ยอร์น่ากับวินเซนต์ความเห็นไม่ตรงกัน ในฐานะเจ้าเมือง ยอร์น่าไม่อาจทอดทิ้งเมืองเคออสเฟลมที่เป็นที่อยู่อาศัยของอมนุษย์ผู้ถูกขับไล่ได้
ยอร์น่า: ท่านมองว่าเจ้าสิ่งนั้นอันตรายถึงขนาดต้องถอยทัพหนีอย่างเดียวเลยงั้นหรือเจ้าคะ? เจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่เจ้าคะ?
วินเซนต์: [มหาภัยพิบัติ]
ยอร์น่า: มหา…ภัยพิบัติ? มันคืออะไรงั้นหรือเจ้าคะ?
วินเซนต์: สิ่งที่เป็นภัยต่อการมีอยู่ของจักรวรรดิและนำมาซึ่งการทำลายล้างที่แสงตะวันมิอาจสาดส่องถึง …[นักอ่านดารา] เคยทำนายไว้เช่นนั้น ตอนที่ได้ยินครั้งแรกก็นึกว่าเป็นแค่การกล่าวเกินจริง
. ยอร์น่ากับวินเซนต์มัวแต่ถกกันว่าควรเชื่อคำพูดของนักอ่านดาราหรือไม่ รุยเลยโวยวายเพราะสุบารุยังติดอยู่ข้างใน “มหาภัยภิบัติ” ที่ว่าอยู่เลย
วินเซนต์: ถ้าแกอยู่กับเด็กคนนี้ แสดงว่าน่าจะมีเด็กผมดำอีกคนอยู่ด้วย เจ้านั่นหายไปไหนแล้ว?
ยอร์น่า: ――เจ้าหนูคนนั้นหรือเจ้าคะ…
ยอร์น่าพูดต่อไม่ออก เนื่องจากเธอมากับตาว่า [มหาภัยพิบัติ] ผุดออกมาจากตัวเด็กคนนั้น ซึ่งความเงียบของยอร์น่าก็เป็นคำตอบที่แน่ชัดพอสำหรับวินเซนต์แล้ว
วินเซนต์: เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
. สุดท้ายวินเซนต์ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจเรื่องการทิ้งเมือง รุยที่หมดความอดทนจึงใช้ฝ่ามือกระทุ้งท้องเขาจนจุก
จากนั้นรุยก็วาร์ปรัวๆ ไปทางเงาดำซึ่งมีคาฟม่ากำลังพยายามรับมืออยู่ แต่แน่นอนว่ารุยก็ไม่ได้มีไพ่ตายอะไรไว้รับมือมหาภัยพิบัติ
ยอร์น่า: ถ้าเป็นเพลิงแห่ง [ดาบแสงตะวัน] ล่ะ พอที่จะแก้ทางมันได้หรือเปล่าเจ้าคะ?
วินเซนต์: …
ยอร์น่า: นายท่าน!
วินเซนต์: ――เอาออกมาใช้ไม่ได้หรอก
ยอร์น่า: เอา “ดาบแสงตะวัน” ออกมาใช้ไม่ได้เหรอ… จะให้ยอมรับเรื่องนั้นได้อย่างไรกัน?
วินเซนต์: …
ยอร์น่า: ตอบมาสิเจ้าคะ วินเซนต์ วอลลาเคีย! นายท่านน่ะ… ท่านน่ะเป็นองค์จักรพรรดิของจักรวรรดิแห่งนี้ นั่นเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำมิใช่หรือเจ้าคะ! ท่านน่ะ…ถ้าหากว่าท่านเป็นจักรพรรดิล่ะก็…!
