงสัยของชายแปลกหน้าพุ่งทะยานถึงระดับน่าขนลุก

ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงความประสงค์ร้ายออกมา แต่ทาริตต้าก็อดคิดไม่ได้ว่าควรรีบกำจัดเขาลงตรงนี้

อูบิรูค: ――ความด่างพร้อยของชูดราค

ทาริตต้า: อา…

ทว่า พอชายหนุ่มเอ่ยคำนั้นออกมา ความคิดของทาริตต้าก็หยุดชะงักไป

“ทำไมเขาถึงพูดคำนั้นออกมา” ไม่สิ “เขารู้ได้ยังไงกัน?”

ชายที่เคยพูดคำนั้นกับทาริตต้าได้---ไปแล้วแท้ๆ

อูบิรูค: ลิขิตสวรรค์ไงครับ ที่ทำให้คุณทาริตต้ากลายเป็นความด่างพร้อยของชูดราค

ทาริตต้า: ลิขิต…สวรรค์…?

อูบิรูค: จะเรียกว่าเป็นการโคจรหรือการชี้นำของดวงดาราก็ได้ครับ เราทุกคนต่างมีโชคชะตาของตัวเอง แล้วผมอ่ะก็มีหน้าที่ประพันธ์มันขึ้นมา ――ไม่สิ ต้องเรียกว่านี่คือลิขิตสวรรค์ของ “พวกเรา” มากกว่า

. ตอนนั้นเองเงาดำของแม่มดริษยาก็จู่โจมปราสาทรูริแดงจนทั้งเมืองสั่นไหว ทาริตต้าเลือกไม่ถูกว่าเธอควรสนใจชายน่าสงสัยหรือเงาดำก่อนดี

อูบิรูค: อุ๊ยตาย อะไรกันเนี่ย… นี่มันต่างจากที่เขียนไว้อยู่นิดหน่อยนะ

ทาริตต้า: พูดอะไรของนาย…

อูบิรูค: ถึงจะพึ่งพูดถึงลิขิตสวรรค์ไป แต่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนะ เดิมทีนั่นก็เป็นปัญหาของราชอาณาจักรลูกุนิก้าจริงไหม? เรื่องนี้ผมไม่มีเอี่ยวนะคร้าบ

ทาริตต้า: ไม่มีเอี่ยว…ราชอาณาจักรลุกุนิก้า?

อูบิรูค: หรือว่าเด็กคนนั้นจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็น [นักอ่านดารา] กันนะครับ? ถ้าเป็นงั้น ใต้เท้าก็กล้าเดิมพันใช่เล่นนะเนี่ย… หรือว่าไม่มีไพ่อื่นให้ใช้กันนะ?

ทาริตต้า: ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ! แต่นายรู้อะไรสักอย่างแน่ๆ!

. ทาริตต้ากระชากคอเสื้ออูบิรูคแล้วใช้มีดจ่อคอฃ แค่บิดมือนิดเดียวเธอก็ปลิดชีพเขาได้ แต่อีกฝ่ายกลับยังมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อน

อูบิรูค: บางที ความเป็นความตายของผมอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสถานการณ์นี้เลยนะครับ…

ทาริตต้า: อึก

อูบิรูค: ฝ่ายคุณไม่น่าควรมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้นะ ผมไม่ได้อ่านดวงดาราด้วยสิ นี่ก้อแค่ลางสังหรณ์เฉยๆ

สุดท้ายทาริตต้าก็เลือกที่จะระงับจิตสังหารไว้แล้วโยนอูบิรูคทิ้ง ก่อนที่จะไล่ตะเพิดเขาไปให้พ้นหน้าเธอ

อูบิรูค: จะดีเหรอครับ? คุณอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับผมแบบนี้อีกแล้วนะ

ทาริตต้า: แบบนั้นดีที่สุดแล้วค่ะ ไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว นอกเสียจากว่านาย… อยากเผชิญฝันร้ายกี่ครั้งกันล่ะ?

อูบิรูค: ต่างจากผม ดูเหมือนว่าคุณน่ะจะมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่นะ นั่นอาจจะเป็น “ไพ่ตาย” ที่หยุดยั้งเจ้าเงานั่นไว้ก็ได้

ทาริตต้า: พูดถึงฉันเหรอ…? ฉันน่ะไม่ได้มีพลังอะไรแบบนั้น…

อูบิรูค: ――ลิขิตสวรรค์บันดาลไว้เช่นนั้นแล้ว จริงไหม “ความด่างพร้อยของชูดราค”

ทาริตต้า: …

อูบิรูค: จะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่คุณเลย ในฐานะคนที่ไม่มีลิขิตสวรรค์ ผมละอิจฉาคุณที่มีเส้นทางให้ก้าวเดินเหลือเกิน เนอะ?

อูบิรูคทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น ก่อนจะสวมฮู้ดแล้ววิ่งจากไป ทาริตต้าไม่คิดจะไล่ตามเพราะเธอยังคาใจกับประโยค “ลิขิตสวรรค์บันดาลไว้เช่นนั้น” อยู่

ตอนนั้นเอง มีเดียมก็โผล่มาเพื่อส่งต่อข้อความจากวินเซนต์ว่าพวกเขาต้องการหยุดยั้งเงาดำ และวินเซนต์ต้องการความช่วยเหลือจากทาริตต้าเพื่อการนั้นด้วย

. ยอร์น่า: เจ้าหนู――

รุย: อูอาอู!!

ตัดทางฝั่งปราสาทรูริแดง ยอร์น่าได้ดึงตัวรุยไว้เพื่อห้ามไม่ให้เธอกระโจนเข้าไปในเงาอีกคน จากนั้นก็กระโดดถอยหลังออกมาตั้งหลัก

ปราสาทรูริแดงถูกเงาดำแห่งความสิ้นหวังกลืนหายไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว สิ่งที่ถูกมันกลืนหายไปอาจจะหมดหนทางที่จะช่วยเหลือได้อีก

และสุบารุกับโอลบาร์ตก็ได้ถูกเงาดำที่ว่านี้กลืนหายไปทั้งคู่ ยอร์น่าจึงไม่อาจยืนยันได้ว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

กระทั่งสัตว์ประหลาดอย่างตาเฒ่าโอลบาร์ตยังดึงแขนออกไม่ทัน แล้วเด็กธรรมดาอย่างสุบารุจะไปเหลืออะไร

กระนั้น มันก็มีความเป็นไปได้ที่สุบารุอาจจะไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็น “ตัวการ” เบื้องหลังการโจมตีของเงาดำอยู่ มันเป็นความเคลือบแคลงใจที่ยอร์น่าอดคิดไม่ได้

. ระหว่างที่กำลังชั่งใจในฐานะเจ้าเมือง เงาดำก็เปลี่ยนรูปร่างเป็น “มือ” นับยี่สิบข้างและพุ่งเข้าจู่โจมยอร์น่ากับรุย

ยอร์น่าสัมผัสได้ว่าเงามือเหล่านั้นเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ [หิวโหย] ที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่ง เธอจึงอุ้มรุยไว้แน่นแล้วสั่งกระเบื้องให้เรียงเป็นที่ยืนสำหรับไต่หนีขึ้นฟ้า

แล้วในขณะเดียวกัน ยอร์น่าก็ยิงแผ่นกระเบื้องขัดมือเงาที่ไล่ตามด้วย ทว่า แผ่นกระเบื้องก็จมหายไปในความว่างเปล่าหลังสัมผัสโดนมือเงา

ยอร์น่าเสียใจที่ปราสาทแสนงดงามที่ชาวเมืองอุตส่าห์ตั้งใจสร้างให้เธอต้องมาถูกเงาทำลาย เธอเลยจู่โจมมันกลับด้วยความพิโรธและความรักที่มีต่อปราสาท

ยอร์น่า: กลืนกินสิ่งที่ข้าน้อยรักได้ลงคอนะ เจ้าตัวต่ำช้า!!

ยอร์น่าใช้วิชาคงคงระเบิดชิ้นส่วนของปราสาทรูริแดงจากภายในของเงาดำ เธอรับรู้ได้ว่าการโจมตีไม่ได้วืด เงาดำมันคงจะมีส่วนที่เป็นสสารอยู่

กระทั่งมือเงาที่ไล่ตามยอร์น่ามาจนถึงเมื่อครู่ก็สลายหายไปจากผลการโจมตีนั้น แต่ยอร์น่าก็ตระหนักอยู่แก่ใจดีว่าภยันตรายของเงาดำยังไม่หมดไป

. เหล่าชาวเมืองเคออสเฟลมมารวมตัวกันใกล้ปราสาทด้วยความเป็นห่วงเจ้าเมือง

ชาวเมืองเริ่มทำการช่วยเหลือทหารออกมาจากใต้ซากปรักหักพัง แต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักเลยว่ามีมือเงาผุดออกมาเตรียมจู่โจม

คาฟม่า: ――ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่า!