วินเซนต์: …ใช้ [ดาบแสงตะวัน] ไม่ได้
ยอร์น่ากระชากคอเสื้อของวินเซนต์แล้วแยกเขี้ยวพร้อมฉีกกระชากลำคอของชายตรงหน้า แต่วินเซนต์ก็ยังคงจ้องตาเธอกลับได้อย่างไม่เกรงกลัว
วินเซนต์: เมื่อไหร่จะเข้าใจเสียที ยอร์น่า มิชิกุเระ ――จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน “วินเซนต์ วอลลาเคีย” น่ะต่างออกไปจากจักรพรรดิคนที่แกวาดฝันไว้ ชั้นคนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรให้ทำตัวตามอุดมคติของแก
. ยอร์น่ายอมปล่อยมือจากคอเสื้อของวินเซนต์ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้แค่นี้ นครมารเคออสเฟลมคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ
ยอร์น่าจึงล้วงหน้าอกเพื่อหยิบกล้องยาสูบออกมาพ่นควันสีม่วงปกคลุมน่านฟ้า กลุ่มควันกระจายตัวออกและลอยลงมาบนฝ่ามือของเหล่าชาวเมือง
ยอร์น่า: ――เหล่าผู้ที่รักข้าน้อย
ทันทีที่ยอร์น่ากระซิบออกมา ความตั้งใจของเธอก็ถูกส่งผ่านไปยังชาวเมือง พวกเขาทำการยัดควันเข้าปากทันที
ยอร์น่า: ――เหล่าผู้ที่ข้าน้อยรัก
ดวงตาของชาวเมืองที่รับเอาความรักของยอร์น่าไปเริ่มลุกเป็นไฟ เสียงฝีเท้าเริ่มดังกระหึ่ม ตามมาด้วยเสียงกู่ร้องของชาวเมืองที่พร้อมออกศึก
ยอร์น่า: นครแห่งนี้ “เคออสเฟลม” น่ะยังมิได้พ่ายแพ้ ――ข้าน้อยกับท่านทั้งหลายคงต้องขอให้อาคันตุกะผู้มารยาททรามกลับไปเสีย
เมื่อเหล่าบริวารที่รักมารวมตัวกันพร้อมหน้า ยอร์น่าก็กระโจนตัวออกไป มุ่งหน้าไปยังเงาดำมหาภัยพิบัติที่กลืนกินทุกสิ่ง
ยอร์น่า: ――[สีมั่งคั่ง] ยอร์น่า มิชิกุเระ จะขอเป็นคู่ต่อสู้ของแกเองเจ้าค่ะ
. ยอร์น่าและชาวเมืองเคออสเฟลมเข้าต่อสู้กับเงาดำด้วยการเขวี้ยงซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้างเข้าใส่ โดยมีคาฟม่าช่วยสนับสนุนด้วยเถาวัลย์จากแมลงในร่าง
วินเซนต์ที่มองดูสถานการณ์อยู่จากที่ไกลสังเกตเห็นว่าการต่อต้านไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ดูจะช่วยชะลอการรุกคืบของเงาดำเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ
กระนั้นการต่อต้านของเจ้าเมืองก็ทำได้เพียงแค่ยื้อเวลา ถ้าหากปล่อยไว้ สุดท้ายมหาภัยพิบัติก็จะทำลายทั้งจักรวรรดิอยู่ดี
วินเซนต์กัดฟันและนึกถึงใบหน้าบุคคลที่ทำนายการปรากฏตัวของมหาภัยพิบัติได้ล่วงหน้าและรำพึงว่าคนๆนั้นอาจจะเป็นลูกสมุนของ [ผู้สังเกตการณ์]
(น่าจะหมายถึงอูบิรูค)
ในระหว่างที่วินเซนต์กำลังไตร่ตรองถึง [นัตสึกิ สุบารุ] ซึ่งอยู่ในสถานะคล้ายๆ กัน มีเดียมกับทาริตต้าก็ตามมาสมทบพอดี
. ทาริตต้า: [มหาภัยพิบัติ] มันกำลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ…?
มีเดียม: เอ๋ ปล่อยเจ้านั่นเอาไว้จะดีเหรอ!? อาเบลจิน ทำยังไงดีล่ะ!
วินเซนต์: ก่อนที่ชั้นจะทำอะไร แกนั่นแหละที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ ทาริตต้า
ทาริตต้า: เอ๋…
วินเซนต์: ทาริตต้า แกเรียกเจ้าสิ่งนั้นว่าอะไรนะ?
ทาริตต้า: พะ…พูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะ…
วินเซนต์: เมื่อกี้แกเรียกมันว่า [มหาภัยพิบัติ] ไปรู้จักนามนั้นมาจากที่ใดกัน?