ยอร์น่าอยู่บนฟ้าสูงเกินกว่าจะไปช่วยได้ทัน แต่โชคดีที่เถาวัลย์ของ [คาฟม่า อิรุลุกซ์] กระชากตัวชาวเมืองออกมาให้พ้นทางได้ก่อนที่เงาจะถึงตัว

คาฟม่า: แม่ทัพชั้นหนึ่งยอร์น่า! ข้ากับเจ้าอาจจะมีความคิดต่างขั้วกัน แต่เราจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้! ให้ข้าได้ร่วมมือด้วยคน!

ยอร์น่า: …ขอขอบพระคุณที่ช่วยปกป้องเด็กๆ ของข้าน้อยเจ้าค่ะ

คาฟม่า: ――นั่นเป็นหน้าที่ของ [แม่ทัพ] อยู่แล้ว!

ว่าแล้วคาฟม่าก็เริ่มบินล่อการโจมตีของเงาดำเพื่อดึงความสนใจไปจากชาวเมืองและยื้อเวลาสำหรับการอพยพ

ถึงเขาจะยังเป็นชายหัวรั้นไม่เปลี่ยน แต่ยอร์น่าก็รู้สึกว่าถ้าหากสถานการณ์เป็นใจ คาฟม่าก็อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอรักเช่นกัน

――ถึงแม้ว่าอันดับหนึ่งในใจของยอร์น่าจะยังคงเป็นบุคคลเดิมไม่มีวันแปรเปลี่ยนก็ตาม

. ตอนนั้นเองรุยที่เงียบไปสักพักส่งเสียงโหวกเหวกแล้วชี้นิ้วไปยังใครบางคนด้านล่าง พอเข้าใจว่ารุยชี้หาใคร ยอร์น่าก็กระโดดไต่ซากปรักหักพังเพื่อลงไปพบคนๆ นั้น

ยอร์น่า: คิดไว้แล้วว่า [ใต้เท้า] จะต้องมาหาเจ้าค่ะ

วินเซนต์: หึ

บุคคลที่ยืนรออยู่คือชายผมดำผู้สวมหน้ากากอสูรปิดบังใบหน้า แต่ยอร์น่าก็ทราบดีว่าเขาคนนี้คือใคร

รุยลงจากอ้อมแขนของยอร์น่าเพื่อไปดึงแขนเสื้อของชายสวมหน้ากากพร้อมชี้นิ้วไปยังซากปราสาท

รุย: อูอาอู!

วินเซนต์: ไม่ต้องบอกก็รู้ เดิมทีก็เห็นต่างกับเจ้านั่นว่าจะเอายังไงกับแกดีนั่นแหละ กล้าดียังไงมาเสนอหน้าต่อหน้าชั้น?

รุย: อู~! อู!

วินเซนต์: จะยอมเชื่อฟังคำสั่งของชั้นงั้นหรือ? เช่นนั้นก็ขอนับรวมแกเข้าไปด้วย

พอได้ยินคำตอบนั้น สุดท้ายรุยก็ยอมหยุดการประท้วง

. วินเซนต์ยืนยันกับยอร์น่าว่าเขาไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าได้ถึงการปรากฏตัวของเงาดำ และกำชับไม่ให้ยอร์น่าเรียกเขาว่า “ใต้เท้า” อีก

ยอร์น่าสงสัยว่าวินเซนต์ทราบความต้องการของเธอได้อย่างไร แต่วินเซนต์ก็ปฏิเสธจะให้คำตอบจนกว่า “คนส่งสาร” ของเขาจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย

ยอร์น่า: ใต้เท้าควรจะถูกพวกเด็กผู้ส่งสารตำหนิสักครั้งนะเจ้าคะ

วินเซนต์: หลังจากที่ทุกอย่างจบลงก่อนก็แล้วกัน ยอร์น่า มิชิกุเระ จงทำตามบัญชาจากชั้นซะ

ยอร์น่า: ――ถ้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ข้าน้อยก็คงต้องน้อมรับบัญชาเจ้าค่ะ

เพื่อที่จะปกป้องนครมารเคออสเฟลมและชาวเมืองเอาไว้ ยอร์น่าจำเป็นต้องพึ่งพาจักรพรรดิผู้ปราดเปรื่องที่สามารถปกครองประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้

ยอร์น่า: แล้วคิดจะทำอย่างไรต่อกันรึเจ้าคะ?

วินเซนต์: เราจะทิ้งเมืองและต่อสู้เพื่อถอยทัพ นครมารมิอาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่จะถูกเจ้าเงานั่นกลืนกินได้

จบตอน