. มีเดียมสงสัยว่า [มหาภัยพิบัติ] ที่ทั้งสองคนพูดถึงคืออะไร ซึ่งเป็นรีแอคชั่นที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีใครเห็นเงาดำแล้วตั้งชื่อมันว่า “มหาภัยพิบัติ” ทันทีหรอก
วินเซนต์: ดวงดาราได้สอนวิธีการหลีกเลี่ยงวิบัติไว้ด้วยหรือเปล่าล่ะ?
ทาริตต้า: อึก! ดะ…เดี๋ยวก่อนสิคะ ฉันน่ะ…! ฉันน่ะ…
ทาริตต้าหน้าซีดเผือดและเริ่มพูดตะกุกตะกักโดยเฉียบพลัน เธอหลงนึกว่าจะเก็บซ่อนความลับนี้ไว้ได้ตลอดไป
วินเซนต์: เจ้าคนเขลา ――ทาริตต้า ในเมื่อแกรู้เรื่อง [มหาภัยพิบัติ] อยู่แล้ว นึกเสียใจบ้างหรือเปล่า?
มีเดียม: เสียใจ? นึกเสียใจอะไร… อาเบลจิน! พูดถึงอะไรอยู่!? ทาริตต้าจังไปทำอะไรไว้…
วินเซนต์: จะเรื่องอะไรเสียอีก ――ก็ที่พลาดพลั้งในการพยายามสังหารชั้นในป่าด้วยลูกศรยังไงล่ะ
ทาริตต้า: ――อา
วินเซนต์: หรือว่าตอนนี้คิดจะทำตามลิขิตสวรรค์กันล่ะ “นักล่าแห่งป่าลึก”? ไม่สิ ควรเรียกแบบนี้มากกว่า ――[นักอ่านดารา] คนใหม่ ผู้ได้รับลิขิตสวรรค์ในการหยุดยั้ง [มหาภัยพิบัติ] เอ๋ย
. ตัดมาทางอีกฝั่ง
อัล: ฮือ ฮืออ ฮือออออ!
แรงสั่นสะเทือนราวกับวันสิ้นโลกทำให้อัลเดบารันพยายามที่จะปิดหูไม่อยากรับรู้ แต่เขาก็มีแขนเพียงข้างเดียว ไม่พอปิดสองหู
อัล: ทะ…ทำไมกัน… ทำไมถึงต้องเป็นที่นี่…
อัลสาปแช่งผลลัพธ์ที่ลงเอยเช่นนี้ เหมือนพวกขี้แพ้ชวนตีที่ไม่ยอมรับผลการแข่งขันหลังจบเกม
เขานึกว่าตัวเองเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้น ――ไม่สิ เขาไม่ได้เตรียมใจไว้เลย เอาแต่บ่ายหน้าหนี มองแบบโลกสวยว่ามันคงไม่เกิดขึ้น
การช่วยเหลือ [นัตสึกิ สุบารุ] ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นสูงอยู่แล้ว อัลทราบเรื่องนั้นดี
ถ้าหากอัลเลือกช่วยเหลือคนอื่นที่ไม่ใช่นัตสึกิ สุบารุ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่เขาจะอดใจไม่ได้ อัลไม่อาจทอดทิ้งสุบารุที่ตกอยู่ในสภาพใจสลายไว้อย่างเดียวดาย
เพราะงั้นมันถึงได้จำเป็น เพราะงั้น――
โอลบาร์ต: โอ้ ก็ว่าใครมาร้องห่มร้องไห้แถวนี้ เจ้าเองงั้นรึ?
อัล: อึก!?
โอลบาร์ต: ให้ตายซี่ ต้องมาเสียแขนขวาที่อยู่ด้วยกันมาตั้ง 90 ปีไปต่อหน้าต่อตา งานเข้าแท้เน้อ หลังจากนี้ไป จะปั้นเฮียวโรกัน(อาหารสนาม)ยังไงดีล่ะน้อ คั่กคั่กคั่กคั่ก!
[โอลบาร์ต ดันคลูเคน] ผู้เหลือแขนอยู่เพียงข้างเดียวโบกแขนขวาที่กุดไปมาและหัวเราะชอบใจ
จบตอน